“ข้าไปเดินดูตามบ้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนยา คนในหมู่บ้านนี้ต่างไม่ได้ขัดขวางอะไรข้า แต่ข้ารู้สึกได้ว่ามีคนคอยจับตาดูเราอยู่ตลอด”ที่อวิ๋นฝูหลิงออกไปเดินวนในครั้งนี้ ถึงจะเป็นเพียงการทดลอง แต่ก็เพราะห่วงใยคนเจ็บอยู่ด้วยเช่นกันโดยเฉพาะหลายคนที่อาการเจ็บค่อนไปทางสาหัสในจำนวนนั้นคนที่ทำให้อวิ๋นฝูหลิงกังวลมากที่สุดก็คือหวังเอ้อร์เหอที่เพิ่งผ่านการเย็บสมานแผล เขาอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเล่าเรื่องราวฝั่งของตนจบแล้วเสร็จ ก็ถามเซียวจิ่งอี้กลับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สืบได้ข่าวคราวว่าอย่างไรบ้าง?เซียวจิ่งอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าเบื้องหลังของเรื่องราวโยงใยเกี่ยวพันใหญ่โต จึงไม่ควรให้ฝูหลิงซึ่งเป็นเพียงหญิงธรรมดาเข้ามาเกี่ยวข้องทว่าเมื่อเขาสบเข้ากับสายตาเฉียบคมหลักแหลมคู่นั้นของนางเข้า ก็ราวกับผีสิงวิญญาณเข้า ทำเอาเขานำความที่ได้ยินมาทั้งหมดบอกกับอวิ๋นฝูหลิงไปเมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ฟังว่าคนพวกนี้มีแผนจะส่งผู้ชายไปทำงานในเหมืองแร่ ส่วนผู้หญิงจะถูกย่ำยีเล่นสนุกก่อนจะส่งไปขายที่ซ่อง ส่วนเด็กน้อยก็จะถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด ก็พลันโกรธจนสองตาแดงก่ำ“พวกชั่วช้าสาม
เซียวจิ่งอี้ไปถึงนอกหมู่บ้าน หยิบขลุ่ยทองแดงเลาหนึ่งที่ทำขึ้นพิเศษออกมาเป่าสองสามครั้งผ่านไปครู่เดียว ก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวอย่างเงียบๆ“ข้าน้อยเทียนจี คารวะนายท่าน!”เซียวจิ่งอี้เก็บขลุ่ยทองแดงแล้วกล่าวถาม “ทำงานที่มอบหมายให้พวกเจ้าเสร็จหมดหรือยัง?”เทียนจีกล่าวตอบอย่างนอบน้อม “เรียนนายท่าน ติดต่อกับผู้บัญชาการจั่วได้แล้วขอรับ”“ตอนนี้ผู้บัญชาการจั่วถึงเจียงโจวแล้ว เขาฝากข้าน้อยมาบอกนายท่านว่า นายท่านอยากทำอะไรก็ทำเต็มที่เลย!”“ผู้บัญชาการจั่วยังบอกอีกว่า เริ่มมีเบาะแสเรื่องการลอบสังหารแล้ว หลังจากพบกับนายท่านแล้ว ค่อยคุยรายละเอียดกับนายท่านขอรับ”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าสมัยที่จั่วเยี่ยนตกต่ำ เข้าตาจนไม่มีทางให้ไป เซียวจิ่งอี้พบโดยบังเอิญจึงได้ช่วยเหลือเขาบุญคุณครั้งนี้ แลกมากับการตอบแทนที่จงรักภักดีนอกจากคนสนิทของเขา ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงจั่วเยี่ยนเป็นคนของเขาหลายปีนี้เขาออกจากเมืองหลวงไปประจำการที่ด่านชายแดน แต่ยังสามารถรับรู้เหตุการณ์ในเมืองหลวงและสถานการณ์ในราชสำนักอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นก็มีผลงานของจั่วเยี่ยน“ติดต่อคนของพวกเรา รอรับคำสั่งรอบนอกเขาเฟิ่งลั่ว”“
เซียวจิ่งอี้คอยสังเกตสถานการณ์โดยรอบอยู่ที่ข้างนอกอย่างละเอียด ไม่นาน ทางเหมืองแร่ก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเกวียนสิบกว่าคันทยอยแล่นออกไป และมีผ้าน้ำมันสีดำคลุมอยู่บนเกวียนทุกคันหลังจากเกวียนแล่นผ่าน ได้ทิ้งรอยล้อลึกสายหนึ่งไว้ จะเห็นได้ว่าของที่อยู่บนเกวียนมีน้ำหนักมากเกวียนแต่ละคันมีคนคุ้มกันอย่างน้อยสี่คน ทั้งขบวนเกวียนรวมกัน มีประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนเซียวจิ่งอี้ออกคำสั่งกับไคหยางและเทียนซูทันที“พวกเจ้าสองคนตามไป สืบให้รู้ว่าขบวนเกวียนนี้ไปที่ไหน และขนของอะไรบนเกวียน?”ไคหยางกับเทียนจีรับคำสั่งก็ออกไปทันทีหลักจากทั้งสองไปแล้ว ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เทียนจีที่รับคำสั่งไปดูลาดเลาในเหมืองแร่จึงจะกลับมา“นายท่าน ข้าน้อยเข้าไปสำรวจแล้ว เหมืองแร่แห่งนี้ลึกมาก ดูจากร่องรอยของการขุด ขุดมาแล้วอย่างน้อยสามปีขอรับ”“เฉพาะคนงานเหมืองที่อยู่ข้างใน ก็มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน”“โดยรอบของเหมือนแร่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คนคุ้มกันก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ง่ายๆ”“ข้าน้อยได้แอบนำหินแร่ออกมาด้วยสองสามก้อนขอรับ”เทียนจีส่งหินแร่ที่นำออกมาให้เขาเมื่อเซียวจิ่งอี้รับม
“เช้าวันนี้ข้าไปขอน้ำกับคนในหมู่บ้านหนึ่งกาเพื่อต้มชา กลับพบว่าในน้ำมีกลิ่นของหญ้าไม้เมา”“แม้กลิ่นจางมาก ปริมาณที่ใช้ไม่เยอะ แต่ข้าคลุกคลีกับสมุนไพรมาสามสิบกว่าปีแล้ว ไม่ผิดแน่นอน!”นายท่านหานพูดยังไม่ทันสิ้นเสียง อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวต่อ“ไม่เพียงน้ำที่ส่งมาเมื่อเช้า ในน้ำแกงเนื้อกับขนมแป้งที่ส่งมาเมื่อคืน ก็มีการใส่หญ้าไม้เมาเล็กน้อยเช่นกัน!”พลันนายท่านหางตกใจมากทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเดิมทีกลิ่นของหญ้าไม้เมาก็ไม่ได้ฉุนมากนักและเมื่อคืนก็มีกลิ่นของน้ำเก่งเนื้อกับขนมแป้งปกปิด กลิ่นของหญ้าไม้เมาก็ย่อมถูกกลบ ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการสู้กับเสือขาว เขาจึงไม่ทันสังเกตคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับสังเกตเห็นมันหัวหน้าหมู่บ้านโจวลนลานอย่างเห็นได้ชัดทันที “แม่นางอวิ๋น เจ้าพบว่ามีพิษในอาหาร เหตุใดจึงไม่บอกทุกคนล่ะ?”นายท่านหานตบไหล่ของหัวหน้าหมู่บ้านโจว พลางกล่าวปลอบใจเขา “เจ้าใจเย็นๆ ก่อน หญ้าไม้เมาไม่นับเป็นพิษ แค่จะทำให้ไร้เรี่ยวแรงเท่านั้น”“ปริมาณที่พวกเขาใช้น้อยเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องสามถึงสี่วัน จึงจะสังเกตเห็นอาการ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ข้ากลัวแหวกหญ้าให้งูต
เมื่อพวกเขาสอบถาผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ก็เข้าใจสาเหตุความเป็นมาแล้วหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรกว่าหนังท้องถูกผ่าจนเปิด ยังสามารถเย็บด้วยเข็มกับด้าย อีกทั้งเย็บเสร็จแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ“ในโลกนี้มีฝีมือการแพทย์เช่นนี้ด้วย?”เขาทำหน้าตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าชักจะไม่ดีแล้ว “แย่แล้ว ฝีมือการแพทย์ของผู้หญิงคนนั้นสูงส่งเช่นนี้ แล้วนางจะไม่รู้เรื่องที่พวกเราวางยาหรือ?” หลิวเฟิงก็สงสัยเรื่องนี้ จึงรีบมารายงาน“หัวหน้า ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรดี?”หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ“อย่าตื่นตระหนก พวกเขารู้ว่าถูกพวกเราวางยา แต่เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลย?”“ไม่เพียงไม่มาโวยวายกับพวกเรา และไม่มีท่าทีที่จะจากไป?”หลิวเฟิงหรี่ตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าว “หรือว่ามีแผนอื่น? หรือไม่ก็ไม่รู้ตัวว่าถูกพวกเราวางยา?”อย่างไรเสียยาที่พวกเขาใช้ก็น้อยมาก ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆทั้งหมดนี้เพราะฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะเกินไป อีกทั้งยังสามารถฆ่ากระทั่งเสือ ดูแล้วเหี้ยมโหดมากถ้าหากลงมือโดยตรง พวกเขาไม่มั่นใจว่าสามารถจับคนทั้งหมด ดังนั้นจึงใช้วิธีวางย
“ช่วยข้าด้วย!”“แม่นางอวิ๋น เจ้าไม่ช่วยข้า คิดว่าโจรป่าพวกนี้จะปล่อยพวกเจ้าหรือ?”“ทุกคนจะตายกันหมด!”อวิ๋นฝูหลิงตะโกนสุดเสียง ทำให้คนหมู่บ้านหลิงซานที่กำลังพักผ่อนในห้องตกใจมีคนออกมาตรวจดู หลังจากเห็นอวิ๋นซานหูก็ตกใจยกใหญ่ พร้อมกับโพล่งออกจากปาก “แม่นางซานหู เจ้าไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือ มาอยู่นี่ได้อย่างไร?”กลุ่มคนที่จับอวิ๋นซานหู มองพวกอวิ๋นฝูหลิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปฉับพลันคราวนี้พวกเขารู้แล้ว อวิ๋นซานหูกับพวกอวิ๋นฝูหลิงรู้จักกันเช่นนั้นคำพูดที่พวกเขาแต่งขึ้นเมื่อครู่ก็ดูน่าขำมากแล้ว!สำหรับอวิ๋นซานหู นางยังจะมีเวลาอะไรไปสนใจบุญคุณความแค้นระหว่างนางกับอวิ๋นฝูหลิง การเอาชีวิตรอดจึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้แม้กระทั่งเพื่อความอยู่รอด นางยอมก้มหัวขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นฝูหลิงทว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับกำลังด่าอวิ๋นซานหูที่โง่เขลาคนนี้อย่างบ้าคลั่งการกระทำทั้งหมดนี้ของนาง ทำให้แผนนิ่งสยบความเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงพังไม่เป็นท่าและลากพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในเหวที่อันตรายโดยตรงชั่วขณะที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงเสียงตะโกนของอวิ๋นซานหูพลัน ‘ซานจื่อ’ ชายที่
ถ้าหากจะหาแรงงาน ก็พูดกับพวกเขาตรงๆ อย่างเปิดเผยก็ได้ เหตุใดต้องวางยาพวกเขา?เกรงว่างานที่ได้เงินดีที่อีกฝ่ายพูดถึง ไม่ใช่เรื่องดีอะไรชาวบ้านคนอื่นก็ไม่โง่เช่นกัน ล้วนมองออกว่างานที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพูด ไม่ใช่งานที่ดีอะไรแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิดแผนรับมือในใจอย่างรวดเร็วคนที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพามานั้น ดูด้วยสายตาแล้วมีประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคน อีกทั้งแต่ละคนร่างกายกำยำ มือถือดาบที่คมกริบ ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหันกลับมามองฝั่งของตัวเอง แม้มีคนมากกว่าอีกฝ่ายสองเท่า แต่คนส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ อาวุธก็เป็นพวกจอบหรือท่อนไม้ ไม่ต่างอะไรกับทหารแตกทัพที่หนีเอาชีวิตรอดถ้าหากลงมือกันขึ้นมาจริงๆ จะสู้ได้หรือ?นางหันไปมองโดยรอบ ลูกพี่อู๋กับจางซานมู่ยังไม่กลับมาสวี่ตงกับคังหมิงหย่วนคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ อวิ๋นจิงมั่วจับมือของนางแน่น เหมือนกลัวเล็กน้อยหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเห็นหัวหน้าหมู่บ้านโจวและคนอื่นเงียบ ก็หมดความอดทนแล้วเช่นกันอย่างไรก็ความแตกแล้ว เสแสร้งรับมือคนเหล่านี้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรเขากวักมือให้คนที่อยู่ข้างหลัง “จับพวกเขามัดให้หมด ผู้ชายส่งไปให้ผู้ดูแลเฉียน ผู้หญิงข
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหม่าจะหนี ก็ตะโกนเสียงดังทันที “แย่แล้ว อย่าปล่อยให้หัวหน้าของพวกมันหนี!”เมื่อผู้หญิงชุดดำได้ยิน ร่างกายก็พุ่งพรวดออกไปประดุจมังกรแหวกว่าย หลังจากขวางคนไว้ได้ ก็ชูกระบี่ฆ่าทันที สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน รีบกล่าว “เก็บเขาไว้!”ทิศทางกระบี่ของผู้หญิงชุดดำเปลี่ยนฉับพลัน ฟันโดนแขนเสื้อหัวหน้าหมู่บ้านหม่า จากนั้นยกปลายกระบี่ขึ้น ตัดเส้นเอ็นเท้าทั้งสองข้างของเขาขาดหัวหน้าหมู่บ้านหม่าส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับหัวใจแตกเป็นเสี่ยงทันทีอวิ๋นฝูหลิงมองท่าทางที่เจ็บปวดของเขา กลับรู้สึกสะใจมากนางอยากให้กากเดนเช่นนี้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำแต่ว่าในเมื่อคนคนนี้เป็นผู้นำของหมู่บ้าน ก็แสดงว่าเป็นคนที่รู้ความลับมากที่สุดถ้าหากมีคนเช่นนี้อยู่ในมือ มีประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเขามีการช่วยเหลือของผู้หญิงชุดดำ พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วนอกจากพวกคนที่ตายแล้ว ยังสามารถจับเชลยได้อีกเจ็ดแปดคนอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้สนใจเชลยเหล่านั้น แต่หันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวก่อน“ให้คนไปเฝ้าที่หน้าหมู่บ้าน แล้วหาดูว่ายังมีทางออกอื่นในหมู่บ้า