ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนได้รับรายงาน รีบออกมาต้อนรับทันที“ข้าน้อยคำนับพระชายาอ๋องเฉิน คำนับท่านโหว…”“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! ช่างเถอะ ช่างเถอะ!” หลิงเชียนอี้โบกมืออย่างหมดความอดทน หันไปกล่าวกับชายชราอายุห้าสิบกว่าปี “ท่านน้าเฉินของข้าไม่มีทางส่งพระชายารองเว่ยไปลอบสังหารรัชทายาท เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน และค่อนข้างแปลก ข้าสงสัยว่าในนี้มีเงื่อนงำ อยากดูศพของพระชายารองเว่ย”ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชะงักไปครู่หนึ่งท่านโหวน้อยต้องการดูศพ?เขาไม่ใช่นักชันสูตร จะไปรู้อะไร?เขากวาดมองท่านโหวน้อยด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง เห็นฉู่เชียนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องที่พระชายาอ๋องเฉินมีความรู้ทักษะการแพทย์ เกรงว่าคนที่จะดูศพคือพระชายาอ๋องเฉินกระมังเขาประสานมือ กล่าวอย่างนอบน้อม“ท่านโหวน้อยโปรดให้อภัย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัชทายาท ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าน้อยรับคำสั่งจากฝ่าบาท เก็บศพพระชายารองเว่ยไว้ที่นี่ชั่วคราว ก่อนที่จะมีคำสั่งของฝ่าบาท ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องนางโดยพลการ”ต่อให้ดูเฉยๆ ก็ไม่ได้เขาปฏิเสธตามสูตรเมื่อหลิงเชียนอี้ได้ยินคำพูดนี้ ไม่พอใจแล้ว “ข้าก็แ
ที่ห้องเก็บศพ เกิดไฟไหม้ลุกโชน แสงไฟพวยพุ่งท้องฟ้า เหล่าทหารถือถังน้ำ ทุกคนวิ่งไปวิ่งมา วุ่นวายไปหมด“รีบช่วยดับไฟเร็ว!”“เร็ว!”ตรงตำแหน่งที่ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนยืน เหลือบเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีกับหลิงเชียนอี้วิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ขุ่นมัวกลอกหนึ่งรอบ ยกมือขึ้นกล่าวออกคำสั่งด้วยความโกรธ“อยู่ดีๆ ไฟไหม้ได้อย่างไร! เจ้าพวกคนไร้ประโยชน์ ข้าจะลงโทษพวกเจ้าให้สาสม!”แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง“ไฟไหม้ได้อย่างไร!” หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของชายชราเมื่อเกิดไฟไหม้ ศพของพระชายารองเว่ยก็ถูกทำลายแล้วเมื่อศพถูกทำลายแล้ว จะไขคดีล้างความผิดให้ท่านน้าเฉินอย่างไร?ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชูสองมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ท่านโหวน้อยโปรดใจเย็น ข้าน้อยกำลังเขียนฎีกา เพิ่งจะเตรียมส่งเข้าวัง จู่ๆ ที่นี่ก็เกิดไฟลุกไหม้ขอรับ”เขาที่เป็นชายชราอายุห้าสิบกว่า ก้มต่ำ ชูมือ ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ทำเหมือนเป็น ‘ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง’“ข้าน้อย…ข้าน้อยก็งงงวยเช่นกัน…”“เจ้า!”หลิงเชียนอี้โกรธจนอยากกระทืบตาแก่นี่เสียเดี๋ยวนี้เขาเพิ่งเดินออกไป ก็เกิดไฟไ
“ฉู่เชียนหลี!”“ฉู่เชียนหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิฉู่เชียนหลี!”ด้านนอก หลิงเชียนอี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จ้องมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นครั้งที่ตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นผู้หญิงที่ท่านน้าเฉินชอบเป็นครั้งแรก จะให้เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ทันใดนั้นเขาวิ่งพุ่งตัวไปทางทหาร แย่งถังน้ำในมือของทหารมา ราดลงไปบนหัว หลังจากทำให้เสื้อผ้าเปียกแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในในเวลานี้ ท่ามกลางเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ร่างเพรียวบางของหญิงสาววิ่งออกมาแล้วในเวลานั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ตาย?เพลิงโหมกระหน่ำขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉินจะไม่ตาย?!สวรรค์!“ฉู่เชียนหลี!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีนำศพโยนลงบนพื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ราวกับว่าพลังงานถูกสูบไปหมดเกลี้ยง“ฉู่เชียนหลี!”หนาว...หนาวเหลือเกิน...แม้ว่าจะอยู่ในเปลวเพลิง ที่อุณหภูมิสูงถึงหนึ่งร้อยองศา แม้ว่าจะร้อนดั่งดวงอาทิตย์แผดเผา แต่นางกลับรู้สึกหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลิงเชียนอี้พุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน “ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรื
ในเวลานี้ภายในวังบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด ฝ่าบาทประทับอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน บรรดาขันทีก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าหายใจแรงด้านหน้าโต๊ะทรงงานอ๋องเฉินยืนอยู่ด้านซ้าย เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ลมหายใจทั่วทั้งตัวเย็นยะเยียบด้านขวา เป็นรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่วันนี้เฟิงเจิ้งอวี้สวมชุดสีขาว หลังจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าซีดขาว บริเวณท้องมีผ้าพันแผลหนา ๆ พันอยู่ เลือดไหลออกมา เป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นสีขาว จึงทำให้สะดุดตายิ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแอ ไอเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าราวกับแมวที่ใกล้จะลาจากโลก“น้องเจ็ด...แค่ก...”ทันทีที่อ้าปาก ก็ไอออกมาไม่หยุด เลือดที่บริเวณท้องก็ไหลมากกว่าเดิม ดูน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม“น้องเจ็ด...” เขาหอบ “เจ้ากับข้าสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ข้าไม่เคยมีเจตนาอื่นต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่า แค่ก ๆ ...คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับข้าไม่ได้ถึงขนาดนี้...”“ถ้าหากเจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าให้เจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพื่อตำแหน่งที่หนาวเหน็บนี้ ถึงกับต้องทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้า...”
ร่างเพรียวบางของหญิงสาวสาวเท้ายาวเข้ามาพระชายาอ๋องเฉิน!ขันทีเล็กที่วิ่งตามมาตกใจไม่น้อย “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย บ่าวไม่ทันได้รายงาน พระชายาอ๋องเฉินก็...”“ออกไปเถิด” ฮ่องเต้โบกมือเมื่อขันทีเล็กเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ลงโทษ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบออกไปฉู่เชียนหลีรีบก้าวเข้าไป ถอนสายบัวคารวะฮ่องเต้ไม่รอให้เขากล่าว‘ไม่ต้องมากพิธี’ ก็ยืดตัวขึ้นทันที แล้วหันไปพูดกับรัชทายาท“เรื่องลอบสังหาร องค์รัชทายาทซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องน่าจะทราบความจริงที่สุดกระมัง?”นางจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ความจริง’ ในคำพูดของแฝงไปด้วยความหมายที่ล้ำลึกอีกชั้นเฟิงเจิ้งอวี้กวาดสายตามองนางแวบหนึ่งอย่างเฉยชาตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ผู้หญิงถึงสามารถวิ่งเข้ามาแหกปากโวยวายในห้องทรงพระอักษรได้?ไม่รู้จักตั้งใจปรนนิบัติผู้ชายให้ดี คอยยกน้ำชา ล้างเท้านวดหลังให้ผู้ชาย วิ่งมาเอะอะที่นี่ทำไม?“พระชายาอ๋องเฉินกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เขาย้อนถามเสียงเรียบฉู่เชียนหลีจ้องเขาตรง ๆ “ได้ข่าวว่าอาการช้ำในของพระชายารองเว่ยสาหัสมาก ตายคาที่?”เฟิงเจิ้งอวี้กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “คืนเข้าหอ อยู่ ๆ นางก็จะลอบสังหารข้า เพื่อปกป้
“เพคะ!”ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนสบตากันแวบหนึ่ง ยิ้มให้กันอย่างรู้ใจสายตาของเฟิงเจิ้งอวี้เคร่งขรึมเล็กน้อย ยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ในเมื่ออยากสืบ เช่นนั้นข้าจะกลับไปสืบที่จวนรัชทายาท”สาเหตุการตายของพระชายารองเว่ยไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไปผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนเป็นผู้ต้องสงสัยในการวางเพลิง ภายใต้การสอบปากคำ ถ้าหากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาแม้แต่คำเดียวละก็...จะเก็บคนผู้นี้ไว้ไม่ได้!ต้องรีบจัดการเดี๋ยวนี้!แต่ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น“องค์รัชทายาทอยู่รักษาตัวในวังเถอะ”เฟิงเจิ้งอวี้ “?”ฉู่เชียนหลียิ้ม “รัชทายาทบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังกังวลว่าจะถูกลอบสังหาร รักษาตัวอยู่ในวังน่าจะปลอดภัยที่สุด เรื่องการสืบคดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้ากับอ๋องเฉินก็พอ”ทันทีที่พูดจบ ไม่ให้โอกาสรัชทายาทได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย รีบกล่าว“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอทูลลา!”เฟิงเจิ้งอวี้ลนลาน “เสด็จพ่อ...”ฝ่าบาทตบบ่าของเขาด้วยความรักใคร่เอ็นดูเป็นที่สุด“เจ้าใหญ่ ในเมื่อเจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็อย่าอยู่ห่างข้างกายเรา เราจะปกป้องเจ้าเอง”“...”เขาอยากจะออกไปเพื่อฆ่าผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนทิ
ศาลาว่าการซุนเทียนฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนรีบเดินทางมา หลิงเชียนอี้รีบพุ่งวิ่งออกไป ถามหลายประโยคติดต่อกันด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้า ฉู่เชียนหลี ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว! ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จตาทรงตรัสว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีไม่มีเวลาพูดมาก พูดเพียงแค่มีเวลาสามวัน แล้วเข้าสู่ประเด็นหลัก“ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุนเทียนล่ะ?”เขาวางเพลิงเผาศพ พฤติกรรมน่าสงสัย บางทีอาจจะรู้ความจริงสอบปากคำเขา อาจจะมีเบาะแสหลิงเชียนอี้ชี้ไปที่ห้องด้านหลัง “เขารออยู่ด้านในห้องตลอด ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่ได้ออกห่วงแม้แต่ก้าวเดียว จับตาดูเขาไว้อย่างดี”ตบหน้าอก กล่าวอย่างภูมิใจ“ท่านน้า ข้าทำงานได้น่าเชื่อถืออยู่แล้ว! เห็นแก่ข้าที่น่าเชื่อถือขนาดนี้ เตากำยานที่เก็บรักษาอยู่ในห้องหนังสือของท่านมานานหลายปีชิ้นนั้น จะให้ข้าได้...”เฟิงเย่เสวียน “ไม่ได้”ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไสหัวไป”หลิงเชียนอี้ “...”ใช้นำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด พูดคำที่โหดร้ายที่สุดออกมา ท่านน้าเป็นคนตระหนี่ที่ขี้เหนียว ใจแคบ ขี้งก!เวลานี้ มีเพียงฉู่เชียนหลีที่รู้เรื่องจริงกล่าวอย่างถอนหา
จวนอ๋องเฉินพอเฟิงเย่เสวียนกลับมาถึง หานเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดขอรับโทษ“นายท่าน ข้าน้อยไม่เอาไหน ยังไม่สามารถสืบสาเหตุการหายไปของหยกห้อยได้ขอรับ!”ถ้าหากสามารถสืบได้ง่ายได้ขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายเขาแล้วเฟิงเย่เสวียนสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง ย่อตัวนั่งลง “เรียกคนงาน องครักษ์ที่สับเวร และทุกคนที่เข้าออกจวนอ๋องเฉินภายในห้าวันมานี้มาให้หมด”“ขอรับ!”เนื่องจากรัชทายาทถูกลอบสังหารคืนแต่งงาน เป็นเวลากลางคืน ประกอบกับฝ่าบาทยับยั้งเอาไว้ ข่าวคราวจึงไม่ได้เผยแพร่ออกไปเมื่อบรรดาคนรับใช้ของจวนอ๋องเห็นท่านอ๋องกระทำการใหญ่โต ราวกับว่ากำลังสืบอะไรบางอย่าง แต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เป็นระเบียบเรียบร้อยระดับความไวขององครักษ์ย่อมมากกว่าบรรดาคนใช้หลายเท่า หนึ่งในนั้น อยู่ ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวออกมา กล่าวรายงาน“เรียนท่านอ๋อง เมื่อวาน พระชายารองเซียวมาที่นี่ขอรับ”เมื่อวานนี้องครักษ์คนนั้นอยู่เวรพอดี“พระชายารองเซียว?” หานเฟิงขมวดคิ้ว “นางอยู่ที่สวนบ้านพักชานเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาจวนกะทั