ไทเฮาจะปิดเรื่องที่เจียงโจวอ๋องก่อกบฏ ไม่ให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยแน่นอนเมื่อไม่ถูกเปิดเผย ก็จะไม่มีการประกาศราชโองการแจ้งให้ใต้หล้าได้รับรู้สุดท้ายสามารถจำคุกครอบครัวเจียงโจวอ๋อง เกรงว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้วแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ย่อมมีเสด็จพ่อของเขาไปปวดหัวสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาเซียวจิ่งอี้ใครจะรู้ว่าเวลานี้เอง สีหน้าของเทียนเฉวียนเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมาก“เรียนนายท่าน ครอบครัวเจียงโจวอ๋องตายหมดแล้วขอรับ!”เมื่อได้ฟัง เซียวจิ่งอี้ก็ตกใจมากเจียงโจวอ๋องเป็นเป็นลูกแท้ๆ ของไทเฮา มีไทเฮาอยู่ เสด็จพ่อไม่มีทางออกคำสั่งประหารเจียงโจวอ๋อง “หลังจากเจียงโจวอ๋องถูกจับ รู้ว่าความแตกแล้ว ภายใต้ความหวาดกลัว จึงไถ่โทษโดยการฆ่าตัวตายขอรับ”“พระชายากับซื่อจื่อก็ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย”หลังจากเกิดเรื่อง จั่วเยี่ยนก็ประหลาดใจมากเช่นกัน และยังตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบอยากตรวจสอบดูว่ามีคนลอบลงมือใช่หรือไม่แต่สุดท้ายกลับพบว่าครอบครัวเจียงโจวอ๋องล้วนฆ่าตัวตายจริงๆชั่วขณะเซียวจิ่งอี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีจริงๆเจียงโจวอ๋องซ่อนตัวในความมืดมานานหลายปี เขาวางแผนชิงราชบัลลัง
เทียนเฉวียนเห็นสองคนนี้ทำท่าเดียวกัน จู่ๆ ก็ค้นพบอย่างน่าประหลาด ที่จริงรูปลักษณ์ของพวกเขาคล้ายกันมาก ดูแล้วเหมือนเป็นพ่อลูกกันก็มิปานความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมองเทียนเฉวียน ก็ถูกเขาสลัดออกอย่างรวดเร็วเขากำลังคิดอะไรอยู่?นายท่านไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิง จะมีลูกชายที่โตขนาดนี้ได้อย่างไร?เหตุใดเขาจึงผุดความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้?เซียวจิ่งอี้พบว่าอวิ๋นจิงมั่วมัวแต่ไล่ตามลูกเสือน้อย แม้แต่รองเท้าหลุดไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เวลานี้สองเท้าเปลือยเปล่าเขาอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมาพลันก้มหน้าโดยไม่ตั้งใจ จู่ๆ เขาก็พบว่าเท้าซ้ายของอวิ๋นจิงมั่วมีหกนิ้วพริบตานั้นหัวใจเซียวจิ่งอี้สั่นสะท้าน เมื่ออาศัยแสงจันทร์ดูอย่างละเอียด มีหกนิ้วจริงๆ ด้วยเขาจับเขาซ้ายของอวิ๋นจิงมั่ว นับทีละนิ้วหนึ่งรอบ มีหกนิ้วจริงๆอวิ๋นจิงมั่วกลับถูกการกระทำของเซียวจิ่งอี้ทำเอาจั๊กจี้ที่ฝ่าเท้า เริ่มหัวเราะคิกคักทันที เซียวจิ่งอี้ถอนมือกลับ อุ้มเขาเดินกลับไปเดินไปพลางกวาดมองอวิ๋นจิงมั่วอย่างละเอียดเดินไปได้ครู่เดียว ก็มองเห็นสวี่ตงที่กำลังตามหาคนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตอนที่อวิ๋นจิงมั่วฉี่ เพราะสวี่ตงง่วงนอนมาก จึงหลับ
ตำบลเล็กๆ ที่อยู่ทางเหนือของเขาเฟิ่งลั่วชื่อตำบลผิงเล่อเที่ยงของวันนี้ จู่ๆ ชาวบ้านของตำบลก็พบคนกลุ่มหนึ่งลงมาจากเขาเฟิ่งลั่ว เสื้อผ้าของคนเหล่านี้ขาดรุ่งริ่ง สีหน้ากลับแดงชุ่มฉ่ำและกะปรี้กะเปร่าเมื่อรู้ว่าทางใต้ของเขาเฟิ่งลั่วถูกน้ำท่วมเพราะฝายเจียงหลิงแตก คนเหล่านี้เดินข้ามเขาเฟิ่งลั่ว ลี้ภัยมาตลอดทาง ชาวบ้านในตำบลต่างก็ประหลาดใจมากเขาเฟิ่งลั่วมีเทือกเขาเยอะ และทอดยาวหลายร้อยลี้ ในภูเขายังมีสัตว์ดุร้ายมากมายคนในตำบลของพวกเขา ไม่เคยกล้าเข้าไปลึกนักผู้ลี้ภัยเหล่านี้สามารถเดินออกมาจากในเขาลึกได้อย่างปลอดภัย ต้องพอมีความสามารถติดตัวแน่นอนหลังจากเห็นหนังเสือที่อยู่นอกสัมภาระของคนเหล่านี้ คนในตำบลยิ่งมั่นใจเรื่องนี้แล้วอีกทั้งผู้ประสบภัยที่ลี้ภัยคนไหนไม่ใช่ผอมจนเห็นกระดูก แม้สภาพของคนเหล่านี้สะบักสะบอม แต่ท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาจู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่เช่นนี้มาโผล่ในตำบล กำนันที่ได้รับข่าวอย่างรวดเร็วก็รีบมาทันทีหัวหน้าหมู่บ้านโจวแสดงบทบาทของตัวเองในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านทันที ทักทายกำนันครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็สอบถามข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของราชสำนักเนื
แต่น่าเสียดาย มีองครักษ์กลุ่มนั้นอยู่ นางไม่สามารถเข้าใกล้เซียวจิ่งอี้ด้วยซ้ำโอกาสบินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ฟ้าที่ดีเช่นนี้ เสียดายที่นางไม่สามารถคว้าไว้ได้!เด็กหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งเดินไปที่ข้างกายฟางหลาน เขายิ้มให้นางแล้วกล่าว “เสี่ยวหลาน มา ข้าช่วยถือตะกร้าของเจ้า?”ฟางหลานหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ชื่อสือเฮ่าเทียน กล่าวด้วยสีหน้าตื้นตัน “ขอบคุณพี่สือ”สือเฮ่าเทียนรับสัมภาระของฟางหลานมาด้วยความดีใจ “เกรงใจอะไรกับข้ากัน”บนใบหน้าฟางหลานยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่กลับมองบนในใจแม้ว่าระหว่างทางนางได้รับผลประโยชน์จากสือเฮ่าเทียนไม่น้อย มีทั้งผักป่าและของกินต่างๆ แต่ในใจนางไม่ได้ชอบเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะสือเฮ่าเทียนยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง นางไม่คิดจะคุยกับเขาด้วยซ้ำต่อให้นางไม่สามารถจับชนชั้นสูงอย่างเซียวจิ่งอี้ แต่ก็ไม่มีทางแต่งงานกับชาวนาอย่างสือเฮ่าเทียน!กลุ่มของเซียวจิ่งอี้เดินออกจากตำบลผิงเล่อได้ไม่ไกล ก็มารวมตัวกับกำลังคนที่รออยู่ที่นี่แล้วเซียวจิ่งอี้ปีนขึ้นหลังม้า หันกลับไปมองเทือกเขาเฟิ่งลั่วอันคดเคี้ยวและทอดยาวที่อยู่ไกลออกไปเทียนเฉวียนเดินเข้ามาถาม “นายท่าน กลับเมืองห
“คุณชาย ฟ้ามืดแล้ว วันนี้กลับเข้าเมืองไม่ทันแล้ว คงต้องลำบากท่านพักแรมที่ข้างนอกสักคืน”องครักษ์ที่ขับรถม้าเดินเข้าไป กล่าวรายงานผ่านม่าน“รู้แล้ว” เสียงที่ไพเราะสายหนึ่งดังออกมาจากในรถม้า องครักษ์ที่พูดลากรถม้าไปทางสถานที่ที่อวิ๋นฝูหลิงและคนอื่นตั้งค่ายสุดท้ายหยุดลงตรงจุดที่ห่างจากพวกเขาระยะหนึ่งทันทีที่รถม้าหยุดลง คนที่แต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่งลงมาจากรถม้าก่อน หลังจากนั้นหันไปประคองคนที่อยู่ในรถม้า“คุณชาย ท่านช้าหน่อย!”ภายใต้การประคองของเด็กรับใช้ ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวพระจันทร์เดินออกมาจากในรถม้าผมของเขาดำดุจหมึก ขับให้ใบหน้าขาวดังหิมะ ระหว่างคิ้วมีภาวะของการเจ็บป่วยแฝงอยู่แม้เป็นฤดูร้อนที่อบอ้าว แต่เขากลับสวมผ้าคลุมกันลม เห็นได้ชัดว่าเป็นโรคกลัวหนาวเมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียง ก็เงยหน้ามองแวบหนึ่งสายตาของเขากับอวิ๋นฝูหลิงบรรจบกันพอดี พลันพยักหน้าให้นางเล็กน้อยอย่างเกรงใจอวิ๋นฝูหลิงก็พยักหน้าคืนอย่างสุภาพเมื่อชายหนุ่มลงจากรถม้า ผู้ติดตามของเขาก็เริ่มทำงานทันทีปูเบาะรองนั่ง จุดธูปไล่ยุ่งและแมลง ต้มน้ำชงชา ปิ้งขนมแป้งหลังจากขนมแป้งขาวถูกปิ้ง กลิ่นหอมของ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กรับใช้อยากหายาของคุณชายคืนมาก็ยากแล้วเขาเริ่มร้องไห้โฮ“ทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดี?”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงเห็นชายหนุ่มคนนั้นมอบขนมแป้งให้ ในใจก็รู้แล้วว่าแย่แน่แล้วผู้ประสบภัยเหล่านั้นลุกฮือเหมือนแมวที่ได้กลิ่นคาวอย่างที่คิดนางกลัวผู้ประสบภัยเหล่านั้นแย่งของจนติดใจ จะลงมือกับพวกเขาเป็นรายต่อไป ดังนั้นจึงรีบสั่งให้ชาวบ้านระวังตัวใครจะรู้ว่าจู่ๆ ชายหนุ่มคนนั้นก็ล้มลงอวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลาให้คิดมาก รีบพุ่งพรวดเข้าไปช่วยคนทันที“ข้าเป็นหมอ ให้ข้าดูเขาหน่อย!”เมื่อองครักษ์ที่จะเข้ามาขวางในตอนแรกได้ยิน ก็ปล่อยนางเข้าไปทันทีอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจร พบว่าหัวใจของคนคนนี้หยุดเต้น และไม่มีชีพจรแล้วนางคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเมื่อครู่ ผู้ประสบภัยลุกฮือแย่งของกะทันหัน ชั่วขณะชายหนุ่มสะเทือนใจ อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง จึงส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นนางทำการปั๊มหัวใจทันทีหวังว่ายังจะกู้ชีพทันเวลาเด็กรับใช้กับองครักษ์เห็นหลังจากอวิ๋นฝูหลิงตรวจชีพจร ก็วางสองมือลงบนหน้าอกคุณชายก็กดไม่หยุดพวกเขาไม่เคยเห็นวิธีช่วยคนเช่นนี้ แอบสงสัยว่าอวิ๋นฝูหลิงคงจะไม่ใช่หมอผีหรือแม่มดอะไรกระมัง?
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง กู้อี่อันเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อร่างกายเขาอ่อนแอตั้งแต่เด็ก กินยากับกินข้าวพอๆ กันหมอยิ่งไปหามาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ แม้แต่หมอหลวงในวัง ก็เคยทุ่มเงินหาเส้นสายเชิญมาตรวจชีพจรให้เขา แต่ไม่เคยมีหมอคนไหนที่สามารถบอกอาการของเขาเหมือนกับอวิ๋นฝูหลิง ยิ่งกว่านั้นยังกล้าพูดว่าสามารถรักษาได้กู้อี่อันตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวเสียงสั่น “ได้โปรดท่านหมอเทวดาช่วยลงมือขจัดโรคภัยให้ข้า ท่านหมอเทวดามีข้อเรียกร้องอะไร พูดมาได้เลย!”อวิ๋นฝูหลิงนำยาสงบจิตออกมาหนึ่งขวด “เมื่อรู้สึกหัวใจไม่สบายก็กินหนึ่งเม็ด”“ขวดนี้มียี่สิบเม็ด หนึ่งเม็ดสองตำลึงเงิน ทั้งหมดยี่สิบตำลึง”“ต่อไปพยายามทำใจให้สงบ ห้ามมีอารมณ์ที่ดีใจหรือเศร้าอย่างรุนแรง”“ข้าจ่ายเทียบยาให้ท่านอีกหนึ่งใบ ท่านนำเทียบยาไปหาซื้อยาที่ร้านยาเอง กินก่อนสิบเทียบ หลังจากกินหมดข้าจะตรวจท่านใหม่”“ค่ายาลูกกลอน บวกค่ารักษา บวกค่าเทียบยา ทั้งหมดเป็นห้าสิบตำลึงเงิน!”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ เห็นกู้อี่อันไม่มีปฏิกิริยา อดไม่ได้ที่จะคิดหรือนางขอมากเกินไป?คนคนนี้เป็นนายน้อยของร้านค้าอะไรสักอย่าง ห้าสิบตำลึงเงินสำหรับ
“ทางฝ่าบาทต้องขอคำอธิบายกับเจ้าแน่ ไม่เช่นนั้นยากจะผ่านด่านไทเฮา”จั่วเยี่ยนเข้าใจทันทีว่าเซียวจิ่งอี้กำลังชี้แนะเขาเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ อย่างไรก็ต้องมีคำอธิบายอีกทั้งการตายของเจียงโจวอ๋อง ต้องทำให้ไทเฮาไม่พอใจฝ่าบาทแน่นอน ความผิดนี้จะไปตกที่ฝ่าบาทไม่ได้เด็ดขาดจั่วเยี่ยนนึกถึงสิ่งที่สืบพบในช่วงนี้ ในใจมีแผนรับมือแล้ว“ท่านอ๋อง เมื่อช่วงที่ผ่านมา ผู้น้อยได้ตรวจนับพยานบุคคลและพยานหลักฐานเกี่ยวกับการก่อกบฏของเจียงโจวอ๋อง พบว่ากุนซือข้างกายคนหนึ่งของเจียงโจวอ๋องหายไปขอรับ”“คนผู้นี้แซ่เหวิน ไม่ทราบชื่อที่แน่ชัด ทุกคนเรียกเขาว่าท่านจอมปราชญ์เหวิน”“เขาเป็นกุนซือข้างกายเจียงโจวอ๋องที่ได้รับความสำคัญและไว้วางใจที่สุด เจียงโจวอ๋องลักลอบขุดเหมืองเหล็ก สร้างอาวุธ ฝึกทหารโดยพลการ ล้วนเป็นฝีมือของเขา”“แต่หลังจากเกิดเรื่อง คนคนนี้กลับหายไปราวกับระเหยไปจากโลกนี้แล้ว”เซียวจิ่งอี้ขมวดคิ้ว “กุนซือคนหนึ่ง สามารถหนีรอดจากการไล่ล่าของหน่วยกระบี่เงา?”แรกเริ่มจั่วเยี่ยนก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพิ่งจะรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่อไม่นานมานี้เอง“ท่านอ๋อง เกรงว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดาขอรับ!”เซียวจิ่งอ
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้
สมุนไพรชุดแรกในสวนสมุนไพร อวิ๋นฝูหลิงเลือกมาเพียงไม่กี่ชนิดที่ปลูกขึ้นง่ายและตายยากอย่าง ดอกสายน้ำผึ้ง สะระแหน่ โสมซานชี เก๋ากี้ เป็นต้นอวิ๋นฝูหลิงคัดเลือกกำลังคนจากชาวบ้านที่อยากทำงานออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาลงนามในหนังสือสัญญา เพื่อจ้างคนเหล่านี้ให้คอยดูแลสวนสมุนไพรอวิ๋นฝูหลิงแจ้งไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าหากใครปลูกสมุนไพรออกมาได้ดี พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีเงินปูนบำเหน็จให้เพิ่มครึ่งส่วนมีสิ่งตอบแทนล่อตาล่อใจอยู่เช่นนี้ ชาวบ้านที่ลงนามในหนังสือสัญญาก็ไม่มีใครกล้าทำตัวหย่อนยาน มองต้นอ่อนสมุนไพรพวกนั้นราวกับเป็นบุตรของตนเอง ทะนุถนอมรักใคร่เป็นที่สุดก่อนหน้านี้นายท่านหางเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงมาหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจากเขา ยังคิดอยู่เลยว่านางอยากจะปลูกเล่น ๆ เท่านั้นถึงอย่างไรสมุนไพรนั้นใช่ว่าจะปลูกกันได้ง่าย ๆ ในยุคของราชวงศ์ต้าฉีนั้นมีหลายครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ครอบครัวที่ปลูกสมุนไพรรอดมาเป็นต้นได้นั้นก็น้อยนิดยิ่งนักแถมสมุนไพรที่พวกนั้นปลูกรอดเป็นต้นได้ก็มีแต่ชนิดที่ปลูกง่ายอยู่ง่ายไม่กี่ชนิดเท่านั้นดังนั้นพอรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงรังสรรค์สวนสมุนไพรขึ้นมาได้แห่งหนึ่ง ไม่เพียงแต
อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลาง ๆ จึงพูดข้อกำหนดการจ้างงานกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวไปด้วยเขาลูกทางเหนือของหมู่บ้านที่นางซื้อไว้ลูกนั้น กอปรกับเขาและที่ดินที่เซียวจิ่งอี้มอบให้นางในวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงวางแผนไว้ว่าจะจ้างคนให้มาบุกเบิกที่แล้วปลูกสมุนไพรจะปลูกพันธุ์ที่รอดเป็นต้นง่าย และมีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ๆ ก่อนส่วนโรงปรุงยา เทียบยาที่นางปรุงขึ้นนั้นย่อมต้องเก็บเป็นความลับ ไว้ถึงคราวที่นางต้องเดินทาง หากหาคนที่น่าไว้วางใจมารับช่วงต่อไม่ได้ จะเปิดโรงปรุงยาต่อไปก็ไม่ดีนักถึงอย่างไรโรงปรุงยาชั่วคราวในยามนี้ก็มีพวกเจิ้งซื่อคอยช่วยดูแล และอวิ๋นฝูหลิงยังอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอีกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนนี้ ช่วงหนึ่งเดือนนี้ก็ทำเช่นนี้ไปก่อนอีกทั้งทางฝั่งนายท่านหางก็เร่งเร้าจะเอายาลูกกลอนแล้วด้วยระหว่างนี้นางจะออกไปหาคน จะลองดูว่ามีคนที่เหมาะมารับช่วงต่อหรือไม่หากหาคนที่เหมาะจะมารับช่วงต่อได้ถือเป็นการดียิ่ง แต่หากหาไม่ได้ก็เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีช่วงครึ่งบ่าย หัวหน้าหมู่บ้านโจวจึงตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวบ้านทั้งหลายไปรวมตัวกันที่ลานนวดข้าวหน้าทางเจ้าหมู่บ้านกระทั่งประกาศเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงจะสร้างสว
อวิ๋นฝูหลิงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในเมื่อวันนี้เซียวจิ่งอี้เปิดอกพูดออกมาแล้ว เช่นนั้นนางก็ถือโอกาสพูดให้กระจ่างแจ้งไปด้วยแล้วกัน“ท่านอยากแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรือเพราะอยากมอบฐานะอันชอบธรรมให้จิงมั่ว ถึงได้อยากแต่งงานกับข้ากันแน่?”เซียวจิ่งอี้มองเข้าไปในดวงตาของอวิ๋นฝูหลิง กล่าวออกมาอยากจริงใจว่า “สำหรับข้าแล้ว จิงมั่วนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนจริง แต่หากว่าข้าอยากให้เขากลับสู่สกุล คืนสู่ฐานะที่ถูกต้อง ข้ายังมีวิธีการอีกมากมาย”“ที่ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าและให้เจ้ามาเป็นพระชายาของข้า เป็นเพราะข้ามีใจรักเจ้าเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”“ชั่วชีวิตหลังจากนี้ ขอแค่เจ้ายอมอยู่เคียงข้าง มีกันและกัน ใช้ชีวิตร่วมกันกับข้าจนผมขาว!”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เชื่อในความรักลึกซึ้งของพวกราชนิกุล ทว่าความซื่อตรงและอบอุ่นของเซียวจิ่งอี้ในยามนี้ กลับทำให้หัวใจนางเต้นไม่เป็นส่ำนางชอบเซียวจิ่งอี้นางแน่ใจ ว่านางหลงรักเซียวจิ่งอี้เข้าแล้วก่อนหน้านี้นางมัวแต่กังวล ไม่ยอมเผชิญหน้าตรง ๆ กับความรู้สึกนี้ทว่ายามนี้เซียวจิ่งอี้เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหานางหนึ่งก้าวแล้ว นางเองก็บังเกิดความกล้า
อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากประสบเหตุการณ์อย่างคุณชายน้อยลู่เช่นนั้นดังนั้นตลอดเส้นทางนี้ นางเลยไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ กอดเซียวจิ่งอี้แน่นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยเกียรติศักดิ์ศรีจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับคุณค่าของชีวิตหรอกนะ!เซียวจิ่งอี้กำบังเหียนไว้ พลางยกยิ้มน้อยๆไม่นานนัก เซียวจิ่งอี้จึงรั้งอาชาให้หยุดฝีเท้าอวิ๋นฝูหลิงมองไปรอบ ๆ เล็กน้อย ถึงได้เห็นว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ตีนเขาฝั่งบูรพาของหมู่บ้านซวงหลิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านซวงหลินเท่าไรเซียวจิ่งอี้ลงจากหลังม้าก่อน จากนั้นจึงอุ้มอวิ๋นฝูหลิงลงมาอวิ๋นฝูหลิงพูดขึ้นด้วยความฉงน “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม?”เซียวจิ่งอี้มิได้ตอบ ทำเพียงกอบกุมมือของอวิ๋นฝูหลิงไว้แล้วกล่าวว่า “ขึ้นไปดูบนเขากัน”อวิ๋นฝูหลิงดีดดิ้นสะบัดมืออยู่หลายครั้งก็ไม่หลุด จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไปลักษณะภูเขาลูกนี้ของหมู่บ้านซวงหลินไม่เหมือนกับเขาเฟิ่งลั่ว ทั้งยังไม่ได้สูงชันดูอันตราย และดูสลับซับซ้อนอย่างเขาเฟิ่งลั่วที่นี่เรียกว่าภูเขา แต่ในความจริงแล้วก็เป็นเพียงเนินเขาเล็ก ๆ ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลสองถึงสามร้อยเมตรเท่านั้นฉะนั้นไม่นานนัก ท
อวิ๋นฝูหลิงอดยกมือขึ้นมากุมหน้าไม่ได้สวรรค์ นางไปทำเรื่องพรรค์นั้นกับเซียวจิ่งอี้ได้อย่างไร?น่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด!ต้องโทษที่พอมีของสวย ๆ งาม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้ว นางมักจะยับยั้งความอดทนไว้ไม่ไหวไปชั่วขณะเสียทุกทีนอกจากลูบ ๆ คลำ ๆ แล้ว นางคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันเลยเถิดเกินไปกว่านั้นหรอกกระมัง?ครั้นเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวยังคงอยู่ดี คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกอวิ๋นฝูหลิงเขกหัวตัวเอง คิดในใจว่าต่อไปไม่อาจแตะสุราอีกนึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายนี้ของนางจะคออ่อนขนาดนี้ ดื่มสุราอ่อน ๆ ไปเพียงจอกเดียวก็เมามายเสียขนาดนี้ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาจากด้านนอกประตูอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปาก “ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”ชั่วพริบตาต่อมา ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก อวิ๋นจิงมั่ววิ่งตึก ๆ เข้ามาด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเองมีเหยากวงคอยเดินตามหลังเขาเข้ามาอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามาถึงหัวเตียง เงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง ดวงหน้าของเขามีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนบ้างไหม ปวดศีรษะบ้างหรือเปล่า?”“ข้าได้ยินพวกท่านลุงอู๋บอกว่า หากดื่มสุราจนเมาจะปวดศีรษะ”“ต้องดื่มน้ำแกงสร่างเมาถึงจ
“ท่านเป็นบุรุษแท้ ๆ เหตุใดผิวพรรณจึงดีขนาดนี้เล่า!”“ท่านดูแลเช่นไร แล้วปกติใช้ของบำรุงผิวอันไหน?”ชั่วพริบตานั้น เซียวจิ่งอี้ถึงกับร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกอวิ๋นฝูหลิงบีบขยำใบหน้าของเขาอยู่พักใหญ่นางพึมพำออกมาเบา ๆ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ “มันคงจะดีเหลือเกินหากท่านเป็นเพียงแค่พรานป่านามหวังลี่ผู้นั้น!”“แค่มีใบหน้างาม ๆ เช่นนี้ เจ๊จะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”“แต่ทำไมท่านถึงต้องเป็นองค์ชายเจ็ดด้วยนะ!”“เหตุใดคนที่ข้าชอบจะต้องเป็นถึงองค์ชายด้วย?”“ท่านเป็นถึงองค์ชาย ข้าจะชอบท่านไม่ได้เด็ดขาด!”เซียวจิ่งอี้ทั้งตกใจทั้งปลื้มปีติ เขาโน้มตัวเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงปรับน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ราวกับกำลังล่อลวงก็ไม่ปาน “เหตุใดข้าถึงเป็นองค์ชายไม่ได้?”“เหตุใดเจ้าถึงจะชอบองค์ชายไม่ได้?”อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว แล้วโอดครวญออกมา “ราชวงศ์ต้องมีกฎเยอะมาก ๆ แบบมาก ๆ อยู่แน่”“หากข้าแต่งให้ท่าน เป็นพระชายาของท่านแล้ว ข้าจะยังเป็นหมอได้หรือไม่?”“เกรงว่าข้าคงจะถูกกักขังให้อยู่แต่ในวังหลัง คอยดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องดูแลอนุอีกเป็นโขยงของท่านด้วยก็ได้!”“ข้ามิใช่คนโง่นะ!”
ชาวบ้านทั้งหลายต่างยิ้มแย้มพูดคุยกัน กินไปพลางคุยไปพลาง กระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับลงฝั่งประจิม ทุกคนถึงได้ขอตัวลาเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดจะลุกขึ้นส่งพวกเขา ทว่าใครจะรู้ว่าทันทีที่ลุกขึ้นยืน ร่างกายของนางก็โงนเงนจวนจะล้มเคราะห์ดีที่เซียวจิ่งอี้อยู่ข้าง ๆ แล้วเข้าประคองไว้ได้ทันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกมึนศีรษะ เห็นเซียวจิ่งอี้มีเงาซ้อนทับกันเล็กน้อยนี่นางเมาแล้วหรือ?นางเพิ่งกินไปได้จอกเดียวเอง อีกทั้งพอเทียบกับเหล้าขาวในชาติก่อนแล้ว สุราในยุคสมัยนี้มีดีกรีน้อยกว่าหลายเท่าตัว แทบไม่แตกต่างจากน้ำเปล่าเลยด้วยซ้ำโปรดรู้ไว้ว่าเมื่อชาติก่อน นางได้ชื่อว่าคอทองแดงเชียวนะนี่เพิ่งจะดื่มได้จอกเดียว ก็ทำนางเมาเสียแล้ว?ทักษะการดื่มสุราของร่างนี้จะน้อยกว่าตัวนางในเมื่อก่อนมากเกินไปแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงร่างกายซวนเซ ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง กอปรกับเห็นว่างสายตาของนางดูงุนงง สีหน้าดูเหม่อลอย จึงเดาได้ทันทีว่านางเมาแล้วชาวบ้านที่ก้าวเข้ามาหาเพื่อกล่าวลานั้นมองออกว่าอวิ๋นฝูหลิงเมาแล้ว จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องส่งหรอก รีบประคองแม่นางอวิ๋นไปพักผ่อนเถิด แล้วก็ให้ดื่มน้ำแกงสร่างเมาสักถ้วย วันพ
วันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คนเกือบทั้งหมู่บ้านล้วนมาร่วมงานแม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะสร้างเพียงแค่เรือนลานเดียว มีเรือนหลัก พร้อมด้วยเรือนปีกตะวันตกและเรือนปีกตะวันออก กอปรกับห้องครัว ห้องเก็บของ คอกม้าและห้องอื่น ๆ รวม ๆ แล้วก็ได้เจ็ดถึงแปดห้อง แต่ก็นับว่าเป็นบ้านที่มีสง่าราศีเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่บ้านซวงหลินเลยทีเดียวพอถึงเช้าตรู่ ชาวบ้านก็นำของอวยพรมามอบให้ถึงประตูบ้าน แล้วเข้าไปชมบ้านหลังใหม่ของสกุลอวิ๋นห้องต่าง ๆ ล้วนดูเป็นปกติทั่วไป มีเพียงห้องอาบน้ำและห้องครัวเท่านั้นที่แปลกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะห้องอาบน้ำ ที่ไม่เพียงมีท่อน้ำที่ตรงออกไปข้างนอกห้อง สามารถเทน้ำที่ผ่านการอาบการใช้ภายในห้องลงในท่อได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงยกน้ำออกไปเททิ้งด้านนอกอีกแล้วเท่านั้นยังมีของกลม ๆ ที่ได้ยินมาว่าเรียกว่าฝักบัวอาบน้ำอยู่ด้วย พอเปิดจุกกั้นออกน้ำร้อนก็จะออกมาทันทีจะล้างเนื้อล้างตัวช่วงหน้าร้อนก็สบายไม่น้อยอีกทั้งส้วมที่ก่อขึ้นจากอิฐสีคราม หลังถ่ายเบาถ่ายหนักก็สามารถราดน้ำลงไปได้เลย ซึ่งมันจะไหลผ่านท่อน้ำไปลงในบ่อเกรอะที่อยู่หลังบ้านชาวบ้านพากันมองด้วยความประหลาดใจ มีบางคนถึงขั้นอดใจเ