คำพูดของเซียวจิ่งอี้เปิดโปงความจริงออกมาในฉับพลันทันใดตอนนี้ชาวบ้านทั้งหลายถึงกับบางอ้อขึ้นมาทันใด แล้วลอบด่าทออวิ๋นซานหูอยู่ในใจเช่นนี้ก็เหมือนกับรู้ตัวว่าลูกของตนเองถูกขโมยไป แล้วคนที่เป็นบิดามารดรจะไม่ออกตามหาบุตรของตัวเองหรือไรต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาจนสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ต้องเอาบุตรของตัวเองกลับมาให้ได้!อวิ๋นซานหูรู้ว่าตนเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว ทว่าก็ยังคงปากแข็ง “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นลูกเสือ?”“ข้าบังเอิญเจ้ามัน หลงคิดไปว่าเป็นแมวป่าตัวหนึ่งก็เท่านั้น”“ข้าคิดว่ามันน่ารักดีถึงได้อุ้มกลับมาด้วย ให้มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ก็ดีกว่าต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในป่าในเขามิใช่หรือไง?”ขณะที่กำลังพูดพล่ามอยู่ เสือขาวตัวนั้นก็ปีนขึ้นต้นไม้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งช่วงใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสือขาวตัวนั้นเห็นว่าอวิ๋นซานหูล้วงเอาลูกเสือออกมาเผยโฉม มันก็ร้องคำรามอีกหลายครั้ง การเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมเห็นว่าเสือขาวตัวนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที อวิ๋นซานหูถึงกับหน้าซีดเผือด“ทำ...ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงลอบด่าทออยู่ในใจว่า ‘โง่เง่า’แม้ว่าจะไม่ลงรอยกัน แ
ทั้งสองคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ และเข้ากันได้ดีโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ย ไม่นานนักก็ดึงความสนใจของเสือขาวตัวนั้นมาที่พวกเขาทั้งคู่ได้เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นแล้ว ลูกพี่อู๋จึงหันไปพูดกับสวี่ตงและคังหมิงหย่วน “พวกเจ้าคุ้มครองคุณชายน้อยให้ดี ข้าจะไปช่วยแม่นางอวิ๋น!”สวี่ตงกับคังหมิงหย่วนพยักหน้าจางซานมู่ที่อยู่บนต้นไม้ข้างๆ กล่าวกำชับ “ลูกพี่ ระวังตัวด้วยนะ!”ลูกพี่อู๋เคยล่ำเรียนวิทยายุทธ์มาบ้างเล็กน้อยเมื่อครั้งเยาว์วัย และเขายังต่อยตีเก่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คนเขากำท่อนไม้ไว้ แล้วพุ่งเข้าวงต่อสู้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความฮึดสู้ไม่กลัวตาย ทำให้เขาเข้าซุ่มโจมตีเสือขาวตัวนั้นได้สำเร็จ ทุบตีมันไปหลายทีเสือขาวร้องโหยหวน แล้วจึงรีบหมุนตัวพุ่งเข้าใส่ลูกพี่อู๋ทันทีลูกพี่อู๋ก็รีบสับเท้าวิ่งหนี ปีนป่ายต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นไปด้านบนทันทีอวิ๋นฝูหลิงจับจังหวะได้อย่างแม่นเหมาะ กระโดดขึ้นบนหลังเสือขาว มือข้างหนึ่งกอดคอมันไว้แน่น อีกข้างหนึ่งก็ชูเข็มยาชาไว้นางปักเข็มยาชาเข้าไปในตัวเสือขาวอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจึงฉีดยาชาด้านในเข็มเข้าไปในตัวของมันเสือขาวดิ้นรนบ้าคลั่ง ต้องการสะ
เพราะถูกเสือขาวโจมตี ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้าเสียงร้องคร่ำครวญดังอยู่ในค่ายไม่ขาดสายครั้นอวิ๋นฝูหลิงส่งลูกเสือให้อวิ๋นจิงมั่วแล้ว จึงหยิบกล่องยาไปรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหลายทันใดนั้น เสียงร่ำไห้ปานใจจะขาดก็ดังขึ้นจากข้างๆ “ท่านแม่ ท่านแม่ฟื้นสิ อย่าทำให้ข้ากลัวสิ...”เฉินเสียวเป่าอุ้มสะใภ้รองเฉินที่เลือดท่วมตัว พลางร้องไห้น้ำตานองหน้าอวิ๋นฝูหลิงรีบเข้าไปดู หลังจากที่จับชีพจรแล้วก็หันไปส่ายหน้ากับคนอื่นๆ ที่มองมาสะใภ้รองเฉินไม่มีจังหวะชีพจรและลมหายใจแล้ว นางสิ้นชีพไปแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์ยืนนิ่งงันอยู่ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของสะใภ้รองเฉินแม้เมื่อก่อนจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่สบอารมณ์ไว้ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ต้องมาเห็นชีวิตคนเป็นๆ ถูกกระชากไปกับตาตัวเอง เรื่องแบบนี้ต่อให้ต้องประสบพบเจอสักกี่พันครั้ง ใจของอวิ๋นฝูหลิงก็ยังคงเศร้าโศกอยู่ดีนางพูดเบาๆ ว่า “นางสิ้นใจแล้ว เสียใจด้วยนะ!”ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงหมุนกายเตรียมตัวจากไปช่วยผู้บาดเจ็บคนอื่น เฉินเสียวเป่าก็ทำทีราวกับเพิ่งจะเห็นอวิ๋นฝูหลิง พุ่งเข้ามากอดสองขาของนางไว้ พลางอ้อนวอน“แม่นางอวิ๋น ช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”“ข้
ทว่าไม่นานนักก็เห็นว่าบุตรคนรองกำลังหลบเลี่ยงสายตา เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากำลังกินปูนร้อนท้อง นางจึงรู้ได้ทันทีว่าระหว่างนั้นต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ท่ามกลางสายตาของคนมากมายเช่นนี้ นางจึงไม่รีบดึงตัวเฉินเหล่าเอ้อร์มาไต่ถามให้แน่ชัด จึงได้แต่ปลอบประโลมเฉินเสียวเป่าไปก่อนใครเล่าจะรู้ว่ายังพูดไม่ถึงสองประโยคดี เฉินเสียวเป่าก็ผลักนางออกโดยไม่ทันตั้งตัวเขาพูดจาโหดเหี้ยมออกมาราวกับลูกหมาป่าดุร้าย “ท่านเองก็ไม่ใช่คนดี!”หากท่านย่ารักใคร่เอ็นดูเขาจริง ตอนนั้นคงไม่ทอดทิ้งเขาเพื่อให้ได้อยู่ในขบวนลี้ภัยต่อแม่เฒ่าเฉินซวนเซเกือบล้มคะมำ ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความไม่อยากเชื่อนางรักทะนุถนอมหลายชายผู้นี้ราวกับไข่มุกล้ำค่ามานานหลายปีเช่นนี้ ทว่าสายตาที่กำลังมองนางในตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นแม่เฒ่าเฉินถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งกายภายในชั่วพริบตาเฉินเสียวเป่ากวาดสายตามองไปที่ทุกคนภายในค่าย มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นคนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นฆาตกรที่สังหารมารดาเขาทั้งสิ้น!หากไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ขับเขาออกจากค่าย พวกเขาก็คงไม่ต้องเดินตามอยู่ท้ายขบวน บางทีอาจจะไม่ต้องไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งที
คนรอบกายฟังกันเสียจนงงงวยหน้าท้องเมื่อถูกกรีดเปิดปากทางขึ้นมา กลับเย็บปากแผลกลับคืนสนิทได้ราวเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์อย่าว่าแต่ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์เลย แม้แต่นายท่านหางเองก็ยังไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาเช่นนี้มาก่อนหญิงผู้เป็นภรรยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ทั้งน้ำตา“แม่นางอวิ๋น ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้ารักษาเถิด!”“หากยื้อชีวิตมิได้ ถือเสียว่าเป็นชะตาชีวิตของเขา!”“เขาเกิดมาเพื่อเผชิญเหตุนี้อยู่แล้ว มิข้องเกี่ยวกับผู้ใดทั้งสิ้น!”ผู้เป็นภรรยาคิดอย่างถ่องแท้ดีแล้วว่าหากไม่รักษา สามีของนางย่อมเหลือแต่ทางตายให้เดินแล้วหาทำการผ่าตัดตามที่อวิ๋นฝูหลิงบอก ยังพอมีความหวังที่จะรอดเหลืออยู่บ้างหากสถานการณ์แย่ลง ก็ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าตอนนี้ได้แล้วในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องเสี่ยงดูกันสักตั้ง!อวิ๋นฝูหลิงเห็นหญิงคนนั้นยอมให้ทำการผ่าตัด จึงรีบเริ่มเตรียมการณ์ก่อนการผ่าตัดนายท่านหางเห็นเช่นนั้น ก็รีบหยิบสมุนไพรทั้งหมดที่ตนเตรียมมาด้วยออกมาทั้งหมด ให้อวิ๋นฝูหลิงเลือกใช้ตามสะดวกแม้สมุนไพรจะมีค่าเพียงใด ทว่าในตอนนี้ชีวิตคนสำคัญยิ่งกว่าหากอวิ๋นฝูหลิงกู้ชีพคนเอาไว้ได้จ
“อย่าว่าแต่ข้าไม่มีโอสถวิเศษรักษาแผลไม่ทิ้งร่องรอยเลย ต่อให้มี ข้าก็ไม่มีวันให้นางใช้!”“ไม่เพียงแค่โอสถวิเศษ แม้แต่สมุนไพรธรรมดาสักต้น ข้าก็ไม่มีวันให้เจ้าเอาไปใช้รักษานาง!”“ส่วนเรื่องขอโทษชดเชย ข้าไม่ได้เห็นว่าสลักสำคัญอะไร!”“พวกเจ้าควรดีใจที่ตอนนี้ข้ายุ่งอยู่กับการรักษาคน จึงไม่มีเวลาจัดการกับนางเสียมากกว่า มิเช่นนั้นข้าคงเอาชีวิตนางไปแล้ว!”บาดแผลบนใบหน้าของอวิ๋นซานหู หากต้องการรักษาหายโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น มีเพียงหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติของนางเท่านั้นที่ให้ผลเช่นนั้นได้แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ก่อนนี้อวิ๋นซานหูเจตนาจะฆ่านาง อวิ๋นฝูหลิงก็ยิ่งโกรธเสียจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณแสนล้ำค่านั้น มาใช้กับคนที่คิดจะฆ่าตนเองดิงหมิงรุ่ยรู้อยู่แก่ใจว่าตนผิด เห็นอวิ๋นฝูหลิงโกรธจัด แน่วแน่ไม่ยอมให้ยาใดๆ จึงเบนสายตาไปยังนายท่านหางแทนนายท่านหางรีบโบกมือทันที “สมุนไพรที่ข้าเตรียมมาล้วนให้แม่นางอวิ๋นยืมไปแล้ว ชาวบ้านบาดเจ็บกันไม่น้อย สมุนไพรแค่นี้ก็แทบไม่พอใช้แล้ว!”“แม้จะมียา แต่จากแผลญาติผู้น้องเจ้า หากไม่อยากให้มีแผลเป็น เกรงว่าจะไร้หนทางแล้ว”ดิงห
ติงหมิงรุ่ยมองตามอวิ๋นซานหูที่วิ่งออกไป เขาอดทอดถอนใจอย่างหนักภายในใจไม่ได้หากรู้แต่เนิ่นจะเป็นเช่นนี้ ไม่ไปเมืองหลวงเสียตั้งแต่แรกยังจะดีกว่าและถึงจะไป ก็ไม่ควรร่วมทางกับอวิ๋นซานหูแม้ว่าเขาจะได้ทายาให้บาดแผลของอวิ๋นซานหูแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงแผลเป็นที่จะยังคงอยู่เมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว เขากลัวว่าจวนจี้ชุนโหวจะนำเรื่องที่อวิ๋นซานหูเสียโฉมมากล่าวโทษเขาเขาควรทำอย่างไรดี?ติงหมิงรุ่ยพลันรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเขาเงยหน้ามองเทือกเขาเรียงรายสลับซับซ้อนอยู่แต่ไกล พึมพัมเงียบงันว่าต้องรีบออกจากภูเขาเฟิ่งลั่วจึงจะดีที่สุดบัดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบาดแผลบนใบหน้าของอวิ๋นซานหูในมือเขามียาสมุนไพรไม่เพียงพอ ที่พอมีอยู่ก็เป็นเพียงยารักษาบาดแผลธรรมดา มีแต่ต้องออกจากเขาเฟิ่งลั่วไปยังเมืองใหญ่ จึงจะพอหาโรงโอสถได้เมื่อมีโรงโอสถก็สามารถซื้อยาสมุนไพรดีๆ อีกทั้งยังส่งข่าวไปทางจวนจี้ชุนโหวให้พวกเขาช่วยคิดหาหนทางได้อีกด้วย บาดแผลของอวิ๋นซานหูไม่อาจรอช้าได้ ยิ่งทิ้งระยะห่าง รอยแผลเป็นก็มีแต่จะลึกยิ่งขึ้นติงหมิงรุ่ยรีบไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวในทันที ก่อนเอ่ยถามอย่างตรงเข้าประเด็น “หัวหน้าห
บาดแผลบนใบหน้าของนาง ล้วนเป็นเพราะแม่นางอวิ๋นผู้นี้ทั้งนั้น!บัดนี้นางเร่งจะรักษาแผลตน ไม่อาจนำเวลามาเสียกับเรื่องแม่นางอวิ๋นได้รอบาดแผลหายดีแล้ว ค่อยกลับมาชำระบัญชีแค้นกับแม่นางอวิ๋นก็ไม่นับว่าสายความแค้นนี้ นางจดลงบัญชีไว้เสียก่อนอวิ๋นซานหูพะวงแต่เพียงเรื่องบาดแผลของตนเอง ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเหล่าองครักษ์เลยแม้แต่น้อย ยืนกรานจะออกเดินทางทันทีแต่เมื่อชาวบ้านได้ยินว่านางจะไป ต่างก็ไม่ยินยอม พากันปิดทางขวางกั้นไม่ให้นางไปหากไม่ใช่เพราะนางแอบขโมยลูกเสือน้อยมา จนทำให้เสือขาวไล่ตามมาได้และโจมตีเหล่าชาวบ้าน มีหรือทุกคนจะบาดเจ็บล้มตายเช่นนี้?นางก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้แล้ว บัดนี้ยังคิดจะสะบัดก้นหนีไป มีหรือจะง่ายเช่นนั้นได้? โดยเฉพาะเครือญาติของสามคนที่เสียชีวิตไป ไหนจะเครือญาติของอีกห้าคนที่บาดเจ็บสาหัสปางตาย ต่างก็เกลียดชังอวิ๋นซานหูอย่างถึงที่สุดแม้ว่าทั้งห้าคนที่อาการสาหัสปางตายจะยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลหนักหนาเช่นนั้น ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรอดหรือไม่?ชาวบ้านพากันลุกฮือขึ้น ขวางอวิ๋นซานหูเอาไว้เรียกร้องให้นางรับผิดชอบอวิ๋นซานหูเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่