แขกโดยรอบมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ผู้หญิงชนชั้นสูงกลุ่มนั้นก็ดูเหมือนจะตกใจ แต่ละคนก้มหน้าลง พยายามลดการมีตัวตนของตนเองให้น้อยลง ไม่กล้าพูดมากอีกอ๋องเฉินไม่เพียงพาฉู่เชียนหลีมาร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบห้าสิบปี แต่ยังหนุนหลังนาง ออกหน้าแทนนาง…หรือว่าฉู่เชียนหลีได้รับความโปรดปรานแล้วจริงๆ?แต่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ อย่างไรก็ตามฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์เช่นนั้น อัปลักษณ์จนคนและเทพเคืองโกรธ… ใต้เท้าหลี่ไปอย่างเร่งรีบ ผู้หญิงชนชั้นสูงกลุ่มนั้นกลัวจนทำตัวดี กลิ่นอายอันโหดเหี้ยมรอบตัวอ๋องเฉินยังไม่ถูกเก็บ บรรดาแขกก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ชั่วขณะบรรยากาศแปลกประหลาด…“นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ?”นอกฝูงชน มีเสียงหัวเราะที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาสายหนึ่งดังเข้ามาทุกคนหลบไปด้านข้างเปิดเป็นช่องทางหนึ่ง สามีภรรยาผมหงอกเต็มศีรษะคู่หนึ่งจับมือกันเดินเข้ามาชายชราอายุมากแล้ว เดินด้วยไม้เท้า ใบหน้าเหลี่ยมแลดูสูงศักดิ์ยิ่งนัก ส่วนหญิงชราหวีผมหงอกไว้อย่างพิถีพิถัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา ดวงตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อ่อนโยนน่าเข้าหาอย่างยิ่ง“ใต้เท้าหวัง ฮูหยินผู้เฒ่าหวัง”ทุกคนทัก
ครอบครัวของนางอยู่ในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ตั้งแต่มาถึงสถานที่ที่ไม่รู้จักแห่งนี้ นางไม่เคยมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่ง หรือมีความสุข ความพึงพอใจเลยแม้แต่คนที่เข้าใจนางก็ไม่มีฉู่เชียนหลีหลุบตา น้ำเสียงเรียบเฉย “ข้ามีครอบครัว เมื่อก่อนเป็นจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ปัจจุบันเป็นจวนอ๋องเฉิน ข้าพึงพอใจแล้วเจ้าค่ะ”มีหรือที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังจะมองการฝืนว่าเข้มแข็งและเสแสร้งของนางไม่ออก?เฮ้อ…“เด็กน้อย เจ้างามยิ่งนัก” นางลูบใบหน้าฉู่เชียนหลีอย่างแผ่วเบา “เมื่อจิตใจงามก็จะพบเจอแต่เรื่องดีๆ ไม่ต้องไม่สนใจสายตาของคนนอก เจ้าต้องมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง”มือของหญิงชราเต็มไปด้วยรอยย่น ฝ่ามืออบอุ่น อุณหภูมิประทับลงบนใบหน้าฉู่เชียนหลีรู้สึกอุ่นๆราวกับแสงแดดสาดส่องลงบนร่างกาย อบอุ่นมาก…“ชีวิตของมนุษย์นั้นยาวนานมาก ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง และมีชีวิตเพื่อคนที่คู่ควรได้รับ” หญิงชรากล่าวด้วยความเมตตา“ลองไปมองคนรอบข้างให้มากขึ้น คนคนหนึ่งไม่ว่าจะเกิดที่ไหน เติบโตที่ไหน อยู่ตำแหน่งอะไร ทำอะไร ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น”เพิ่งสิ้นเสียง สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านควรดื่มยาแล้วเจ
แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง เมื่อครู่มีเพียงนางกับฮูหยินผู้เฒ่าหวังอยู่ที่นี่ แล้วฮูหยินผู้เฒ่าหวังก็มาเกิดเรื่องอีก เกรงว่าต่อให้นางกระโดดลงแม่น้ำหวงก็ไม่สามารถล้างมลทินนี้แต่เมื่อครู่นางไม่เห็นบาดแผลภายนอกบนร่างกายของฮูหยินใต้เฒ่าหวังเลย เพียงแค่กรีดร้องแล้วก็ล้มลงหรือว่า…เสียชีวิตเฉียบพลัน?เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้นางยังสามารถเดิน สามารถพูด สามารถหัวเราะ สภาพจิตใจดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเสียชีวิตเฉียบพลันภายใต้สถานการณ์สมรรถภาพทางร่างกายที่ดีกะทันหันเฟิงเย่เสวียนรีบมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เขาก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี จับมือของนางไว้“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่” เขาปลอบใจนางเสียงเบาฉู่เชียนหลีเงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองดูความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาสีหมึกของเขา ราวกับเกิดความรู้สึกปลอดภัยและมีคนหนุนหลังในความว่างเปล่าอุ่นใจกะทันหัน“พระชายาอ๋องเฉิน ตกลงเจ้าทำอะไรกับแม่ข้า!” ชายหนุ่มจ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำอย่างโกรธเคือง “แม่ข้ากับเจ้าไม่เคยพบกันมาก่อน ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยล่วงเกินเจ้ากระมัง!”เด็กหญิงตัวน้อยคุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายบนพื้น“ท่านย่า ท่าน
สาเหตุของอาการมีเยอะมาก“เร็ว ช่วยประคองฮูหยินผู้เฒ่าหวังไปที่เตียง ข้าช่วยนางได้!”จำเป็นต้องช่วยคนกลับมาในช่วงเวลาที่ดีที่สุด โชคดีที่ในกำไลเฉียนคุนมีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ฮูหยินผู้เฒ่าหวังต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!ก่อนอื่นต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่านอนราบ หนุนเท้าและศีรษะให้สูง เพื่อกระตุ้นให้การไหลเวียนของโลหิตกลับสู่หัวใจต่อมาต้อง…ฉู่เชียนหลีปลื้มปีติมาก เฟิงเย่เสวียนเข้ามาอุ้มฮูหยินใต้เท้าหวังไปที่ห้องนอนทันที หลังจากนั้นออกมา ปิดประตู ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีมีพื้นที่ที่เงียบสงบ หลังจากทุกขั้นตอน บรรดาแขกที่อยู่เต็มลานเรือนยังคงตะลึงงัน ไม่มีใครตอบสนองเหตุการณ์ทันสมองงงงวยฟื้นจากความตาย?นี่พระชายาอ๋องเฉินคิดจะทำอะไร?นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้“เจ้าเชื่อเรื่องคนตายสามารถฟื้นคืนชีพหรือไม่?” ผู้ชายคนหนึ่งสงสัย“เลิกล้อเล่นได้แล้ว ข้าโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน หรือเจ้าเชื่อ?” คุณหนูอีกคนที่มุงดูอยู่ด้านข้างส่ายหน้า“ข้าว่านะ ฉู่เชียนหลีกำลังเล่นลูกไม้ เกรงว่ากำลังคิดหาวิธีทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากเรื่องนี้ ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรที่เป็นการเสียมารยาทต่อศพของฮูหยิน
ทุกคน “?”เหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิมวินาทีต่อมา เห็นเพียงฮูหยินผู้เฒ่าหวังจับขอบประตู ค่อยๆ เดินออกมา ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนตัวเป็นๆทุกคนเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับเห็นผีฟื้นแล้ว?!ฟื้นแล้วจริงๆ?เห็นได้ชัดว่าสิ้นใจไปแล้ว…พวกเขาไม่ได้ตาฝาดแน่นะ?“ฮูหยิน…”“ท่านแม่? ท่านแม่ ท่าน…”ใต้เท้าหวังและลูกชายพุ่งพรวดเข้าไปด้วยความตกใจ จับมืออุ่นๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าไว้ รู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายจริงๆ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติหลั่งไหลออกมา รอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่าหวังอ่อนโยน น้ำเสียงแหบแห้งแต่เมตตา“ให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว โชคดีที่ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ข้าจึงสามารถรอดมาได้”พระชายาอ๋องเฉินมีความสามารถฟื้นคืนจากความตายได้จริง?นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!นางเป็นแค่คุณหนูจอมปลอมที่ถูกเลี้ยงไว้ในเรือนส่วนหลัง บิดาไม่เอ็นดู มารดาไม่รักใคร่ แม้แต่สถานศึกษาก็ไม่เคยไป ไม่รู้จักตัวอักษรสักคำ จะมีความรู้ทักษะการแพทย์ได้อย่างไร? แล้วจะช่วยคนได้อย่างไร?สวรรค์!ทุกคนรู้สึกเพียงงงงวยไปหมด สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีก็กลายเป็นซับซ้อนมีประกายบางอย่างแลบผ่านแววตาผู้หญิ
มันเป็นหน้ากากน่าเกลียด ปากสีฟ้ามีเขี้ยว ตาสีแดงเขายาว! “สวรรค์!” มีคนมองเห็นแล้ว “นี่…”ฮูหยินอู๋สะดุ้งตกใจ รีบเก็บหน้ากากนั่นยัดเข้าไปในแขนเสื้อโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกายแต่ทุกคนเห็นแล้ว!“ฮูหยินอู๋ ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!”“หน้ากากปากสีฟ้ามีเขี้ยวนี่…ที่แท้เป็นเจ้า เจ้ายังพูดอย่างมั่นใจว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เมื่อครู่ เจ้านี่แหละที่พูดเสียงดังที่สุด! คิดไม่ถึงจริงๆ…”แขกเหรื่อต่างตําหนิด้วยคําพูดที่เฉียบคมหลักฐานมัดตัว ยังคิดจะบ่ายเบี่ยง?ก่อนหน้านี้ฮูหยินอู๋ถูกฉู่เชียนหลีต่อว่า จึงแค้นฝังใจ เดิมทีคิดจะหยอกล้อฮูหยินผู้เฒ่าหวังเล่นๆ เพื่อใส่ร้ายฉู่เชียนหลี ให้นางหลาบจำ แต่ใครจะรู้ว่านางมีความรู้ทักษะการแพทย์ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้นางตื่นตระหนกแล้ว“ไม่ ไม่ใช่ข้า…หน้า หน้า…หน้ากากนี่ข้าเก็บได้…ข้าเก็บได้…”ใต้เท้าหวังโกรธแล้ว “ฮูหยินอู๋ ฮูหยินของข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า!”ลูกชายของใต้เท้าหวังก็ตะคอกด้วยความโกรธเช่นกัน “วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำอธิบาย อย่าคิดไปจากที่นี่!”“ฮูหยินอู๋ จิตใจเจ้าอำมหิตมาก!”“ไม่ ไม่ใช่ข้า…” ฮูหยินอู๋กลัวมาก นางวิ่งไปหาชายวัยกลางคนคน
ที่แท้เขาไม่เสียใจเพราะเรื่องนี้!ฉู่เชียนหลีมึนงง “เพราะอะไร...”ไม่ใช่บอกว่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูวังหลวงที่ลึกราวกับทะเล ก็จะเป็นจักรพรรดิที่ไร้เมตตาที่สุดงั้นเหรอ? ไม่ใช่บอกว่าคนที่เกิดในวังหลวง ก็จะต้องละทิ้งอารมณ์ความรู้สึก เหยียบย่ำศพเพื่อปีนขึ้นไป ถึงจะไม่กลายเป็นเหยื่อสังเวย?“องค์รัชทายาททำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับอดทนยอมให้เสียทุกครั้ง?”หานเฟิงแอบถอนหายใจเป็นเพราะเกิดในราชวงศ์ ยากที่จะได้รับความรัก นายท่านถึงได้ทะนุถนอมมากเช่นนั้น“พระชายาอาจจะยังไม่ทราบ ตอนที่นายท่านยังเด็ก พี่น้องหลายคนออกล่าสัตว์อยู่ที่ชานเมือง เขาไม่ทันระวังจึงถูกหมาป่าตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขา อันตรายเกือบถึงชีวิต เป็นองค์รัชทายาทที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ยังแบกเขาจากนอกเมืองกลับวังหลวงด้วย...”ตอนเด็ก พวกพระโอรสเกาะกลุ่มกัน เล่นสนุกโดยไร้ความระแวง มิตรภาพแน่นแฟ้นตามการเติบโตของอายุ เมื่อพวกเขาโตขึ้น รู้ความ ค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของสถานะ ผลประโยชน์ อำนาจ ระหว่างพี่น้องไม่ร่วมมือกัน ห่างกันขึ้นเรื่อย ๆ“หากให้ข้าน้อยพูด หลายปีมานี้ นายท่านไม่มีความทะเยอทะยานใด พระชายาเชื่อหรือไม่?”ฉ
แอ๊ด...ประตูห้องค่อย ๆ ปิดลง แสงของด้านในห้องมืดลงไม่น้อย หมาป่าค่อย ๆ เผยให้เห็นปลายเคี้ยวแหลมคม และกรงเล็บที่แหลมคม จับตัวลูกแกะ เลี้ยวไปทางตั่งนอนเกลี้ยกล่อมเบา ๆ ราวกับการลักพาตัว...ช้าก่อน!เมื่อมองเห็นเตียงนอน ฉู่เชียนหลีราวกับถูกตีแสกหน้า ได้ปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมาทันควัน ถอยออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่มฉับพลัน“ดึกมากแล้วจริง ๆ น้อมส่งท่านอ๋อง!”ถอยออกไปสามก้าว โค้งตัวคำนับ เว้นระยะห่างเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ยังดี ๆ อยู่ เกือบจะอยู่บนเตียงแล้ว ผู้หญิงคนนี้...ฉลาดปราดเปรื่องมาก ปฏิกิริยาตอบโต้เร็วมาก ความรู้สึกไวมากเช่นกันอยู่ในจวนยังระแวงเขาขนาดนี้ จุดนี้ไม่ดีไม่ดี ๆ ต้องแก้ไข“เชียนหลี หานเฟิงบอกว่า...”“ข้าจะนอนกับเยว่เอ๋อร์”“?”ยอมนอนกับสาวใช้ แต่ไม่ต้องการเขา หรือว่าเขาเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสาวใช้!เห็นชัด ๆ ว่ากำลังงอนเขาอยู่“เชียนหลีเจ้ายังโกรธอยู่?”ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยเขาไม่เอ่ยยังดีก ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น นางก็นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เขาดุร้ายขนาดนั้น บีบบังคับนาง ตะคอกนาง ดุนาง...สีหน้าค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลง“ท่านอ๋องหรือว่าไม่คว