ฉู่เชียนหลียืนมือเท้าเอวข้างหนึ่ง อีกมือชี้เฟิงเย่เสวียน ส่วนเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ ยื่นคอออกมาจูบปลายนิ้วของนางเบาๆภาพหยุดนิ่งแสงแดดส่องเฉียงเข้ามาจากหน้าต่าง แสงสีทองอันอบอุ่นกระทบลงบนร่างกายทั้งสอง เป็นภาพที่อ่อนโยนและกลมกลืนมาก ราวกับเป็นภาพวาดจริงๆเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้าง ถูกรัศมีหวานซึ้งทิ่มตาบอดทันที…เฟิงเย่เสวียนเงยหน้าขึ้น มองนางอย่างลึกซึ้ง ปลอบเสียงเบา“เชียนหลี ไม่โกรธ ดีหรือไม่?”“...” เฟิงเย่เสวียนก้มศีรษะ ให้เกียรติฉู่เชียนหลีมากพอแล้ว เดิมทีฉู่เชียนหลีก็เป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผล ด่าก็ด่าจบแล้ว ไฟโทสะก็ระบายแล้ว ตอนนี้จะอ้างเหตุผลไม่ยอมคนต่อก็ไม่ดีมากนักแค่กๆ!นางดึงมือกลับ ตบไหล่ของเขาอย่างเย่อหยิ่งทะนงตน“ครั้งนี้ถือว่าข้าอารมณ์ดี ไม่ถือสากับเจ้า”“อ่า…แค่ก!”ตบนี้ทำให้สีหน้าเฟิงเย่เสวียนซีดขาวเล็กน้อย ไออยู่ในลำคอ ร่างกายอันสูงใหญ่อ่อนแอราวกับไม่สามารถรับการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว“เจ้าเป็นอะไร?!”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันครู่หนึ่ง รีบดึงมือขวาของเขามาจับชีพจรเลือดออกในตับ…ยังคงเป็นปัญหาก่อนหน้านี้นึกถึงตอนอยู่ห้องหนังสือกะทันหัน ภายใต้ความตื่นตระหนก นางค
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างเร็วด้วยความดีใจ “ฮว่าเอ๋อร์แค่บาดเจ็บที่มือ ไม่โดนน้ำก็ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”ขอแค่สามารถไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปีของใต้เท้าหวังกับเขา ต่อให้กำลังป่วยก็ต้องไปนั่นเป็นถึงงานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปี!ทั่วหล้า มีผู้ชายกี่คนที่ปฏิบัติต่อภรรยารักเดียวใจเดียว ไม่ทิ้งไม่ห่าง เสมอต้นเสมอปลายเหมือนใต้เท้าหวัง?แล้วจะมีผู้ชายสักกี่ที่ไม่มีวันลืมความตั้งใจเดิม เกื้อหนุนกันและกัน อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับภรรยาจนแก่เฒ่า?งานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปีนี้เป็นงานเลี้ยง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นพรสำหรับความรักของคนหนุ่มสาวนางต้องไปเข้าร่วมนางจะไปพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ความสำคัญของนางที่อยู่ในใจท่านอ๋องไม่มีใครสามารถเทียบได้!เฟิงเย่เสวียนกวาดมองมือที่พันด้วยผ้าพันแผลของนางดึกเช่นนี้แล้ว นางยังจะออกไปข้างนอกอีกหรือ?“นี่ก็ดึกแล้ว”เซียวจือฮว่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ก่อนออกจากจวนแต่งหน้าหวีผมนานไปหน่อยเจ้าค่ะ”นางมองท้องฟ้าแวบหนึ่ง “ ออกจากจวนตอนนี้ น่าจะไปถึงพอดี ไม่เสียงานแน่นอนเจ้าค่ะ”นางยกกระโปรงผ้าแพรเก้าเมฆาที่เรียบเนียนและสวยงามขึ้น ก้าวข้า
เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้น บรรดาแขกที่อยู่ในจวนออกมาข้างนอกอย่างพร้อมเพรียงทันทีเด็กรับใช้รีบวิ่งเข้าไป ก้มเอวงอเข่า นำบันไดไม้สามขั้นไปวางไว้ที่ด้านข้างรถม้าอย่างนอบน้อม เพื่อสำหรับรองเท้าร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์หมุนตัวลงมา ยืนบนพื้นอย่างมั่นคงจากนั้นก็เป็นรองเท้าปักลายดอกไม้อันประณีตร่างเงาอันเพรียวบางใบหน้าที่มีรอยปาน…ซ่า!ทุกคนเบิกตากว้าง ถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอด อ๋องเฉินพาฉู่เชียนหลีมาร่วมงาน หรือว่ายอมรับสถานะพระชายาอ๋องเฉินของฉู่เชียนหลีแล้ว?ฉู่เชียนหลีได้รับความโปรดปรานแล้ว?สวรรค์!ไม่น่าใช่กระมังใบหน้าที่อัปลักษณ์นั่น ไม่มีสิทธิ์กระทั่งถือรองเท้าให้พวกเขา เป็นไปได้อย่างไรที่จะเข้าตาอันสูงศักดิ์ของอ๋องเฉิน?หรือเป็นเพราะจะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปี อ๋องเฉินจึงพาฉู่เชียนหลีมาเป็นพิธีอืม…ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน!ฉู่เชียนหลีก็แค่มีไว้ประดับ!ในช่วงเวลาสั้นๆ สองวินาที มีการคาดเดาที่เปี่ยมล้น สมบูรณ์ มีสีสันปรากฏขึ้นในสมองของทุกคนมากมายหลังจากนั้นสองวินาที พากันก้าวไปข้างหน้า“ข้าน้อยคำนับท่านอ๋อง”“ท่านอ๋อง…”ในโอกาสของคนชนชั้นสูงเช่นนี้ ดูผ
“...”รอยยิ้มของผู้หญิงชุดกระโปรงสีน้ำตาลชะงักบนใบหน้าทันที“ผู้หญิงนี่นะ ก็เหมือนดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อผ่านฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว เมื่อผ่านช่วงอายุที่ดีที่สุดไปแล้ว ก็จะเหี่ยวเฉา”ฉู่เชียนหลีหยิบเมล็ดแตงโมขึ้นมาจากบนโต๊ะหนึ่งกำมือ กล่าวอย่างแผ่วเบา“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ชอบดอกไม้เหี่ยวหรอก เก็บน้ำค้างบำรุงผิวไว้ให้ตัวเองใช้เถิด”“...”สีหน้าของผู้หญิงชุดสีน้ำตาลประเดี๋ยวขาว ประเดี๋ยวดำ โมโหจนแทบคลั่งไม่ว่าผู้หญิงจะอายุมากเพียงใด สิ่งต้องห้ามที่สุดคือถูกผู้อื่นหาว่าแก่!ยุคปัจจุบันยุคโบราณล้วนเหมือนกันนางกำผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นจนถึงขีดสุดเช่นกัน “ถูกต้อง ทุกคนจะแก่ตัวลง สิ่งสำคัญคือระหว่างนั้น”“สิบกว่าปีนี้ ข้าช่วยนายท่านให้กำเนิดลูกชายอบรมลูกสาว ดูแลกิจการภายในจวน ตอนนี้ลูกๆ โตกันแล้ว กตัญญูรู้ความ อย่างไร้ก็ดีกว่าอยู่อย่างไร้ประโยชน์ไปวันๆ ทั้งชีวิต…”นางเน้นเสียงคำว่า ‘ไร้ค่า’ อย่างเหน็บแนม ต่อว่าฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความโปรดปราน สิ้นเปลืองความสาวอย่างอ้อมๆฉู่เชียนหลีแทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายๆ พลันพยักหน้า“อืม ไม่ควรมีชีวิตอย่างไร้ประโยชน์ไปวันๆ
“ข้า…” ผู้หญิงชนชั้นสูงชุดสีม่วงคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันทีคำพูดที่ละเมิดเบื้องสูงเช่นนี้สามารถพูดเหลวไหลได้หรือ?“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดให้โทษแก่ข้าอย่างไร้เหตุผล ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้!”โดยรอบยังมีแขกอยู่ตั้งมากมาย หากเผยแพร่ออกไป ทำให้ฝ่าบาทกริ้วขึ้นมา นางยังจะสามารถรักษาศีรษะไว้ได้หรือ?ฉู่เชียนหลีเหลือบมองนางอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง“ไม่หรือ?”“ท่านบอกว่าท่านเป็นอาวุโสของข้าไม่ใช่หรือ? ฝ่าบาทเป็นเสร็จพ่อของอ๋องเฉิน ก็ย่อมเป็นเสด็จพ่อของข้าเช่นกัน ไม่เท่ากับว่าท่านอยากเทียบเคียงฝ่าบาทหรือ?”“อ๋อ…” นางราวกับตะลึงงันฉับพลัน เสียงสูงขึ้นสองส่วน “ที่แท้ท่านอยากเป็นฮองเฮา!”“ฉู่เชียนหลี!”พลันผู้หญิงชนชั้นสูงชุดสีม่วงลุกพรวดขึ้นมาเป็นนางเด็กปากคอเราะรายยิ่งนัก!นี่คือการหมิ่นเบื้องสูง โทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ!“เจ้านี่มันเล่นลิ้นเก่งนัก หากพูดจาไม่เป็น ข้าไม่ถือสาที่จะสอนเจ้า!” นางก้าวมาข้างหน้าอย่างฉุนเฉียว ง้างมือจะตบหน้าฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีหรี่ตา ปากแขนเสื้อขยับเล็กน้อย นางหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งเล่มฝ่ามือกำลังจะตกลงมาทันใดนั้น ฝ่ามือใหญ่ที่เห็นข้อต่อชัดเจน
แขกโดยรอบมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ผู้หญิงชนชั้นสูงกลุ่มนั้นก็ดูเหมือนจะตกใจ แต่ละคนก้มหน้าลง พยายามลดการมีตัวตนของตนเองให้น้อยลง ไม่กล้าพูดมากอีกอ๋องเฉินไม่เพียงพาฉู่เชียนหลีมาร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปี แต่ยังหนุนหลังนาง ออกหน้าแทนนาง…หรือว่าฉู่เชียนหลีได้รับความโปรดปรานแล้วจริงๆ?แต่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ อย่างไรก็ตามฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์เช่นนั้น อัปลักษณ์จนคนและเทพเคืองโกรธ… ใต้เท้าหลี่ไปอย่างเร่งรีบ ผู้หญิงชนชั้นสูงกลุ่มนั้นกลัวจนทำตัวดี กลิ่นอายอันโหดเหี้ยมรอบตัวอ๋องเฉินยังไม่ถูกเก็บ บรรดาแขกก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ชั่วขณะบรรยากาศแปลกประหลาด…“นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ?”นอกฝูงชน มีเสียงหัวเราะที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาสายหนึ่งดังเข้ามาทุกคนหลบไปด้านข้างเปิดเป็นช่องทางหนึ่ง สามีภรรยาผมหงอกเต็มศีรษะคู่หนึ่งจับมือกันเดินเข้ามาชายชราอายุมากแล้ว เดินด้วยไม้เท้า ใบหน้าเหลี่ยมแลดูสูงศักดิ์ยิ่งนัก ส่วนหญิงชราหวีผมหงอกไว้อย่างพิถีพิถัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา ดวงตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อ่อนโยนน่าเข้าหาอย่างยิ่ง“ใต้เท้าหวัง ฮูหยินผู้เฒ่าหวัง”ทุกคนทัก
ครอบครัวของนางอยู่ในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ตั้งแต่มาถึงสถานที่ที่ไม่รู้จักแห่งนี้ นางไม่เคยมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่ง หรือมีความสุข ความพึงพอใจเลยแม้แต่คนที่เข้าใจนางก็ไม่มีฉู่เชียนหลีหลุบตา น้ำเสียงเรียบเฉย “ข้ามีครอบครัว เมื่อก่อนเป็นจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ปัจจุบันเป็นจวนอ๋องเฉิน ข้าพึงพอใจแล้วเจ้าค่ะ”มีหรือที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังจะมองการฝืนว่าเข้มแข็งและเสแสร้งของนางไม่ออก?เฮ้อ…“เด็กน้อย เจ้างามยิ่งนัก” นางลูบใบหน้าฉู่เชียนหลีอย่างแผ่วเบา “เมื่อจิตใจงามก็จะพบเจอแต่เรื่องดีๆ ไม่ต้องไม่สนใจสายตาของคนนอก เจ้าต้องมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง”มือของหญิงชราเต็มไปด้วยรอยย่น ฝ่ามืออบอุ่น อุณหภูมิประทับลงบนใบหน้าฉู่เชียนหลีรู้สึกอุ่นๆราวกับแสงแดดสาดส่องลงบนร่างกาย อบอุ่นมาก…“ชีวิตของมนุษย์นั้นยาวนานมาก ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง และมีชีวิตเพื่อคนที่คู่ควรได้รับ” หญิงชรากล่าวด้วยความเมตตา“ลองไปมองคนรอบข้างให้มากขึ้น คนคนหนึ่งไม่ว่าจะเกิดที่ไหน เติบโตที่ไหน อยู่ตำแหน่งอะไร ทำอะไร ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น”เพิ่งสิ้นเสียง สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านควรดื่มยาแล้วเจ
แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง เมื่อครู่มีเพียงนางกับฮูหยินผู้เฒ่าหวังอยู่ที่นี่ แล้วฮูหยินผู้เฒ่าหวังก็มาเกิดเรื่องอีก เกรงว่าต่อให้นางกระโดดลงแม่น้ำหวงก็ไม่สามารถล้างมลทินนี้แต่เมื่อครู่นางไม่เห็นบาดแผลภายนอกบนร่างกายของฮูหยินใต้เฒ่าหวังเลย เพียงแค่กรีดร้องแล้วก็ล้มลงหรือว่า…เสียชีวิตเฉียบพลัน?เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้นางยังสามารถเดิน สามารถพูด สามารถหัวเราะ สภาพจิตใจดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเสียชีวิตเฉียบพลันภายใต้สถานการณ์สมรรถภาพทางร่างกายที่ดีกะทันหันเฟิงเย่เสวียนรีบมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เขาก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี จับมือของนางไว้“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่” เขาปลอบใจนางเสียงเบาฉู่เชียนหลีเงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองดูความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาสีหมึกของเขา ราวกับเกิดความรู้สึกปลอดภัยและมีคนหนุนหลังในความว่างเปล่าอุ่นใจกะทันหัน“พระชายาอ๋องเฉิน ตกลงเจ้าทำอะไรกับแม่ข้า!” ชายหนุ่มจ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำอย่างโกรธเคือง “แม่ข้ากับเจ้าไม่เคยพบกันมาก่อน ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยล่วงเกินเจ้ากระมัง!”เด็กหญิงตัวน้อยคุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายบนพื้น“ท่านย่า ท่าน