นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นแล้ว!ส่วนคนหลังจากนั้นที่เขวี้ยงก้อนหินใส่นาง ทำให้นางพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นเซียวจิ่งอี้แน่นอนหญิงร้ายชาวเลวคู่นี้สมคบคิดกัน!ท่ามกลางคำปลอบโยนบำรุงขวัญของหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนอื่นๆ อวิ๋นซานหูจึงได้เพียงแค่ถลึงตาใส่อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้อย่างโหดเหี้ยมเท่านั้นหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าล้างตารอข้าไว้ได้เลย!รอให้ออกไปจากเขาเฟิ่งลั่ว ข้าจะใช้อำนาจของจวนจี้ชุนโหวมาจัดการพวกเจ้าให้ตายเลย!อวิ๋นซานหูมาด้วยความโกรธเกรี้ยวขึงขัง กลับไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกติงหมิงรุ่ยรั้งอยู่ท้ายสุด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก้าวเข้ามากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ก็ขอให้ท่านทำแต่พองามเถิด!”พูดจบก็ประสานมือแล้วเดินจากไปแม้จะไม่อาจหาหลักฐานมาได้ แต่ผู้ที่ฉลาดล้วนกระจ่างชัดแจ้งราวกระจกอยู่ในใจผู้ที่ลงมือกับอวิ๋นซานหูได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้น นอกจากอวิ๋นฝูหลิงแล้วก็ไม่อาจคิดถึงใครอื่นได้อีกในเมื่อได้สั่งสอนไปแล้ว ก็ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด!อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดนางไม่หวั่น
ยิ่งขบวนลี้ภัยเดินทางขึ้นเหนือ ก็ยิ่งไม่มีร่องรอยของผู้คนกลางป่าเขาที่มีแต่ต้นหญ้าเจริญงอกงามนั้นยากที่จะแยกทิศทาง ทั้งยังเต็มไปด้วยแมลงและอสรพิษหลากหลายสายพันธุ์เคราะห์ดีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านโจวคอยนำทาง ทั้งยังมีอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นท่านหมอประจำขบวน นางได้แจกจ่ายผงยาขับไล่แมลงและอสรพิษที่ปรุงขึ้นมาเองให้แก่ทุกคนแล้ววันนี้ชาวบ้านทั้งหลายล้วนหยุดพักยามกลางวันตามปกติเซียวจิ่งอี้และชาวบ้านอีกสองสามคนออกไปหาแหล่งน้ำบริเวณใกล้ๆจวบจนกระทั่งพวกเขากลับมานั้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมเซียวชิ่งอี๋ตรงไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวทันทีที่แท้พวกเขาก็พบเข้ากับรอยเท้าของสัตว์ใหญ่อยู่ริมแหล่งน้ำ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวบริเวณที่พวกเขาหยุดพักนั้นอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่ว่านั้นไม่ไกลมากนัก หากบังเอิญว่ามีสัตว์ป่าที่มากินน้ำเจอพวกเขาเข้า ต้องอันตรายมากแน่นอน!ดังนั้นคำแนะนำของเซียวจิ่งอี้ก็คือหยุดพักผ่อนสักครู่แล้วรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นค่อยหาสถานที่พักที่ปลอดภัยกว่านี้หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมตัวชาวบ้านทุกคนและปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกั
ลูกพี่อู๋ไม่พูดจา รีบพาอวิ๋นจิงมั่วเสาะหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดปีนขึ้นไปภายใต้การคุ้มกันของอวิ๋นฝูหลิงเพียงชั่วพริบตา ชาวบ้านหลายคนก็ถูกเสือขาวตัวนั้นตวัดกรงเล็บแหลมคมใส่จนได้รับบาดเจ็บอวิ๋นฝูหลิงรีบม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยโฉมหน้าไม้ที่ผู้ติดอยู่บนท่อนแขนเล็กๆ ของนางฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วลูกธนูทั้งหมดยิงเข้าเป้าหมายติดต่อกันเสือขาวเจ็บปวดจนถึงกับต้องแหงนหน้าโก่งคอคำรามขึ้นฟ้า อวิ๋นฝูหลิงรีบฉวยจังหวะนี้ตะโกนออกไป “รีบขึ้นต้นไม้ แล้วไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เร็ว!”ตอนนั้นเองชาวบ้านทั้งหลายถึงได้สติ พากันปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร็วรี่เซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ ครั้นเห็นหน้าไม้บนแขนเล็กๆ ของอวิ๋นฝูหลิงแล้วจึงรีบเข้าร่วมปะทะกับเสือขาวตัวนั้นทันทีแม้ว่าเสือขาวตัวนั้นจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิตครั้นต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง เสือขาวก็ดูเหมือนว่าไม่มีความจะต่อกรกับพวกเขาอีก มันมุ่งแต่จะพุ่งตัวให้หลุดพ้นวงโจมตีของพวกเขาทั้งสองคน แล้วไปโจมตีชาวบ้านคนอื่นแทนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงสบตากัน ทั้งสองคนรู้สึกถึงความผิดปกติได้ในทันทีไม่นานนัก ศรจากหน้า
คำพูดของเซียวจิ่งอี้เปิดโปงความจริงออกมาในฉับพลันทันใดตอนนี้ชาวบ้านทั้งหลายถึงกับบางอ้อขึ้นมาทันใด แล้วลอบด่าทออวิ๋นซานหูอยู่ในใจเช่นนี้ก็เหมือนกับรู้ตัวว่าลูกของตนเองถูกขโมยไป แล้วคนที่เป็นบิดามารดรจะไม่ออกตามหาบุตรของตัวเองหรือไรต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาจนสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ต้องเอาบุตรของตัวเองกลับมาให้ได้!อวิ๋นซานหูรู้ว่าตนเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว ทว่าก็ยังคงปากแข็ง “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นลูกเสือ?”“ข้าบังเอิญเจ้ามัน หลงคิดไปว่าเป็นแมวป่าตัวหนึ่งก็เท่านั้น”“ข้าคิดว่ามันน่ารักดีถึงได้อุ้มกลับมาด้วย ให้มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ก็ดีกว่าต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในป่าในเขามิใช่หรือไง?”ขณะที่กำลังพูดพล่ามอยู่ เสือขาวตัวนั้นก็ปีนขึ้นต้นไม้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งช่วงใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสือขาวตัวนั้นเห็นว่าอวิ๋นซานหูล้วงเอาลูกเสือออกมาเผยโฉม มันก็ร้องคำรามอีกหลายครั้ง การเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมเห็นว่าเสือขาวตัวนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที อวิ๋นซานหูถึงกับหน้าซีดเผือด“ทำ...ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงลอบด่าทออยู่ในใจว่า ‘โง่เง่า’แม้ว่าจะไม่ลงรอยกัน แ
ทั้งสองคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ และเข้ากันได้ดีโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ย ไม่นานนักก็ดึงความสนใจของเสือขาวตัวนั้นมาที่พวกเขาทั้งคู่ได้เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นแล้ว ลูกพี่อู๋จึงหันไปพูดกับสวี่ตงและคังหมิงหย่วน “พวกเจ้าคุ้มครองคุณชายน้อยให้ดี ข้าจะไปช่วยแม่นางอวิ๋น!”สวี่ตงกับคังหมิงหย่วนพยักหน้าจางซานมู่ที่อยู่บนต้นไม้ข้างๆ กล่าวกำชับ “ลูกพี่ ระวังตัวด้วยนะ!”ลูกพี่อู๋เคยล่ำเรียนวิทยายุทธ์มาบ้างเล็กน้อยเมื่อครั้งเยาว์วัย และเขายังต่อยตีเก่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คนเขากำท่อนไม้ไว้ แล้วพุ่งเข้าวงต่อสู้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความฮึดสู้ไม่กลัวตาย ทำให้เขาเข้าซุ่มโจมตีเสือขาวตัวนั้นได้สำเร็จ ทุบตีมันไปหลายทีเสือขาวร้องโหยหวน แล้วจึงรีบหมุนตัวพุ่งเข้าใส่ลูกพี่อู๋ทันทีลูกพี่อู๋ก็รีบสับเท้าวิ่งหนี ปีนป่ายต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นไปด้านบนทันทีอวิ๋นฝูหลิงจับจังหวะได้อย่างแม่นเหมาะ กระโดดขึ้นบนหลังเสือขาว มือข้างหนึ่งกอดคอมันไว้แน่น อีกข้างหนึ่งก็ชูเข็มยาชาไว้นางปักเข็มยาชาเข้าไปในตัวเสือขาวอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจึงฉีดยาชาด้านในเข็มเข้าไปในตัวของมันเสือขาวดิ้นรนบ้าคลั่ง ต้องการสะ
เพราะถูกเสือขาวโจมตี ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้าเสียงร้องคร่ำครวญดังอยู่ในค่ายไม่ขาดสายครั้นอวิ๋นฝูหลิงส่งลูกเสือให้อวิ๋นจิงมั่วแล้ว จึงหยิบกล่องยาไปรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหลายทันใดนั้น เสียงร่ำไห้ปานใจจะขาดก็ดังขึ้นจากข้างๆ “ท่านแม่ ท่านแม่ฟื้นสิ อย่าทำให้ข้ากลัวสิ...”เฉินเสียวเป่าอุ้มสะใภ้รองเฉินที่เลือดท่วมตัว พลางร้องไห้น้ำตานองหน้าอวิ๋นฝูหลิงรีบเข้าไปดู หลังจากที่จับชีพจรแล้วก็หันไปส่ายหน้ากับคนอื่นๆ ที่มองมาสะใภ้รองเฉินไม่มีจังหวะชีพจรและลมหายใจแล้ว นางสิ้นชีพไปแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์ยืนนิ่งงันอยู่ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของสะใภ้รองเฉินแม้เมื่อก่อนจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่สบอารมณ์ไว้ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ต้องมาเห็นชีวิตคนเป็นๆ ถูกกระชากไปกับตาตัวเอง เรื่องแบบนี้ต่อให้ต้องประสบพบเจอสักกี่พันครั้ง ใจของอวิ๋นฝูหลิงก็ยังคงเศร้าโศกอยู่ดีนางพูดเบาๆ ว่า “นางสิ้นใจแล้ว เสียใจด้วยนะ!”ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงหมุนกายเตรียมตัวจากไปช่วยผู้บาดเจ็บคนอื่น เฉินเสียวเป่าก็ทำทีราวกับเพิ่งจะเห็นอวิ๋นฝูหลิง พุ่งเข้ามากอดสองขาของนางไว้ พลางอ้อนวอน“แม่นางอวิ๋น ช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”“ข้
ทว่าไม่นานนักก็เห็นว่าบุตรคนรองกำลังหลบเลี่ยงสายตา เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากำลังกินปูนร้อนท้อง นางจึงรู้ได้ทันทีว่าระหว่างนั้นต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ท่ามกลางสายตาของคนมากมายเช่นนี้ นางจึงไม่รีบดึงตัวเฉินเหล่าเอ้อร์มาไต่ถามให้แน่ชัด จึงได้แต่ปลอบประโลมเฉินเสียวเป่าไปก่อนใครเล่าจะรู้ว่ายังพูดไม่ถึงสองประโยคดี เฉินเสียวเป่าก็ผลักนางออกโดยไม่ทันตั้งตัวเขาพูดจาโหดเหี้ยมออกมาราวกับลูกหมาป่าดุร้าย “ท่านเองก็ไม่ใช่คนดี!”หากท่านย่ารักใคร่เอ็นดูเขาจริง ตอนนั้นคงไม่ทอดทิ้งเขาเพื่อให้ได้อยู่ในขบวนลี้ภัยต่อแม่เฒ่าเฉินซวนเซเกือบล้มคะมำ ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความไม่อยากเชื่อนางรักทะนุถนอมหลายชายผู้นี้ราวกับไข่มุกล้ำค่ามานานหลายปีเช่นนี้ ทว่าสายตาที่กำลังมองนางในตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นแม่เฒ่าเฉินถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งกายภายในชั่วพริบตาเฉินเสียวเป่ากวาดสายตามองไปที่ทุกคนภายในค่าย มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นคนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นฆาตกรที่สังหารมารดาเขาทั้งสิ้น!หากไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ขับเขาออกจากค่าย พวกเขาก็คงไม่ต้องเดินตามอยู่ท้ายขบวน บางทีอาจจะไม่ต้องไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งที
คนรอบกายฟังกันเสียจนงงงวยหน้าท้องเมื่อถูกกรีดเปิดปากทางขึ้นมา กลับเย็บปากแผลกลับคืนสนิทได้ราวเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์อย่าว่าแต่ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์เลย แม้แต่นายท่านหางเองก็ยังไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาเช่นนี้มาก่อนหญิงผู้เป็นภรรยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ทั้งน้ำตา“แม่นางอวิ๋น ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้ารักษาเถิด!”“หากยื้อชีวิตมิได้ ถือเสียว่าเป็นชะตาชีวิตของเขา!”“เขาเกิดมาเพื่อเผชิญเหตุนี้อยู่แล้ว มิข้องเกี่ยวกับผู้ใดทั้งสิ้น!”ผู้เป็นภรรยาคิดอย่างถ่องแท้ดีแล้วว่าหากไม่รักษา สามีของนางย่อมเหลือแต่ทางตายให้เดินแล้วหาทำการผ่าตัดตามที่อวิ๋นฝูหลิงบอก ยังพอมีความหวังที่จะรอดเหลืออยู่บ้างหากสถานการณ์แย่ลง ก็ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าตอนนี้ได้แล้วในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องเสี่ยงดูกันสักตั้ง!อวิ๋นฝูหลิงเห็นหญิงคนนั้นยอมให้ทำการผ่าตัด จึงรีบเริ่มเตรียมการณ์ก่อนการผ่าตัดนายท่านหางเห็นเช่นนั้น ก็รีบหยิบสมุนไพรทั้งหมดที่ตนเตรียมมาด้วยออกมาทั้งหมด ให้อวิ๋นฝูหลิงเลือกใช้ตามสะดวกแม้สมุนไพรจะมีค่าเพียงใด ทว่าในตอนนี้ชีวิตคนสำคัญยิ่งกว่าหากอวิ๋นฝูหลิงกู้ชีพคนเอาไว้ได้จ
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ