“เจ้าไม่อยากรู้ความลับของข้า?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความสงสัย ยังคงไม่อยากเชื่อมากนัก ก่อนและหลังเขาเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนั้นแต่ เฟิงเย่เสวียนเหมือนจู่ๆ ก็หมดความสนใจ ไม่ถามเกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียว“ไม่อยาก”“เจ้าไม่อยากรู้แล้วหรือว่าเพราะอะไรข้าจึงเข้าใกล้อ๋องหลี”“ไม่อยาก”“...”วินาทีก่อน เขาจับคอของนาง บังคับเค้นให้นางพูดตอนนี้ จิตใจบริสุทธิ์ไร้ความปรารถนาเหมือนพระภิกษุที่ออกบวช ประสาทสัมผัสทั้งหกสงบ ไม่สนใจเรื่องในทางโลกผู้ชายกากเดนเปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือถุย!ฉู่เชียนหลีเบือนหน้า ขยับไปนั่งอีกด้าน เฟิงเย่เสวียนยกหางตาขึ้นด้วยความสนใจ เหลือบมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งนังหนูน้อยข้ารู้ความลับทั้งหมดของเจ้าแล้ว…“กางเกงชั้นในลายลูกไม้สีแดงของเจ้าสวยมาก”“?”โรคจิต!กลับถึงจวนอ๋องฉู่เชียนหลีมั่นใจว่าเมื่อคืนก่อนนอนตนเองได้ลงกลอนประตูแล้ว ยิ่งกว่านั้นปิดหน้าต่างด้วย นางคิดจนศีรษะแทบระเบิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เฟิงเย่เสวียนรู้สีกางเกงชั้นในของนางได้อย่างไรตาวิเศษ?เปิดโปรเหมือนกับนาง?น่าแปลกเยว่เอ๋อร์ถือกะละมังน้ำร้อนเข้ามา กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “พระชา
เฟิงเย่เสวียนห่มผ้าให้นาง ดับไฟเทียน ก็ออกไปแล้วฉู่เชียนหลีกลับนอนอยู่ในผ้าห่ม ขดตัวนอนตะแคง กัดริมฝีปากล่างเบาๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ความรู้สึกเช่นนั้นก็เหมือนกับผิวน้ำที่ถูกลมพัดจนย่น คลื่นน้ำที่กระจายออกไปไม่สามารถสงบเป็นเวลานานเขารุกถอยได้อย่างเหมาะสม เหมือนรู้ว่าควรล่วงล้ำถึงขั้นใด ไม่ได้ทำให้นางรังเกียจ แต่กลับทำให้ใจนางเริ่มหวั่นไหวแทนความรู้สึกเช่นนี้มันช่าง…ในใจเหมือนมีขนนกมาจักจี้ คันจนอึดอัด อยากเกาแต่กลับเกาไม่ถึงบ้าจริง!นางพลิกตัว ดึงผ้าห่ม อดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดอีกครั้งคิดจนหัวใจกระวนกระวาย ด้วยเหตุนี้จึงพลิกตัวอีกครั้งพลิกไปพลิกมาไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร จู่ๆ ก็มาถึงดินแดนในอุดมคติแห่งหนึ่ง ระหว่างหุบเขา ต้นท้อขนาดใหญ่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ในมหาสมุทรสีชมพู เฟิงเย่เสวียนในชุดผาวสีหมึกนั่งพิงต้นไม้อย่างเกียจคร้าน พับขาข้างหนึ่งขึ้นอย่างขี้เกียจ ปลายนิ้วเกี่ยวกาเหล้าหยกขาวใบหนึ่งสายลมพัดอย่างแผ่วเบา กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนร่วงลอยไปตามสายลม สวยงามเกินคำบรรยายเขายกฝ่ามือที่เห็นข้อต่อชัดเจนขึ้น ยื่นไปทางนาง ยิ้มอย่างรักใคร่‘เชียนหลี มานี่’นา
จวนอ๋องเฉิน“เป็นไปไม่ได้!”หลังจากฉู่เชียนหลีฟังคำพูดหานเฟิงจบ ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลทันที “เฟิงเย่เสวียนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้!”รัชทายาทล่วงเกินอ๋องเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า เขากลับเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง อดทนมาโดยตลอดหากเขาต้องการทำร้ายรัชทายาท ลงมือนานแล้ว ไม่มีทางรอจนถึงตอนนี้หานเฟิงร้อนใจมาก “พระชายา ต่อให้พวกเรารู้นิสัยใจคอของนายท่าน แต่…หลักฐานชัดเจน ข้าเข้าวังไม่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของนายท่านตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว…”“สิ่งสำคัญที่สุดคือพระชายารองเว่ยตายแล้ว ตายไม่สามารถพิสูจน์หลักฐาน”ฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “นางตายแล้ว?”แม่นางคนนั้น?เว่ยซืออี๋ ลูกสาวของใต้เท้าเว่ย คนที่เจอในสวน นิสัยเงียบขรึม ไม่แย่งไม่ชิงกับใคร“ตามรายงาน ตอนที่นางลอบสังหาร ถูกรัชทายาทซัดหนึ่งฝ่ามือ ตายในที่เกิดเหตุทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน บวกกับจวนรัชทายาทมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีหลายอย่างไม่สามารถตรวจสอบ ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จวนรัชทายาท และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ข้า…”“ใจเย็นๆ!”ฉู่เชียนหลีกดไหล่ของนาง สายตาจับจ้องเขา ระหว่างความว่างเปล่า ทำให้จิตใจเขาสงบลง“มี
ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนได้รับรายงาน รีบออกมาต้อนรับทันที“ข้าน้อยคำนับพระชายาอ๋องเฉิน คำนับท่านโหว…”“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! ช่างเถอะ ช่างเถอะ!” หลิงเชียนอี้โบกมืออย่างหมดความอดทน หันไปกล่าวกับชายชราอายุห้าสิบกว่าปี “ท่านน้าเฉินของข้าไม่มีทางส่งพระชายารองเว่ยไปลอบสังหารรัชทายาท เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน และค่อนข้างแปลก ข้าสงสัยว่าในนี้มีเงื่อนงำ อยากดูศพของพระชายารองเว่ย”ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชะงักไปครู่หนึ่งท่านโหวน้อยต้องการดูศพ?เขาไม่ใช่นักชันสูตร จะไปรู้อะไร?เขากวาดมองท่านโหวน้อยด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง เห็นฉู่เชียนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องที่พระชายาอ๋องเฉินมีความรู้ทักษะการแพทย์ เกรงว่าคนที่จะดูศพคือพระชายาอ๋องเฉินกระมังเขาประสานมือ กล่าวอย่างนอบน้อม“ท่านโหวน้อยโปรดให้อภัย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัชทายาท ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าน้อยรับคำสั่งจากฝ่าบาท เก็บศพพระชายารองเว่ยไว้ที่นี่ชั่วคราว ก่อนที่จะมีคำสั่งของฝ่าบาท ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องนางโดยพลการ”ต่อให้ดูเฉยๆ ก็ไม่ได้เขาปฏิเสธตามสูตรเมื่อหลิงเชียนอี้ได้ยินคำพูดนี้ ไม่พอใจแล้ว “ข้าก็แ
ที่ห้องเก็บศพ เกิดไฟไหม้ลุกโชน แสงไฟพวยพุ่งท้องฟ้า เหล่าทหารถือถังน้ำ ทุกคนวิ่งไปวิ่งมา วุ่นวายไปหมด“รีบช่วยดับไฟเร็ว!”“เร็ว!”ตรงตำแหน่งที่ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนยืน เหลือบเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีกับหลิงเชียนอี้วิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ขุ่นมัวกลอกหนึ่งรอบ ยกมือขึ้นกล่าวออกคำสั่งด้วยความโกรธ“อยู่ดีๆ ไฟไหม้ได้อย่างไร! เจ้าพวกคนไร้ประโยชน์ ข้าจะลงโทษพวกเจ้าให้สาสม!”แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง“ไฟไหม้ได้อย่างไร!” หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของชายชราเมื่อเกิดไฟไหม้ ศพของพระชายารองเว่ยก็ถูกทำลายแล้วเมื่อศพถูกทำลายแล้ว จะไขคดีล้างความผิดให้ท่านน้าเฉินอย่างไร?ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชูสองมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ท่านโหวน้อยโปรดใจเย็น ข้าน้อยกำลังเขียนฎีกา เพิ่งจะเตรียมส่งเข้าวัง จู่ๆ ที่นี่ก็เกิดไฟลุกไหม้ขอรับ”เขาที่เป็นชายชราอายุห้าสิบกว่า ก้มต่ำ ชูมือ ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ทำเหมือนเป็น ‘ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง’“ข้าน้อย…ข้าน้อยก็งงงวยเช่นกัน…”“เจ้า!”หลิงเชียนอี้โกรธจนอยากกระทืบตาแก่นี่เสียเดี๋ยวนี้เขาเพิ่งเดินออกไป ก็เกิดไฟไ
“ฉู่เชียนหลี!”“ฉู่เชียนหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิฉู่เชียนหลี!”ด้านนอก หลิงเชียนอี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จ้องมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นครั้งที่ตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นผู้หญิงที่ท่านน้าเฉินชอบเป็นครั้งแรก จะให้เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ทันใดนั้นเขาวิ่งพุ่งตัวไปทางทหาร แย่งถังน้ำในมือของทหารมา ราดลงไปบนหัว หลังจากทำให้เสื้อผ้าเปียกแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในในเวลานี้ ท่ามกลางเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ร่างเพรียวบางของหญิงสาววิ่งออกมาแล้วในเวลานั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ตาย?เพลิงโหมกระหน่ำขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉินจะไม่ตาย?!สวรรค์!“ฉู่เชียนหลี!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีนำศพโยนลงบนพื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ราวกับว่าพลังงานถูกสูบไปหมดเกลี้ยง“ฉู่เชียนหลี!”หนาว...หนาวเหลือเกิน...แม้ว่าจะอยู่ในเปลวเพลิง ที่อุณหภูมิสูงถึงหนึ่งร้อยองศา แม้ว่าจะร้อนดั่งดวงอาทิตย์แผดเผา แต่นางกลับรู้สึกหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลิงเชียนอี้พุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน “ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรื
ในเวลานี้ภายในวังบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด ฝ่าบาทประทับอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน บรรดาขันทีก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าหายใจแรงด้านหน้าโต๊ะทรงงานอ๋องเฉินยืนอยู่ด้านซ้าย เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ลมหายใจทั่วทั้งตัวเย็นยะเยียบด้านขวา เป็นรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่วันนี้เฟิงเจิ้งอวี้สวมชุดสีขาว หลังจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าซีดขาว บริเวณท้องมีผ้าพันแผลหนา ๆ พันอยู่ เลือดไหลออกมา เป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นสีขาว จึงทำให้สะดุดตายิ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแอ ไอเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าราวกับแมวที่ใกล้จะลาจากโลก“น้องเจ็ด...แค่ก...”ทันทีที่อ้าปาก ก็ไอออกมาไม่หยุด เลือดที่บริเวณท้องก็ไหลมากกว่าเดิม ดูน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม“น้องเจ็ด...” เขาหอบ “เจ้ากับข้าสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ข้าไม่เคยมีเจตนาอื่นต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่า แค่ก ๆ ...คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับข้าไม่ได้ถึงขนาดนี้...”“ถ้าหากเจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าให้เจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพื่อตำแหน่งที่หนาวเหน็บนี้ ถึงกับต้องทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้า...”
ร่างเพรียวบางของหญิงสาวสาวเท้ายาวเข้ามาพระชายาอ๋องเฉิน!ขันทีเล็กที่วิ่งตามมาตกใจไม่น้อย “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย บ่าวไม่ทันได้รายงาน พระชายาอ๋องเฉินก็...”“ออกไปเถิด” ฮ่องเต้โบกมือเมื่อขันทีเล็กเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ลงโทษ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบออกไปฉู่เชียนหลีรีบก้าวเข้าไป ถอนสายบัวคารวะฮ่องเต้ไม่รอให้เขากล่าว‘ไม่ต้องมากพิธี’ ก็ยืดตัวขึ้นทันที แล้วหันไปพูดกับรัชทายาท“เรื่องลอบสังหาร องค์รัชทายาทซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องน่าจะทราบความจริงที่สุดกระมัง?”นางจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ความจริง’ ในคำพูดของแฝงไปด้วยความหมายที่ล้ำลึกอีกชั้นเฟิงเจิ้งอวี้กวาดสายตามองนางแวบหนึ่งอย่างเฉยชาตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ผู้หญิงถึงสามารถวิ่งเข้ามาแหกปากโวยวายในห้องทรงพระอักษรได้?ไม่รู้จักตั้งใจปรนนิบัติผู้ชายให้ดี คอยยกน้ำชา ล้างเท้านวดหลังให้ผู้ชาย วิ่งมาเอะอะที่นี่ทำไม?“พระชายาอ๋องเฉินกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เขาย้อนถามเสียงเรียบฉู่เชียนหลีจ้องเขาตรง ๆ “ได้ข่าวว่าอาการช้ำในของพระชายารองเว่ยสาหัสมาก ตายคาที่?”เฟิงเจิ้งอวี้กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “คืนเข้าหอ อยู่ ๆ นางก็จะลอบสังหารข้า เพื่อปกป้