“เจ้าไม่ใช่สตรี แต่เป็นบุรุษใส่ชุดหญิงสาวซะมากกว่า” เจินหยุนฟานยังคงโต้ตอบอย่างไม่กลัวคลื่นอารมณ์หญิงสาวที่กำลังเดินตรงมา
“นี่เจ้า!!!” ศิษย์พี่เจินยังคงยืนนิ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “หึ...แล้วจะได้เห็นดี ข้าฉู่ซูเซียว ยินดีที่ได้พบศิษย์น้อง”“ศิษย์น้องเยี่ยหยาง ลู่เฉิน และ อวี้หย่าอวิ๋น ยินดีที่ได้รู้จักศิษย์พี่หญิงฉู่เช่นกัน” เยี่ยหยางแนะนำตัวพร้อมเพื่อนร่วมชั้น ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปเป็นทัพหน้ามารยาทของเยี่ยหยางเรียกสีหน้าพอใจของฉู๋ซูเซียว เขาเคารพนางสมเป็นศิษย์น้องหน้าใหม่ นางส่งรอยยิ้มให้ทั้งสาม แล้วหันกลับไปแยกเขี้ยวของเธอให้เจินหยุนฟานซึ่งหาสนใจท่าทีของนางไม่“ศิษย์น้องทั้งสามพักผ่อนเถอะ พวกเจ้าเลือกห้องว่างตามชอบได้เลย ข้าไม่รบกวนแล้วขอตัว” เจินหยุนฟานพูดจบก็เดินกลับห้องพักตัวเอง“อ๊ะ!” อวี้หย่าอวิ๋นอุทาน เขาลอบสังเกตว่ามีใครเห็นท่าทางที่ผิดปกติไปของตนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเห็นก็รีบบอกแยกทางกับทุกคน “พี่หยาง คุณชายลู่ น้องชายขอตัวไปนอนก่อนนะขอรับ วันนี้เหนื่อยมาก ๆ เลย&rตารางเรียนถูกจัดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ต้องเข้าเรียนสี่วันทั้งเช้าบ่ายเย็น มีสอนตั้งแต่วิชาลมปราณขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นเซียน วิชาบังคับขี่กระบี่ วิชาปรุงโอสถ วิชาอสูรลมปราณ วิชาหมัดหมวย วิชาฝึกกระบี่ วิชาสรรพาวุธ วิชาการเมืองการปกครอง วิชาประวัติศาสตร์บรรพกาล วิชาปรัชญาสวรรค์ วิชาจรรยาบรรณผู้ฝึกตนและอีกมากมาย ซึ่งวิชาเหล่านี้จะถูกคัดเลือกให้เหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของศิษย์ที่ศึกษา เยี่ยหยางมองดูวิชาที่ตัวเองต้องเรียนวิชาปราณยุทธพื้นฐาน...คราวนี้ยากที่จะเอาตัวรอด ไม่มีปราณให้เบ่งออกมาสักนิดวิชาปรุงโอสถต้องอาศัยลมปราณเหมือนกัน...หวังว่าความรู้ระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงของศาสตร์ปรุงยาจะช่วยได้ล่ะมั้ง?วิชาฝึกบังคับกระบี่...ใช้คาถาแปลงร่างเปลี่ยนรูปไม้กวาดเป็นกระบี่ ต่างแค่หน้าตาแต่ก็ยังเป็นไม้กวาดน่าจะใช้ได้ แค่ต้องยืนบนไม้กวาดแทน ไม่น่ายากวิชาอสูรลมปราณ...ดูแล้วน่าจะเป็นวิชาฝึกสัตว์ประหลาด อย่างนี้ฉงฉงก็เข้าข่าย หน้าตาอัปลักษณ์อยู่ไม่น้อย น่าใช้แทนกันได้วิชาปรัชญาสวรรค์...ปรัชญาชีวิตยังไม่ค่อยมี ยังต้องศึกษาของสวรรค์ที่ไหนก็ไม่รู้
จ้าวถิงเซียวสอนการสังเกตดู การดมกลิ่น การชิมรสชาติที่แตกต่าง ลักษณะของสมุนไพรประเภทต่างที่เป็นพื้นฐานในการเลือกวัตถุดิบปรุงโอสถ ทั้งสี กลิ่น อายุ และคุณภาพจากตัวอย่างสมุนไพรที่เขานำมาให้ดูในวันนี้เขายังไม่สอนการปรุงโอสถใด ๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่ศิษย์จะมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเพียงพอ รวมทั้งความสามารถในการควบคุมไฟในการหลอมโอสถที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรุงโอสถยิ่งกว่าสมุนไพร เพราะต่อให้สมุนไพรดีแค่ไหน ถ้าควบคุมไฟในการสกัดหลอมไม่เป็น พวกมันก็กลายเป็นได้แค่ขี้เถ้ากองขยะกองหนึ่งศิษย์ทุกคนต่างไม่กล้าจะไม่สนใจ อีกทั้งสุดจะเกรงใจไม่กล้าขัดที่จะถาม แม้ว่าจะไม่เข้าใจในเนื้อหาวิชาบ้างก็ตามด้วยความหวาดหวั่น นั่งฟังหัวผงก ๆ เรียนอย่างจริงจังตั้งใจอย่างยิ่งยวดเนื่องจากมีตัวอย่างเชือดไก่ให้ลิงดูในปีที่แล้ว ๆ มาเป็นตัวอย่างนับร้อย ๆ ตัวอย่างเช่นมีศิษย์ผู้หนึ่งที่มั่นใจในพรสวรรค์ของตัวเอง และคิดว่าตระกูลตนเองใหญ่มีชื่อเสียงเป็นปรมาจารย์ในเรื่องของโอสถตั้งแต่บรรพบุรุษอยู่ในยุทธภพเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ผู้คนต่างยำเกรงอยู่หลายส่วนทำให้ศิษย์ผู้นั้น
เสียงร้องตะโกนของเยี่ยหยางดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาคนทั้งกลุ่มสะดุ้งเฮือกหันหรี่มองไปรอบ ๆ เขากลัวอาจารย์ไม่รับรู้สถานการณ์ให้คล้อยตาม เจ้าตัวจึงร่ายคาถาสาดน้ำใส่หน้าคนเป็นอาจารย์ไปโครมใหญ่และร่ายมนตร์ให้ตัวแห้งในพริบตาไม่เหลือหลักฐานเอาความผิดใด ๆ“ไหน ๆ ที่ไหนไฟไหม้” อาจารย์ผู้อยู่ในห้วงนิทราสะดุ้งตื่นหาเพลิงที่ไร้ควัน“ท่านคืออาจารย์หวังหลี่ฉินใช่หรือไม่ พวกข้าเป็นศิษย์ใหม่ที่จะมาเรียนวิชาปราณยุทธขั้นพื้นฐานขอรับ” เยี่ยหยางตีหน้าซื่อเหมือนเหตุการณ์ที่ตัวเองตะโกนแหกปากดังลั่นไม่เคยเกิดขึ้น“อะแฮ่ม...ใช่ ข้าหวังหลี่ฉิน อาจารย์สอนวิชาปราณยุทธขั้นพื้นฐาน” ผู้เป็นอาจารย์กระแอมกระไอปรับบุคลิกให้ดูเป็นอาจารย์ที่น่าเชื่อถือ“พวกเจ้าเป็นศิษย์เพิ่งเข้ามาใหม่สินะ ไหนมีกี่คนกัน ข้าไม่มีลูกศิษย์ให้สอนหลายสิบปีแล้ว พวกเจ้าเป็นศิษย์รุ่นแรกในรอบหลายสิบปีเชียว”“ท่านอาจารย์จะสอนไหวมั้ยเนี่ย” อวี้หย่าอวิ๋นหวาดหวั่นกับประสบการณ์สอนของอาจารย์ผู้นี้“พวกเจ้าคิดไงกันถึงมาเรียนกับข้า ศิษย์ส่ว
“ซึ่งปราณยุทธจะถูกปลุกให้ตื่นครั้งแรกตอนอายุหกขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุด เรียกว่า ปลุกวิถียุทธ โดยผู้คนส่วนใหญ่มักจะให้ลูกหลานปลุกพลังลมปราณในวัยนี้ และการเรียนรู้เหมาะสำหรับการเริ่มต้นฝึกปราณยุทธ เมื่อปราณยุทธถูกปลุก แต่คนก็จะมีพลังลมปราณเริ่มต้นไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับธรรมชาติที่เลี้ยงดูเติบโตและพรสวรรค์ที่ฟ้าดินบรรดาให้มา”“ประเภทของปราณยุทธแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ อยู่สามประเภทใหญ่ คือ ปราณยุทธสัตว์ ปราณยุทธที่สามารถแสดงทักษะของสัตว์นั้น ๆ ปราณยุทธอาวุธเป็นปราณยุทธสามารถใช้อาวุธนั้น สามารถพัฒนา ดัดแปลงตามที่อาวุธชนิดนั้นจะทำได้ ปราณยุทธร่างกายจะเป็นปราณที่แสดงความสามารถของร่างกายส่วนด้านเป็นพิเศษออกมา”“และระดับลมปราณ แต่ละระดับมีสิบระดับ สิบขั้น ตั้งแต่ขั้นสูงที่สุดที่เป็นลมปราณของเหล่าเทพเซียนจนถึงมนุษย์เดินดิน คือเซียนยุทธ มหาปราชญ์ยุทธ จักรพรรดิยุทธ ราชันยุทธ จ้าวยุทธ อัคราจารย์ยุทธ ปรมาจารย์ยุทธ อาจารย์ยุทธ ผู้เชี่ยวชาญยุทธ หลอมกายา ก่อตั้งรากฐานยุทธ และระดับก่อกำเนิดการเรียกตนว่าผู้ฝึกตนต้องมีลมปราณอย่างน้อยระ
ร่างกายของหวังหลี่ฉินดูเหมือนจะดี แต่มีปัญหาที่เส้นเอ็นบริเวณไหล่ไม่อาจปกปิดจากสายตาเขาได้ ทำให้ตาแก่หวังโคจรลมปราณติดขัด ไม่สามารถเลื่อนระดับสูงขึ้นได้ นอกจากรักษาอาการที่ว่าให้หายก่อนส่วนลู่เฉินและคนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บภายใน เพียงแค่เส้นลมปราณยังไม่แข็งแรงพอ ยังอ่อนประสบการณ์ เพียงฝึกฝนให้มากหน่อยก็พอ ส่วนรายละเอียดที่มากกว่านั้นเยี่ยหยางเองก็บอกไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนเวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน เสียงท้องร้องของท่านอ๋องก็ร้องดังไม่เกรงใจผู้คน ทุกคนที่เข้าสมาธิบ่มเพาะลมปราณต้องหยุดลง แล้วหันไปมองคนก่อกวนที่ไม่อาจกล่าวว่าได้ เพราะถึงเวลาอาหารกลางวันของพวกเขาแล้วจริง ๆ“พวกเจ้าตื่นกันสักที เปิ่นหวางหิวจนท้องไส้บิดเป็นเกลียวแล้ว” เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เหล่าศิษย์ทยอยมารับประทานอาหารที่ห้องโถงเลิศรส อาคารกว้างสำหรับรับประทานอาหารของศิษย์เทียนถูหวู่ มีอาหารขั้นพื้นฐานที่มีคุณค่าอาหารครบถ้วนไม่เสียค่าใช้จ่าย และอาหารที่ปรุงรังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศที่ต้องจ่ายราคาเพิ่มตามความต้องการให้บริการศิษย์ได้เลือกเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นท
เยี่ยหยางเดินตรงดิ่งเข้าไปกลางวงของเรื่องราวทันทีอย่างรวดเร็วด้วยคาถาเคลื่อนย้ายฉับพลันในระยะสั้นราวกับหายตัว เข้าไปยืนจังก้าขวางศิษย์สายในคนนั้นที่กำลังลงมือทุบตีทาสผิวเข้ม“จะทำอะไร” เยี่ยหยางจ้องเขม็งไปที่ฝ่ายตรงข้ามท่าทางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงดูมีพลังอำนาจที่อีกฝ่ายไม่อาจต้านทานได้“แกเป็นใครถอยไปซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว เป็นศิษย์สายนอกก็ควรเจียมตัวซะ” ศิษย์ชายที่ลงมือทุบตีทาส มองสำรวจเยี่ยหยางว่ามาจากตระกูลใด ที่มันไม่อาจล่วงเกินได้หรือไม่ แต่…“ที่แท้ก็สวะ”ไต้กู้ซวนมองไปที่เยี่ยหยางอย่างเหยียดหยาม ตัวมันเองก็ถือเป็นอัจฉริยะในหมู่ศิษย์ไม่เกรงกลัวผู้ใดอยู่แล้ว แต่มันก็อยู่เป็นรู้ว่าบางตระกูลก็ไม่ควรไปล่วงเกิน แต่สำหรับเยี่ยหยางมันกับไม่รู้ว่าเขามาจากตระกูลใดดูท่าแล้วคงเป็นตระกูลที่ไม่มีชื่อเสียงตระกูลไหน ปล่อยสวะไร้ค่าให้อับอายในหมู่ผู้ฝึกปราณยุทธ ไม่ก็คงเป็นผู้ฝึกยุทธพเนจรที่พอมีดีที่จะเป็นศิษย์เทียนถูหวู่อยู่บ้าง แต่อย่างว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่อัจฉริยะ แม้แต่ขยะถ้าผ่านการคัดเลือกก็ถือว่าเป็นศิษย์
เพียงผู้คนกะพริบตา เยี่ยหยางก็ลงมือทันที โดยไม่ให้สัญญาณหรือให้อีกฝ่ายเตรียมตัวเตรียมใจใด ๆภาพทุกอย่างรอบ ๆ หยุดนิ่งไม่ขยับ ศิษย์สายในทั้งหกคนตาหันไปมองรอบตัวอย่างตื่นตระหนก เห็นประกายวาบผ่านดวงตาของขยะไร้ปราณที่พวกมันว่าเยี่ยหยางแสยะยิ้มกว้างให้ มือยกชี้กิ่งไม้เรียวยาวไปที่ทั้งหกคน พริบตายังไม่ทันให้พวกมันได้กล่าวอ้างใด ๆ ร่างกายร้อนผ่าวไปทั่วร่าง กระดูกเหมือนถูกบดเบียดก่อร่างใหม่ จากยืนสองขากลายเป็นสี่ขาใบหน้าเต็มไปด้วยขน จมูกปากยาวยื่น หางยาว ๆ งอกออกจากบั้นท้าย พวกมันต่างตื่นตระหนก ดวงตาตื่นตะลึงมองไปสหายข้างกายที่กลายเป็นสุนัขไม่ต่างจากมัน“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!!!” แต่เสียงที่ออกมากลับไม่ใช่เสียงของมนุษย์ กลายเป็นเสียงเห่าหอนของสุนัขตัวหนึ่ง“พวกเจ้าจงลิ้มลองรสชาติการใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขเจ็ดวันเจ็ดคืน ให้รู้จักจิตสำนึกของการเป็นมนุษย์ที่ดีนั้นเป็นยังไงซะ แต่ไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครสงสัยที่พวกแกหายไป จะไม่มีใครตามหา เพียงแค่ข้าดีดนิ้วทุกคนที่แกรู้จักก็จะลืมเลือน ถ้าในเจ็ดวันสำนึกได้ว่ามนุษย์ที่ดีควรเป็นกันอย่างไ
ภายในห้องพักหมู่ตึกเป่ยจงของเยี่ยหยาง เขาพยุงแมคเคนที่ไม่ได้สติไปที่ตั่งไม้บุผ้านุ่มไว้สำหรับนั่งเล่น ก่อนจะแกว่งไม้กายสิทธิ์ปรับเปลี่ยนห้องใหม่อีกครั้งสงสัยเขาต้องขยายห้องตัวเองส่วนหนึ่งให้เป็นสถานรักษาพยาบาลพ่อมดแม่มดเหล่าผู้วิเศษอย่างเป็นทางการเลยดีหรือไม่ นี่ก็มีผู้มาใช้บริการต้องสองรายแล้วห้องกว้างถูกปรับเปลี่ยนด้วยเวทมนตร์อีกครั้งตั้งแต่วันแรก ห้องหับถูกขยายกว้างกว่าเดิมสามเท่าตัว ถูกแบ่งกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งแยกอย่างชัดเจนขึ้นอีกฝั่งแน่นอนว่าเป็นบริเวณพื้นที่ที่เขาแบ่งยกให้เพื่อนสนิทที่หมดท่าสลบอยู่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นส่วนที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ป่วยที่เขาจัดเตรียมไว้อย่างจริงจัง โดยมีผู้ใช้บริการมานานอย่างเซฟซาร์จับจองเตียงหยกหิมะไว้มุมหนึ่งเตียงนอนสำหรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวางข้างเตียงที่เซเวียร์นอน เยี่ยหยางโบกมือย้ายแมคเคนลอยขึ้นและวางลงบนเตียงที่เตรียมไว้อย่างแผ่วเบาเยี่ยหยางร่ายคาถาง่าย ๆ อย่างคาถาระบุตัวตนตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เก็บตัวปัญหาที่ไม่รู้จักกลับมา อักษรภาษาของผู้วิเศษเปร่งแสงเรืองอยู่เหนือศีร
ข่าวรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยถูกอสูรเทาเทียทำร้ายและชินอ๋องบาดเจ็บสาหัส ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ย จนวุ่นวายไปทั่วราชสำนักเหล่าขุนนางต่างออกมาโต้แย้งสนทนาซุบซิบเรื่องนี้ บรรดาฮูหยินตราตั้งยันชาวบ้านต่างหยิบยกมาพูดคุยเรื่องรัชทายาท นินทาชินอ๋อง บ้างก็ว่าถึงคราต้องตั้งรัชทายาทคนใหม่ บ้างก็ว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะชินอ๋องนอนเป็นผักปลาแต่ข่าวลือย่อมมีความจริงผสมอยู่ มู่หรงหย่งสือฮ่องเต้แห่งราชอาณาจักรซีเว่ยรับสารมาจากสือหลงโหยว ผู้ที่เขาแต่งตั้งให้เป็นสหายและองครักษ์ประจำตัวของพระโอรสเพียงองค์เดียว เนื้อความในสารเล่ารายงานตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของชินอ๋องผู้เลื่องชื่อเจ็ดส่วนสิบ ซึ่งแต่ละเรื่องผู้นั่งบัลลังก์มังกรก็คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นตามปกติส่วนตอนนี้อาการของมู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย ก็พ้นขีดอันตรายไม่มีบาดแผลภายนอก เพราะโอสถพิเศษของเส้าหยาง จะมีก็แต่พิษเทาเทียที่ยังค้างอยู่ในร่างกาย ต้องใช้เวลารักษาให้พิษค่อย ๆ สลายจือจาง ส่วนหลานชายตัวปัญหาตอนนี้ก็กระโดดโลดเต้นก่อเรื่องได้แล้วซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดข
ชินอ๋องตะโกนเรียกคนที่รอรับคำสั่งอยู่ด้านนอก“ส่งคนพวกนี้ไปให้กู้ซีเจ๋อดูแล ให้พวกเขาฝึกร่วมกลับกลุ่มของเหวินชา อย่าให้เสด็จอาทราบ ส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างทำบัญชีอย่าละเอียด”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉีหลินเหลียงรับคำสั่ง แล้วเดินออกไปเตรียมการตามคำสั่งชินอ๋อง“ไปกัน”“โอ๊ะเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ” หูลี่เซียนเริ่มมึนแล้วลุกขึ้นยืน นางอยากไปซบอกลู่เฉินนอน“งานเรายังไม่เสร็จนะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นตัวการ เกิดมันลงมือก่อเรื่องอีก เราจะตั้งรับไม่ทัน” เยี่ยหยางที่แม้ดื่มสุราไปมาก แต่เขาไม่รู้สึกเมาเลยสักนิด เอ่ยจุดประสงค์ที่เขากลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง“แล้วเราจะทำยังไง?”“ลี่เซียนเจ้าเมาแล้ว?”เยี่ยหยางมองหน้าเพื่อนสาว ที่เหมือนความคิดหยุดลงพร้อมสุราที่เข้าปาก “เจ้าพวกนี้ไม่รู้ แต่หัวหน้าพวกมันรู้ เราก็ไปถามหัวหน้าพวกมันสิ”“ต่อให้ตาย ก็ต้องปลุกมาถามก่อน ใครให้พวกมันรับงานนี้ล่ะ? รับงานมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”“เยี่ย
หวงฉีเจิ้งเริ่มทำการสอดส่องความทรงจำของผู้หลับใหล ค่อย ๆ แผ่จิตแทรกเข้าไปในห้วงความฝัน ย้อนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เขามองดูความฝันของคนหลายร้อยคน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วพวกมันแค่ต้องการอาวุธวิญญาณร้อยปีเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง คนเหล่านี้เป็นแค่ลูกกระจ๊อกของกลุ่มโจรหลาย ๆ กลุ่ม ที่ถูกหัวหน้าพวกมันสั่งมาเท่านั้น ไม่แม้จะเห็นหรือได้ยินเสียงตัวการสั่งการแม้แต่น้อยหวงฉีเจิ้งสั่นหัว หลังจากถอนจิตคืนกลับมา “ไม่มีประโยชน์ พวกมันไม่รู้อะไรเลย แต่พวกมันถูกหัวหน้าพวกมันใช้วิชาพิสดารลงอักขระเลือดไว้ หากคิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาคือตาย”“อักขระเลือด?”“อืม พวกหัวหน้าโจรภูเขาพวกนี้เป็นคนทำให้ลูกน้องมันเอง แต่ว่าใครเป็นคนสอน ข้าไม่รู้”“เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว อีกฝ่ายสามารถหาเทาเทียมาลงมือด้วย คิดว่ามันคงวางแผนการมาอย่างดี” หูลี่เซียนครุ่นคิด“เก็บคนพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เปลืองค่าข้าวตำหนักข้า” เยี่ยมยางบ่นหงุดหงิดไม่พอใจที่ไม่ได้เรื่อ
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ข่าวคราวของผู้บุกรุกเงียบหายไปสืบสาวหาต้นเหตุไม่ได้ เพราะทันทีที่สอบปากคำ พวกมันต่างไม่ยอมปริปากแม้แต่น้อยแม้ว่าบางคนที่ถูกอาจารย์จ้าวเป็นคนสอบสวนต้องยอมเอ่ยวาจา แต่เพียงแค่คิดจะพูด ก็กลายเป็นศพต่อหน้าต่อตาจ้าวถิงเซียวด้วยพิษกลืนวิญญาณอย่างไม่รู้ตัวด้วยวิธีปกปิดความลับที่โหดเหี้ยมอำมหิต จึงได้แต่ปล่อยผู้บุกรุกที่มีชีวิตที่เหลือไป เนื่องจากคนที่รู้ต้นตอเรื่องราวตายเรียบหมดแล้วแน่นอนว่าเยี่ยหยางไม่ยอมแพ้ จอมเวทสามคนแอบกลับไปที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรซีเว่ย ย่องเข้าตำหนักชินอ๋อง“นี่เยี่ยหยาง ทำไมเจ้าจะต้องย่องแอบเข้าบ้านตัวเอง?” จอมเวทสาวถามเจ้าของบ้าน“แม่นางหูลี่เซียน แม่นางรู้หรือไม่ว่าเปิ่นหวางเป็นผู้ใด”เยี่ยหยางถามทีเล่นทีจริงกับอลิซาเบธ หรือ หูลี่เซียน นามที่แม่บุญธรรมตั้งให้นาง นามที่มีความหมายเทพธิดาที่งดงามเฮอะ ๆ …ส่วนญาติผู้น้องเขาก็เรียกนางว่าลี่ลี่ นามที่มีความหมายว่า น่ารักงดงามความงดงามเอย เทพธิดาเอย ความน่ารักเอย เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพื่อนสาวเขาควรมีชื่อที่มีค
ร่างจิ้งจอกแดงเรืองแสงสว่างขนาดตัวที่ค่อย ๆ ขยายขึ้นจากยืนสี่ขาเป็นสองเท้า หลังที่ขนานกับพื้นดินค่อย ๆ เหยียดตรง เงาของสตรีอยู่ท่ามกลางเงาควัน เส้นผมยาวสลวยจรดพื้น“เฮ้ย! ลืม!!! เสื้อ ๆ อยู่ไหน”เยี่ยหยางที่เห็นเงาร่างเปลือยเปล่าของเพื่อนสาว ก็รีบปิดตาเรียกเสื้อผาวตัวใหญ่ลอยไปคลุมสาวเจ้าไม่ให้อุจาดตาเขา เขาไม่อยากฝันร้ายเพราะเห็นร่างแม่มดโป๊ขี้วีน“ไอ้...ไอ้บ้า...เกรก นายทำบ้าอะไร”เสียงแหบแห้งตะกุกตะกักเพราะไม่ได้พูดมานานโวยขึ้น เสื้อผาวตัวใหญ่คลุมหัวปิดหน้าปิดตาจนมองไม่เห็นไรอะไรแสงและควันจางหายนางดึงเสื้อมาคลุมร่างไร้อาภรณ์ เสื้อผาวนุ่มลื่นเว้าไปตามส่วนโค้ง จนเห็นทรวดทรงโฉมงามล่มเมือง นิ้วมือเรียวยาวดังกิ่งหลิวรวบเส้นผมยาวลากออกมานอกอาภรณ์ สองหนุ่มเห็นหน้าตาคุ้นเคยยืนหน้าหงิกกลบความสวยจนหมด“ไง ยังอยู่ดีนิพ่อคุณชาย” คำทักทายแรกหลังจากด่าทอของแม่มดสาวนามอลิซาเบธ“ไม่เลวเลยสหายข้า ได้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของที่นี่ ตอแหลเนียนได้ตลอด”อลิซาเบธตบไหล่เพื่อนชายคนนี้ ที่ชอบทำหน้าเ
เยี่ยหยางเห็นโอกาสคืนฐานะ ก็สลับตัวกับร่างหลอมแร่แปรธาตุทันทีที่พ้นสายตาอาจารย์ประจำวิชาปรุงโอสถ เขาถอดหน้ากากออกดื่มน้ำยารสชาติย่ำแย่ลงคอ กลับมาเป็นชินอ๋องตามเดิมส่วนร่างปลอมก็โยนเข้าห้วงมิติเก็บรักษาไว้เผื่อคราวหน้ามีโอกาสได้ใช้ในห้องหนึ่งของมิติที่เต็มไปด้วยร่างหลอมที่รูปลักษณ์ต่างกันไปจ้าวถิงเซียวเมื่อเข้ามาอีกครั้งก็ไม่เห็นศิษย์ผู้สวมหน้ากากแล้ว เขายอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้ แต่ไม่มีทางที่จะไม่สืบหาราวเรื่องอาจารย์ปรุงโอสถเดินผ่านเตียงของศิษย์ชายที่อาการหนัก เพราะโดนพิษเทาเทียเหมือนกันที่นอนอยู่ด้านข้างผู้ที่เข้ามาใหม่ ยาเม็ดใหญ่ถูกป้อนเข้าปากลู่เฉินเพื่อสลายพิษ จากนั้นก็ไปดูอาการอีกคนที่ตอนนี้นั่งหันซ้ายหันขวาไม่มีอาการเจ็บปวด คือ ชินอ๋องจอมเสเพลที่เขาอยากจะสั่งสอนหนัก ๆ เหลือเกิน“ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็กลับไปนอนที่ห้องตัวเอง อย่ามาเกะกะ” ผู้เป็นใหญ่ในจวนเยียวยาไล่ศิษย์ที่ไม่ต้องดูแลแล้วออกไป แต่ก็เห็นสายตามองคนเจ็บไม่ไปไหน“เขาไม่เป็นอะไรมากแล้วพิษในกายจะค่อย ๆ สลายไปเอง”“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์จ้าวดูแล
ดวงตาของสัตว์เทพกวาดตามองเทาเทียหลายร้อยตัวที่ยังไม่สงบอ้าปากกว้างน้ำลายไหลยืดตามคมเคี้ยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันรู้สึกว่าปากพวกนี้เหม็นสุด ๆ พวกไม่รักษาความสะอาดของช่องปากเลย‘แหยะ...ข้าไม่อยากฟัดกับพวกหมาบ้าน้ำลายอย่างเทาเทียเลยหยางหยาง’‘เจ้าไม่ฟัด ข้าฟัดกับพวกมันเอง’เยี่ยหยางตอบกลับสัตว์เทพคู่ตัวเองเสียงเย็น เขารู้ว่าฉงหยิ๋นพูดแบบนี้กำลังเรียกสติให้เขาควบคุมอารมณ์ เขาไม่คลุ้มคลั่งตอนนี้หรอก ยังมีอะไรให้ต้องจัดการอีกมากเขาส่งญาติผู้น้องให้สือหลงโหยวดูแลอย่างดีแล้ว ก่อนจะร่ายเกราะเวทคุ้มกายให้พวกเขา จากเก็บไม้กายสิทธิ์และเรียกไม้เท้าออกมาจัดการกับหมาบ้าน้ำลาย ทั้งยกทั้งฟาดทั้งสาปส่ง จนพวกมันแน่นิ่งไปหลายสิบตัวมือซ้ายก็ถือดาบประจำตระกูลวินเซอร์จ้วงแทงไม่ยั้ง เทาเทียแม้จะรู้สึกสัมผัสถึงอันตราย แต่มันก็ช้าไป แม้ว่ารวมกำลังพลต่อสู้เยี่ยหยางที่ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อย่างโกรธแค้น ก็ไม่อาจสู้จอมเวทที่โทสะเดือดดาลพุ่งสะท้านฟ้าได้ ต่อให้เขาแสดงตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย กลั่นแกล้งคน จนอายฟ้าดิน ย่อมขีดกำจัดขีดไว้ฝ่ายผู้บุกรุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงตกกระทบสว่างเป็นเด่นชัด เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดของศิษย์เทียนถูหวู่ ทุกคนไม่มีล่องลอยของการบาดเจ็บมีเพียงอาการเหนื่อยล้าเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น ใบหน้า หน้าตา สีหน้าแจ่มใสไม่มีแววตาหวาดกลัวใด ๆ เดินออกมาเหมือนคนเพิ่มออกมาจากห้องนอนดวงตาผู้คนที่อยู่นอกตำหนักทั้งสองฝ่ายเบิกกว้างตกใจ จนลูกตาแทบกระเด็นกระบี่ทวนง้าวร่วงหล่นจากมือกระทบพื้น ส่งเสียงเคร้งคร้างดังเป็นทอด ๆ ภาพเลวร้ายต่าง ๆ ที่คิดไปไกลได้กลับตาลปัตรความหวังของฝ่ายบุกรุกเหมือนปีนถึงยอดผากลับถูกถีบลงมาเหยียบขยี้เละไม่เหลือซาก ผู้ที่บุกเข้าไปภายในตำหนักที่เหลืออีกครึ่งจากการเก็บไว้สอบปากคำด้วยอำนาจชินอ๋อง ตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไม่กล้าหืออือเดินเรียงแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าทหารในกองทัพ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินคอตกหมดอาลัยตายอยากกันทุกคน“เกิดอะไรขึ้น”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเรียบ ๆ ดวงตาคมหรี่มองภาพด้านนอก บุคลิกของผู้สวมหน้ากากอำพรางตัวตนคนนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกว่ามีอำนาจอัดแน่นในร่างสูงสง่า จนทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่น
ถึงพังพอนเหลืองที่เคารพหลานชายสุดที่รักของท่านถูกพวกมันรังแกย่ำยี พวกมันกระทืบข้า ลวนลามข้า เหยียดหยามวงศ์ตระกูลข้า จนไม่มีหน้ารักษา อีกทั้งกล่าวหาว่าท่านไม่มีน้ำยาสั่งสอนข้า จนกลายเป็นสวะรกแผ่นดินเท่ากับพวกมันลบหลู่เบื้องสูงเท่ากับเหยียบหน้าฝ่าบาท พวกมันเป็นคนของตาเฒ่าหลี่ที่หวังสร้างคลื่นใต้น้ำก่อเรื่อง มีโทษสมควรตาย เรื่องนี้ไท่จื่อเป็นสักขีพยานได้ ยังเคราะห์ดีที่มีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือข้าเอาไว้ และเป็นผู้ส่งตัวพวกมันและจดหมายฉบับนี้มาให้ฝ่าบาทพิจารณา ป.ล พวกมันเป็นคนของพรรคมารอสูรที่ตาแก่หลี่อยู่เบื้องหลังกล้าเหิมเกริมบุกเทียนถูหวู่ ข้าส่งพวกมันให้ท่านนอนกกกอดได้เพียงเท่านี้จาก ชินอ๋อง หลานรักของเสด็จอาฮ่องเต้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยที่กำลังประชุมขุนนางหารือเรื่องบ้านเมืองอ่านสารจบหนวดกลับกระตุกไม่หยุด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ สายตาคมมองไปที่บรรดาร่างล่อนจ้อนที่มีผ้าปกปิดกันอุจาด รอยสักบอกยี่ห้อเจ้านายถูกเยี่ยหยางพรางไว้“ทหารจับพวกมันไปขังคุกของชินอ๋อง ร