ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว หลังจากเหลือบมองอ๋องหลีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็อุ้มฉู่เชียนหลีกลับจวนเมื่อประตูใหญ่ปิดลงเขากัดฟันทันใดนั้น “เจ้ายังช่วยเขาพูดอีก?” หยิกไปที่เอวของนางหนึ่งทีฉู่เชียนหลีตะลึง “ข้าช่วยเขาพูดตรงไหน?”“เจ้าอยู่กับเขา ไม่ใช่เขาที่ทำร้ายเจ้าหรอกหรือ? หรือว่าเขาวางยาอะไรเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขา?” เขากล่าวอย่างโมโหเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ทันทีนางไม่มีเจตนาช่วยอ๋องหลีพูดแน่นอนอ๋องหลีไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ และยังแบกนางอย่างอดทนตลอดทาง นางพล่ามตลอดทาง ก็ไม่ปล่อยนางลงแม้ไม่รู้เขามีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็พอทำให้นางประทับใจอยู่บ้าง“นี่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง อูหนูอยู่ข้างกายอ๋องหลี เหมือนนางจะเป็นคนของอ๋องหลี”“อูหนู?”เฟิงเย่เสวียนคิดครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้แล้ว“นางกลับเหมียวเจียงแล้วไม่ใช่หรือ?”“อืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ข้าก็คิดว่านางกลับเหมียวเจียงแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเจ้าได้ประโยชน์แล้ว สั่งให้คนฆ่านาง?”เฟิงเย่เสวียน “?”พูดเหลวไหล!“ตอนนั้น ยาที่นางปรุงมีปัญหา หลังจากข้าลงโทษนางเบาๆ เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้นางมีผลงาน จริง
เฟิงเจิ้งหลีก้มหน้า ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น“อยู่ใต้จมูกเรา มือของเจ้ายื่นไปไกลจริงๆ ในวัง ทหารรักษาพระองค์ สักวันจะยื่นมาถึงบนหัวเราแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้ตำหนิด้วยความโกรธเขาให้คนไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนอ๋องหลีเขากลับดี ไม่อยู่ในจวนระหว่างช่วงกักบริเวณเขารอมาครึ่งชั่วยามแล้ว“เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ดีของเราจริงๆ ให้เรารอเจ้านานเช่นนี้ สิบกว่าปีมานี้ มีเพียงเจ้าที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”“เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ”“พูด เรื่องพระนัดดาองค์โต เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”ฮ่องเต้ตบโต๊ะ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นเรื่อยๆ เต๋อฝูตกใจจนไล่ขันทีน้อยออกไปทั้งหมด เขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน ปิดประตูรออยู่ที่ข้างนอก“นี่เจ้าเป็นพ่ออย่างไรกัน ใต้ฟ้า มีพ่อแท้ๆ ทำเรื่องเช่นนี้กับลูกแท้ๆ ได้อย่างไร!”“เจ้าทำให้เราผิดหวังมาก!”ฮ่องเต้เกรี้ยวกราดจนน้ำลายกระเซ็น ตำหนิเขาเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีก้มหน้าเล็กน้อยๆ เอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเฉยเมยเขาเหี้ยมโหด?เขาที่เป็นพ่อคนนี้ทำหน้าที่แย่?เหอะ“เสด็จพ่อ นี่ตั้งแต่เมื่อไรก็เรียนรู้จากพระองค์ไม่ใช่หรือ?” เขาเงยหน้ากะทันหัน“เจ้า…เ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนทำแผลที่มือให้ฉู่เชียนหลี เขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนเป็นก้อนแล้วถูกควักเนื้อออกไปหนึ่งชิ้นเล็กๆ ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงเจิ้งหลี?ฉู่เชียนหลีเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เจ้าไปทำอะไร?”“ไปหารือกับขุนนางสองสามคนก่อน ช่วงบ่ายไปค่ายทหาร โยกย้ายทหาร”“โยกย้ายทหาร?”“อืม ข้าย้ายทหารทหารส่วนหนึ่งไปยังที่ศักดินาแล้ว” เขาสรุปง่ายๆ ได้ใจความฉู่เชียนหลีได้กลิ่นแปลกๆในยุคโบราณ กำลังทหารคือสัญลักษณ์ของอำนาจ เขาวังกำลังทหารไว้ในที่ศักดินาของตัวเอง เพื่อทำให้อำนาจมั่นคงสถานการณ์ของเมืองหลวง เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกระมังเขากล่าว “รอลูกอายุครบหนึ่งเดือน ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้ว เจ้าพาลูกไปอยู่ที่ที่ศักดินาเถอะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงย้ายนางกับลูกไปด้วย?ฉู่เชียนหลีรู้ความหมายของเขา เขาไม่อยากให้นางกับลูกตกอยู่ในอันตราย ขอแค่นางกับลูกไปแล้ว เวลาทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถไปทำอย่างเต็มที่นางเม้มปากเบาๆ หลุบตาลงเงียบๆหลังจากนิ่งเงียบชั่วขณะนางเงยหน้ากะทันหัน “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิงยังไม่กลับมาหรือ?”เยว่เอ๋อร์ที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ พึมพำในใจ คุณชายจิ่
จิ่งอี้กลับถึงโรงหมอก็ดึกแล้วภายในห้อง แสงเทียนที่สลัวไหวระริก ยามราตรีสงบดั่งน้ำ สตรีที่นอนมาทั้งคืนทั้งวันยังคงหลับตา ลมหายใจเบามาก สีหน้าซีดเซียว ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเฟิ่งหรานบอกว่านางจะฟื้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดก็พรุ่งนี้เช้าเขานั่งอยู่ที่หน้าเตียง เฝ้านางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสายตาจ้องไปที่ร่างกายนาง ไม่เคยละสายตาเลยเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…หนึ่งเค่อครึ่งชั่วยามสองชั่วยามยามสามรุ่งอรุณ…ไม่ได้หลับทั้งคืน นอกห้องเริ่มมีน้ำค้างยามเช้า ร่างกายจิ่งอี้ก็เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำค้างแข็ง เย็นเฉียบและแข็งไปทั้งร่าง ไม่ได้หลับตานอนสองวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าฟุบอยู่บนขอบเตียงมือของเขาจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรนิ้วมือของนางกระดิกทีหนึ่ง…พริบตานั้น เขาสะดุ้งตื่นราวกับถูกไฟช็อต ดีดตัวขึ้นนั่งฉับพลัน สายตาที่ร้อนรนจ้องคนบนเตียง“อวิ๋นอิง!”นางใกล้จะฟื้นแล้วขนตาสั่นเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เปลือกตาเปิดขึ้นเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย สายตาพร่ามัว เต็มไปด้วยความสับสนตั้งสติอยู่นานเมื่อความพร
อวิ๋นอิงหลับตา ไม่อยากพูด และไม่อยากเห็นเขาเขาป้อนนางดื่มข้าวต้ม?นี่คิดจะทำอะไรอีก?เปลี่ยนวิธีทรมานนาง?ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาอยากทำ นางไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็นอนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ปล่อยให้เขาทรมานอย่างไรเสีย นอกจากร่างกายร่างนี้ นางก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนางไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด“อวิ๋นอิง เจ้าช่วยพูดอะไรกับข้าหน่อยได้หรือไม่?” น้ำเสียงของจิ่งอี้วิงวอนเล็กน้อย ฟังแล้วค่อนข้างถ่อมตน“อวิ๋นอิง เจ้าไม่มีความสุข อย่าเก็บไว้ในใจ”“อวิ๋นอิง”“อวิ๋นอิง…”เขาเรียกนางไม่หยุด สายตาที่โหยหาสามารถมองไปที่ร่างกายนาง แต่นางเหมือนหลับสนิท ไม่แยแสใครเขาเจ็บปวดทรมานใจ แทบจะพังทลายแล้ว“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้กับข้า!”เขาจับคางของนาง หันศีรษะนางกลับมานางถูกบังคับให้ลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายที่เย็นเยียบ เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว ชั้นบางๆ แต่กลับควบแน่นเป็นน้ำแข็ง เย็นจนแสบกระดูกนางมองเขาเงียบๆ ทั้งเช่นนี้ไม่มีความแปรปรวนทั้งอารมณ์ ยิ่งไม่มีความเศร้าโศก ก็เหมือนกับบ่อน้ำนิ่ง สงบมากหรือกล่าวอีกอย่างคือ ถูกกระทำมานานเช่นนี้ นางเหนื่อยแล้ว
ในห้องที่หลังจากจิ่งอี้ไปแล้ว ตกอยู่ในความสงบ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา แสงจางๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เงียบมาก เงียบจนแทบสามารถได้ยินเสียงหายใจอวิ๋นอิงไม่รู้ว่าตัวเองนอนมานานเท่าไรแล้ว รู้สึกเพียงร่างกายอ่อนระทวย เหนื่อยล้า ไร้เรี่ยวแรง แม้แต่หายใจก็เจ็บเล็กน้อยคอแห้งหายใจเจ็บร่างกายอ่อนระทวยความรู้สึกที่งงงวยเช่นนี้ เหมือนกำลังจะตายบางที…จะตายจริงๆ แล้วกระมัง?“แค่ก…แค่กๆ…” นางไอเบาๆ ในลำคอสองที หน้าอกปวดบิดเล็กน้อย ไม่ได้กินข้าวสองวัน และไม่ได้พูด เสียงไอแหบมากทรมานเป็นพิเศษไม่รู้นอนมานานเท่าไร จู่ๆ ก็อยากดูดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างอวิ๋นอิงดึงผ้าห่มออก ยันร่างกายลุกขึ้นอย่างลำบากเล็กน้อย ตอนที่ลงจากเตียง ขาอ่อนจนเกือบล้มลง โชคดีที่จับเสาเตียงไว้ จึงทรงตัวได้อย่างหวุดหวิดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จับผนัง ค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกจากเตียงนอนไปถึงบันไดหน้าประตู ห่างกันแค่สามสี่เมตร นางเหมือนเดินไกลสิบลี้ในรวดเดียว เหนื่อยจนหน้าซีด เหงื่อล้นออกมาจากหน้าผากนั่งลงบนบันไดอย่างโซซัดโซเซ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทีหนึ่ง“แค่ก! แค่ก…”แสงแดด
“แค่ก! แค่กๆ…”ในลานเรือน อวิ๋นอิงไออีกแล้วหยุดไม่ได้ จากไอเบาๆ กลายเป็นไอหนัก ลมหายใจก็เริ่มถี่ มือซ้ายกำขลุ่ยหักแน่น มือขวาปิดปาก หน้าอกกระตุกอย่างรุนแรง ทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้หายใจถี่ ทรมานจนทำให้หางตานางแดง“แค่ก!”“แค่ก…อืม แค่กๆ!”นางก้มลง เห็นในฝ่ามือมีคราบสีแดงคือเลือด…นางมองเลือดนั่น แววตาสับสนเล็กทันใดนั้น ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งห่อมือของนาง และเช็ดเลือดเหล่านั้นจนสะอาดอย่างไว เมื่อนางเงยหน้า เห็นจิ่งอี้ พูดไม่ออกสักคำ มีเพียงเสียงไอ “แค่กๆ…”จิ่งอี้กล่าว “ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ได้รับน้ำแม้แต่หยดเดียวมาสองวันแล้ว จะทนไหวได้อย่างไร? พวกเรากินอะไรหน่อยดีหรือไม่? กินยาหน่อย กินยาแล้ว ก็ไม่อาเจียนเลือดแล้ว”เสียงของเขาเบามากๆ และมีการวิงวอนแฝงอยู่เขาถ่อมตนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาคุยกับนางก็ระมัดระวังมากอวิ๋นอิงไออย่างแทบหายใจไม่ทัน ดึงมือของตัวเองออกมา เว้นระยะห่างจากเขา ไม่ต้องการมีความใกล้ชิดทางกายใดๆ กับเขา และยิ่งไม่อยากเห็นเขาไออยู่ดีๆ ก็มีเลือดล้นออกมาจากมุมปาก สะท้อนบนใบหน้าที่ซีดขาวของนาง สายตาอ่อนแอ เหมือนมีมีดเล่มหนึ่งปักลงกลางใจจิ่งอี้
“แค่ก! แค่กๆ…”ในลานเรือน อวิ๋นอิงไออีกแล้วหยุดไม่ได้ จากไอเบาๆ กลายเป็นไอหนัก ลมหายใจก็เริ่มถี่ มือซ้ายกำขลุ่ยหักแน่น มือขวาปิดปาก หน้าอกกระตุกอย่างรุนแรง ทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้หายใจถี่ ทรมานจนทำให้หางตานางแดง“แค่ก!”“แค่ก…อืม แค่กๆ!”นางก้มลง เห็นในฝ่ามือมีคราบสีแดงคือเลือด…นางมองเลือดนั่น แววตาสับสนเล็กทันใดนั้น ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งห่อมือของนาง และเช็ดเลือดเหล่านั้นจนสะอาดอย่างไว เมื่อนางเงยหน้า เห็นจิ่งอี้ พูดไม่ออกสักคำ มีเพียงเสียงไอ “แค่กๆ…”จิ่งอี้กล่าว “ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่ได้รับน้ำแม้แต่หยดเดียวมาสองวันแล้ว จะทนไหวได้อย่างไร? พวกเรากินอะไรหน่อยดีหรือไม่? กินยาหน่อย กินยาแล้ว ก็ไม่อาเจียนเลือดแล้ว”เสียงของเขาเบามากๆ และมีการวิงวอนแฝงอยู่เขาถ่อมตนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาคุยกับนางก็ระมัดระวังมากอวิ๋นอิงไออย่างแทบหายใจไม่ทัน ดึงมือของตัวเองออกมา เว้นระยะห่างจากเขา ไม่ต้องการมีความใกล้ชิดทางกายใดๆ กับเขา และยิ่งไม่อยากเห็นเขาไออยู่ดีๆ ก็มีเลือดล้นออกมาจากมุมปาก สะท้อนบนใบหน้าที่ซีดขาวของนาง สายตาอ่อนแอ เหมือนมีมีดเล่มหนึ่งปักลงกลางใจจิ่งอี้
ในห้องที่หลังจากจิ่งอี้ไปแล้ว ตกอยู่ในความสงบ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา แสงจางๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เงียบมาก เงียบจนแทบสามารถได้ยินเสียงหายใจอวิ๋นอิงไม่รู้ว่าตัวเองนอนมานานเท่าไรแล้ว รู้สึกเพียงร่างกายอ่อนระทวย เหนื่อยล้า ไร้เรี่ยวแรง แม้แต่หายใจก็เจ็บเล็กน้อยคอแห้งหายใจเจ็บร่างกายอ่อนระทวยความรู้สึกที่งงงวยเช่นนี้ เหมือนกำลังจะตายบางที…จะตายจริงๆ แล้วกระมัง?“แค่ก…แค่กๆ…” นางไอเบาๆ ในลำคอสองที หน้าอกปวดบิดเล็กน้อย ไม่ได้กินข้าวสองวัน และไม่ได้พูด เสียงไอแหบมากทรมานเป็นพิเศษไม่รู้นอนมานานเท่าไร จู่ๆ ก็อยากดูดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างอวิ๋นอิงดึงผ้าห่มออก ยันร่างกายลุกขึ้นอย่างลำบากเล็กน้อย ตอนที่ลงจากเตียง ขาอ่อนจนเกือบล้มลง โชคดีที่จับเสาเตียงไว้ จึงทรงตัวได้อย่างหวุดหวิดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จับผนัง ค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกจากเตียงนอนไปถึงบันไดหน้าประตู ห่างกันแค่สามสี่เมตร นางเหมือนเดินไกลสิบลี้ในรวดเดียว เหนื่อยจนหน้าซีด เหงื่อล้นออกมาจากหน้าผากนั่งลงบนบันไดอย่างโซซัดโซเซ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทีหนึ่ง“แค่ก! แค่ก…”แสงแดด
อวิ๋นอิงหลับตา ไม่อยากพูด และไม่อยากเห็นเขาเขาป้อนนางดื่มข้าวต้ม?นี่คิดจะทำอะไรอีก?เปลี่ยนวิธีทรมานนาง?ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาอยากทำ นางไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็นอนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ปล่อยให้เขาทรมานอย่างไรเสีย นอกจากร่างกายร่างนี้ นางก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนางไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด“อวิ๋นอิง เจ้าช่วยพูดอะไรกับข้าหน่อยได้หรือไม่?” น้ำเสียงของจิ่งอี้วิงวอนเล็กน้อย ฟังแล้วค่อนข้างถ่อมตน“อวิ๋นอิง เจ้าไม่มีความสุข อย่าเก็บไว้ในใจ”“อวิ๋นอิง”“อวิ๋นอิง…”เขาเรียกนางไม่หยุด สายตาที่โหยหาสามารถมองไปที่ร่างกายนาง แต่นางเหมือนหลับสนิท ไม่แยแสใครเขาเจ็บปวดทรมานใจ แทบจะพังทลายแล้ว“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้กับข้า!”เขาจับคางของนาง หันศีรษะนางกลับมานางถูกบังคับให้ลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายที่เย็นเยียบ เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว ชั้นบางๆ แต่กลับควบแน่นเป็นน้ำแข็ง เย็นจนแสบกระดูกนางมองเขาเงียบๆ ทั้งเช่นนี้ไม่มีความแปรปรวนทั้งอารมณ์ ยิ่งไม่มีความเศร้าโศก ก็เหมือนกับบ่อน้ำนิ่ง สงบมากหรือกล่าวอีกอย่างคือ ถูกกระทำมานานเช่นนี้ นางเหนื่อยแล้ว
จิ่งอี้กลับถึงโรงหมอก็ดึกแล้วภายในห้อง แสงเทียนที่สลัวไหวระริก ยามราตรีสงบดั่งน้ำ สตรีที่นอนมาทั้งคืนทั้งวันยังคงหลับตา ลมหายใจเบามาก สีหน้าซีดเซียว ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเฟิ่งหรานบอกว่านางจะฟื้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดก็พรุ่งนี้เช้าเขานั่งอยู่ที่หน้าเตียง เฝ้านางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสายตาจ้องไปที่ร่างกายนาง ไม่เคยละสายตาเลยเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…หนึ่งเค่อครึ่งชั่วยามสองชั่วยามยามสามรุ่งอรุณ…ไม่ได้หลับทั้งคืน นอกห้องเริ่มมีน้ำค้างยามเช้า ร่างกายจิ่งอี้ก็เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำค้างแข็ง เย็นเฉียบและแข็งไปทั้งร่าง ไม่ได้หลับตานอนสองวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าฟุบอยู่บนขอบเตียงมือของเขาจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรนิ้วมือของนางกระดิกทีหนึ่ง…พริบตานั้น เขาสะดุ้งตื่นราวกับถูกไฟช็อต ดีดตัวขึ้นนั่งฉับพลัน สายตาที่ร้อนรนจ้องคนบนเตียง“อวิ๋นอิง!”นางใกล้จะฟื้นแล้วขนตาสั่นเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เปลือกตาเปิดขึ้นเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย สายตาพร่ามัว เต็มไปด้วยความสับสนตั้งสติอยู่นานเมื่อความพร
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนทำแผลที่มือให้ฉู่เชียนหลี เขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนเป็นก้อนแล้วถูกควักเนื้อออกไปหนึ่งชิ้นเล็กๆ ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงเจิ้งหลี?ฉู่เชียนหลีเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เจ้าไปทำอะไร?”“ไปหารือกับขุนนางสองสามคนก่อน ช่วงบ่ายไปค่ายทหาร โยกย้ายทหาร”“โยกย้ายทหาร?”“อืม ข้าย้ายทหารทหารส่วนหนึ่งไปยังที่ศักดินาแล้ว” เขาสรุปง่ายๆ ได้ใจความฉู่เชียนหลีได้กลิ่นแปลกๆในยุคโบราณ กำลังทหารคือสัญลักษณ์ของอำนาจ เขาวังกำลังทหารไว้ในที่ศักดินาของตัวเอง เพื่อทำให้อำนาจมั่นคงสถานการณ์ของเมืองหลวง เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกระมังเขากล่าว “รอลูกอายุครบหนึ่งเดือน ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้ว เจ้าพาลูกไปอยู่ที่ที่ศักดินาเถอะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงย้ายนางกับลูกไปด้วย?ฉู่เชียนหลีรู้ความหมายของเขา เขาไม่อยากให้นางกับลูกตกอยู่ในอันตราย ขอแค่นางกับลูกไปแล้ว เวลาทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถไปทำอย่างเต็มที่นางเม้มปากเบาๆ หลุบตาลงเงียบๆหลังจากนิ่งเงียบชั่วขณะนางเงยหน้ากะทันหัน “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิงยังไม่กลับมาหรือ?”เยว่เอ๋อร์ที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ พึมพำในใจ คุณชายจิ่
เฟิงเจิ้งหลีก้มหน้า ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น“อยู่ใต้จมูกเรา มือของเจ้ายื่นไปไกลจริงๆ ในวัง ทหารรักษาพระองค์ สักวันจะยื่นมาถึงบนหัวเราแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้ตำหนิด้วยความโกรธเขาให้คนไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนอ๋องหลีเขากลับดี ไม่อยู่ในจวนระหว่างช่วงกักบริเวณเขารอมาครึ่งชั่วยามแล้ว“เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ดีของเราจริงๆ ให้เรารอเจ้านานเช่นนี้ สิบกว่าปีมานี้ มีเพียงเจ้าที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”“เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ”“พูด เรื่องพระนัดดาองค์โต เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”ฮ่องเต้ตบโต๊ะ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นเรื่อยๆ เต๋อฝูตกใจจนไล่ขันทีน้อยออกไปทั้งหมด เขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน ปิดประตูรออยู่ที่ข้างนอก“นี่เจ้าเป็นพ่ออย่างไรกัน ใต้ฟ้า มีพ่อแท้ๆ ทำเรื่องเช่นนี้กับลูกแท้ๆ ได้อย่างไร!”“เจ้าทำให้เราผิดหวังมาก!”ฮ่องเต้เกรี้ยวกราดจนน้ำลายกระเซ็น ตำหนิเขาเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีก้มหน้าเล็กน้อยๆ เอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเฉยเมยเขาเหี้ยมโหด?เขาที่เป็นพ่อคนนี้ทำหน้าที่แย่?เหอะ“เสด็จพ่อ นี่ตั้งแต่เมื่อไรก็เรียนรู้จากพระองค์ไม่ใช่หรือ?” เขาเงยหน้ากะทันหัน“เจ้า…เ
เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว หลังจากเหลือบมองอ๋องหลีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็อุ้มฉู่เชียนหลีกลับจวนเมื่อประตูใหญ่ปิดลงเขากัดฟันทันใดนั้น “เจ้ายังช่วยเขาพูดอีก?” หยิกไปที่เอวของนางหนึ่งทีฉู่เชียนหลีตะลึง “ข้าช่วยเขาพูดตรงไหน?”“เจ้าอยู่กับเขา ไม่ใช่เขาที่ทำร้ายเจ้าหรอกหรือ? หรือว่าเขาวางยาอะไรเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขา?” เขากล่าวอย่างโมโหเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ทันทีนางไม่มีเจตนาช่วยอ๋องหลีพูดแน่นอนอ๋องหลีไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ และยังแบกนางอย่างอดทนตลอดทาง นางพล่ามตลอดทาง ก็ไม่ปล่อยนางลงแม้ไม่รู้เขามีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็พอทำให้นางประทับใจอยู่บ้าง“นี่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง อูหนูอยู่ข้างกายอ๋องหลี เหมือนนางจะเป็นคนของอ๋องหลี”“อูหนู?”เฟิงเย่เสวียนคิดครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้แล้ว“นางกลับเหมียวเจียงแล้วไม่ใช่หรือ?”“อืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ข้าก็คิดว่านางกลับเหมียวเจียงแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเจ้าได้ประโยชน์แล้ว สั่งให้คนฆ่านาง?”เฟิงเย่เสวียน “?”พูดเหลวไหล!“ตอนนั้น ยาที่นางปรุงมีปัญหา หลังจากข้าลงโทษนางเบาๆ เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้นางมีผลงาน จริง
ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
ตอนฉู่เชียนหลีฟื้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยห้องที่มืดสลัว เต็มไปด้วยของจิปาถะ ทรุดโทรมมาก มีฝุ่นเขรอะ และใยแมงมุมที่มุมห้อง แสงสลัวลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ฝุ่นตลบกลางอากาศ นางถูกมัดมือไขว้หลังติดกับเสาเดิมทีอยากช่วยตัวเอง แต่เสาต้นนี้หนามาก แยกมือซ้ายและขวาของนางออกจากกัน ห่างกันพอสมควร ส่งผลให้นางไม่สามารถนำมีดผ่าตัดออกจากกำไลเฉียนคุนประกอบกับมีแผลที่แขนลองขยับอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ และยังกระชากโดนบาดแผล เลือดไหลเยอะมาก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นอูหนูทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแล้ว?และไม่ฆ่านาง?หมายความว่าอย่างไร?นางพยายามบิดข้อมือขณะที่กำลังจริงจัง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้ดังขึ้นในอากาศ เวลาสั้นๆ เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งมาถึงหน้าห้อง จากนั้นถีบประตูออกปัง!เดิมทีคิดว่าเป็นอูหนูมา กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเฟิงเจิ้งหลี!“เจ้า…”“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งหลีเดินตรงเข้ามา ปลดเชือกบนมือ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…มือของเจ้า…”เห็นบนแขนเสื้อนางมีเลือดเมื่อดึงขึ้นมาดู ตรงแขนของนาง เนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกควัก