เสื้อผ้าที่ฉู่เชียนหลีสวมใส่ ย่อมไม่ได้กลิ่นบนร่างกายตัวเองเมื่อทุกคนกล่าวเช่นนี้ คิ้วของนางก็ขมวดเช่นกันนางมั่นใจและแน่ใจมาก นางไม่เคยใช้ธูปหอมกลิ่นดอกบัว ในจวนก็ไม่เคยซื้อธูปหอมเช่นนี้ บนร่างกายนางไม่มีทางมีกลิ่นเช่นนี้เด็ดขาดหรือว่า…มีคนกำลังวางแผนใส่ความนาง?“เสด็จพ่อ ถ้าหากข้าจะทำร้ายพระนัดดาองค์โต ย่อมต้องถอดเสื้อผ้าชุดนี้ และนำไปเผาทำลายหลักฐานทันที แต่ไม่ใช่เดินเข้าวังอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้” ฉู่เชียนหลีกล่าวฮ่องเต้ย่อมเข้าใจความหมายของนาง แต่ตอนนี้หลักฐานชี้ไปที่นาง เขาจะแก้ต่างให้นางอย่างไร?อีกคนคือหลานชายที่เขาเฝ้ารอมาสิบกว่าปีอีกคนคือพระชายาที่รักลูกสาวที่สุด และยังเป็นแม่บังเกิดเกล้าของลูกสาวฝาแฝดจะให้เขาเข้าข้างใคร?เวลานี้เอง เต๋อเฟยก้าวออกมา“ฝ่าบาท ตอนที่หม่อมฉันเห็นพระชายาอุ้มพระนัดดาองค์โต ท่าทางที่อ่อนโยนและมีเมตตานั่น ไม่เหมือนเสแสร้ง ความรักเช่นนั้น แสร้งแสดงออกมาไม่ได้ บางทีอาจมีคนเล่นสกปรก ใส่ความพระชายาอ๋องเฉิน?”นางวิเคราะห์อย่างใจเย็นฉู่เชียนหลีอึ้งไปครู่หนึ่ง มองไปทางเต๋อเฟยด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อยพวกนางเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง นางกลับช
นางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“ความสามารถของอ๋องหลีไม่น้อยเลยจริงๆ กักตัวอยู่ที่จวนอ๋อง รู้ทุกอย่างในวัง นับถือๆ”ทุกคนก้มหน้าลง บนใบหน้าล้วนปรากฏให้เห็นแววที่ซับซ้อนทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด มีหรือที่จะฟังความหมายนอกเหนือคำพูดของพระชายาอ๋องเฉินไม่ออกพระนัดดาองค์โตเกิดเรื่อง แปดส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องเฉินทันทีที่พระนัดดาองค์โตเกิดเรื่อง พระชายาอ๋องหลีก็เข้าวัง และยังบอกจะพาพระนัดดาองค์โตกลับไปเลี้ยงอย่างแข็งกร้าว หรือมีการวางแผนมา จุดประสงค์ก็เพื่อรับพระนัดดาองค์โตกลับจวนขอแค่มีพระนัดดาองค์โตอยู่ข้างกาย ฮ่องเต้ต้องเห็นแก่หน้าพระนัดดาองค์โต ลงโทษอ๋องหลีสถานเบาแน่นอนวิธีการลึกล้ำจริงๆ…“เจ้า…พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? เหตุใดข้าไม่เข้าใจ…”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกในอ้อมแขนแน่น สองมือจับผ้าห่อทารกอย่างกระสับกระส่าย แววตาสั่นไหวร้อนตัวแล้วนางเผลอพูดผิดไปแล้ว ตอนนี้ยิ่งพูดมาก ยิ่งดูมีพิรุธ แต่ถ้าหากไม่พูด ก็เท่ากับยอมรับว่าอ๋องหลีมีปัญหาไม่ใช่หรือ?พูดก็ไม่ใช่ ไม่พูดก็ไม่ใช่บ้าจริง!เมื่อครู่นางปากไวไปหน่อย หลงกลฉู่เชียนหลีแล้ว!“ฟังไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ คิดว่าในใจฝ่าบาทรู้ดี” ฉู
ทุกคน “?”“จะเป็นไปได้อย่างไร?!”เต๋อเฟยตะลึงงัน นางยกแขนทั้งสองข้างขึ้น จับแขนเสื้อมาดม ดมซ้ายดมขวา ดมข้างนอกดมข้างใน ก็ไม่ได้กลิ่นบนร่างกายตัวเองเสื้อผ้าของนางสนมในวังหลังล้วนถูกซักโดยสำนักซักผ้า จากนั้นสำนักซักผ้าจะตากแห้ง และรมธูปหอมให้เรียบร้อย จึงจัดส่งกลับตำหนักและเรือนต่างๆธูปหอมมีนางกำนัลบันทึกโดยเฉพาะ ตำหนักของนางไม่เคยใช้ดอกบัว“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยใช้ดอกบัวเพคะ กรมวังรู้ดี สามารถตรวจสอบได้ หรือว่าโจรชั่วนี่ไม่เพียงใส่ความพระชายาอ๋องเฉิน ยังคิดจะใส่ความหม่อมฉันด้วย?”เต๋อเฟยวิเคราะห์อย่างใจเย็นนางคิดจะทำร้ายพระนัดดาองค์โต เท่ากับรนหาที่ตาย อีกทั้งนางก็อายุมากแล้ว ไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการ ไม่มีทางลงมือกับพระนัดดาองค์โตเพราะฝ่าบาทเชื่อใจนาง จึงได้มอบพระนัดดาองค์โตให้นางฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่นเรื่องราวมาถึงทางตันฉู่เชียนหลีก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดเช่นกันเมื่อช่วงเช้าตอนเข้าวัง นั่งกับฮ่องเต้ในอุทยานหลวงประมาณสองชั่วยาม และกลับตอนเที่ยง นางกับเต๋อเฟยล้วนเคยอุ้มจื่อเยี่ยตอนนั้นเข้าใกล้เต๋อเฟย บนร่างกายเต๋อเฟยไม่มีกลิ่นดอกบัวต่อมา ระหว่างทางออกจากวังเ
เด็กคนนี้คือความมั่นใจของนาง!ฉู่เชียนหลีกลับไม่รู้สึกถึงความรักของแม่จากตัวนางเลยหลังจากมีลูก สำหรับนางแล้ว ลูกสำคัญกว่าทุกสิ่งอย่าง เงินทอง อำนาจ ตำแหน่ง…ไม่มีอะไรเทียบกับลูกได้นางยอมให้ตัวเองทุกข์ทรมาน ก็จะไม่ปล่อยให้ลูกลำบาก ยิ่งไม่มีทางใช้ลูกเป็นเครื่องมือ แสวงผลประโยชน์ให้ตัวเองมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของฉู่เชียนหลี นางกล่าวอย่างเรียบเฉยหนึ่งประโยค“เจ้าเป็นคนคลอด…เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยจริงหรือ?”“!”ร่างกายฉู่เจียวเจียวสั่นสะท้าน มีแสงบางอย่างแลบผ่านแววตา แน่นหน้าอกไปครู่หนึ่ง“ถ้าหากไม่ใช่เขาดูคล้ายอ๋องหลีกับฝ่าบาท ข้าคงคิดว่าเด็กคนนี้ถูกเจ้ารับเลี้ยงเสียอีก เจ้าช่างเป็นแม่ที่น่ารังเกียจจริงๆ” ฉู่เชียนหลีกวาดมองนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อฉู่เจียวเจียวได้ยิน หัวใจที่บีบแน่นก็คลายออกอีกครั้งฟู่…คิดว่าฉู่เชียนหลีรู้แล้วเสียอีก…ตกใจหมดเลยดูเหมือน ฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดไปในทางนั้น…ถ้าหากฉู่เชียนหลีรู้ความจริง เดิมทีอ๋องเฉินก็ได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทอยู่แล้ว และนางยังให้กำเนิดลูกฝาแฝดชายหญิง ไม่เท่ากับว่า ฟ้าลิขิต ดินอำนวย คนสนับสนุน ได้ต
เก็บนางไว้อีกวัน ยังไม่รู้จะสร้างปัญหาอย่างไรอีก!อูหนูล้วงมีดสั้นอันแหลมคมออกจากแขนเสื้อ เลียริมฝีปากเบาๆ มีประกายอันเย็นเยือกแลบผ่านแววตา ฆ่า?นางย่อมไม่ฆ่าฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเป็นคนที่อ๋องหลีชอบ ถ้าหากนางฆ่าฉู่เชียนหลี ก็เท่ากับล่วงเกินอ๋องหลีในเมื่อฆ่าไม่ได้ นางก็ใช้วิธีอื่นสั่งสอนนาง“ในเมื่อเจ้ามักจะขัดแข้งขัดขาข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าก็ตัดมือของเจ้า ดูสิต่อไปเจ้าจะรักษาคนอย่างไร!”พลันสายตานางเหี้ยมเกรียม ถือมีดสั้น เหวี่ยงไปที่มือซ้ายของฉู่เชียนหลีซ่า…ทันใดนั้น หนามน้ำแข็งพุ่งออกมา“ซี้ด!”หนามน้ำแข็งแหวกอากาศพุ่งเข้าไปหาอูหนู พลันอูหนูแน่นหน้าอก รีบเบี่ยงร่างกาย หนามน้ำแข็งเฉียดผ่านใบหน้าของนาง รู้สึกเจ็บแสบทันทีเมื่อยกมือจับเลือดไหลแล้วตอนที่มองไป ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ท่าทางนั่นดูเกียจคร้านนัก เหมือนคนหมดสติเสียที่ไหนกัน?นางไม่ได้หมดสติ!“เจ้าแกล้งหมดสติ?”อูหนูถอยออกมาสามก้าว จ้องผู้หญิงที่กำลังนวดข้อมือ“ใช่ ตอนอยู่หน้าประตูวัง เพิ่งขึ้นรถม้า ข้าก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว ก็เลยใช้แผนซ้อนแผน จะได้ดูว่าใครแอบเล่นตุกติกอยู่เบื้องห
อูหนูกุมสะบักที่บาดเจ็บ หน้าซีดเล็กน้อย ปากเม้มจนกลายเป็นเส้นตรงนางกัดฟัน จ้องฉู่เชียนหลีอย่างเย็นเยือก“ใครเป็นคนสั่งข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ใช่ลูกของเจ้าเสียหน่อย เจ้ามันชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจริงๆ!”“เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่!”อูหนูโยนความผิดให้นาง นางไม่ยุ่งได้หรือ?อีกอย่าง เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยยังเล็กเช่นนั้น นางสามารถนิ่งดูดายได้หรือ?“เจ้า!”“พูด!” ฉู่เชียนหลีกดนางไว้ “ถ้าเจ้าไม่ยอมพูด ข้าก็ไม่ถือสาที่จะใช้วิธีอื่น บังคับเจ้าเปิดปาก”อูหนูกัดฟันอย่างดุร้าย สายตาราวกับอาบยาพิษ แทบอยากจะกลืนฉู่เชียนหลีลงท้องทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ทักษะการแพทย์ของนางด้อยกว่าฉู่เชียนหลีสู้ก็สู้ฉู่เชียนหลีไม่ได้ถึงว่าอ๋องหลีชอบฉู่เชียนหลี ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น นางดีกว่าคุณหนูที่อ้อนแอ้นเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่าได้ครอบครองนาง ไม่เพียงได้รับลูกแฝดชายหญิง และยังได้รับแรงหนุนสายหนึ่งถ้าหากนางเป็นอ๋องหลี ก็อยากได้ฉู่เชียนหลีมาอยู่ในมือเช่นกันถ้าหากไม่ได้ ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไป ฆ่าทิ้งโดยตรง!“พูด…” นางหลุบตา แววตาค่อยๆ กลายเป็นดุร้าย “พูด…ข้าพูด…”นางกำหมัดช้าๆ“ข้าบ
ตอนฉู่เชียนหลีฟื้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยห้องที่มืดสลัว เต็มไปด้วยของจิปาถะ ทรุดโทรมมาก มีฝุ่นเขรอะ และใยแมงมุมที่มุมห้อง แสงสลัวลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ฝุ่นตลบกลางอากาศ นางถูกมัดมือไขว้หลังติดกับเสาเดิมทีอยากช่วยตัวเอง แต่เสาต้นนี้หนามาก แยกมือซ้ายและขวาของนางออกจากกัน ห่างกันพอสมควร ส่งผลให้นางไม่สามารถนำมีดผ่าตัดออกจากกำไลเฉียนคุนประกอบกับมีแผลที่แขนลองขยับอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ และยังกระชากโดนบาดแผล เลือดไหลเยอะมาก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นอูหนูทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแล้ว?และไม่ฆ่านาง?หมายความว่าอย่างไร?นางพยายามบิดข้อมือขณะที่กำลังจริงจัง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้ดังขึ้นในอากาศ เวลาสั้นๆ เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งมาถึงหน้าห้อง จากนั้นถีบประตูออกปัง!เดิมทีคิดว่าเป็นอูหนูมา กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเฟิงเจิ้งหลี!“เจ้า…”“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งหลีเดินตรงเข้ามา ปลดเชือกบนมือ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…มือของเจ้า…”เห็นบนแขนเสื้อนางมีเลือดเมื่อดึงขึ้นมาดู ตรงแขนของนาง เนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกควัก
ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่
กล่าวจบ เขาหมุนกาย นั่งขัดสมาธิลงบนกระดานไม้ที่เย็นเยียบ หันหลังให้นางฉู่เชียนหลีมองไม่เห็นสีหน้าของเขา และไม่แน่ใจคำพูดนี้ของหมายความว่าอย่างไร ยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก็จากไปแล้วออกจากคุกหลวง ข้างนอกท้องฟ้าสดใส อากาศสดชื่น“ส่งพระชายาอ๋องหลีไปอยู่ตำหนักเจาหยางชั่วคราว ปรนนิบัติให้ดี ห้ามละเลยเด็ดขาด” นางสั่งให้องครักษ์ลับคนหนึ่งคุ้มกันส่ง ในความเป็นจริงก็สั่งให้คนจับตาดูฉู่เจียวเจียวด้วยหลังไปแล้วท้องฟ้า ละอองฝนโปรยปรายลงมาเมื่อเงยหน้าก็ปะทะลม ละอองฝนตกใส่ใบหน้า หนาวจนรู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อย ใบไม้เหี่ยวหลุดจากกิ่งก้าน ล่องลอยไปตามสายลมรู้ตัวอีกทีก็เข้าหน้าหนาวแล้วมองดูท้องฟ้าอึมครึมที่ถูกเมฆดำปกคลุม นึกถึงคำพูดของอ๋องหลี รู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาด และไม่สบายใจเล็กน้อย เหมือนมีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นก้มหน้าอก รีบไปที่ห้องทรงอักษรเฟิงเย่เสวียนยุ่งมากฮ่องเต้ป่วย อ๋องหลีถูกจับ ราชสำนัก บ้านเมือง พรรคอ๋องหลี เรื่องราวต่างๆ มารวมกัน กดทับอยู่บนไหล่เฟิงเย่เสวียนทั้งหมด เขายุ่งจนตัวหมุน ไม่ได้หลับตาพักผ่อนมาสองวันแล้วฉู่เชียนหลีเดินเข้าห้องทรงอักษร “จับอูหนูได้หรือย
ฉู่เชียนหลีกวาดมองหมอหลวงที่อยู่โดยรอบแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินออกไป “เจ้าตามข้ามา”เมื่อฉู่เจียวเจียวได้ยินก็ดีใจ รีบกอดลูกแน่น แล้วเดินตามออกไปอย่างไวคุกหลวงองครักษ์เงาเฝ้ายาม เมื่อพวกเขาเห็นผู้มา ก็คำนับอย่างนอบน้อม “พระชายา”ฉู่เชียนหลีพยักหน้า เดินเข้าไปในคุกหลวงหัวใจฉู่เจียวเจียวบีบรัดแน่น ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินผ่านทางเดินยาวที่มืดสลัว มาถึงห้องขังที่อยู่ห้องท้ายสุด เมื่อเห็นผู้ชายที่ถูกขังอยู่ข้างใน รู้สึกเจ็บหน้าอกฉับพลัน“ท่านโหว!”เดินปรี่เข้าไป เอาข้างหนึ่งอุ้มลูก มืออีกข้างจับราวลูกกรงอย่างร้อนใจ“ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง!”ไม่เจอกันแค่คืนเดียว สภาพของเฟิงเจิ้งหลีโทรมมากสภาพแวดล้อมในห้องขังเปียกชื้นมืดสลัว ตรงที่มุมมีแมลงสาบกับหนูเกาะอยู่ ชุดเพ้าสีขาวเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกและความโชคร้าย ตรงคางเริ่มมีตอนหนวดปรากฏให้เห็น สภาพดูสะบักสะบอมมากผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ เงยหน้า เมื่อเห็นเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มีประกายที่ปกปิดสายหนึ่งแลบผ่าน“ถ้าไม่เป็นอะไร…”เขาลุกขึ้นยืน เสียงแหบไร้เรี่ยวแรงฉู่เจียวเจียวตาแดงทันที “คุกหลวงสกปรกเช่นนี้ เหม็นเช่นน
หมอหลวงคนหนึ่งกล่าวทันที “พระชายาอ๋องเฉิน ลูกสามารถมีใหม่ แต่ถ้าตายแล้ว ก็ไม่มีอะไรแล้ว มีเพียงเอาเด็กออก แล้วใช้สูตรยานี่ ผู้ป่วยจึงจะมีโอกาสรอด”หมอหญิงเว่ยพยักหน้า “นี่เป็นวิธีเดียวเจ้าค่ะ”เด็กกับผู้ใหญ่ เลือกได้แค่คนเดียวฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น สีหน้ากังวลนางไม่มีสิทธิ์ขัดความปรารถนาของอวิ๋นอิง ถอดคุณสมบัติการเป็นแม่ของนางออก ถ้าหากฝืนเอาเด็กคนนี้ออก อวิ๋นอิงต้องเกลียดนางทั้งชีวิตแน่นอนอีกทางร่างกายของอวิ๋นอิงอ่อนแอมาก เกรงว่าไม่สามารถทนต่อการแท้งบุตรไม่ไหวนางถอนใจหนักๆ “ข้าจะเก็บไว้ทั้งสองคน”“ฮะ?!”ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงแล้วหรือพระชายาอ๋องเฉินเลอะเลือนแล้ว?“พระชายาอ๋องเฉิน คนท้องห้ามกินยาส่งเดช และถ้าไม่กินยา จะรักษาโรคอวัยวะล้มเหลวได้อย่างไร? ใต้ฟ้าไม่มีวิธีทำสองอย่างให้สมบูรณ์แบบพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ต้องพยายามสักตั้ง รอวันที่ผลลัพธ์ออกมา จึงจะไม่รู้สึกผิดนางกวาดมองตำราที่เก็บสะสมในห้องแวบหนึ่ง ชั้นวางที่สูงตระหง่านสองกว่าแถว มีตำราที่หลากหลายและนับไม่ถ้วนวางเต็มไปหมด“ตำราแพทย์ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่หรือ?”หมอหญิงเว่ยพยัก
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ พระชายา ข้าชอบเว่ยซีกับลู่ฉิน พวกนางเป็นเด็กดีมาก เมื่อคืนไม่ร้องไห้เลย” อวิ๋นอิงเม้มปากยิ้มเล็กน้อยฉู่เชียนหลีจูงมือของนาง “ทุกคนลำบากมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“จิ่งอี้ เสียวอู่ พวกเจ้าอุ้มเด็กไปที่ตำหนักผานหลง ฝ่าบาทอยู่ที่นั่น มีคนช่วยดูแลด้วยกัน”หลังมอบหมายงานเสร็จ นางกับอวิ๋นอิงก็ไปแล้วกระซิบไปตลอดทาง“ยาที่ข้าจ่ายให้เจ้า กินทุกวันหรือไม่?” ขณะเดียวกับที่จูงมืออวิ๋นอิง ก็จับชีพจรของนางด้วยสภาพร่างกายของนาง…ไม่สู้ดีนักกินยาแล้ว แต่ไม่เห็นผลเพราะกำลังตั้งครรภ์ ฉู่เชียนหลีไม่กล้าใช้ยาฤทธิ์แรง ส่วนยาฤทธิ์เบาสำหรับอวิ๋นอิงนั้น มีผลไม่มาก ซึ่งเทียบเท่ากับไม่มีเลย อวิ๋นอิงพยักหน้า “ทำให้พระชายาเป็นห่วงแล้ว ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ ดีก็ดี ไม่ดีก็ช่าง ข้าทำใจยอมรับผลแล้ว”ทัศนคติของนางดีมาก มองโลกในแง่ดีมากพลางลูบท้อง แววตาเผยให้เห็นความหวัง“ขอแค่เด็กคนนี้สามารถเกิดมาอย่างปลอดภัย ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว”ชั่วขณะ ในใจฉู่เชียนหลีรู้สึกไม่สบอารมณ์หลังจากมีลูก นางสามารถเข้าใจความรักของแม่ของอวิ๋นอิง แต่นางก็ปล่อยมืออวิ๋นอิงไม่ลง ถ้าหากต้องเลื
“จริงๆ แล้ว ไม่มีใครสามารถราบรื่นทั้งชีวิต ชีวิตใครบ้างไม่เคยมีปัญหา? ร้องไห้ก็ดี หัวเราะก็ดี ล้วนต้องมองไปข้างหน้า”“อย่าจมอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว ถ้าหากมักจะใช้ชีวิตอยู่ในเงาของอดีต เช่นนั้นชีวิตนี้เจ้าก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากมัน”ฉู่เชียนหลีปลอบใจเขาเด็กที่อยู่ในท้องของกู้ชิงชิง มันหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่หรือ?หลิงเชียนอี้สะอื้นเบาๆ เงยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาขึ้นมา“น้าสะใภ้ ตกลงอวิ๋นอิงกับจิ่งอี้มันอย่างไรกันแน่? จิ่งอี้จะดีกับนางจริงๆ หรือ? เหตุใดข้ารู้สึกว่าดูไม่ค่อยเหมือน?”ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยเรื่องนี้นางก็ถูกปิดบังอยู่นานมากเช่นกัน เพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วันก่อน นางไม่สามารถอธิบายความพัวพันระหว่างอวิ๋นอิงกับจิ่งอี้“ข้าเชื่อในตัวจิ่งอี้ เขาไม่มีทางจงใจทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา”“แต่อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ…”ฉู่เชียนหลีเม้มปากเพราะเยว่เอ๋อร์ ส่งผลให้ระหว่างพวกเขาเกิดการเข้าใจผิด ตอนนี้ความขัดแย้งคลี่คลายแล้ว จิ่งอี้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง เชื่อว่าต่อไปจะดีกับอวิ๋นอิงแน่นอนปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ หัวใจของอวิ๋นอิงปิดตายแล้ว ไม่มีทางเปิดออกง่ายๆเกรงว่า
ในที่สุดทุกคนก็สามารถออกจากวังแล้ว สีหน้าของแต่ละคน…ยากจะพูดให้เข้าใจในประโยคเดียวมีทั้งโล่งอก มีทั้งร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา มีทั้งรู้สึกโชคดีที่รอดมาได้ ต่างๆ นานาหลังจากนั่งมานานทั้งคืน ร่างกายของทุกคนแข็งหมดแล้ว ตอนที่ลุกขึ้นยืน บางคนก็ตัวแข็งจนเดินไม่ไหว บางคนก็ล้มลงพื้นด้วยอาการเหน็บชา และยังมีบางคนเป็นตะคริวที่ขา ต้องใช้คนสองคนช่วยพยุงภาพภาพนี้ นับว่าเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งฉู่เชียนหลีเห็นแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม เดินไปรอเฟิงเย่เสวียนที่ข้างนอกแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเย่เสวียนมาแล้ว“เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปนอนพักสักครู่?” เขากล่าวอย่างห่วงใยฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้ารู้สุขภาพของฝ่าบาทดี ไม่รู้ว่าอ๋องหลีทำอะไรลงไป เขาอาจจะไม่สามารถฟื้นตัวในครึ่งปีหรือหนึ่งปี…เหตุใดเจ้าไม่ถือโอกาสนี้ดูแลราชสำนักล่ะ?”แม้เป็นตัวแทน แต่ความหมายก็ใกล้เคียงกันแต่ก็นะ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เก้าในสิบราชบัลลังก์เป็นของเขาแล้ว จะช้าหรือเร็วมันก็เหมือนกัน“ในขุนนางกลุ่มนั้น เกรงว่ายังมีคนของอ๋องหลีไม่น้อย ถ้าหากข้าฉวยโอกาสตอนที่ฝ่าบาทไม่มีสติ แทรกแซงการบริหารแผ่นดินอย่างโจ่งแจ้ง อาจจะถูกคนเจตนาร้
หมอหลวงของสำนักหมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากฉู่เชียนหลีจัดยาสมุนไพรให้ฮ่องเต้ดื่ม ชีพจรจึงจะคงที่ แต่ยังคงหมดสติอยู่จนถึงตอนนี้ยามห้าแสงแรกของวันปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า แสงรุ่งอรุณที่ริบหรี่ จะว่าสว่างก็ไม่สว่าง จะว่ามืดก็ไม่มืด จากทางตำหนัก แผ่ขยายไปจนถึงสุดขอบฟ้า มีความรู้สึกที่พูดไม่ถูกอธิบายไม่ได้สายหนึ่งอบอวลอยู่ฉู่เชียนหลียืนอยู่บนบันไดที่สูงสูงตระหง่าน มองดูแสงยามเช้าบนท้องฟ้าค่ำคืนนี้ เกิดเรื่องมากมาย แต่แสงยามเช้านี้ยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม สว่าง มีพลัง เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งโอบนางจากข้างหลัง“สวยมาก”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ามองแล้วกล่าว“ท้องฟ้าตอนที่จะสว่างไม่สว่าง สวยที่สุด”ฉู่เชียนหลีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“มนุษย์ตอนที่อยู่ใกล้แต่ไม่กล้า มีเสน่ห์ที่สุด”เขาเลิกคิ้ว หมุนร่างกายนางกลับมา ประทับจูบลงบนกลีบริมฝีปากนาง เขากัดริมฝีปากล่างของนางไว้ กล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ“พูดเหลวไหล”“ไม่ว่าเวลาใด เจ้าก็ล้วนมีเสน่ห์ที่สุด”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ ปลายนิ้วจิ้มหน้าอกของเขา ลูกก็มีแล้ว ยังใช้คำพูดเจ้าชู้เช่นนี้อีก ไม่ใช่คู่ใหม่ปลามันอะไรแล้ว“ฟ้าใกล้
ใบหน้าฮ่องเต้กระตุกจนเบี้ยวแล้ว มีน้ำลายไหลออกจากมุมปาก มือเท้าสั่นจนเกร็ง แต่เขายังมีสติอยู่เมื่อเห็นอ๋องเฉินมา เขาดีใจแต่ไม่สามารถสื่อออกมา ทำได้เพียงส่งเสียงที่คลุมเครือออกมา“เออ…เออ…”เฟิงเย่เสวียนเห็นแล้ว ปวดที่ระหว่างคิ้วเล็กน้อยเสด็จพ่อลำเอียงรักเขาตั้งแต่เด็ก เอาใจเขา ตามใจเขา ในสายตาของเขา เสด็จพ่อมีภาพลักษณ์ที่สูงส่งผ่าเผย สุขุมและน่าเกรงขามมาโดยตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นสภาพเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก“รักษาหายได้ ไม่ต้องห่วง เป็นแค่ปัญหาของเวลา จับตัวอูหนูให้ได้ก่อน ถามให้รู้ว่าพวกเขาว่าทำอะไรกับฝ่าบาท แล้วค่อยจ่ายยาตามอาการ”เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบาง ฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อในทักษะการแพทย์ของเจ้า”เวลานี้เอง ฮ่องเต้มองเห็นฉู่เจียวเจียวที่ยืนอยู่ตรงประตู และเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง เขาเบิกตากว้างทันที“เออ!”อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านกะทันหัน ร่างกายก็สั่นอย่างแรง พยายามอยากลุกขึ้นยืน กลับล้มลงพื้นอย่างชักกระตุก“เสด็จพ่อ!”“ฝ่าบาท!”ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนช่วยกันประคองเขาขึ้นมา“เออ!”ฮ่องเต้พยายามชำเลืองมองแม่ลูกที่อย