งานเลี้ยงงานแต่งครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีได้ลากอ๋องหลีมาอยู่ด้วยตลอดจนกระทั่งสิ้นสุดงาน ฉู่เจียวเจียวไม่ได้เข้าใกล้แม้แต่น้อย ถึงขั้นตอนกินข้าวก็ไม่สามารถร่วมโต๊ะกับอ๋องหลีโมโหจนร้องไห้โดยตรงงานเลี้ยงงานแต่งสิ้นสุด บนรถม้าที่กลับจวนฉู่เชียนหลีหลับตา ข้อศอกพาดอยู่บนโต๊ะเล็ก ร่างกายเขย่าตามจังหวะของรถม้า นิ้วชี้เคาะโต๊ะเบาๆ ปากพึมพำอะไรบางอย่างเฟิงเย่เสวียนมองดูนาง ถามด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริง“ความสัมพันธ์ดีกับอ๋องหลีถึงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”ตอนอยู่จวนรัชทายาท นางจงใจหาอ๋องหลี ตอนนั้นเขาแค่ไม่พูดก็เท่านั้น คิดหรือว่าเขาไม่รู้จริงๆ?ฉู่เชียนหลีพ่นลมออกจากจมูก “ข้าแค่อยากให้เขาช่วยข้าทำอะไรสักหน่อยทางอ้อมก็เท่านั้น”“เรื่องอะไร?” เขาขมวดคิ้วมีปัญหา ไม่มาหาเขา แต่กลับไปหาผู้ชายคนอื่น?เห็นเขาตายแล้ว?จุดประสงค์ของฉู่เชียนหลีง่ายมาก : อ๋องหลีไม่โปรดปรานฉู่เจียวเจียว เช่นนั้นนางก็เข้าใกล้อ๋องหลี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาฉู่เจียวเจียวไม่ได้รับความโปรดปราน มองดูนางกับอ๋องหลีมีความสัมพันธ์ที่ดี ได้แต่แอบร้อนรนอย่างเงียบๆร้อนรนไปร้อนรนมา ไม่แน่สุนัขอาจจนตรอกก็ได้ฉู่เชียนหลี “ไม
“เจ้าไม่อยากรู้ความลับของข้า?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความสงสัย ยังคงไม่อยากเชื่อมากนัก ก่อนและหลังเขาเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนั้นแต่ เฟิงเย่เสวียนเหมือนจู่ๆ ก็หมดความสนใจ ไม่ถามเกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียว“ไม่อยาก”“เจ้าไม่อยากรู้แล้วหรือว่าเพราะอะไรข้าจึงเข้าใกล้อ๋องหลี”“ไม่อยาก”“...”วินาทีก่อน เขาจับคอของนาง บังคับเค้นให้นางพูดตอนนี้ จิตใจบริสุทธิ์ไร้ความปรารถนาเหมือนพระภิกษุที่ออกบวช ประสาทสัมผัสทั้งหกสงบ ไม่สนใจเรื่องในทางโลกผู้ชายกากเดนเปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือถุย!ฉู่เชียนหลีเบือนหน้า ขยับไปนั่งอีกด้าน เฟิงเย่เสวียนยกหางตาขึ้นด้วยความสนใจ เหลือบมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งนังหนูน้อยข้ารู้ความลับทั้งหมดของเจ้าแล้ว…“กางเกงชั้นในลายลูกไม้สีแดงของเจ้าสวยมาก”“?”โรคจิต!กลับถึงจวนอ๋องฉู่เชียนหลีมั่นใจว่าเมื่อคืนก่อนนอนตนเองได้ลงกลอนประตูแล้ว ยิ่งกว่านั้นปิดหน้าต่างด้วย นางคิดจนศีรษะแทบระเบิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เฟิงเย่เสวียนรู้สีกางเกงชั้นในของนางได้อย่างไรตาวิเศษ?เปิดโปรเหมือนกับนาง?น่าแปลกเยว่เอ๋อร์ถือกะละมังน้ำร้อนเข้ามา กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “พระชา
เฟิงเย่เสวียนห่มผ้าให้นาง ดับไฟเทียน ก็ออกไปแล้วฉู่เชียนหลีกลับนอนอยู่ในผ้าห่ม ขดตัวนอนตะแคง กัดริมฝีปากล่างเบาๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ความรู้สึกเช่นนั้นก็เหมือนกับผิวน้ำที่ถูกลมพัดจนย่น คลื่นน้ำที่กระจายออกไปไม่สามารถสงบเป็นเวลานานเขารุกถอยได้อย่างเหมาะสม เหมือนรู้ว่าควรล่วงล้ำถึงขั้นใด ไม่ได้ทำให้นางรังเกียจ แต่กลับทำให้ใจนางเริ่มหวั่นไหวแทนความรู้สึกเช่นนี้มันช่าง…ในใจเหมือนมีขนนกมาจักจี้ คันจนอึดอัด อยากเกาแต่กลับเกาไม่ถึงบ้าจริง!นางพลิกตัว ดึงผ้าห่ม อดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดอีกครั้งคิดจนหัวใจกระวนกระวาย ด้วยเหตุนี้จึงพลิกตัวอีกครั้งพลิกไปพลิกมาไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร จู่ๆ ก็มาถึงดินแดนในอุดมคติแห่งหนึ่ง ระหว่างหุบเขา ต้นท้อขนาดใหญ่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ในมหาสมุทรสีชมพู เฟิงเย่เสวียนในชุดผาวสีหมึกนั่งพิงต้นไม้อย่างเกียจคร้าน พับขาข้างหนึ่งขึ้นอย่างขี้เกียจ ปลายนิ้วเกี่ยวกาเหล้าหยกขาวใบหนึ่งสายลมพัดอย่างแผ่วเบา กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนร่วงลอยไปตามสายลม สวยงามเกินคำบรรยายเขายกฝ่ามือที่เห็นข้อต่อชัดเจนขึ้น ยื่นไปทางนาง ยิ้มอย่างรักใคร่‘เชียนหลี มานี่’นา
จวนอ๋องเฉิน“เป็นไปไม่ได้!”หลังจากฉู่เชียนหลีฟังคำพูดหานเฟิงจบ ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลทันที “เฟิงเย่เสวียนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้!”รัชทายาทล่วงเกินอ๋องเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า เขากลับเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง อดทนมาโดยตลอดหากเขาต้องการทำร้ายรัชทายาท ลงมือนานแล้ว ไม่มีทางรอจนถึงตอนนี้หานเฟิงร้อนใจมาก “พระชายา ต่อให้พวกเรารู้นิสัยใจคอของนายท่าน แต่…หลักฐานชัดเจน ข้าเข้าวังไม่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของนายท่านตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว…”“สิ่งสำคัญที่สุดคือพระชายารองเว่ยตายแล้ว ตายไม่สามารถพิสูจน์หลักฐาน”ฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “นางตายแล้ว?”แม่นางคนนั้น?เว่ยซืออี๋ ลูกสาวของใต้เท้าเว่ย คนที่เจอในสวน นิสัยเงียบขรึม ไม่แย่งไม่ชิงกับใคร“ตามรายงาน ตอนที่นางลอบสังหาร ถูกรัชทายาทซัดหนึ่งฝ่ามือ ตายในที่เกิดเหตุทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน บวกกับจวนรัชทายาทมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีหลายอย่างไม่สามารถตรวจสอบ ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จวนรัชทายาท และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ข้า…”“ใจเย็นๆ!”ฉู่เชียนหลีกดไหล่ของนาง สายตาจับจ้องเขา ระหว่างความว่างเปล่า ทำให้จิตใจเขาสงบลง“มี
ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนได้รับรายงาน รีบออกมาต้อนรับทันที“ข้าน้อยคำนับพระชายาอ๋องเฉิน คำนับท่านโหว…”“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! ช่างเถอะ ช่างเถอะ!” หลิงเชียนอี้โบกมืออย่างหมดความอดทน หันไปกล่าวกับชายชราอายุห้าสิบกว่าปี “ท่านน้าเฉินของข้าไม่มีทางส่งพระชายารองเว่ยไปลอบสังหารรัชทายาท เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน และค่อนข้างแปลก ข้าสงสัยว่าในนี้มีเงื่อนงำ อยากดูศพของพระชายารองเว่ย”ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชะงักไปครู่หนึ่งท่านโหวน้อยต้องการดูศพ?เขาไม่ใช่นักชันสูตร จะไปรู้อะไร?เขากวาดมองท่านโหวน้อยด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง เห็นฉู่เชียนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องที่พระชายาอ๋องเฉินมีความรู้ทักษะการแพทย์ เกรงว่าคนที่จะดูศพคือพระชายาอ๋องเฉินกระมังเขาประสานมือ กล่าวอย่างนอบน้อม“ท่านโหวน้อยโปรดให้อภัย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัชทายาท ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าน้อยรับคำสั่งจากฝ่าบาท เก็บศพพระชายารองเว่ยไว้ที่นี่ชั่วคราว ก่อนที่จะมีคำสั่งของฝ่าบาท ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องนางโดยพลการ”ต่อให้ดูเฉยๆ ก็ไม่ได้เขาปฏิเสธตามสูตรเมื่อหลิงเชียนอี้ได้ยินคำพูดนี้ ไม่พอใจแล้ว “ข้าก็แ
ที่ห้องเก็บศพ เกิดไฟไหม้ลุกโชน แสงไฟพวยพุ่งท้องฟ้า เหล่าทหารถือถังน้ำ ทุกคนวิ่งไปวิ่งมา วุ่นวายไปหมด“รีบช่วยดับไฟเร็ว!”“เร็ว!”ตรงตำแหน่งที่ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนยืน เหลือบเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีกับหลิงเชียนอี้วิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ขุ่นมัวกลอกหนึ่งรอบ ยกมือขึ้นกล่าวออกคำสั่งด้วยความโกรธ“อยู่ดีๆ ไฟไหม้ได้อย่างไร! เจ้าพวกคนไร้ประโยชน์ ข้าจะลงโทษพวกเจ้าให้สาสม!”แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง“ไฟไหม้ได้อย่างไร!” หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของชายชราเมื่อเกิดไฟไหม้ ศพของพระชายารองเว่ยก็ถูกทำลายแล้วเมื่อศพถูกทำลายแล้ว จะไขคดีล้างความผิดให้ท่านน้าเฉินอย่างไร?ผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนชูสองมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ท่านโหวน้อยโปรดใจเย็น ข้าน้อยกำลังเขียนฎีกา เพิ่งจะเตรียมส่งเข้าวัง จู่ๆ ที่นี่ก็เกิดไฟลุกไหม้ขอรับ”เขาที่เป็นชายชราอายุห้าสิบกว่า ก้มต่ำ ชูมือ ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ทำเหมือนเป็น ‘ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง’“ข้าน้อย…ข้าน้อยก็งงงวยเช่นกัน…”“เจ้า!”หลิงเชียนอี้โกรธจนอยากกระทืบตาแก่นี่เสียเดี๋ยวนี้เขาเพิ่งเดินออกไป ก็เกิดไฟไ
“ฉู่เชียนหลี!”“ฉู่เชียนหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวสิฉู่เชียนหลี!”ด้านนอก หลิงเชียนอี้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จ้องมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นครั้งที่ตื่นตระหนกขนาดนี้เป็นผู้หญิงที่ท่านน้าเฉินชอบเป็นครั้งแรก จะให้เกิดเรื่องขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!ทันใดนั้นเขาวิ่งพุ่งตัวไปทางทหาร แย่งถังน้ำในมือของทหารมา ราดลงไปบนหัว หลังจากทำให้เสื้อผ้าเปียกแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในในเวลานี้ ท่ามกลางเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ร่างเพรียวบางของหญิงสาววิ่งออกมาแล้วในเวลานั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ตาย?เพลิงโหมกระหน่ำขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉินจะไม่ตาย?!สวรรค์!“ฉู่เชียนหลี!”ทันทีที่ฉู่เชียนหลีนำศพโยนลงบนพื้น ก็รู้สึกหน้ามืดทันที โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ราวกับว่าพลังงานถูกสูบไปหมดเกลี้ยง“ฉู่เชียนหลี!”หนาว...หนาวเหลือเกิน...แม้ว่าจะอยู่ในเปลวเพลิง ที่อุณหภูมิสูงถึงหนึ่งร้อยองศา แม้ว่าจะร้อนดั่งดวงอาทิตย์แผดเผา แต่นางกลับรู้สึกหนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลิงเชียนอี้พุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน “ฉู่เชียนหลี เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรื
ในเวลานี้ภายในวังบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด ฝ่าบาทประทับอยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงาน บรรดาขันทีก้มหน้าด้วยความตกใจ ไม่กล้าหายใจแรงด้านหน้าโต๊ะทรงงานอ๋องเฉินยืนอยู่ด้านซ้าย เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ลมหายใจทั่วทั้งตัวเย็นยะเยียบด้านขวา เป็นรัชทายาทที่ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่วันนี้เฟิงเจิ้งอวี้สวมชุดสีขาว หลังจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าซีดขาว บริเวณท้องมีผ้าพันแผลหนา ๆ พันอยู่ เลือดไหลออกมา เป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นสีขาว จึงทำให้สะดุดตายิ่งเขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนแอ ไอเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าราวกับแมวที่ใกล้จะลาจากโลก“น้องเจ็ด...แค่ก...”ทันทีที่อ้าปาก ก็ไอออกมาไม่หยุด เลือดที่บริเวณท้องก็ไหลมากกว่าเดิม ดูน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม“น้องเจ็ด...” เขาหอบ “เจ้ากับข้าสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ข้าไม่เคยมีเจตนาอื่นต่อเจ้า คิดไม่ถึงว่า แค่ก ๆ ...คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมรับข้าไม่ได้ถึงขนาดนี้...”“ถ้าหากเจ้าอยากได้ตำแหน่งรัชทายาท ข้าให้เจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพื่อตำแหน่งที่หนาวเหน็บนี้ ถึงกับต้องทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้า...”
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต