จนกระทั่งพลบค่ำ จุดชีพจรคลายออกเองฉู่เชียนหลีที่คงท่าเดิมไว้สามชั่วยามเต็มเหนื่อยจนอ่อนล้า พริบตาที่สามารถขยับตัว ร่างกายเหมือนถูกสูบแรงทั้งหมดออกไป นางนอนคว่ำลงบนเตียงอย่างอ่อนปวกเปียก น้ำตาหลั่งไหลออกมาทันทีหลั่งน้ำตาดั่งสายน้ำพลันก็เริ่มร้องเพลงด้วยความเสียใจ“หักหลังความรักของฉัน เธอเป็นหนี้ทางจิตสำนึก ท้ายที่สุดฉันที่ถูกรังแกอย่างน่าสังเวช น้ำตาก็ไหลรินลงมา…”เยว่เอ๋อร์กุมปากอย่างปวดใจ เบ้าตาแดงก่ำพระชายาที่น่าสงสาร…ท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ฉู่เชียนหลีที่เรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น กินข้าวหมดไปห้าชามในอึดใจเดียว จึงจะรู้สึกว่าพลังชีวิตกลับมาเล็กน้อย นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ พลางลูบปานบนใบหน้า ครุ่นคิดว่ายังเหลือกระสายยาชนิดสุดท้าย :หญ้าเหมันต์ขอแค่หาหญ้าชนิดนี้เจอ ก็สามารถแก้พิษแต่หญ้าชนิดนี้เติบโตในสถานที่หนาวมาก ท่ามกลางหิมะน้ำแข็ง สามารถค้นพบแต่เก็บไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถออกห่างจากหิมะ เมื่อไรที่ถูกถอนออกมา ไม่เกินสองชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็จะสูญเสียสรรพคุณ เป็นของที่หายากมากนี่เป็นปัญหาที่ยากมากเยว่เอ๋อร
จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่จัดงานเลี้ยงวันเกิด เชิญขุนนางในราชสำนัก มิตรสหาย และรวมถึงบุคคลที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จะว่าแขกเยอะก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย และนับว่าจัดได้ค่อนข้างมีระดับแขกเดินขวักไขว่ บ่าวไพร่งานยุ่ง จับกลุ่มคุยกันจุดละสองสามคน ก็นับว่าคึกคัก“พระชายาอ๋องเฉินถึงแล้ว…”ในอากาศ หลังจากเสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น แทบทุกคนหันไปมองข้างนอกโดยไม่ได้นัดหมายภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายสิบคู่ ตรงประตู รองเท้าปักลายดอกไม้คู่หนึ่งก้าวเข้ามา จากนั้นก็ตามมาด้วยร่างที่เพรียวบางของหญิงสาว สายตามองขึ้นข้างบน ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีดำที่มีชีวิตชีวาคู่หนึ่งชุดสีขาวหนุนเสริมกลิ่นอายของความสะอาดและบริสุทธิ์ ภายใต้การสะท้อนของแสงเทียน โครงหน้าผอมบางปรากฏให้เห็นอย่างเลือนลาน ปานถูกปกปิดไร้รอยรั่ว เส้นผมสามพันเส้นถูกรวบขึ้นอย่างสบายๆ หญิงสาวก้าวเข้าไปอย่างสุขุมสง่างาม ท่าทางสบายๆ นั้นเหมือนแมวเปอร์เซียที่ผ่อนคลาย ทำให้ตรงหน้าทุกคนเปล่งประกายนี่…ผู้หญิงที่มีราศีเปล่งปลั่งคนนี้เป็นหญิงอัปลักษณ์ของตระกูลฉู่? เป็นพระชายาอ๋องเฉินที่ไม่ได้รับความโปรดปราน?
ในงานเลี้ยง มีแขกไม่น้อย ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย จีบชา กินแตงโม นับว่าค่อนข้างสบายจุดที่ไม่ไกลออกไป มีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ และกระซิบพูดอะไรบางอย่าง“นางแต่งไปสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยได้รับความโปรดปราน ยังมีหน้ากลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อีก”“หากข้าให้กำเนิดลูกสาวเช่นนี้ แม้แต่ข้าก็รู้สึกอับอาย อยากตัดความสัมพันธ์เสียเดี๋ยวนี้…”“แต่ว่า…”ประโยคที่กระซิบกระซาบบางคำเข้าหูฉู่เชียนหลี สีหน้าของนางเฉยเมย ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้ามากนัก ควรจะทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้นแต่เยว่เอ๋อร์ร้อนใจเล็กน้อยแล้ว “พระชายา…”ฉู่เชียนหลี “ดื่มชา”หากต้องถือสาคำพูดของทุกคน จะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือ?ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่คนเหล่านี้พูดล้วนเป็นความจริงนอกเรือน ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าหลายสายดังขึ้น สายตาของทุกคนทยอยหันไปมอง คนที่ลุกขึ้นก็ลุกขึ้น คนที่ก้าวออกไปก้าวออกไป ทำให้เกิดความฮือฮาไม่น้อยฉู่เชียนหลีก็หันไปมองเช่นกันเป็นหญิงสาวชุดแดงคนหนึ่ง พริบตาที่นางปรากฏตัว ราวกับดวงดาวและดวงจันทร์สาดส่องแสง ใบหน้าที่งดงามเชิดขึ้นอย่างมั่นใจ ร่างสูงเอวบาง ระหว่างคิ้วมีกลิ่นอายของความสูงศักดิ์
ฉู่เชียนหลีเปิดฝาถ้วยออก เป่าความร้อนตามขอบถ้วย แล้วจิบอย่างสบายๆ หนึ่งที จึงจะค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น เหมือนผู้สูงวัยน้อยที่ขี้เกียจ พลันกล่าวอย่างเกียจคร้าน“ฮืม ที่แท้เป็นพี่รองกับคุณชายหานนี่เอง”สายตาของหานมู่ซีมองนางอย่างลึกซึ้งไม่ได้เจอกันนาน…เมื่อก่อน นางเรียกเขาว่าพี่มู่ซี…“พี่มู่ซี” ฉู่ซวงควงแขนชายหนุ่ม กล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “รีบนำบัตรเชิญออกมาให้น้องหญิงสี่สิ”หานมู่ซีหลุบตาหลบโดยไม่รู้ตัวแต่ฉู่ซวงได้ล้วงบัตรเชิญออกจากแขนเสื้อของชายหนุ่มอย่างมือว่องตาไวแล้ว นางยื่นให้ฉู่เชียนหลี ยิ้มดั่งดอกไม้“น้องสี่ รอพี่มู่ซีสอบเสร็จ ก็เป็นวันมงคลของพวกเรา ถึงเวลาเจ้าต้องมานะ มากับท่านอ๋องเฉิน”รอยยิ้มนั้นหวาน คำพูดที่พูดออกมากลับเหมือนมีดที่แหลมคมสองเล่มมีดเล่มแรก นางแย่งคู่รักที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กของฉู่เชียนหลี และยังมาอวดต่อหน้าฉู่เชียนหลีมีดเล่มที่สอง เน้นย้ำเรื่องที่หลังจากฉู่เชียนหลีแต่งงานกับอ๋องเฉิน ไม่เคยได้รับความโปรดปรานหากเป็น ‘ฉู่เชียนหลี’ คนก่อน เห็นภาพนี้กับตาตนเอง ต้องโมโหจนตายทั้งเป็นแน่แต่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในตอนนี้ไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’ ในวันวาน นางในวันนี
หานมู่ซีจับสองมือของฉู่เชียนหลีไว้ พยายามอธิบายเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ ราวกับกลัวฉู่เชียนหลีเข้าใจผิดฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่ให้ค่าผู้ชายเช่นนี้มากที่สุด กินข้าวในชาม มองข้างในหม้อ โลภมากต้องการทุกอย่าง จับปลาสองมือนางสะบัดมือของเขาออกอย่างขยะแขยง “คุณชายหาน ข้าเป็นชายาอ๋องเฉินแล้ว ต้องให้ข้าพูดรอบที่สามหรือไม่?” เสียงที่เฉยเมย ดึงระยะห่างของทั้งสองออกจากกันหานมู่ซีมองนางอย่างตะลึงงันรู้สึกไม่รู้จักนางกะทันหัน…“เสียวฉู่ เจ้าลืมสัญญาของเราแล้วหรือ…”หลายปีมานี้ ระหว่างทั้งสองมีความรักต่อกันจริงหานมู่ซีในฐานะทายาทสายตรงของตระกูลหาน แต่กลับไปหลงรักฉู่เชียนหลีที่อัปลักษณ์ไร้ความงาม ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดหรือดูถูกเขาอย่างไร เขาก็เดินหน้าต่ออย่างไม่ลังเลปกป้องนาง ดูแลนาง เข้าข้างนาง…ฉู่เชียนหลีก็จมอยู่ในความอ่อนโยนของเขาเช่นกันแต่พ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริงเขาทอดทิ้งนาง แต่งงานกับฉู่ซวง เขาเป็นคนทำลายสัญญาก่อน“เรื่องในอดีตผ่านไปแล้ว ไม่ต้องสาวความอีก ข้าไม่อยากพูดถึงอีก ต่อไปต่างคนต่างอยู่ หวังว่าคุณชายหานจะให้เกียรติตัวเองด้วย” ฉู่เชียนหลีพูดจบอย่างเย็นชา ก็หมุนกาย
“?”พ่อตา?เขายอมรับว่าตนเองเป็นลูกเขยของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ และยอมรับสถานะชายาอ๋องเฉินของนางแล้ว?สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม?ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน มองเฟิงเย่เสวียนด้วยความประหลาดใจ ปากกลายเป็นรูปตัว ‘O’ แทบสามารถกลืนไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง“เก็บสายตาที่เลื่อมใสของเจ้าเสีย”“...”นี่เป็นสายตาของคนเจอผีย่ะ ขอบใจ“แค่มางานเลี้ยงกับเจ้าก็ดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว?” เขาล้อเลียนเสียงเบา “คล้องแขนข้าไว้”“?”ดีใจ?ฉู่เชียนหลี อึ้งเฟิงเย่เสวียนจับมือของนางสอดเข้าไปในหว่างแขนของตนเอง แล้วพานางไปยังห้องโถงหน้าเมื่อบรรดาแขกเหรื่อที่กำลังสนทนาอย่างยิ้มแย้มเห็นอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินควงแขนกันเข้ามา ทันใดนั้น คำพูดที่อยู่ปลายลิ้นหยุดชะงัก แต่ละคนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ รู้สึกเหลือเชื่อมากนี่…นี่เป็นเรื่องจริง?ไหนว่าหลังจากอ๋องเฉินแต่งงานกับฉู่เชียนหลี สามเดือนกว่าไม่เคยสนใจนาง กระทั่งเข้าห้องหอก็ยังไม่สมบูรณ์ไม่ใช่หรือ?ไหนว่าข้างกายอ๋องเฉินมีพระชายารองเซียวที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กและติดตามเขามาสิบกว่าปี และโปรดปรานพระชายารองเซียวเพีย
“จ๋า” นางอันยิ้มตาหยีขานรับ ก้าวออกมาจับมือฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม“เจ้าเด็กคนนี้ ดีกับอ๋องเฉินเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดจึงไม่บอกแม่? พูดกับแม่ยังอายหรือ?”นางพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เมตตาแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จิตใต้สำนึกของฉู่เชียนหลีไม่อยากใกล้ชิดกับนางมากเกินไปคิ้วบางของฉู่เชียนหลีขมวดนิดๆ ชักมือออกอย่างเงียบๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว “นี่ก็ดึกแล้ว อ๋องเฉินยังรอข้าที่ห้องโถงหน้า ข้าควรไปแล้ว”“เวลาแค่นี้ไม่ต้องรีบร้อน” นางอันยิ้มแย้ม“เสียวฉู่ เจ้าได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน ต้องพูดถึงพี่หญิงของเจ้าให้มากนะ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านโหวน้อยกับอ๋องเฉินดีทีเดียว หรือองค์รัชทายาทก็ได้”นางกล่าวกำชับ “เจียวเจียวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าต้องพาเจียวเจียวเข้าราชวงศ์ให้ได้ พวกเจ้าสองพี่น้องจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นสามส่วนทุกครั้งที่นางอันมาหานาง ไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินก็เพราะฉู่เจียวเจียว ล้วนเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้นในตัวนางอัน นางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความรักของมารดาแม้แต่เสี้ยวเดียวทันใดนั้น นางกล่าว“ท่านแม่ ท่านไม่รู้ ลูกต้องใช้ความพยายามอย่างห
วันรุ่งขึ้นในตอนเช้า หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ฉู่เชียนหลีสวมผ้าคลุมหน้าก็ออกไปแล้วบนถนนใหญ่ เจริญรุ่งเรือง เสียงครึกโครม ผู้คนพลุกพล่าน ทุกที่เต็มไปด้วยฉากที่คึกคักนางเจอร้านยาแห่งหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปเด็กขายยาที่กำลังจัดเรียงสมุนไพรเห็นมีแขกก็เดินเข้าไปกล่าวถามทันที“คุณหนูท่านนี้ ไม่ทราบว่าจะหาหมอหรือซื้อยาขอรับ?”ฉู่เชียนหลีกวาดมองโรงหมอแวบหนึ่ง มีสมุนไพรจำนวนมากถูกจัดวางไว้บนชั้นวาง มีทั้งแห้ง สด ทั่วไป หายาก ล้ำค่า…มีครบทุกอย่างนางกล่าวถามด้วยความคิดที่จะลองเสี่ยงโชค“ที่นี่มีหญ้าเหมันต์หรือไม่?”เด็กขายยาตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มแห้งๆ “คุณหนู ในเมื่อท่านต้องการซื้อหญ้าเหมันต์ ก็ควรจะรู้เงื่อนไขที่สูงมากของหญ้าเหมันต์กระมัง?”หญ้าชนิดนี้ไม่สามารถออกห่างจากพื้นหิมะ เมื่อไรที่แยกจากกัน หลังหนึ่งชั่วยามก็จะเหี่ยวเฉา เมื่อเหี่ยวเฉาก็สูญเสียสรรพคุณยาสภาพอากาศของแคว้นตงหลิงอบอุ่นตลอดปี สี่ฤดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิ โดยพื้นฐานไม่มีหญ้าเหมันต์“คุณหนู หากท่านต้องการหญ้าเหมันต์มากจริงๆ ไม่สู้ไปแคว้นเป่ยหนิงที่อยู่ทางตอนเหนือสุด แคว้นเป่ยหนิงถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ อุ
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ
เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ
ฉู่เจียวเจียวได้ยินคำนี้ แค่อยากหัวเราะดังๆนี่มันเวลาไหนแล้ว นางกำนัลตัวน้อยๆ คนหนึ่งก็กล้าขวางนาง?“ข้าอยากให้ใครตาย คนคนนั้นก็ต้องตาย ข้าอยากฆ่าเจ้า ก็ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”มดตัวน้อยๆ ยังกล้ากระโดดออกมาเรียกร้องความสนใจ?น่าขำ!ขันทีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้มือคว้าคอของไฉ่เซียไว้“อ่า!”ออกแรงบีบ!ไฉ่เซียหายใจไม่ออก หน้าแดงก่ำ ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด“คนอย่างเจ้าก็กล้าออกหน้าแทนฉู่เชียนหลี? รนหาที่ตาย นี่ก็คือจุดจบของเจ้า!” ฉู่เจียวเจียวมองอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วพลันยกเขาถีบขันทีคนนั้นจนหน้าหงาย“แค่ก…แค่กๆ…” ไฉ่เซียล้มลงพื้นอย่างเจ็บปวด หอบหายใจและน้ำตาคลอเบ้า“กลับไป” ฉู่เชียนหลีหลุบตาไฉ่เซียพักหายใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น จับชายกระโปรงของฉู่เชียนหลี “บ่าวไม่ไป”นางรับใช้แม่นางฉู่ครึ่งปี แม่นางฉู่ดีกับนางมาก และนางก็ชอบจื่อเยี่ยน้อยมาก มีความผูกพันต่อกัน“ฝ่าบาทเคยสั่งไว้ ต้องดูแลท่านให้ดี บ่าวจะปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?”เขาหอยหายใจ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ“ฮองเฮา ท่านขัดเจตนาของฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทกลับมา ต้องลงโทษท่านแน่”ฉู่เจียวเจียวโกรธทันทีนา
ข้าเกือบจะจมอยู่ในโลกของเจ้าแล้ว รักเจ้า ปกป้องเจ้า ตามใจเจ้า ในใจในสายตาล้วนมีแต่เจ้าสุดท้ายแล้วกลับบอกเขาว่า นี่เป็นเพียงแผนลวงฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นเด็กดื้อจริงๆการอยู่ด้วยกันที่ยาวนานถึงครึ่งปี ข้าทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่าง เจ้าไม่รู้สึกซาบซึ้งเลยหรือ? ไม่มีความผูกพันเลยหรือ?ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็ควรจะกุมจนอุ่นนานแล้วต่อให้เป็นน้ำแข็ง ก็ควรกุมจนละลายนานแล้วหัวใจของเจ้าทำด้วยอะไร?เหตุใดจึงแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน เย็นยิ่งกว่าหิมะน้ำแข็ง แต่ข้า…กลับรักเจ้าองครักษ์ลับคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวาย หัวใจกระสับกระส่าย หางตากวาดมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง และกล่าวอย่างระมัดระวัง“นายท่านวางใจได้ ผู้บัญชาการจางจับตัวไว้แล้ว”อาศัยแค่แม่นางฉู่คนเดียว และเด็กอายุครึ่งขวบคนหนึ่ง ต่อให้ติดปีกก็ยากจะหนีออกจากเมืองหลวงเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ หลุบตา เสียงที่เฉยเมยฟังอารมณ์ไม่ออก“อย่าทำร้ายนาง”“ขอรับ…”เวลานี้แล้ว นายท่านยังห่วงความปลอดภัยของแม่นางฉู่เฮ้อตั้งแต่อดีตรักมากก็เจ็บมากองครักษ์ลับรับคำสั่ง ขี่ม้าเร็วกลับเมืองหลวง เวลาเดียวกัน ทหารส่งสารของเมืองเทียนสู่ก็ส่งจดหมายมา“รายงา
ฉู่เจียวเจียวกุมมือที่มีเลือดไหล เจ็บจนโกรธแล้ว ประกอบกับไฟโทสะที่อยู่เต็มอก ระเบิดออกมาโดยตรง“ความโชคร้ายของข้าล้วนเกิดจากเจ้า!”ฉู่เชียนหลีกล่าวเสียงเย็น“ข้าไม่เคยชอบเฟิงเจิ้งหลี และไม่เคยคิดจะแย่งผู้ชายกับเจ้า เจ้าเป็นคนยืนกรานว่าเป็นข้า เจ้าเป็นคนคาดเดาว่าเป็นข้าอย่างไร้เหตุผล เจ้าแต่งงานกับเขา และยังให้กำเนิดลูกสาวของเขาหนึ่งคน เป็นเจ้าที่ไม่รู้จักดูแลครอบครัวนี้ จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้”“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”คนสองคนอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานคืออาศัยการดูแลซึ่งกันและกันไม่ได้พยายามอะไรเลย ก็อยากได้มา?ใต้ฟ้าไม่มีเรื่องที่ดีเช่นนี้“ไม่! เจ้านั่นแหละ!” ฉู่เจียวเจียวกรีดร้อง น้ำตาทะลักออกมาอย่างไม่สามารถควบคุม “ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิต ฝ่าบาทก็ชอบเจ้า ห่วงเจ้า เจ้ายังมีชีวิต ข้าก็ไม่มีวันมีโอกาส”“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า!”“อ๊ะ!”นางร้องไห้อย่างเศร้าโศก“ฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นแค่ลูกสาวชาวนาที่แม่ข้าเก็บมาเลี้ยง ชาติกำเนิดของเจ้าต่ำต้อย ในร่างกายมีเลือดของคนธรรมดาไหลอยู่ ถ้าไม่ใช่แม่ข้ารับเลี้ยงเจ้า เจ้าก็ไม่มีวันกลายเป็นคุณสี่จวนอัครเสนาบดีฉู่ และไม่มีส
แม่คือจุดอ่อนของลูกไม่มีข้อยกเว้นไม่ มีคนหนึ่งที่ยกเว้น ฉู่เจียวเจียวไม่เคยเป็นห่วงลูกสาวของตัวเองเลยฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าเป็นผู้หญิงที่น่าเวทนาจริงๆ”ฉู่เจียวเจียวอึ้งไปครู่หนึ่ง“ในฐานะภรรยา เจ้าไม่ได้ใจของสามี ทำได้เพียงดึงดูดความสนใจด้วยวิธีที่บ้าคลั่งเหมือนคนบ้า”“ในฐานะแม่ เจ้าให้กำเนิดลู่ฉิน กลับไม่เคยเลี้ยงนาง ไม่เคยแยแสนาง เจ้าตั้งครรภ์สิบเดือนคลอดอะไรออกมา? เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าเวทนาและน่าสมเพชเลยหรือ?”ม่านตาฉู่เจียวเจียวหด มีอารมณ์บางอย่างแลบผ่านแววตาอารมณ์เชื่อมโยงกับหัวใจ แน่นหน้าอกฉับพลันนาง…ได้ครอบครองตำแหน่งฮองเฮาแล้วมารดาแห่งแผ่นดินในสายตาของผู้อื่น ความสูงศักดิ์และความสูงส่งของนางทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา แต่ในความเป็นจริง ภายใต้รูปลักษณ์ที่สดใสงดงาม กลับมีจิตวิญญาณที่โดดเดี่ยวและน่าเวทนานางไม่มีครอบครัว…กำหมัดแน่น ไม่แสดงอารมณ์ออกมา กล่าวเสียงแข็ง“คนที่น่าเวทนาคือเจ้า! เจ้ามันก็แค่นักโทษคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน? คืนนี้ เจ้าก็จะตายแล้ว เมื่อเทียบกับว่าข้า ไม่สู้เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า!”เพิ่งสิ้นเสียง ยกมือจับคอที่บอบบางของเฟิงเจิ้งจื่
“พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขันทีขานรับ ล้วงไม้กระบองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา เดินปรี่เข้าไปยกกระบองขึ้นก็ฟาดลงไปอย่างแรงตายซะเถอะ!ฉู่เชียนหลีใช้มือซ้ายอุ้มลูกไว้แน่น เบี่ยงร่างกายหลบ มือขวาคว้าข้อมือของขันทีคนหนึ่ง พลันออกแรงหัก ก็ผลักเขาออก ชนขันทีล้มไปสามคนในเมื่ออย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นนางก็ไม่เกรงใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ โคจรกำลังภายใน ยกมือคว้ากลางอากาศ ก็มีกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งปรากฏในมือชูกระบี่ฟันออกไป ไม้กระบองแตกเป็นเสี่ยงเพียะ!เมื่อกระทบกัน คมกระบี่แตกออกเป็นเศษน้ำแข็ง กระจายกลางอากาศ ระเหยเป็นไอ อากาศที่หนาวเย็นแผ่ออก ทำให้ค่ำคืนที่ไม่ธรรมดานี้ดุเดือดยิ่งขึ้นการเคลื่อนไหวของนางปราดเปรียว รับมือการโจมตีของเหล่าขันทีได้อย่างง่ายดาย ทำเอาพวกเขาไม่สามารถโต้ตอบฉู่เจียวเจียวเห็นแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยฉู่เชียนหลีซ่อนไผ่ตายไว้ด้วย?เป็นวรยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไร?เหตุใดร้ายกาจเช่นนี้?แต่ว่าต่อให้นางมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์ นางคนเดียวจะสู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อให้ผลัดกันเข้าไปสู้กับนาง ก็ต้องทำให้นางเหนื่อยตายทั้งเป็น!นางเหลือบมองนางกำน
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ