ทั้งหมดนี้เป็นความผิดอวิ๋นอิงใช่!ล้วนเป็นเพราะนาง…บาปมีผู้ก่อ หนี้มีเจ้าหนี้ จะหาก็ไปหาอวิ๋นอิง อวิ๋นอิงที่ยั่วยวนท่านโหวน้อย และยั่วยวนคุณชายจิ่ง นางจึงจะเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เยว่เอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างสั่นเทา เมื่อปลอบใจตนเองเช่นนี้ ความหวาดกลัวในใจจึงจะค่อยๆ บรรเทาลง ประกอบกับเป็นไข้ ก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…นางรู้สึกเจ็บที่แขนเจ็บจัง…“อ๊ะ…”นางเจ็บจนลืมตา ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าเปื้อนเลือดที่ข้างหมอน“อ๊า!”ผี!เยว่เอ๋อร์ตกใจจนกระโดดลุกขึ้น ร่วงตกจากเตียงพร้อมกับผ้าห่ม ล้มจนข้อเท้าหัก แต่ความเจ็บปวดที่ข้อเท้า สู้ความหวาดกลัวในเวลานี้ไม่ได้ภายในห้องมืดสลัว เห็นเพียงบนเตียงนอน ผู้ชายคนหนึ่งที่เสื้อผ้าฉีกขาด และผมเผ้ายุ่งเหยิงนั่งอยู่ตรงนั้น บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด มือ ร่างกาย ใบหน้า…มีแต่บาดแผล ในค่ำคืนที่อึมครึม มองเห็นหน้าตาเขาไม่ชัด แต่สามารถมองเห็นดวงตาคู่หนึ่งห้อยตกลงมาที่แก้มอย่างคลุมเครือแกว่งไปแกว่งมา…มีเลือดหยดเขาขยับเท้าที่หักแล้ว ก็ตกจากเตียงเช่นกันเลือดกระเซ็นออกมา!คลานไปหาเยว่เอ๋อร์ ปากก็ส่งเสียงที่แหบแห
นางติดกับแล้ว!“เยว่เอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ?!” ฉู่เชียนหลีตกใจมาก ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังนางไม่อยากเชื่อ พี่น้องที่เคยอยู่เคียงข้างนางสิบปี และผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน จะทำเรื่องเช่นนี้เมื่อกลางวันตอนที่นางถามนาง นางยังส่ายศีรษะอย่างสาบาน บอกว่านางไม่ได้ทำพอตกดึกเมื่อลองทดสอบ นางก็เผยความลับแล้ว“คุณหนู ข้าเคยพูดไว้ นางไม่น่าเชื่อถือ แต่ท่านไม่เชื่อข้า” จิ่งอี้กล่าวอย่างเย็นชา สายตาของเขามืดมน แทบจะกลืนเยว่เอ๋อร์ลงท้องทั้งเป็นเยว่เอ๋อร์ลนลานแล้ว“พระชายา…”นางรีบวิ่งเข้าไปด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด“พระชายา ฟังข้าอธิบาย! ข้า…ข้า…”นางจับมือของฉู่เชียนหลี แต่ ‘ข้า’ อยู่ครึ่งค่อนวัน ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ “ข้า…”เพราะร้อนตัว ดังนั้นจึงอธิบายไม่ได้“พระชายา ข้า…”“เยว่เอ๋อร์ ข้าเชื่อใจเจ้ามากจริงๆ พวกเราผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกันมากมายเช่นนี้ ฝากชีวิตให้กันและกัน ความดีที่ข้ามีต่อเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รับรู้เลย แต่เพราะเหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้!” ฉู่เชียนหลีถามนางอย่างโกรธเคืองเยว่เอ๋อร์เบ้าตาแดงแล้ว น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงข้างล่างอย่างต่อเนื่องเพราะเหตุใด
“ข้าก็ไม่อยากทำให้จางเฟยตาย แต่…แต่เรื่องราวมันกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย นำขลุ่ยไม้ไผ่อวิ๋นอิงไปทิ้งไว้บนศพจางเฟย สร้างหลักฐานเท็จอวิ๋นอิงมีความผิด ข้าเองก็ถูกบีบคั้นเช่นกัน!”“ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าบ้าไปแล้ว”ฉู่เชียนหลีไม่อยากเชื่อ เยว่เอ๋อร์ที่ครั้งหนึ่งเคยนิสัยดีมีน้ำใจ จะกลายเป็นคนเช่นนี้“ตอนที่อวิ๋นอิงคบกับหลิงเชียนอี้ มีความผิดอะไร? พวกเขาสองคนมีใจให้กัน เหตุใดจึงกลายเป็นความผิดของอวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิงนางยั่วยวนคุณชายจิ่ง! นางหน้าไม่อาย!”“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีหายใจเข้าลึกๆ “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าอวิ๋นอิงยั่วยวนคุณชายจิ่ง หรือเจ้าเห็นกับตา?”บอกตรงๆ เยว่เอ๋อร์ไม่เคยเห็นภาพที่อวิ๋นอิงโปรยเสน่ห์ใส่จิ่งอี้แต่นางกล่าวอย่างมั่นใจ“ต้องเป็นเพราะอวิ๋นอิงยั่วยวนคุณชายจิ่งแน่ ไม่เช่นนั้นอวิ๋นอิงที่มีฐานะเป็นสาวใช้ คุณชายจิ่งจะชอบนางได้อย่างไร?”“อวิ๋นอิงไม่เพียงยั่วยวนคุณชายจิ่ง และยังยั่วยวนท่านโหวน้อย นางพฤติกรรมเหลวไหล ประพฤติตนในทางเสื่อม พระชายา หรือท่านไม่รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของอวิ๋นอิง?”เยว่เอ๋อร์กล่าวอย่างมั่นใจหน้าอ
“เยว่เอ๋อร์ เจ้า…”ทำให้นางลำบากใจแล้วเยว่เอ๋อร์ดีกับนาง แต่กลับทำร้ายจางเฟยกับอวิ๋นอิง“พระชายา ช่วงเวลาที่ข้าอยู่เคียงข้างท่าน ยาวนานยิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก ท่านลองคิดดูดีๆ หลายปีมานี้ ข้าเคยทำเรื่องที่ผิดต่อท่านหรือไม่?” เยว่เอ๋อร์กล่าวอย่างสะอึกสะอื้นที่นางเป็นปรปักษ์กับอวิ๋นอิง เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวชั่วขณะ จึงเลือกทางเดินที่ผิดพลาดแต่ต่อให้เดินผิดทางแล้ว นางก็ไม่ลืมความตั้งใจที่แท้จริง ปฏิบัติต่อพระชายาอย่างสุดจิตสุดใจเวลานี้เอง จิ่งอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดแทรกประโยคหนึ่ง“ตอนคุณหนูบำรุงครรภ์ที่หุบเขา เจ้าเป็นคนเปิดเผยที่อยู่ของคุณหนูให้อ๋องหลีรู้ใช่หรือไม่?”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ร่างกายสั่นสะท้านลำดับคำพูดไม่ถูกครู่หนึ่ง “ข้า…ไม่ใช่ข้า!”ฉู่เชียนหลีนั่งลง ประคองแขนของนาง “เยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ หรือ?”นางมองตาเยว่เอ๋อร์ ทุกคำพูดชัดเจน“ข้าเคยพูดไว้เมื่อกลางวัน โอกาสมีแค่ครั้งเดียว แต่เพราะเป็นเจ้า ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”“พระชายา ข้า…”เยว่เอ๋อร์สะอึกครู่หนึ่ง มองดวงตาที่กำลังจ้องมองของพระชายา พลันเบ้าตาแดง น้ำตาทะลักออกมาทันทีนางไม่มีทางให้ย้อน
คนที่นางเชื่อใจที่สุด กลับแทงข้างหลังนาง นี่ยังจะให้นางเก็บเยว่เอ๋อร์ไว้ข้างกายอย่างวางใจได้อย่างไร?นางไม่เพียงแทงอวิ๋นอิง และยังแทงนางด้วย!นางทรยศนางเพื่ออ๋องหลี!ฉู่เชียนหลีสูดลมเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ หมุนกาย“เจ้าไปเถอะ!”“พระชายา!”เยว่เอ๋อร์กระโจนเข้าไปอย่างตื่นตระหนก “อย่าไล่ข้าไปเลย อย่านะ! ข้าโตมาพร้อมกับท่าน ท่านก็คือคนในครอบครัวของข้า ข้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ ข้ามีเพียงท่านคนเดียว!”นางกอดต้นขาฉู่เชียนหลี จับชายเสื้อของนาง อ้อนวอนอย่างตื่นตระหนก“ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าผิดแล้ว ท่านตีข้าก็ดี ด่าข้าก็ดี ลงโทษข้าก็ดี ข้ายอมรับทุกอย่าง ท่านอย่าไล่ข้าไปเลย…”นางลนลานแล้ว นางกลัวแล้วถ้าหากไปจากพระชายา แผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้ นางไม่มีกระทั่งที่ซุกหัวนอนถ้าหากไปจากพระชายา ความหมายในการมีชีวิตคืออะไร?“พระชายา ได้โปรด! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว! ต่อไปข้าจะไม่เลอะเลือนอีก ได้โปรดท่านให้อภัยข้าครั้งนี้ ได้โปรดพระชายา!”นางจับเสื้อของฉู่เชียนหลี ร้อนใจจนร้องไห้ฟูมฟายเสียงที่แหบ คำพูดที่อ้อนวอน การร้องไห้ที่ไม่สามารถอดกลั้น ใบหน้าที่ซีดขาวตอนที่จางเฟยตาย นางลนลานแค่ครู่เดียวเมื่อครู
กลับถึงเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลียืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานเรือน จับลำต้นไม้ พยุงร่างกาย ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เสียทีทรมานสะอึกสะอื้นผิดหวังเศร้าโศก และอาลัยอาวรณ์…อารมณ์ต่างๆ ถาโถมเข้ามาในใจ ขมขื่นซับซ้อน ชั่วขณะนางเหมือนร้อยอารมณ์ผสมปนเป ไม่รู้จะแสดงอารมณ์อย่างไร ไม่รู้จะพูดอย่างไร จึงจะเหมาะกับสถานการณ์ในเวลานี้ไล่คนที่เคียงข้างนางสิบปีเต็มๆ ไป ความผิดหวังที่ถูกทรยศเช่นนี้…ยากจะอธิบายด้วยคำพูดไม่รู้เฟิงเย่เสวียนมาตั้งแต่เมื่อไร เขาโอบเอวจากข้างหลัง กอดนางเบาๆวางคางบนศีรษะของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม“ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการกระทำ ถนนล้วนถูกมนุษย์สร้างขึ้น เส้นทางที่ดี เส้นทางที่ไม่ดี ล้วนเป็นการตัดสินใจของตัวเอง”เยว่เอ๋อร์เดินมาถึงขั้นนี้ นางเป็นคนเลือกเอง ไม่สามารถโทษใครได้ฉู่เชียนหลีสะอึกหมุนกาย กระโจนเข้าไปในอ้อมแขน กอดเขาไว้แน่นๆ สูดกลิ่นหอมบนกายเขาเข้าลึกๆทันใดนั้น รู้สึกกลัวคำว่า ‘ทรยศ’ มากๆความผิดหวังและเจ็บปวดของการถูกทรยศ ทำให้จิตใจนางหวาดหวั่น ชีวิตนี้ไม่อยากรู้สึกเช่นนี้อีก“ข้าก็มีส่วนผิด”เสียงของนางสั่น “เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนต้อ
คืนนี้ เหมือนสงบ แต่มีคลื่นใต้น้ำโรงหมออวิ๋นอิงหลับสนิทไปอีกหนึ่งคืน ร่างกายอ่อนล้า ประกอบกับอารมณ์ไม่ดี ย่อมไม่อยากขยับตัว ตอนที่ตื่นมา กลับเห็นร่างเงาที่คิดไม่ถึงสายหนึ่ง“พระชายา?!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่หน้าเตียง โดยมีจิ่งอี้ยืนอยู่ข้างๆ“ตื่นแล้ว” บนใบหน้าฉู่เชียนหลีเผยให้เห็นยิ้มจางๆ แต่รอยยิ้มนั้นแข็งเล็กน้อย ไม่รู้ว่านั่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ร่างกายแข็งทื่ออวิ๋นอิงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วพระชายามา คิดว่าจิ่งอี้เป็นคนไปเชิญมาในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับจิ่งอี้ น่าจะปิดไม่อยู่แล้วชั่วขณะ ไม่รู้จะพูดอย่างไรฉู่เชียนหลีเป็นคนเอ่ยปากก่อนนางกล่าว “อวิ๋นอิง ข้าขอโทษ…”อวิ๋นอิงตะลึง เงยหน้ามองนางอย่างไม่เข้าใจฉู่เชียนหลีเม้มปากที่ขมขื่น นางกล่าว “งานเลี้ยงอาหารค่ำตระกูลกู้ในตอนนั้น เยว่เอ๋อร์รู้เรื่องที่ห้องเก็บของจะระเบิดล่วงหน้า นางล่อข้าออกไป ทิ้งเจ้าไว้ที่นั่น ทำให้จางเฟยต้องตายด้วยความบังเอิญ”“นางเป็นคนวางขลุ่ยไม้ไผ่ของเจ้าไว้บนศพจางเฟย เพื่อใส่ร้ายเจ้า…”ม่านตาอวิ๋นอิงหดฉับพลัน รู้สึกแน่นหน้าอกคือนาง!ที่แท้คือเยว่เอ๋อร์!นางเคยนึก
นางปลงแล้ว สภาพจิตใจในเวลานี้ยิ่งสงบ คำพูดของท่านพ่อท่านแม่ทำให้นางมองเห็นแสงสว่าง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขเพราะ นางคือสายเลือดคนสุดท้าย และเพียงคนเดียวที่เหลือของตระกูลอวิ๋น!“แค่ก…”ทันใดนั้น นางไอในลำคอสองทีฉู่เชียนหลีจับข้อมือที่เรียวบางของนางโดยไม่รู้ตัว “ไม่สบายตรง…”ไหนเสียงชะงักกะทันหันนางจับโดยชีพจรมงคล!เมื่อยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง มันคือชีพจรมงคลจริงๆ “อวิ๋นอิง เจ้าตั้งครรภ์แล้ว!”นางทั้งตกใจและประหลาดใจร่างกายอวิ๋นอิงสั่นสะท้าน มีอารมณ์ที่ซับซ้อนแนบผ่านดวงที่ที่เบิกกว้าง ไม่รู้ว่าเป็นความประหลาดใจ รังเกียจ หรืออะไรกันแน่ จิ่งอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองไม่กะพริบตา โดยเฉพาะมือยิ่งกำหมัดแน่น รู้สึกกลัวอย่างไม่มีสาเหตุเขากลัว กลัวนางรู้ว่าตั้งครรภ์ลูกของเขา รู้สึกขยะแขยงและยิ่งกลัวนางต้องการเอาลูกออกทันที ทำเรื่องที่ทำร้ายตัวเองดังนั้น เขาจึงไม่ได้บอกเรื่องที่ตั้งครรภ์กับอวิ๋นอิง และไม่ได้บอกคุณหนู“ข้าตั้งครรภ์แล้ว…”อวิ๋นอิงชะงักไปครึ่งนาทีเต็มๆ จึงจะค่อยๆ หวนคืนสตินางก้มศีรษะลงอย่างแข็งๆ มองท้องที่แบนราบของตัวเอง ร่างกายของนางผ
สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนเล็กน้อยเสด็จพี่รองจะช่วยนางเอง นางไม่ได้ขอให้เสด็จพี่รองทำเช่นนี้สักหน่อยเสด็จพี่รองยินดีทำเช่นนี้เอง เหตุใดกลายเป็นความผิดของนางแล้ว?อีกอย่างนะ เขาเป็นพี่ชาย นางเป็นน้องสาว พี่ชายปกป้องน้องสาว มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?“จวินลั่วยวน เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ามันไม่รู้จักพอ เจ้าเป็นแค่คนที่รู้จักเอาผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่เคยเสียสละ ไม่เคยตอบแทน เมื่อนานวันเข้า ก็กลายเป็นนิสัยเห็นแก่ตัว”“คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง”“เอาแต่ได้อย่างเดียว”“ดูผิวเผินเหมือนเจ้าอยู่ในครอบครัวที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรักและความอบอุ่นในครอบครัว กลับกัน ข้ายังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนองค์ชายรอง”เขายอมเสี่ยงชีวิตช่วยน้องสาวออกมา แต่นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาเลยจวินลั่วยวนโกรธเล็กน้อยพูดถึงคำว่าครอบครัว นางก็จะนึกถึงเรื่องที่นางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฮองเฮาหนานยวนคำพูดของฉู่เชียนหลีกำลังเตือนนาง ความสุขที่นางได้รับในปัจจุบัน ล้วนขโมยมาทั้งสิ้น“ข้าควรทำอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”นางเถียงกลับอย่างโกรธเคือง“ที่เสด็จพี่รองของ
สิ้นเสียงตะโกน เขาถูกทหารที่โถมเข้ามาปิดล้อมทหารโถมเข้ามาอย่างดุดันราวกับคลื่นยักษ์ กลืนกินเขาเข้าไปในนั้น เขาฟันกระบี่อย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเขายืนหยัดจนถึงแรงเฮือกสุดท้าย…ฉู่เชียนหลีตกใจมากคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองหนานยวนคนนี้ ต้องเสียสละชีวิตเพื่อน้องสาวแล้วหันมามองจวินลั่วยวน“อ๊ะ!”“ช่วยด้วย!”“รีบไป พวกเรารีบไปเร็ว! ถ้ายังไม่ไป ต้องตายอยู่ที่นี่แน่!”จวินลั่วยวนกลัวจนสติแตกไปแล้ว กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด ริมฝีปากซีด ยกกระโปรงขึ้นก็วิ่งออกไปข้างนอก “รีบหนีเร็ว! อ๊ะ!”“...”พี่ชายของนางถูกปิดล้อม ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจะไปทั้งเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว แต่นึกถึงคำพูดของจวินอี้หลิน นางทำได้เพียงไล่ตาม“อ๊ะ!”“อ๊ะ!”จวินลั่วยวนพลางวิ่ง พลางกรีดร้อง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทหาร มีทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาไล่ตามสายตาฉู่เชียนหลีขรึมลง ก้าวไปข้างหน้า “จวินลั่วยวน! หุบปาก!”ร้องต่อไปไม่ได้แล้ว!“เจ้าอยากล่อทุกคนมาหรือ!”“อ๊ะๆ! ข้ากลัว! เลือดเต็มไปหมด! จะตาย…อ๊ะ!”“หุบปาก!”“อ๊ะ!”เพียะ!นางไม่ฟังเลย ฉู่เชียนหลีเห็นทหารที่ม
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา