อูหนูกุมสะบักที่บาดเจ็บ หน้าซีดเล็กน้อย ปากเม้มจนกลายเป็นเส้นตรงนางกัดฟัน จ้องฉู่เชียนหลีอย่างเย็นเยือก“ใครเป็นคนสั่งข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ใช่ลูกของเจ้าเสียหน่อย เจ้ามันชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจริงๆ!”“เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่!”อูหนูโยนความผิดให้นาง นางไม่ยุ่งได้หรือ?อีกอย่าง เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยยังเล็กเช่นนั้น นางสามารถนิ่งดูดายได้หรือ?“เจ้า!”“พูด!” ฉู่เชียนหลีกดนางไว้ “ถ้าเจ้าไม่ยอมพูด ข้าก็ไม่ถือสาที่จะใช้วิธีอื่น บังคับเจ้าเปิดปาก”อูหนูกัดฟันอย่างดุร้าย สายตาราวกับอาบยาพิษ แทบอยากจะกลืนฉู่เชียนหลีลงท้องทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ทักษะการแพทย์ของนางด้อยกว่าฉู่เชียนหลีสู้ก็สู้ฉู่เชียนหลีไม่ได้ถึงว่าอ๋องหลีชอบฉู่เชียนหลี ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น นางดีกว่าคุณหนูที่อ้อนแอ้นเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่าได้ครอบครองนาง ไม่เพียงได้รับลูกแฝดชายหญิง และยังได้รับแรงหนุนสายหนึ่งถ้าหากนางเป็นอ๋องหลี ก็อยากได้ฉู่เชียนหลีมาอยู่ในมือเช่นกันถ้าหากไม่ได้ ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไป ฆ่าทิ้งโดยตรง!“พูด…” นางหลุบตา แววตาค่อยๆ กลายเป็นดุร้าย “พูด…ข้าพูด…”นางกำหมัดช้าๆ“ข้าบ
ตอนฉู่เชียนหลีฟื้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยห้องที่มืดสลัว เต็มไปด้วยของจิปาถะ ทรุดโทรมมาก มีฝุ่นเขรอะ และใยแมงมุมที่มุมห้อง แสงสลัวลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ฝุ่นตลบกลางอากาศ นางถูกมัดมือไขว้หลังติดกับเสาเดิมทีอยากช่วยตัวเอง แต่เสาต้นนี้หนามาก แยกมือซ้ายและขวาของนางออกจากกัน ห่างกันพอสมควร ส่งผลให้นางไม่สามารถนำมีดผ่าตัดออกจากกำไลเฉียนคุนประกอบกับมีแผลที่แขนลองขยับอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ และยังกระชากโดนบาดแผล เลือดไหลเยอะมาก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นอูหนูทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแล้ว?และไม่ฆ่านาง?หมายความว่าอย่างไร?นางพยายามบิดข้อมือขณะที่กำลังจริงจัง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้ดังขึ้นในอากาศ เวลาสั้นๆ เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งมาถึงหน้าห้อง จากนั้นถีบประตูออกปัง!เดิมทีคิดว่าเป็นอูหนูมา กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเฟิงเจิ้งหลี!“เจ้า…”“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งหลีเดินตรงเข้ามา ปลดเชือกบนมือ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…มือของเจ้า…”เห็นบนแขนเสื้อนางมีเลือดเมื่อดึงขึ้นมาดู ตรงแขนของนาง เนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกควัก
ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว หลังจากเหลือบมองอ๋องหลีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็อุ้มฉู่เชียนหลีกลับจวนเมื่อประตูใหญ่ปิดลงเขากัดฟันทันใดนั้น “เจ้ายังช่วยเขาพูดอีก?” หยิกไปที่เอวของนางหนึ่งทีฉู่เชียนหลีตะลึง “ข้าช่วยเขาพูดตรงไหน?”“เจ้าอยู่กับเขา ไม่ใช่เขาที่ทำร้ายเจ้าหรอกหรือ? หรือว่าเขาวางยาอะไรเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขา?” เขากล่าวอย่างโมโหเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ทันทีนางไม่มีเจตนาช่วยอ๋องหลีพูดแน่นอนอ๋องหลีไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ และยังแบกนางอย่างอดทนตลอดทาง นางพล่ามตลอดทาง ก็ไม่ปล่อยนางลงแม้ไม่รู้เขามีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็พอทำให้นางประทับใจอยู่บ้าง“นี่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง อูหนูอยู่ข้างกายอ๋องหลี เหมือนนางจะเป็นคนของอ๋องหลี”“อูหนู?”เฟิงเย่เสวียนคิดครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้แล้ว“นางกลับเหมียวเจียงแล้วไม่ใช่หรือ?”“อืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ข้าก็คิดว่านางกลับเหมียวเจียงแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเจ้าได้ประโยชน์แล้ว สั่งให้คนฆ่านาง?”เฟิงเย่เสวียน “?”พูดเหลวไหล!“ตอนนั้น ยาที่นางปรุงมีปัญหา หลังจากข้าลงโทษนางเบาๆ เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้นางมีผลงาน จริง
เฟิงเจิ้งหลีก้มหน้า ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น“อยู่ใต้จมูกเรา มือของเจ้ายื่นไปไกลจริงๆ ในวัง ทหารรักษาพระองค์ สักวันจะยื่นมาถึงบนหัวเราแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้ตำหนิด้วยความโกรธเขาให้คนไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนอ๋องหลีเขากลับดี ไม่อยู่ในจวนระหว่างช่วงกักบริเวณเขารอมาครึ่งชั่วยามแล้ว“เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ดีของเราจริงๆ ให้เรารอเจ้านานเช่นนี้ สิบกว่าปีมานี้ มีเพียงเจ้าที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”“เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ”“พูด เรื่องพระนัดดาองค์โต เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”ฮ่องเต้ตบโต๊ะ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นเรื่อยๆ เต๋อฝูตกใจจนไล่ขันทีน้อยออกไปทั้งหมด เขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน ปิดประตูรออยู่ที่ข้างนอก“นี่เจ้าเป็นพ่ออย่างไรกัน ใต้ฟ้า มีพ่อแท้ๆ ทำเรื่องเช่นนี้กับลูกแท้ๆ ได้อย่างไร!”“เจ้าทำให้เราผิดหวังมาก!”ฮ่องเต้เกรี้ยวกราดจนน้ำลายกระเซ็น ตำหนิเขาเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีก้มหน้าเล็กน้อยๆ เอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเฉยเมยเขาเหี้ยมโหด?เขาที่เป็นพ่อคนนี้ทำหน้าที่แย่?เหอะ“เสด็จพ่อ นี่ตั้งแต่เมื่อไรก็เรียนรู้จากพระองค์ไม่ใช่หรือ?” เขาเงยหน้ากะทันหัน“เจ้า…เ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนทำแผลที่มือให้ฉู่เชียนหลี เขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนเป็นก้อนแล้วถูกควักเนื้อออกไปหนึ่งชิ้นเล็กๆ ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงเจิ้งหลี?ฉู่เชียนหลีเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เจ้าไปทำอะไร?”“ไปหารือกับขุนนางสองสามคนก่อน ช่วงบ่ายไปค่ายทหาร โยกย้ายทหาร”“โยกย้ายทหาร?”“อืม ข้าย้ายทหารทหารส่วนหนึ่งไปยังที่ศักดินาแล้ว” เขาสรุปง่ายๆ ได้ใจความฉู่เชียนหลีได้กลิ่นแปลกๆในยุคโบราณ กำลังทหารคือสัญลักษณ์ของอำนาจ เขาวังกำลังทหารไว้ในที่ศักดินาของตัวเอง เพื่อทำให้อำนาจมั่นคงสถานการณ์ของเมืองหลวง เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกระมังเขากล่าว “รอลูกอายุครบหนึ่งเดือน ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้ว เจ้าพาลูกไปอยู่ที่ที่ศักดินาเถอะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงย้ายนางกับลูกไปด้วย?ฉู่เชียนหลีรู้ความหมายของเขา เขาไม่อยากให้นางกับลูกตกอยู่ในอันตราย ขอแค่นางกับลูกไปแล้ว เวลาทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถไปทำอย่างเต็มที่นางเม้มปากเบาๆ หลุบตาลงเงียบๆหลังจากนิ่งเงียบชั่วขณะนางเงยหน้ากะทันหัน “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิงยังไม่กลับมาหรือ?”เยว่เอ๋อร์ที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ พึมพำในใจ คุณชายจิ่
จิ่งอี้กลับถึงโรงหมอก็ดึกแล้วภายในห้อง แสงเทียนที่สลัวไหวระริก ยามราตรีสงบดั่งน้ำ สตรีที่นอนมาทั้งคืนทั้งวันยังคงหลับตา ลมหายใจเบามาก สีหน้าซีดเซียว ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเฟิ่งหรานบอกว่านางจะฟื้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดก็พรุ่งนี้เช้าเขานั่งอยู่ที่หน้าเตียง เฝ้านางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสายตาจ้องไปที่ร่างกายนาง ไม่เคยละสายตาเลยเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…หนึ่งเค่อครึ่งชั่วยามสองชั่วยามยามสามรุ่งอรุณ…ไม่ได้หลับทั้งคืน นอกห้องเริ่มมีน้ำค้างยามเช้า ร่างกายจิ่งอี้ก็เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำค้างแข็ง เย็นเฉียบและแข็งไปทั้งร่าง ไม่ได้หลับตานอนสองวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าฟุบอยู่บนขอบเตียงมือของเขาจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรนิ้วมือของนางกระดิกทีหนึ่ง…พริบตานั้น เขาสะดุ้งตื่นราวกับถูกไฟช็อต ดีดตัวขึ้นนั่งฉับพลัน สายตาที่ร้อนรนจ้องคนบนเตียง“อวิ๋นอิง!”นางใกล้จะฟื้นแล้วขนตาสั่นเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เปลือกตาเปิดขึ้นเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย สายตาพร่ามัว เต็มไปด้วยความสับสนตั้งสติอยู่นานเมื่อความพร
อวิ๋นอิงหลับตา ไม่อยากพูด และไม่อยากเห็นเขาเขาป้อนนางดื่มข้าวต้ม?นี่คิดจะทำอะไรอีก?เปลี่ยนวิธีทรมานนาง?ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาอยากทำ นางไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็นอนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ปล่อยให้เขาทรมานอย่างไรเสีย นอกจากร่างกายร่างนี้ นางก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนางไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด“อวิ๋นอิง เจ้าช่วยพูดอะไรกับข้าหน่อยได้หรือไม่?” น้ำเสียงของจิ่งอี้วิงวอนเล็กน้อย ฟังแล้วค่อนข้างถ่อมตน“อวิ๋นอิง เจ้าไม่มีความสุข อย่าเก็บไว้ในใจ”“อวิ๋นอิง”“อวิ๋นอิง…”เขาเรียกนางไม่หยุด สายตาที่โหยหาสามารถมองไปที่ร่างกายนาง แต่นางเหมือนหลับสนิท ไม่แยแสใครเขาเจ็บปวดทรมานใจ แทบจะพังทลายแล้ว“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้กับข้า!”เขาจับคางของนาง หันศีรษะนางกลับมานางถูกบังคับให้ลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายที่เย็นเยียบ เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว ชั้นบางๆ แต่กลับควบแน่นเป็นน้ำแข็ง เย็นจนแสบกระดูกนางมองเขาเงียบๆ ทั้งเช่นนี้ไม่มีความแปรปรวนทั้งอารมณ์ ยิ่งไม่มีความเศร้าโศก ก็เหมือนกับบ่อน้ำนิ่ง สงบมากหรือกล่าวอีกอย่างคือ ถูกกระทำมานานเช่นนี้ นางเหนื่อยแล้ว
อวิ๋นอิงหลับตา ไม่อยากพูด และไม่อยากเห็นเขาเขาป้อนนางดื่มข้าวต้ม?นี่คิดจะทำอะไรอีก?เปลี่ยนวิธีทรมานนาง?ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาอยากทำ นางไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็นอนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ปล่อยให้เขาทรมานอย่างไรเสีย นอกจากร่างกายร่างนี้ นางก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนางไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด“อวิ๋นอิง เจ้าช่วยพูดอะไรกับข้าหน่อยได้หรือไม่?” น้ำเสียงของจิ่งอี้วิงวอนเล็กน้อย ฟังแล้วค่อนข้างถ่อมตน“อวิ๋นอิง เจ้าไม่มีความสุข อย่าเก็บไว้ในใจ”“อวิ๋นอิง”“อวิ๋นอิง…”เขาเรียกนางไม่หยุด สายตาที่โหยหาสามารถมองไปที่ร่างกายนาง แต่นางเหมือนหลับสนิท ไม่แยแสใครเขาเจ็บปวดทรมานใจ แทบจะพังทลายแล้ว“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้กับข้า!”เขาจับคางของนาง หันศีรษะนางกลับมานางถูกบังคับให้ลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายที่เย็นเยียบ เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว ชั้นบางๆ แต่กลับควบแน่นเป็นน้ำแข็ง เย็นจนแสบกระดูกนางมองเขาเงียบๆ ทั้งเช่นนี้ไม่มีความแปรปรวนทั้งอารมณ์ ยิ่งไม่มีความเศร้าโศก ก็เหมือนกับบ่อน้ำนิ่ง สงบมากหรือกล่าวอีกอย่างคือ ถูกกระทำมานานเช่นนี้ นางเหนื่อยแล้ว
จิ่งอี้กลับถึงโรงหมอก็ดึกแล้วภายในห้อง แสงเทียนที่สลัวไหวระริก ยามราตรีสงบดั่งน้ำ สตรีที่นอนมาทั้งคืนทั้งวันยังคงหลับตา ลมหายใจเบามาก สีหน้าซีดเซียว ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเฟิ่งหรานบอกว่านางจะฟื้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดก็พรุ่งนี้เช้าเขานั่งอยู่ที่หน้าเตียง เฝ้านางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสายตาจ้องไปที่ร่างกายนาง ไม่เคยละสายตาเลยเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…หนึ่งเค่อครึ่งชั่วยามสองชั่วยามยามสามรุ่งอรุณ…ไม่ได้หลับทั้งคืน นอกห้องเริ่มมีน้ำค้างยามเช้า ร่างกายจิ่งอี้ก็เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำค้างแข็ง เย็นเฉียบและแข็งไปทั้งร่าง ไม่ได้หลับตานอนสองวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าฟุบอยู่บนขอบเตียงมือของเขาจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรนิ้วมือของนางกระดิกทีหนึ่ง…พริบตานั้น เขาสะดุ้งตื่นราวกับถูกไฟช็อต ดีดตัวขึ้นนั่งฉับพลัน สายตาที่ร้อนรนจ้องคนบนเตียง“อวิ๋นอิง!”นางใกล้จะฟื้นแล้วขนตาสั่นเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เปลือกตาเปิดขึ้นเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย สายตาพร่ามัว เต็มไปด้วยความสับสนตั้งสติอยู่นานเมื่อความพร
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนทำแผลที่มือให้ฉู่เชียนหลี เขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนเป็นก้อนแล้วถูกควักเนื้อออกไปหนึ่งชิ้นเล็กๆ ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงเจิ้งหลี?ฉู่เชียนหลีเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เจ้าไปทำอะไร?”“ไปหารือกับขุนนางสองสามคนก่อน ช่วงบ่ายไปค่ายทหาร โยกย้ายทหาร”“โยกย้ายทหาร?”“อืม ข้าย้ายทหารทหารส่วนหนึ่งไปยังที่ศักดินาแล้ว” เขาสรุปง่ายๆ ได้ใจความฉู่เชียนหลีได้กลิ่นแปลกๆในยุคโบราณ กำลังทหารคือสัญลักษณ์ของอำนาจ เขาวังกำลังทหารไว้ในที่ศักดินาของตัวเอง เพื่อทำให้อำนาจมั่นคงสถานการณ์ของเมืองหลวง เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกระมังเขากล่าว “รอลูกอายุครบหนึ่งเดือน ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้ว เจ้าพาลูกไปอยู่ที่ที่ศักดินาเถอะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงย้ายนางกับลูกไปด้วย?ฉู่เชียนหลีรู้ความหมายของเขา เขาไม่อยากให้นางกับลูกตกอยู่ในอันตราย ขอแค่นางกับลูกไปแล้ว เวลาทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถไปทำอย่างเต็มที่นางเม้มปากเบาๆ หลุบตาลงเงียบๆหลังจากนิ่งเงียบชั่วขณะนางเงยหน้ากะทันหัน “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิงยังไม่กลับมาหรือ?”เยว่เอ๋อร์ที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ พึมพำในใจ คุณชายจิ่
เฟิงเจิ้งหลีก้มหน้า ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น“อยู่ใต้จมูกเรา มือของเจ้ายื่นไปไกลจริงๆ ในวัง ทหารรักษาพระองค์ สักวันจะยื่นมาถึงบนหัวเราแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้ตำหนิด้วยความโกรธเขาให้คนไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนอ๋องหลีเขากลับดี ไม่อยู่ในจวนระหว่างช่วงกักบริเวณเขารอมาครึ่งชั่วยามแล้ว“เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ดีของเราจริงๆ ให้เรารอเจ้านานเช่นนี้ สิบกว่าปีมานี้ มีเพียงเจ้าที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”“เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ”“พูด เรื่องพระนัดดาองค์โต เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”ฮ่องเต้ตบโต๊ะ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นเรื่อยๆ เต๋อฝูตกใจจนไล่ขันทีน้อยออกไปทั้งหมด เขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน ปิดประตูรออยู่ที่ข้างนอก“นี่เจ้าเป็นพ่ออย่างไรกัน ใต้ฟ้า มีพ่อแท้ๆ ทำเรื่องเช่นนี้กับลูกแท้ๆ ได้อย่างไร!”“เจ้าทำให้เราผิดหวังมาก!”ฮ่องเต้เกรี้ยวกราดจนน้ำลายกระเซ็น ตำหนิเขาเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีก้มหน้าเล็กน้อยๆ เอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเฉยเมยเขาเหี้ยมโหด?เขาที่เป็นพ่อคนนี้ทำหน้าที่แย่?เหอะ“เสด็จพ่อ นี่ตั้งแต่เมื่อไรก็เรียนรู้จากพระองค์ไม่ใช่หรือ?” เขาเงยหน้ากะทันหัน“เจ้า…เ
เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว หลังจากเหลือบมองอ๋องหลีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็อุ้มฉู่เชียนหลีกลับจวนเมื่อประตูใหญ่ปิดลงเขากัดฟันทันใดนั้น “เจ้ายังช่วยเขาพูดอีก?” หยิกไปที่เอวของนางหนึ่งทีฉู่เชียนหลีตะลึง “ข้าช่วยเขาพูดตรงไหน?”“เจ้าอยู่กับเขา ไม่ใช่เขาที่ทำร้ายเจ้าหรอกหรือ? หรือว่าเขาวางยาอะไรเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขา?” เขากล่าวอย่างโมโหเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ทันทีนางไม่มีเจตนาช่วยอ๋องหลีพูดแน่นอนอ๋องหลีไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ และยังแบกนางอย่างอดทนตลอดทาง นางพล่ามตลอดทาง ก็ไม่ปล่อยนางลงแม้ไม่รู้เขามีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็พอทำให้นางประทับใจอยู่บ้าง“นี่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง อูหนูอยู่ข้างกายอ๋องหลี เหมือนนางจะเป็นคนของอ๋องหลี”“อูหนู?”เฟิงเย่เสวียนคิดครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้แล้ว“นางกลับเหมียวเจียงแล้วไม่ใช่หรือ?”“อืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ข้าก็คิดว่านางกลับเหมียวเจียงแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเจ้าได้ประโยชน์แล้ว สั่งให้คนฆ่านาง?”เฟิงเย่เสวียน “?”พูดเหลวไหล!“ตอนนั้น ยาที่นางปรุงมีปัญหา หลังจากข้าลงโทษนางเบาๆ เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้นางมีผลงาน จริง
ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
ตอนฉู่เชียนหลีฟื้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยห้องที่มืดสลัว เต็มไปด้วยของจิปาถะ ทรุดโทรมมาก มีฝุ่นเขรอะ และใยแมงมุมที่มุมห้อง แสงสลัวลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ฝุ่นตลบกลางอากาศ นางถูกมัดมือไขว้หลังติดกับเสาเดิมทีอยากช่วยตัวเอง แต่เสาต้นนี้หนามาก แยกมือซ้ายและขวาของนางออกจากกัน ห่างกันพอสมควร ส่งผลให้นางไม่สามารถนำมีดผ่าตัดออกจากกำไลเฉียนคุนประกอบกับมีแผลที่แขนลองขยับอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ และยังกระชากโดนบาดแผล เลือดไหลเยอะมาก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นอูหนูทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแล้ว?และไม่ฆ่านาง?หมายความว่าอย่างไร?นางพยายามบิดข้อมือขณะที่กำลังจริงจัง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้ดังขึ้นในอากาศ เวลาสั้นๆ เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งมาถึงหน้าห้อง จากนั้นถีบประตูออกปัง!เดิมทีคิดว่าเป็นอูหนูมา กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเฟิงเจิ้งหลี!“เจ้า…”“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งหลีเดินตรงเข้ามา ปลดเชือกบนมือ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…มือของเจ้า…”เห็นบนแขนเสื้อนางมีเลือดเมื่อดึงขึ้นมาดู ตรงแขนของนาง เนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกควัก
อูหนูกุมสะบักที่บาดเจ็บ หน้าซีดเล็กน้อย ปากเม้มจนกลายเป็นเส้นตรงนางกัดฟัน จ้องฉู่เชียนหลีอย่างเย็นเยือก“ใครเป็นคนสั่งข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ใช่ลูกของเจ้าเสียหน่อย เจ้ามันชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจริงๆ!”“เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่!”อูหนูโยนความผิดให้นาง นางไม่ยุ่งได้หรือ?อีกอย่าง เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยยังเล็กเช่นนั้น นางสามารถนิ่งดูดายได้หรือ?“เจ้า!”“พูด!” ฉู่เชียนหลีกดนางไว้ “ถ้าเจ้าไม่ยอมพูด ข้าก็ไม่ถือสาที่จะใช้วิธีอื่น บังคับเจ้าเปิดปาก”อูหนูกัดฟันอย่างดุร้าย สายตาราวกับอาบยาพิษ แทบอยากจะกลืนฉู่เชียนหลีลงท้องทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ทักษะการแพทย์ของนางด้อยกว่าฉู่เชียนหลีสู้ก็สู้ฉู่เชียนหลีไม่ได้ถึงว่าอ๋องหลีชอบฉู่เชียนหลี ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น นางดีกว่าคุณหนูที่อ้อนแอ้นเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่าได้ครอบครองนาง ไม่เพียงได้รับลูกแฝดชายหญิง และยังได้รับแรงหนุนสายหนึ่งถ้าหากนางเป็นอ๋องหลี ก็อยากได้ฉู่เชียนหลีมาอยู่ในมือเช่นกันถ้าหากไม่ได้ ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไป ฆ่าทิ้งโดยตรง!“พูด…” นางหลุบตา แววตาค่อยๆ กลายเป็นดุร้าย “พูด…ข้าพูด…”นางกำหมัดช้าๆ“ข้าบ
เก็บนางไว้อีกวัน ยังไม่รู้จะสร้างปัญหาอย่างไรอีก!อูหนูล้วงมีดสั้นอันแหลมคมออกจากแขนเสื้อ เลียริมฝีปากเบาๆ มีประกายอันเย็นเยือกแลบผ่านแววตา ฆ่า?นางย่อมไม่ฆ่าฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเป็นคนที่อ๋องหลีชอบ ถ้าหากนางฆ่าฉู่เชียนหลี ก็เท่ากับล่วงเกินอ๋องหลีในเมื่อฆ่าไม่ได้ นางก็ใช้วิธีอื่นสั่งสอนนาง“ในเมื่อเจ้ามักจะขัดแข้งขัดขาข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าก็ตัดมือของเจ้า ดูสิต่อไปเจ้าจะรักษาคนอย่างไร!”พลันสายตานางเหี้ยมเกรียม ถือมีดสั้น เหวี่ยงไปที่มือซ้ายของฉู่เชียนหลีซ่า…ทันใดนั้น หนามน้ำแข็งพุ่งออกมา“ซี้ด!”หนามน้ำแข็งแหวกอากาศพุ่งเข้าไปหาอูหนู พลันอูหนูแน่นหน้าอก รีบเบี่ยงร่างกาย หนามน้ำแข็งเฉียดผ่านใบหน้าของนาง รู้สึกเจ็บแสบทันทีเมื่อยกมือจับเลือดไหลแล้วตอนที่มองไป ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ท่าทางนั่นดูเกียจคร้านนัก เหมือนคนหมดสติเสียที่ไหนกัน?นางไม่ได้หมดสติ!“เจ้าแกล้งหมดสติ?”อูหนูถอยออกมาสามก้าว จ้องผู้หญิงที่กำลังนวดข้อมือ“ใช่ ตอนอยู่หน้าประตูวัง เพิ่งขึ้นรถม้า ข้าก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว ก็เลยใช้แผนซ้อนแผน จะได้ดูว่าใครแอบเล่นตุกติกอยู่เบื้องห