“เจ้า!” เขามองนางอย่างตะลึงงัน“ดูเหมือนความจำของท่านอ๋องจะดีจริงๆ เช่นนั้นข้าก็ไม่เล่นเป็นเพื่อนแล้ว บ๊ายบาย!”ฉู่เชียนหลีเผยอริมฝีปากยิ้ม กระโดดเด้งลงจากเตียง ตบก้น เชิดหน้ายืดอกก็ไปเลย“ฉู่เชียนหลี!”ทั้งๆ ที่นางรู้อยู่แล้วว่ารอบเดือนของตนเองมา แต่ก็ยังยั่วยวนเขา ผลักร่างกายครึ่งท่อนของเขาไปอยู่บนใบมีด แต่จู่ๆ สะบัดก้นก็ไปเลยนางจงใจ!ตอนนี้นางสะบัดแขนเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี เขากลับถูกมัดไว้บนเตียงอย่างแน่นหนา ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่เบิกตากว้างมองดูต่อหน้าต่อตาสายตาที่มืดครึ้มจนถึงขีดสุดจ้องมองแผ่นหลังที่จากไปของนาง กัดฟันตะคอกเสียงเบา“ฉู่เชียนหลี ข้าเป็นคนมีความแค้นต้องชำระ หากแสดงความเป็นมิตรตอนนี้ ข้าสามารถอภัยให้เจ้า หากยังคงดื้อดึงหลงผิด หลังจากนี้เจ็ดวัน ก็คือวันตายของเจ้า!”ฉู่เชียนหลีที่เดินออกไปแล้ว : ไม่ฟังไอ้คนสารเลวพล่ามหรอกถือโอกาสปิดประตูด้วยนางสั่งเยว่เอ๋อร์ “เยว่เอ๋อร์ ท่านอ๋องยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้เหนื่อยมากแล้ว เขากำลังพักผ่อน จะนอนถึงพรุ่งนี้ ห้ามเข้าไปรบกวนเขา หากเขาพูดอะไร เจ้าไม่ต้องฟัง เขากำลังพูดละเมอ”เฟิงเย่เสวียน “…”เสียงฝีเท้าของสองนายบ่าวค่อย
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ในวังหลวงมีราชโองการ แต่งตั้งคุณหนูตระกูลเว่ยเว่ยซืออี๋ และคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ฉู่หงหลวนเป็นพระชายารองรัชทายาท แล้วก็ยังประทานให้ท่านอ๋องคนอื่นหลายคนจวนอ๋องห้องโถงหลัก บนโต๊ะอาหารฉู่เชียนหลีถือชาม จับช้อน กินหมูสับผัดพริกคลุกข้าวคำโตอย่างเอร็ดอร่อยเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างๆ กวาดมองนางที่กินอย่างเอร็ดอร่อยแวบหนึ่ง ข้าวนั่นถูกพริกคลุกจนเป็นสีแดง เขาขมวดคิ้ว“ตอนเช้าต้องกินอาหารเบาๆ”“คนเซียงหนานอย่างพวกเราไม่เผ็ดไม่ชอบ” หากไม่มีพริก ต่อให้มีอาหารชั้นเลิศวางอยู่ตรงหน้า ก็ไร้รสชาติ“เซียงหนาน?”——ก็ที่ที่ฉันอยู่เมื่อชาติที่แล้วไง บ้านนอก“เซียงหนานอะไร? ข้ากำลังพูดถึงตะวันออกเฉียงใต้ ตระกูลฉู่ก็อยู่ตะวันออกเฉียงใต้ไม่ใช่หรือ ท่านพูดมากจัง”“...”เมื่อไรถึงจะรู้จักเกรงใจเขาบ้าง?กวาดมองปานขนาดใหญ่ของนางแวบหนึ่ง ใบหน้ายังคงอัปลักษณ์เหมือนเดิม แววตาลึกซึ้งอย่างคลุมเครือหลายส่วน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยทันใดนั้นก็ยกแขนยาวขึ้น จับคางฉู่เชียนหลีไว้อย่างแม่นยำ ดึงเข้ามาจูบหนึ่งที ตอนที่พ่อบ้านเข้ามาก็เห็นภาพนี้พอดี เขาปิดปากโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าดูเยอะแ
แม้แต่คนเดียวก็อย่าคิด ยังจะเอาสิบคน? น้องหมูทีมผลิตยังไม่มากขนาดนี้เลย!พลันฉู่เชียนหลีโยนสมุดพับทิ้ง “เจ้าจนขนาดนี้แล้ว มันช่างข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงจริงๆ ไปซื้อของตามตลาดมอบให้รัชทายาทพอแล้ว”พ่อบ้าน : พระชายา สำนวนข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงไม่ได้ใช้เช่นนี้นะ“พระชายา สถานะท่านอ๋องสูงศักดิ์ หากมอบพวกของราคาถูก เกรงว่าไม่สอดคล้องสถานะ ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะเอา…”“หัวเราะ? ใครหัวเราะ?”เวลามอบของขวัญแสดงความยินดี ห่อไว้ในกล่อง มีเพียงคนของจวนรัชทายาทเท่านั้นที่รู้อีกอย่าง รัชทายาทชั่วเช่นนั้น ใช้กลอุบายกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า“จะเอาของดีอะไร? รัชทายาทไม่คู่ควร!”“!”โอ๊ย พระชายาของข้า เสียงเบาหน่อย! คำพูดเช่นนี้ก็กล้าพูด เขายังอยากมีชีวิตนานขึ้นอีกปีสองปีหลังจากกินข้าวเสร็จ ฉู่เชียนหลีก็ลากเฟิงเย่เสวียนออกไปซื้อของแสงแดดดีมาก ไม่จำเป็นต้องใช้รถม้า ทั้งสองพลางเดินย่อยอาหาร พลางเถียงกัน“ซื้อกระโถนกลางคืน[footnoteRef:1]ให้เขา” [1: กระโถนที่ใช้ถ่ายหนักเบาเวลากลางคืน] “เชียนหลีเลิกเล่นได้แล้ว”“จวนเขามีผู้หญิงเยอะขนาดนั้น ทำการบ้านทันหรือ? หรือไม่ซื้อเหว่ยเกอ[foo
“ไม่ได้รับอนุญาตจากท่านอ๋อง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า!” เสียงของทหารยามทั้งสองเย็นชาและแข็งกระด้าง ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาแม้แต่น้อยเซียวจือฮว่าเดินเข้าไปด้วยความโกรธ“เช่นนั้นก็ฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าก็อยากรู้เช่นกัน ว่าอารมณ์ของพวกเจ้าแข็ง หรือดวงของข้าแข็งกว่า!”“ข้าอาศัยอยู่จวนอ๋องเฉินมานานหลายปี คิดไม่ถึงว่า พวกเจ้าจะเป็นสุนัขที่เลี้ยงไม่เชื่อง!”นางยื่นคอออกไปด้วยความโกรธ จะชนใบมีดกระบี่ขอแค่ได้รับบาดเจ็บ นางก็สามารถกลับจวนอ๋องเฉินอย่างเปิดเผยแล้ว!เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากทหารยามสองคนสบตากันแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นเก็บกระบี่ เข้าจวน ปิดประตู ทุกการกระทำเสร็จในอึดใจเดียวปัง!พลันประตูกระแทกเข้ามา เซียวจือฮว่าสูดฝุ่นเข้าเต็มปอดอย่างไม่ทันตั้งตัว สีหน้าคล้ำม่วงน่าเกลียดราวกับกินแมลงวันเข้าไปหนึ่งตัวตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ทันทีที่สูญเสียความโปรดปราน แม้แต่สุนัขรับใช้ก็กล้ารังแกนาง และยังไม่อนุญาตให้นางเข้าจวนอีก ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ราวกับนางถูกจับแก้ผ้าเปลือยต่อหน้าผู้คนบัดซบ!เกลียดชัง!นางกำสองมือแน่น โมโหจนตัวสั่น ทว่าไม่มีที่ระบาย เบ้าตาแดงก
หลังโต๊ะมังกร สีหน้าฮ่องเต้เริ่มเคร่งขรึม ดูตัวเลขมากมายบนสมุดบัญชีอย่างละเอียด ถามอย่างไม่กล้าเชื่อ“ความหมายของเจ้าคือเราไม่มีเงินแล้ว?”“เราใช้จ่ายอย่างประหยัดมัธยัสถ์เช่นนี้ กางเกงหนึ่งตัวใส่แปดปี ขาดแล้วก็ไม่ยอมเปลี่ยน เงินของเราไปไหนหมดแล้ว? เจ้าช่วยเราดูแลเงิน ดูแลไปดูแลมายิ่งอยู่ยิ่งน้อย แอบยักยอกใช่หรือไม่?”เจ้ากรมคลังได้ยินคำพูดนี้ ตกใจจนเกือบหายใจไม่ทัน“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้ายักยอกเงินส่วนพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”“แล้วใครเอาไป?”“เรื่อง เรื่องๆ…” เขากลัวจนหน้าซีด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมา“ฝ่าบาท จริงที่พระองค์ทรงประหยัดมาก รักราษฎรเหมือนบุตร หลายสิบปีมานี้ ไม่เคยขึ้นภาษี ยอมให้ตัวเองลำบากไปบ้าง ก็ต้องให้ราษฎรของตัวเองมีชีวิตที่ดี”เจ้ากรมคลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว“แต่ แต่…พระองค์ใจกว้างเกินไป…ไม่ว่าจะงานเลี้ยงเล็กใหญ่ หรือสร้างผลงานทรงประทานรางวัล แค่โบกมือ ทองคำก็ถูกประทานออกไปดังสายน้ำ…หรือพระองค์ทรงลืมไปแล้ว…”ฮ่องเต้นึกย้อนอย่างละเอียด ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงแต่ว่าเขายังไม่อยากยอมรับความจริงที่ตนเองไม่มีเงินอยู่ดีเขาเป็นฮ่องเต้ จักรพรรดิแห่ง
พูดจบ เขาก้าวขึ้นบรรดา เดินไปทางฉู่เชียนหลีฉู่เจียวเจียวยืนตะลึงงันอยู่ตรงที่เดิม มองดูผู้ชายที่เฉยเมยต่อนางเหมือนน้ำแข็ง แม้แต่คืนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบก็ไม่เคยมอบให้ นั่งลงข้างกายฉู่เชียนหลี ใบหน้าที่อ่อนโยนเชิดขึ้น แม้แต่นางก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มเวลานี้หัวใจของนางราวกับแตกสลาย…ทางระเบียงยาวฉู่เชียนหลีถามด้วยรอยยิ้ม “อ๋องหลี ท่านช่างไร้เดียงสาจริงๆ เรียกท่านมาท่านก็มา ไม่กลัวข้าใช้กลอุบายกับท่านหรือ?”ไร้เดียงสา?หากนางชอบพลันเฟิงเจิ้นหลียิ้มอย่างสง่า ชุดสีขาวช่วยหนุนให้เขาดูสง่างามเป็นพิเศษ แม้แต่ชายเสื้อก็ไม่มีเศษฝุ่นแม้แต่น้อย ต่อให้แต่งกายเรียบง่าย แต่มีกลิ่นอายที่สูงศักดิ์และไร้มลทินแผ่กระจายอยู่รอบตัว ทำให้ไม่สามารถมองข้ามเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากพระชายาอ๋องเฉินต้องการ ตกหลุมพรางแล้วอย่างไร?”คำพูดที่เหมือนจริงแต่ไม่จริง ดวงตาที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนจ้องนาง ในดวงตาราวกับดอกท้อบานสิบลี้ อ่อนโยนจนสามารถบีบเค้นออกมา“ฮ่าๆๆ!”ฉู่เชียนหลีเรียกเขามาพูดคุย เพียงเพราะไม่ชอบหน้าฉู่เจียวเจียวก็เท่านั้นนางอันไม่ยอมบอกความจริงนาง ไม่ให้นางได้อยู่อย่างสงบสุข เช่นนั้นแม่ลูกคู่นี้ก็อย
งานเลี้ยงงานแต่งครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีได้ลากอ๋องหลีมาอยู่ด้วยตลอดจนกระทั่งสิ้นสุดงาน ฉู่เจียวเจียวไม่ได้เข้าใกล้แม้แต่น้อย ถึงขั้นตอนกินข้าวก็ไม่สามารถร่วมโต๊ะกับอ๋องหลีโมโหจนร้องไห้โดยตรงงานเลี้ยงงานแต่งสิ้นสุด บนรถม้าที่กลับจวนฉู่เชียนหลีหลับตา ข้อศอกพาดอยู่บนโต๊ะเล็ก ร่างกายเขย่าตามจังหวะของรถม้า นิ้วชี้เคาะโต๊ะเบาๆ ปากพึมพำอะไรบางอย่างเฟิงเย่เสวียนมองดูนาง ถามด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริง“ความสัมพันธ์ดีกับอ๋องหลีถึงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”ตอนอยู่จวนรัชทายาท นางจงใจหาอ๋องหลี ตอนนั้นเขาแค่ไม่พูดก็เท่านั้น คิดหรือว่าเขาไม่รู้จริงๆ?ฉู่เชียนหลีพ่นลมออกจากจมูก “ข้าแค่อยากให้เขาช่วยข้าทำอะไรสักหน่อยทางอ้อมก็เท่านั้น”“เรื่องอะไร?” เขาขมวดคิ้วมีปัญหา ไม่มาหาเขา แต่กลับไปหาผู้ชายคนอื่น?เห็นเขาตายแล้ว?จุดประสงค์ของฉู่เชียนหลีง่ายมาก : อ๋องหลีไม่โปรดปรานฉู่เจียวเจียว เช่นนั้นนางก็เข้าใกล้อ๋องหลี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาฉู่เจียวเจียวไม่ได้รับความโปรดปราน มองดูนางกับอ๋องหลีมีความสัมพันธ์ที่ดี ได้แต่แอบร้อนรนอย่างเงียบๆร้อนรนไปร้อนรนมา ไม่แน่สุนัขอาจจนตรอกก็ได้ฉู่เชียนหลี “ไม
“เจ้าไม่อยากรู้ความลับของข้า?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความสงสัย ยังคงไม่อยากเชื่อมากนัก ก่อนและหลังเขาเปลี่ยนแปลงเร็วเช่นนั้นแต่ เฟิงเย่เสวียนเหมือนจู่ๆ ก็หมดความสนใจ ไม่ถามเกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียว“ไม่อยาก”“เจ้าไม่อยากรู้แล้วหรือว่าเพราะอะไรข้าจึงเข้าใกล้อ๋องหลี”“ไม่อยาก”“...”วินาทีก่อน เขาจับคอของนาง บังคับเค้นให้นางพูดตอนนี้ จิตใจบริสุทธิ์ไร้ความปรารถนาเหมือนพระภิกษุที่ออกบวช ประสาทสัมผัสทั้งหกสงบ ไม่สนใจเรื่องในทางโลกผู้ชายกากเดนเปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือถุย!ฉู่เชียนหลีเบือนหน้า ขยับไปนั่งอีกด้าน เฟิงเย่เสวียนยกหางตาขึ้นด้วยความสนใจ เหลือบมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งนังหนูน้อยข้ารู้ความลับทั้งหมดของเจ้าแล้ว…“กางเกงชั้นในลายลูกไม้สีแดงของเจ้าสวยมาก”“?”โรคจิต!กลับถึงจวนอ๋องฉู่เชียนหลีมั่นใจว่าเมื่อคืนก่อนนอนตนเองได้ลงกลอนประตูแล้ว ยิ่งกว่านั้นปิดหน้าต่างด้วย นางคิดจนศีรษะแทบระเบิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เฟิงเย่เสวียนรู้สีกางเกงชั้นในของนางได้อย่างไรตาวิเศษ?เปิดโปรเหมือนกับนาง?น่าแปลกเยว่เอ๋อร์ถือกะละมังน้ำร้อนเข้ามา กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “พระชา
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา
“อ๋อ อวิ๋นอิง”เฟิ่งหรานรู้ว่าเขาเป็นห่วง จึงกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมแล้ว“เดิมทีนางหนูนั่นเกลียดเจ้ามาก พูดอะไรก็ไม่ยอมให้อภัยเจ้า แต่ข้าพบว่าเมื่อคืนนางแอบมาเยี่ยมเจ้า ตอนที่จากไป ตาแดงเหมือนเคยร้องไห้”อวิ๋นอิงเอาหน้า ดังนั้นจึงแอบมาตอนกลางคืนเขาหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม“ข้าว่าแปดส่วนพวกเจ้าไปกันรอด”“นี่ก็ถือว่าเจ้ายอมเสียสละชีวิต ใช้ความรักของตัวเองทำให้นางหวั่นไหว ตอนนี้ก็ใกล้จะคลอดแล้ว ถ้าหากพวกเจ้าสามารถคืนดีกันได้ เมื่อเด็กคนนี้เกิดมา พ่อเอ็นดู แม่รักใคร่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้ว”“จึงมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เด็ก อย่าให้เด็กเดินตามรอยพวกเรา…”พวกเขาล้วนเป็นคนโชคร้าย รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์อย่าปล่อยให้ความโชคร้ายของตัวเอง ต้องไปเกิดขึ้นกับเด็กมีประกายความตื่นเต้นฉายในแววตาจิ่งอี้นางมาเยี่ยมเขาแล้ว!ในที่สุดนางก็ยอมให้อภัยเขาแล้วหรือ!เขาตื่นเต้นจนไม่สามารถระงับอารมณ์ ดึงผ้าห่มออกก็จะลุกขึ้นเฟิ่งหรานรีบกดเขาไว้ “เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก อย่าขยับส่งเดช เจ้าอยากตายหรือ?”จิ่งอี้กล่าว “ดี ใจ…”เสียงยังคงแหบแห้ง “ต่อให้ดีใจ ก็ไม
ช้อนแล้วช้อนแล้ว กระทั่งเห็นก้นถ้วยหลังจากป้อนหมดแล้ว อวิ๋นอิงวางถ้วยยา เช็ดมุมปากของเขา ตอนที่นิ้วสัมผัสโดนผิวหนัง เย็นเหมือนน้ำแข็ง…นี่ไม่ใช่อุณหภูมิร่างกายของคนปกติบางทีเขาอาจจะไม่มีวันฟื้นแล้วจริงๆรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย“เพราะเหตุใดเจ้าต้องใช้เลือดหัวใจของตัวเอง เลี้ยงกู่แพทย์เพื่อข้า? เพราะเหตุใดต้องดื่มยาพิษขวดนั้น ความเป็นความตายของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ต้องทำเช่นนั้น”“ความโอ่อ่าในอดีตของเจ้าล่ะ? ความเฉียบคมของเจ้าล่ะ? ความแข็งแกร่งของเจ้าล่ะ? ความเด็ดขาดที่หนึ่งหนึ่งไม่เป็นสองของเจ้าล่ะ? ถ้าหากข้าตายแล้ว ก็เป็นไปตามที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าต้องสนใจข้า?”“จิ่งอี้ ถ้าหากเจ้ายังทำกับข้าเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิตจริงๆ เกลียดเจ้าจนตาย แต่ต่อมาเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว…”“พอเจ้าดีกับข้า ข้าก็…ใจอ่อนแล้ว…”อวิ๋นอิงหลุบตา พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งเล็กน้อยตัวตนของนาง เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา!ใครดีกับนาง นางก็ดีกับคนนั้นท้องใกล้จะเก้าเดือนแล้ว อีกประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะคลอดแล้ว นางไม่สามารถลบเลือนความจริงที่จิ่งอี้เ