ครอบครัวของนางอยู่ในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ตั้งแต่มาถึงสถานที่ที่ไม่รู้จักแห่งนี้ นางไม่เคยมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่ง หรือมีความสุข ความพึงพอใจเลยแม้แต่คนที่เข้าใจนางก็ไม่มีฉู่เชียนหลีหลุบตา น้ำเสียงเรียบเฉย “ข้ามีครอบครัว เมื่อก่อนเป็นจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ปัจจุบันเป็นจวนอ๋องเฉิน ข้าพึงพอใจแล้วเจ้าค่ะ”มีหรือที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังจะมองการฝืนว่าเข้มแข็งและเสแสร้งของนางไม่ออก?เฮ้อ…“เด็กน้อย เจ้างามยิ่งนัก” นางลูบใบหน้าฉู่เชียนหลีอย่างแผ่วเบา “เมื่อจิตใจงามก็จะพบเจอแต่เรื่องดีๆ ไม่ต้องไม่สนใจสายตาของคนนอก เจ้าต้องมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง”มือของหญิงชราเต็มไปด้วยรอยย่น ฝ่ามืออบอุ่น อุณหภูมิประทับลงบนใบหน้าฉู่เชียนหลีรู้สึกอุ่นๆราวกับแสงแดดสาดส่องลงบนร่างกาย อบอุ่นมาก…“ชีวิตของมนุษย์นั้นยาวนานมาก ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง และมีชีวิตเพื่อคนที่คู่ควรได้รับ” หญิงชรากล่าวด้วยความเมตตา“ลองไปมองคนรอบข้างให้มากขึ้น คนคนหนึ่งไม่ว่าจะเกิดที่ไหน เติบโตที่ไหน อยู่ตำแหน่งอะไร ทำอะไร ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น”เพิ่งสิ้นเสียง สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านควรดื่มยาแล้วเจ
แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง เมื่อครู่มีเพียงนางกับฮูหยินผู้เฒ่าหวังอยู่ที่นี่ แล้วฮูหยินผู้เฒ่าหวังก็มาเกิดเรื่องอีก เกรงว่าต่อให้นางกระโดดลงแม่น้ำหวงก็ไม่สามารถล้างมลทินนี้แต่เมื่อครู่นางไม่เห็นบาดแผลภายนอกบนร่างกายของฮูหยินใต้เฒ่าหวังเลย เพียงแค่กรีดร้องแล้วก็ล้มลงหรือว่า…เสียชีวิตเฉียบพลัน?เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้นางยังสามารถเดิน สามารถพูด สามารถหัวเราะ สภาพจิตใจดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเสียชีวิตเฉียบพลันภายใต้สถานการณ์สมรรถภาพทางร่างกายที่ดีกะทันหันเฟิงเย่เสวียนรีบมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เขาก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี จับมือของนางไว้“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่” เขาปลอบใจนางเสียงเบาฉู่เชียนหลีเงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองดูความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาสีหมึกของเขา ราวกับเกิดความรู้สึกปลอดภัยและมีคนหนุนหลังในความว่างเปล่าอุ่นใจกะทันหัน“พระชายาอ๋องเฉิน ตกลงเจ้าทำอะไรกับแม่ข้า!” ชายหนุ่มจ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำอย่างโกรธเคือง “แม่ข้ากับเจ้าไม่เคยพบกันมาก่อน ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยล่วงเกินเจ้ากระมัง!”เด็กหญิงตัวน้อยคุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายบนพื้น“ท่านย่า ท่าน
สาเหตุของอาการมีเยอะมาก“เร็ว ช่วยประคองฮูหยินผู้เฒ่าหวังไปที่เตียง ข้าช่วยนางได้!”จำเป็นต้องช่วยคนกลับมาในช่วงเวลาที่ดีที่สุด โชคดีที่ในกำไลเฉียนคุนมีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ฮูหยินผู้เฒ่าหวังต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!ก่อนอื่นต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่านอนราบ หนุนเท้าและศีรษะให้สูง เพื่อกระตุ้นให้การไหลเวียนของโลหิตกลับสู่หัวใจต่อมาต้อง…ฉู่เชียนหลีปลื้มปีติมาก เฟิงเย่เสวียนเข้ามาอุ้มฮูหยินใต้เท้าหวังไปที่ห้องนอนทันที หลังจากนั้นออกมา ปิดประตู ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีมีพื้นที่ที่เงียบสงบ หลังจากทุกขั้นตอน บรรดาแขกที่อยู่เต็มลานเรือนยังคงตะลึงงัน ไม่มีใครตอบสนองเหตุการณ์ทันสมองงงงวยฟื้นจากความตาย?นี่พระชายาอ๋องเฉินคิดจะทำอะไร?นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“เจ้าเชื่อเรื่องคนตายสามารถฟื้นคืนชีพหรือไม่?” ผู้ชายคนหนึ่งสงสัย“เลิกล้อเล่นได้แล้ว ข้าโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน หรือเจ้าเชื่อ?” คุณหนูอีกคนที่มุงดูอยู่ด้านข้างส่ายหน้า“ข้าว่านะ ฉู่เชียนหลีกำลังเล่นลูกไม้ เกรงว่ากำลังคิดหาวิธีทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากเรื่องนี้ ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทต่อศพของฮูหยิน
ทุกคน “?”เหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิมวินาทีต่อมา เห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าหวังจับขอบประตู ค่อยๆ เดินออกมา ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนตัวเป็นๆทุกคนเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับเห็นผีฟื้นแล้ว?!ฟื้นแล้วจริงๆ?เห็นได้ชัดว่าสิ้นใจไปแล้ว…พวกเขาไม่ได้ตาฝาดแน่นะ?“ฮูหยิน…”“ท่านแม่? ท่านแม่ ท่าน…”ใต้เท้าหวังและลูกชายพุ่งพรวดเข้าไปด้วยความตกใจ จับมืออุ่นๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าไว้ รู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายจริงๆ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติหลั่งไหลออกมา รอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่าหวังอ่อนโยน น้ำเสียงแหบแห้งแต่เมตตา“ให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว โชคดีที่ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ข้าจึงสามารถรอดมาได้”พระชายาอ๋องเฉินมีความสามารถฟื้นคืนจากความตายได้จริง?นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!นางเป็นแค่คุณหนูจอมปลอมที่ถูกเลี้ยงไว้ในเรือนส่วนหลัง บิดาไม่เอ็นดู มารดาไม่รักใคร่ แม้แต่สถานศึกษาก็ไม่เคยไป ไม่รู้จักตัวอักษรสักคำ จะมีความรู้ทักษะการแพทย์ได้อย่างไร? แล้วจะช่วยคนได้อย่างไร?สวรรค์!ทุกคนรู้สึกเพียงงงงวยไปหมด สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีก็กลายเป็นซับซ้อนมีประกายบางอย่างแลบผ่านแววตาผู้หญิ
มันเป็นหน้ากากน่าเกลียด ปากสีฟ้ามีเขี้ยว ตาสีแดงเขายาว! “สวรรค์!” มีคนมองเห็นแล้ว “นี่…”ฮูหยินอู๋สะดุ้งตกใจ รีบเก็บหน้ากากนั่นยัดเข้าไปในแขนเสื้อโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกายแต่ทุกคนเห็นแล้ว!“ฮูหยินอู๋ ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!”“หน้ากากปากสีฟ้ามีเขี้ยวนี่…ที่แท้เป็นเจ้า เจ้ายังพูดอย่างมั่นใจว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เมื่อครู่ เจ้านี่แหละที่พูดเสียงดังที่สุด! คิดไม่ถึงจริงๆ…”แขกเหรื่อต่างตําหนิด้วยคําพูดที่เฉียบคมหลักฐานมัดตัว ยังคิดจะบ่ายเบี่ยง?ก่อนหน้านี้ฮูหยินอู๋ถูกฉู่เชียนหลีต่อว่า จึงแค้นฝังใจ เดิมทีคิดจะหยอกล้อฮูหยินผู้เฒ่าหวังเล่นๆ เพื่อใส่ร้ายฉู่เชียนหลี ให้นางหลาบจำ แต่ใครจะรู้ว่านางมีความรู้ทักษะการแพทย์ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้นางตื่นตระหนกแล้ว“ไม่ ไม่ใช่ข้า…หน้า หน้า…หน้ากากนี่ข้าเก็บได้…ข้าเก็บได้…”ใต้เท้าหวังโกรธแล้ว “ฮูหยินอู๋ ฮูหยินของข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า!”ลูกชายของใต้เท้าหวังก็ตะคอกด้วยความโกรธเช่นกัน “วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำอธิบาย อย่าคิดไปจากที่นี่!”“ฮูหยินอู๋ จิตใจเจ้าอำมหิตมาก!”“ไม่ ไม่ใช่ข้า…” ฮูหยินอู๋กลัวมาก นางวิ่งไปหาชายวัยกลางคนคน
ที่แท้เขาไม่เสียใจเพราะเรื่องนี้!ฉู่เชียนหลีมึนงง “เพราะอะไร...”ไม่ใช่บอกว่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูวังหลวงที่ลึกราวกับทะเล ก็จะเป็นจักรพรรดิที่ไร้เมตตาที่สุดงั้นเหรอ? ไม่ใช่บอกว่าคนที่เกิดในวังหลวง ก็จะต้องละทิ้งอารมณ์ความรู้สึก เหยียบย่ำศพเพื่อปีนขึ้นไป ถึงจะไม่กลายเป็นเหยื่อสังเวย?“องค์รัชทายาททำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับอดทนยอมให้เสียทุกครั้ง?”หานเฟิงแอบถอนหายใจเป็นเพราะเกิดในราชวงศ์ ยากที่จะได้รับความรัก นายท่านถึงได้ทะนุถนอมมากเช่นนั้น“พระชายาอาจจะยังไม่ทราบ ตอนที่นายท่านยังเด็ก พี่น้องหลายคนออกล่าสัตว์อยู่ที่ชานเมือง เขาไม่ทันระวังจึงถูกหมาป่าตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขา อันตรายเกือบถึงชีวิต เป็นองค์รัชทายาทที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ยังแบกเขาจากนอกเมืองกลับวังหลวงด้วย...”ตอนเด็ก พวกพระโอรสเกาะกลุ่มกัน เล่นสนุกโดยไร้ความระแวง มิตรภาพแน่นแฟ้นตามการเติบโตของอายุ เมื่อพวกเขาโตขึ้น รู้ความ ค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของสถานะ ผลประโยชน์ อำนาจ ระหว่างพี่น้องไม่ร่วมมือกัน ห่างกันขึ้นเรื่อย ๆ“หากให้ข้าน้อยพูด หลายปีมานี้ นายท่านไม่มีความทะเยอทะยานใด พระชายาเชื่อหรือไม่?”ฉ
แอ๊ด...ประตูห้องค่อย ๆ ปิดลง แสงของด้านในห้องมืดลงไม่น้อย หมาป่าค่อย ๆ เผยให้เห็นปลายเคี้ยวแหลมคม และกรงเล็บที่แหลมคม จับตัวลูกแกะ เลี้ยวไปทางตั่งนอนเกลี้ยกล่อมเบา ๆ ราวกับการลักพาตัว...ช้าก่อน!เมื่อมองเห็นเตียงนอน ฉู่เชียนหลีราวกับถูกตีแสกหน้า ได้ปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมาทันควัน ถอยออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่มฉับพลัน“ดึกมากแล้วจริง ๆ น้อมส่งท่านอ๋อง!”ถอยออกไปสามก้าว โค้งตัวคำนับ เว้นระยะห่างเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ยังดี ๆ อยู่ เกือบจะอยู่บนเตียงแล้ว ผู้หญิงคนนี้...ฉลาดปราดเปรื่องมาก ปฏิกิริยาตอบโต้เร็วมาก ความรู้สึกไวมากเช่นกันอยู่ในจวนยังระแวงเขาขนาดนี้ จุดนี้ไม่ดีไม่ดี ๆ ต้องแก้ไข“เชียนหลี หานเฟิงบอกว่า...”“ข้าจะนอนกับเยว่เอ๋อร์”“?”ยอมนอนกับสาวใช้ แต่ไม่ต้องการเขา หรือว่าเขาเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสาวใช้!เห็นชัด ๆ ว่ากำลังงอนเขาอยู่“เชียนหลีเจ้ายังโกรธอยู่?”ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยเขาไม่เอ่ยยังดีก ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น นางก็นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เขาดุร้ายขนาดนั้น บีบบังคับนาง ตะคอกนาง ดุนาง...สีหน้าค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลง“ท่านอ๋องหรือว่าไม่คว
ฉู่เชียนหลีมีชีวิตมาถึงสองชาติแล้ว ขนาดความตายก็ยังผ่านมาแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก?เธอไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เหลือบตามองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มล้ำลึก ความล้ำลึกในดวงตาราวกับหลุมดำ มองไม่เห็นก้นบึ้ง ทันทีที่มองแวบหนึ่ง ก็ราวกับถูกดูดเข้าไป ทำให้คนอยากจะเข้าใกล้เขาอย่างอดใจไม่ได้เธอยกริมฝีปากขึ้น “ได้”ในเมื่อเขาจงใจหลอกล่อให้เธอติดกับ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า ‘อะไรถึงเรียกว่าความอันตรายและน่ากลัวของโลกนี้!’“เชียนหลีเชิญ” ชายหนุ่มยกมือขึ้น รัศมีความโค้งของริมฝีปากลึกขึ้นพวกผู้หญิง คำถามที่จะถามก็คงไม่พ้นพวกสีชาดแป้งน้ำ พิณ หมากรุก วาดภาพ พู่กันดนตรีจารีตเป็นต้น ถ้าลึกลงไปอีกสักหน่อย ก็เป็นผู้ชาย ความรัก เขาล้วนตอบได้หมดนอกจากนี้ เขาได้ยินเสียงหัวใจของนางด้วยคืนนี้ ตั่งนอนของเชียนหลี เขาจองเอาไว้แล้ว!มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไพล่หลัง ก้าวเดินสองก้าว คิดอยู่สิบกว่าวินาที ถึงได้เอ่ยปากกล่าว“เมื่อหลายวันก่อน ข้าซื้อไข่ไก่บ้านจำนวนสิบฟองจากยายแก่คนหนึ่ง เอาไปเรียงไว้ในตู้” นางยื่นนิ้วมือออกมาชี้ไปยังตู้ไม้ที่อยู่ด้านข้างใบหนึ่ง“เมื่อวันก่อน หยิบไปสิบฟอง เยว่เ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋