เมื่อพวกเขาสอบถาผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ก็เข้าใจสาเหตุความเป็นมาแล้วหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรกว่าหนังท้องถูกผ่าจนเปิด ยังสามารถเย็บด้วยเข็มกับด้าย อีกทั้งเย็บเสร็จแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ“ในโลกนี้มีฝีมือการแพทย์เช่นนี้ด้วย?”เขาทำหน้าตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าชักจะไม่ดีแล้ว “แย่แล้ว ฝีมือการแพทย์ของผู้หญิงคนนั้นสูงส่งเช่นนี้ แล้วนางจะไม่รู้เรื่องที่พวกเราวางยาหรือ?” หลิวเฟิงก็สงสัยเรื่องนี้ จึงรีบมารายงาน“หัวหน้า ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรดี?”หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ“อย่าตื่นตระหนก พวกเขารู้ว่าถูกพวกเราวางยา แต่เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลย?”“ไม่เพียงไม่มาโวยวายกับพวกเรา และไม่มีท่าทีที่จะจากไป?”หลิวเฟิงหรี่ตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าว “หรือว่ามีแผนอื่น? หรือไม่ก็ไม่รู้ตัวว่าถูกพวกเราวางยา?”อย่างไรเสียยาที่พวกเขาใช้ก็น้อยมาก ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆทั้งหมดนี้เพราะฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะเกินไป อีกทั้งยังสามารถฆ่ากระทั่งเสือ ดูแล้วเหี้ยมโหดมากถ้าหากลงมือโดยตรง พวกเขาไม่มั่นใจว่าสามารถจับคนทั้งหมด ดังนั้นจึงใช้วิธีวางย
“ช่วยข้าด้วย!”“แม่นางอวิ๋น เจ้าไม่ช่วยข้า คิดว่าโจรป่าพวกนี้จะปล่อยพวกเจ้าหรือ?”“ทุกคนจะตายกันหมด!”อวิ๋นฝูหลิงตะโกนสุดเสียง ทำให้คนหมู่บ้านหลิงซานที่กำลังพักผ่อนในห้องตกใจมีคนออกมาตรวจดู หลังจากเห็นอวิ๋นซานหูก็ตกใจยกใหญ่ พร้อมกับโพล่งออกจากปาก “แม่นางซานหู เจ้าไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือ มาอยู่นี่ได้อย่างไร?”กลุ่มคนที่จับอวิ๋นซานหู มองพวกอวิ๋นฝูหลิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปฉับพลันคราวนี้พวกเขารู้แล้ว อวิ๋นซานหูกับพวกอวิ๋นฝูหลิงรู้จักกันเช่นนั้นคำพูดที่พวกเขาแต่งขึ้นเมื่อครู่ก็ดูน่าขำมากแล้ว!สำหรับอวิ๋นซานหู นางยังจะมีเวลาอะไรไปสนใจบุญคุณความแค้นระหว่างนางกับอวิ๋นฝูหลิง การเอาชีวิตรอดจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้แม้กระทั่งเพื่อความอยู่รอด นางยอมก้มหัวขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นฝูหลิงทว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับกำลังด่าอวิ๋นซานหูที่โง่เขลาคนนี้อย่างบ้าคลั่งการกระทำทั้งหมดนี้ของนาง ทำให้แผนนิ่งสยบความเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงพังไม่เป็นท่าและลากพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในเหวที่อันตรายโดยตรงชั่วขณะที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงเสียงตะโกนของอวิ๋นซานหูพลัน ‘ซานจื่อ’ ชายที่
ถ้าหากจะหาแรงงาน ก็พูดกับพวกเขาตรงๆ อย่างเปิดเผยก็ได้ เหตุใดต้องวางยาพวกเขา?เกรงว่างานที่ได้เงินดีที่อีกฝ่ายพูดถึง ไม่ใช่เรื่องดีอะไรชาวบ้านคนอื่นก็ไม่โง่เช่นกัน ล้วนมองออกว่างานที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพูด ไม่ใช่งานที่ดีอะไรแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิดแผนรับมือในใจอย่างรวดเร็วคนที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพามานั้น ดูด้วยสายตาแล้วมีประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคน อีกทั้งแต่ละคนร่างกายกำยำ มือถือดาบที่คมกริบ ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหันกลับมามองฝั่งของตัวเอง แม้มีคนมากกว่าอีกฝ่ายสองเท่า แต่คนส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ อาวุธก็เป็นพวกจอบหรือท่อนไม้ ไม่ต่างอะไรกับทหารแตกทัพที่หนีเอาชีวิตรอดถ้าหากลงมือกันขึ้นมาจริงๆ จะสู้ได้หรือ?นางหันไปมองโดยรอบ ลูกพี่อู๋กับจางซานมู่ยังไม่กลับมาสวี่ตงกับคังหมิงหย่วนคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ อวิ๋นจิงมั่วจับมือของนางแน่น เหมือนกลัวเล็กน้อยหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเห็นหัวหน้าหมู่บ้านโจวและคนอื่นเงียบ ก็หมดความอดทนแล้วเช่นกันอย่างไรก็ความแตกแล้ว เสแสร้งรับมือคนเหล่านี้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรเขากวักมือให้คนที่อยู่ข้างหลัง “จับพวกเขามัดให้หมด ผู้ชายส่งไปให้ผู้ดูแลเฉียน ผู้หญิงข
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหม่าจะหนี ก็ตะโกนเสียงดังทันที “แย่แล้ว อย่าปล่อยให้หัวหน้าของพวกมันหนี!”เมื่อผู้หญิงชุดดำได้ยิน ร่างกายก็พุ่งพรวดออกไปประดุจมังกรแหวกว่าย หลังจากขวางคนไว้ได้ ก็ชูกระบี่ฆ่าทันที สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน รีบกล่าว “เก็บเขาไว้!”ทิศทางกระบี่ของผู้หญิงชุดดำเปลี่ยนฉับพลัน ฟันโดนแขนเสื้อหัวหน้าหมู่บ้านหม่า จากนั้นยกปลายกระบี่ขึ้น ตัดเส้นเอ็นเท้าทั้งสองข้างของเขาขาดหัวหน้าหมู่บ้านหม่าส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับหัวใจแตกเป็นเสี่ยงทันทีอวิ๋นฝูหลิงมองท่าทางที่เจ็บปวดของเขา กลับรู้สึกสะใจมากนางอยากให้กากเดนเช่นนี้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำแต่ว่าในเมื่อคนคนนี้เป็นผู้นำของหมู่บ้าน ก็แสดงว่าเป็นคนที่รู้ความลับมากที่สุดถ้าหากมีคนเช่นนี้อยู่ในมือ มีประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเขามีการช่วยเหลือของผู้หญิงชุดดำ พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วนอกจากพวกคนที่ตายแล้ว ยังสามารถจับเชลยได้อีกเจ็ดแปดคนอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้สนใจเชลยเหล่านั้น แต่หันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวก่อน“ให้คนไปเฝ้าที่หน้าหมู่บ้าน แล้วหาดูว่ายังมีทางออกอื่นในหมู่บ้า
แค่ฟังจากเสียง ก็สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดในนั้นอวิ๋นซานหูอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น การกระทำที่กำลังฟันศพอยู่ชะงักคนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบก็หันมามองเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงกลับยืนอยู่ข้างๆ อย่างใจเย็น อีกทั้งยังมีรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้า เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับบทเพลงที่ไพเราะอะไรแผ่นหลังของทุกคนถึงกับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น และบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นอีกครั้ง ต่อไปห้ามล่วงเกินแม่นางอวิ๋นเด็ดขาดหัวหน้าหมู่บ้านหม่าไม่สามารถทนต่อการทรมานที่เจ็บไปถึงหัวใจนี้ ไม่นานก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกนอกจากคนที่ไปช่วยงานทางเหมืองแร่ ยังมีคนกลุ่มเล็กๆ สิบคนที่ลาดตระเวนโดยรอบเพื่อควบคุมตัวพวกอวิ๋นฝูหลิง คนที่เหลือล้วนเฝ้าอยู่ในหมู่บ้านอีกทั้งหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่ารู้ว่าเกิดข้อผิดพลาด ก็ได้เรียกคนทั้งหมดในหมู่บ้านมาทางนี้แล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน อยากขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านหม่าจริงๆเขาเรียกคนมาทั้งหมดเช่นนี้ นับว่าช่วยนางประหยัดเวลาได้ไม่น้อยอวิ๋นฝูหลิงให้คนนับจำนวนคนครู่หนึ่ง หลังจากเทียบก็เหมือนกับที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพูดพบว่าไม่มีใครหลุดรอดไปได้ อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเ
หลังจากเซียวจิ่งอี้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ตกใจจนเกือบเหงื่อแตกโชคดีที่เขาให้เหยากวงอยู่ปกป้องสองแม่ลูกอวิ๋นฝูหลิง ไม่เช่นนั้นไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาอวิ๋นฝูหลิงจิบชาตั้งสติครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวถาม “ต่อจากนี้ทำอย่างไรดี? พวกเราจะออกจากที่นี่โดยเร็วหรือไม่?” เซียวจิ่งอี้ส่ายศีรษะ “เจ้าบอกว่าชาวบ้านที่บาดเจ็บต้องพักฟื้นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็ถือโอกาสนี้ อยู่ที่หมู่บ้านนี้อีกสักสองสามวัน ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้ข้าจัดการก็พอ”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้แล้วว่าเซียวจิ่งอี้พบอะไรบางอย่างที่เหมืองแร่ เกรงว่าต้องใช้เวลาในการจัดการเรื่องนี้พอสมควรนางไม่ได้ถามอะไรมาก พยักหน้าคล้อยตามทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะปลอบคนในหมู่บ้านเอง”“เรื่องในวันนี้ ข้าแค่บอกว่าคนพวกนั้นเป็นโจร จะปล้นทรัพย์ฆ่าคน”“ส่วนเรื่องอื่น ไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา ให้พวกเขามีส่วนต้องมาวิตกกังวลไปด้วย”คนเหล่านี้ของหมู่บ้านหลินซาน เป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็กๆ ที่หาเช้ากินค่ำ เรื่องใหญ่อย่างการกบฏชิงบัลลังก์ พวกเขาไม่รู้มันจะดีกว่าเซียวจิ่งอี้เข้าใจความกังวลของอวิ๋นฝูหลิง จึงพยักหน้ารับการกบฏที่เป็นเร
ชาวบ้านหลายคนที่บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย ก็รอดชีวิตมาได้แล้วโดยเฉพาะหวังเอ้อร์เหอ รอยแผลจากการเย็บตรงท้องเริ่มสมานกันแล้วหลายวันนี้ หวังเอ้อร์เหอราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ มีคนไปมุงดูเขาทุกวันไม่ขาดสายเรื่องหนังท้องเปิด หลังจากใช้เข็มกับด้ายเย็บ คนยังสามารถมีชีวิตรอด เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมากหลังจากดูของหายากเสร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะชมแม่นางอวิ๋นว่าฝีมือการแพทย์สูงส่งนายท่านหานกับติงหมิงรุ่ยก็ไปดูด้วยตัวเองเช่นกันถึงขั้นคุยกับหวังเอ้อร์เหอ ขอให้เขาเลิกเสื้อขึ้นเพื่อดูบาดแผลของเขาแวบหนึ่งบาดแผลของหวังเอ้อร์เหอเริ่มตกสะเก็ดแล้ว การสมานของแผลเป็นไปด้วยดีหลังจากได้เห็นกับตา ติงหมิงรุ่ยรู้สึกเลื่อมใสฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงจากใจส่วนนายท่านหาน ราวกับค้นพบสมบัติตะลึงโลกอะไรบางอย่าง ยิ่งอยากชักชวนอวิ๋นฝูหลิงมาอยู่สำนักผิงอันของตัวเองถ้าหากสำนักผิงอันมีหมอเทวดาเช่นนี้หนึ่งท่าน ชื่อเสียงและการค้าของสำนักผิงอัน นับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองแน่นอนเป็นเช่นนี้ผ่านไปเจ็ดแปดวัน ในที่สุดทางอวิ๋นฝูหลิงก็ได้รับการยืนยันจากเซียวจิ่งอี้ จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสาม
ไทเฮาจะปิดเรื่องที่เจียงโจวอ๋องก่อกบฏ ไม่ให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยแน่นอนเมื่อไม่ถูกเปิดเผย ก็จะไม่มีการประกาศราชโองการแจ้งให้ใต้หล้าได้รับรู้สุดท้ายสามารถจำคุกครอบครัวเจียงโจวอ๋อง เกรงว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้วแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ย่อมมีเสด็จพ่อของเขาไปปวดหัวสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาเซียวจิ่งอี้ใครจะรู้ว่าเวลานี้เอง สีหน้าของเทียนเฉวียนเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมาก“เรียนนายท่าน ครอบครัวเจียงโจวอ๋องตายหมดแล้วขอรับ!”เมื่อได้ฟัง เซียวจิ่งอี้ก็ตกใจมากเจียงโจวอ๋องเป็นเป็นลูกแท้ๆ ของไทเฮา มีไทเฮาอยู่ เสด็จพ่อไม่มีทางออกคำสั่งประหารเจียงโจวอ๋อง “หลังจากเจียงโจวอ๋องถูกจับ รู้ว่าความแตกแล้ว ภายใต้ความหวาดกลัว จึงไถ่โทษโดยการฆ่าตัวตายขอรับ”“พระชายากับซื่อจื่อก็ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย”หลังจากเกิดเรื่อง จั่วเยี่ยนก็ประหลาดใจมากเช่นกัน และยังตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบอยากตรวจสอบดูว่ามีคนลอบลงมือใช่หรือไม่แต่สุดท้ายกลับพบว่าครอบครัวเจียงโจวอ๋องล้วนฆ่าตัวตายจริงๆชั่วขณะเซียวจิ่งอี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีจริงๆเจียงโจวอ๋องซ่อนตัวในความมืดมานานหลายปี เขาวางแผนชิงราชบัลลัง
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ