ปกติฉู่เชียนหลีคุยกับนางอย่างอ่อนโยน ไม่มีการตั้งคำถาม ไม่มีการสงสัย และไม่เคยตรวจสอบนาง มันเป็นความเชื่อใจที่มีต่อนางมาหลายปีเหตุผลของนางง่ายมากเจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อใจของข้า และทำผิดต่อข้าหนึ่งครั้ง แต่จะไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาดโอกาส มีแค่ครั้งเดียวนางกำลังให้โอกาสเยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ค่อยๆ กำหมัด และเม้มปากเป็นเส้นตรง…นางรู้ความหมายของพระชายานางรู้แต่มาถึงขั้นนี้ นางหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้าต่อ นางก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เหตุใดจึงไม่ตรงกับที่ต้องการแล้ว?นางค่อยๆ หลุบตา ยังคงกล่าว“พระชายา ที่บ่าวพูดล้วนเป็นความจริง ถ้าหากไม่เชื่อท่านไปตรวจสอบได้”“ข้าไม่ตรวจสอบเจ้า” ฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะ “เจ้าติดตามข้าเกือบปี ข้าเชื่อเจ้า แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้ ข้าอาจจะเชื่อผิดคนจึงทำผิดพลาด แต่เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว”นางตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์แล้วยกเท้าเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเยว่เอ๋อร์ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม หน้าซีดเล็กน้อยนางสามารถสัมผัสได้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพระชายา ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว…“แม่นางเยว่เอ๋อร์ มือของ
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดอวิ๋นอิงใช่!ล้วนเป็นเพราะนาง…บาปมีผู้ก่อ หนี้มีเจ้าหนี้ จะหาก็ไปหาอวิ๋นอิง อวิ๋นอิงที่ยั่วยวนท่านโหวน้อย และยั่วยวนคุณชายจิ่ง นางจึงจะเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เยว่เอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างสั่นเทา เมื่อปลอบใจตนเองเช่นนี้ ความหวาดกลัวในใจจึงจะค่อยๆ บรรเทาลง ประกอบกับเป็นไข้ ก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…นางรู้สึกเจ็บที่แขนเจ็บจัง…“อ๊ะ…”นางเจ็บจนลืมตา ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าเปื้อนเลือดที่ข้างหมอน“อ๊า!”ผี!เยว่เอ๋อร์ตกใจจนกระโดดลุกขึ้น ร่วงตกจากเตียงพร้อมกับผ้าห่ม ล้มจนข้อเท้าหัก แต่ความเจ็บปวดที่ข้อเท้า สู้ความหวาดกลัวในเวลานี้ไม่ได้ภายในห้องมืดสลัว เห็นเพียงบนเตียงนอน ผู้ชายคนหนึ่งที่เสื้อผ้าฉีกขาด และผมเผ้ายุ่งเหยิงนั่งอยู่ตรงนั้น บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด มือ ร่างกาย ใบหน้า…มีแต่บาดแผล ในค่ำคืนที่อึมครึม มองเห็นหน้าตาเขาไม่ชัด แต่สามารถมองเห็นดวงตาคู่หนึ่งห้อยตกลงมาที่แก้มอย่างคลุมเครือแกว่งไปแกว่งมา…มีเลือดหยดเขาขยับเท้าที่หักแล้ว ก็ตกจากเตียงเช่นกันเลือดกระเซ็นออกมา!คลานไปหาเยว่เอ๋อร์ ปากก็ส่งเสียงที่แหบแห
นางติดกับแล้ว!“เยว่เอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ?!” ฉู่เชียนหลีตกใจมาก ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังนางไม่อยากเชื่อ พี่น้องที่เคยอยู่เคียงข้างนางสิบปี และผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน จะทำเรื่องเช่นนี้เมื่อกลางวันตอนที่นางถามนาง นางยังส่ายศีรษะอย่างสาบาน บอกว่านางไม่ได้ทำพอตกดึกเมื่อลองทดสอบ นางก็เผยความลับแล้ว“คุณหนู ข้าเคยพูดไว้ นางไม่น่าเชื่อถือ แต่ท่านไม่เชื่อข้า” จิ่งอี้กล่าวอย่างเย็นชา สายตาของเขามืดมน แทบจะกลืนเยว่เอ๋อร์ลงท้องทั้งเป็นเยว่เอ๋อร์ลนลานแล้ว“พระชายา…”นางรีบวิ่งเข้าไปด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด“พระชายา ฟังข้าอธิบาย! ข้า…ข้า…”นางจับมือของฉู่เชียนหลี แต่ ‘ข้า’ อยู่ครึ่งค่อนวัน ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ “ข้า…”เพราะร้อนตัว ดังนั้นจึงอธิบายไม่ได้“พระชายา ข้า…”“เยว่เอ๋อร์ ข้าเชื่อใจเจ้ามากจริงๆ พวกเราผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกันมากมายเช่นนี้ ฝากชีวิตให้กันและกัน ความดีที่ข้ามีต่อเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รับรู้เลย แต่เพราะเหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้!” ฉู่เชียนหลีถามนางอย่างโกรธเคืองเยว่เอ๋อร์เบ้าตาแดงแล้ว น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงข้างล่างอย่างต่อเนื่องเพราะเหตุใด
“ข้าก็ไม่อยากทำให้จางเฟยตาย แต่…แต่เรื่องราวมันกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย นำขลุ่ยไม้ไผ่อวิ๋นอิงไปทิ้งไว้บนศพจางเฟย สร้างหลักฐานเท็จอวิ๋นอิงมีความผิด ข้าเองก็ถูกบีบคั้นเช่นกัน!”“ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้!”“เยว่เอ๋อร์ เจ้าบ้าไปแล้ว”ฉู่เชียนหลีไม่อยากเชื่อ เยว่เอ๋อร์ที่ครั้งหนึ่งเคยนิสัยดีมีน้ำใจ จะกลายเป็นคนเช่นนี้“ตอนที่อวิ๋นอิงคบกับหลิงเชียนอี้ มีความผิดอะไร? พวกเขาสองคนมีใจให้กัน เหตุใดจึงกลายเป็นความผิดของอวิ๋นอิง?”“อวิ๋นอิงนางยั่วยวนคุณชายจิ่ง! นางหน้าไม่อาย!”“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีหายใจเข้าลึกๆ “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าอวิ๋นอิงยั่วยวนคุณชายจิ่ง หรือเจ้าเห็นกับตา?”บอกตรงๆ เยว่เอ๋อร์ไม่เคยเห็นภาพที่อวิ๋นอิงโปรยเสน่ห์ใส่จิ่งอี้แต่นางกล่าวอย่างมั่นใจ“ต้องเป็นเพราะอวิ๋นอิงยั่วยวนคุณชายจิ่งแน่ ไม่เช่นนั้นอวิ๋นอิงที่มีฐานะเป็นสาวใช้ คุณชายจิ่งจะชอบนางได้อย่างไร?”“อวิ๋นอิงไม่เพียงยั่วยวนคุณชายจิ่ง และยังยั่วยวนท่านโหวน้อย นางพฤติกรรมเหลวไหล ประพฤติตนในทางเสื่อม พระชายา หรือท่านไม่รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของอวิ๋นอิง?”เยว่เอ๋อร์กล่าวอย่างมั่นใจหน้าอ
“เยว่เอ๋อร์ เจ้า…”ทำให้นางลำบากใจแล้วเยว่เอ๋อร์ดีกับนาง แต่กลับทำร้ายจางเฟยกับอวิ๋นอิง“พระชายา ช่วงเวลาที่ข้าอยู่เคียงข้างท่าน ยาวนานยิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก ท่านลองคิดดูดีๆ หลายปีมานี้ ข้าเคยทำเรื่องที่ผิดต่อท่านหรือไม่?” เยว่เอ๋อร์กล่าวอย่างสะอึกสะอื้นที่นางเป็นปรปักษ์กับอวิ๋นอิง เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวชั่วขณะ จึงเลือกทางเดินที่ผิดพลาดแต่ต่อให้เดินผิดทางแล้ว นางก็ไม่ลืมความตั้งใจที่แท้จริง ปฏิบัติต่อพระชายาอย่างสุดจิตสุดใจเวลานี้เอง จิ่งอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดแทรกประโยคหนึ่ง“ตอนคุณหนูบำรุงครรภ์ที่หุบเขา เจ้าเป็นคนเปิดเผยที่อยู่ของคุณหนูให้อ๋องหลีรู้ใช่หรือไม่?”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ร่างกายสั่นสะท้านลำดับคำพูดไม่ถูกครู่หนึ่ง “ข้า…ไม่ใช่ข้า!”ฉู่เชียนหลีนั่งลง ประคองแขนของนาง “เยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ หรือ?”นางมองตาเยว่เอ๋อร์ ทุกคำพูดชัดเจน“ข้าเคยพูดไว้เมื่อกลางวัน โอกาสมีแค่ครั้งเดียว แต่เพราะเป็นเจ้า ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”“พระชายา ข้า…”เยว่เอ๋อร์สะอึกครู่หนึ่ง มองดวงตาที่กำลังจ้องมองของพระชายา พลันเบ้าตาแดง น้ำตาทะลักออกมาทันทีนางไม่มีทางให้ย้อน
คนที่นางเชื่อใจที่สุด กลับแทงข้างหลังนาง นี่ยังจะให้นางเก็บเยว่เอ๋อร์ไว้ข้างกายอย่างวางใจได้อย่างไร?นางไม่เพียงแทงอวิ๋นอิง และยังแทงนางด้วย!นางทรยศนางเพื่ออ๋องหลี!ฉู่เชียนหลีสูดลมเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ หมุนกาย“เจ้าไปเถอะ!”“พระชายา!”เยว่เอ๋อร์กระโจนเข้าไปอย่างตื่นตระหนก “อย่าไล่ข้าไปเลย อย่านะ! ข้าโตมาพร้อมกับท่าน ท่านก็คือคนในครอบครัวของข้า ข้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ ข้ามีเพียงท่านคนเดียว!”นางกอดต้นขาฉู่เชียนหลี จับชายเสื้อของนาง อ้อนวอนอย่างตื่นตระหนก“ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าผิดแล้ว ท่านตีข้าก็ดี ด่าข้าก็ดี ลงโทษข้าก็ดี ข้ายอมรับทุกอย่าง ท่านอย่าไล่ข้าไปเลย…”นางลนลานแล้ว นางกลัวแล้วถ้าหากไปจากพระชายา แผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้ นางไม่มีกระทั่งที่ซุกหัวนอนถ้าหากไปจากพระชายา ความหมายในการมีชีวิตคืออะไร?“พระชายา ได้โปรด! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว! ต่อไปข้าจะไม่เลอะเลือนอีก ได้โปรดท่านให้อภัยข้าครั้งนี้ ได้โปรดพระชายา!”นางจับเสื้อของฉู่เชียนหลี ร้อนใจจนร้องไห้ฟูมฟายเสียงที่แหบ คำพูดที่อ้อนวอน การร้องไห้ที่ไม่สามารถอดกลั้น ใบหน้าที่ซีดขาวตอนที่จางเฟยตาย นางลนลานแค่ครู่เดียวเมื่อครู
กลับถึงเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลียืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานเรือน จับลำต้นไม้ พยุงร่างกาย ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เสียทีทรมานสะอึกสะอื้นผิดหวังเศร้าโศก และอาลัยอาวรณ์…อารมณ์ต่างๆ ถาโถมเข้ามาในใจ ขมขื่นซับซ้อน ชั่วขณะนางเหมือนร้อยอารมณ์ผสมปนเป ไม่รู้จะแสดงอารมณ์อย่างไร ไม่รู้จะพูดอย่างไร จึงจะเหมาะกับสถานการณ์ในเวลานี้ไล่คนที่เคียงข้างนางสิบปีเต็มๆ ไป ความผิดหวังที่ถูกทรยศเช่นนี้…ยากจะอธิบายด้วยคำพูดไม่รู้เฟิงเย่เสวียนมาตั้งแต่เมื่อไร เขาโอบเอวจากข้างหลัง กอดนางเบาๆวางคางบนศีรษะของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม“ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการกระทำ ถนนล้วนถูกมนุษย์สร้างขึ้น เส้นทางที่ดี เส้นทางที่ไม่ดี ล้วนเป็นการตัดสินใจของตัวเอง”เยว่เอ๋อร์เดินมาถึงขั้นนี้ นางเป็นคนเลือกเอง ไม่สามารถโทษใครได้ฉู่เชียนหลีสะอึกหมุนกาย กระโจนเข้าไปในอ้อมแขน กอดเขาไว้แน่นๆ สูดกลิ่นหอมบนกายเขาเข้าลึกๆทันใดนั้น รู้สึกกลัวคำว่า ‘ทรยศ’ มากๆความผิดหวังและเจ็บปวดของการถูกทรยศ ทำให้จิตใจนางหวาดหวั่น ชีวิตนี้ไม่อยากรู้สึกเช่นนี้อีก“ข้าก็มีส่วนผิด”เสียงของนางสั่น “เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนต้อ
คืนนี้ เหมือนสงบ แต่มีคลื่นใต้น้ำโรงหมออวิ๋นอิงหลับสนิทไปอีกหนึ่งคืน ร่างกายอ่อนล้า ประกอบกับอารมณ์ไม่ดี ย่อมไม่อยากขยับตัว ตอนที่ตื่นมา กลับเห็นร่างเงาที่คิดไม่ถึงสายหนึ่ง“พระชายา?!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่หน้าเตียง โดยมีจิ่งอี้ยืนอยู่ข้างๆ“ตื่นแล้ว” บนใบหน้าฉู่เชียนหลีเผยให้เห็นยิ้มจางๆ แต่รอยยิ้มนั้นแข็งเล็กน้อย ไม่รู้ว่านั่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ร่างกายแข็งทื่ออวิ๋นอิงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วพระชายามา คิดว่าจิ่งอี้เป็นคนไปเชิญมาในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับจิ่งอี้ น่าจะปิดไม่อยู่แล้วชั่วขณะ ไม่รู้จะพูดอย่างไรฉู่เชียนหลีเป็นคนเอ่ยปากก่อนนางกล่าว “อวิ๋นอิง ข้าขอโทษ…”อวิ๋นอิงตะลึง เงยหน้ามองนางอย่างไม่เข้าใจฉู่เชียนหลีเม้มปากที่ขมขื่น นางกล่าว “งานเลี้ยงอาหารค่ำตระกูลกู้ในตอนนั้น เยว่เอ๋อร์รู้เรื่องที่ห้องเก็บของจะระเบิดล่วงหน้า นางล่อข้าออกไป ทิ้งเจ้าไว้ที่นั่น ทำให้จางเฟยต้องตายด้วยความบังเอิญ”“นางเป็นคนวางขลุ่ยไม้ไผ่ของเจ้าไว้บนศพจางเฟย เพื่อใส่ร้ายเจ้า…”ม่านตาอวิ๋นอิงหดฉับพลัน รู้สึกแน่นหน้าอกคือนาง!ที่แท้คือเยว่เอ๋อร์!นางเคยนึก
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท