บาดแผลบนใบหน้าของนาง ล้วนเป็นเพราะแม่นางอวิ๋นผู้นี้ทั้งนั้น!บัดนี้นางเร่งจะรักษาแผลตน ไม่อาจนำเวลามาเสียกับเรื่องแม่นางอวิ๋นได้รอบาดแผลหายดีแล้ว ค่อยกลับมาชำระบัญชีแค้นกับแม่นางอวิ๋นก็ไม่นับว่าสายความแค้นนี้ นางจดลงบัญชีไว้เสียก่อนอวิ๋นซานหูพะวงแต่เพียงเรื่องบาดแผลของตนเอง ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเหล่าองครักษ์เลยแม้แต่น้อย ยืนกรานจะออกเดินทางทันทีแต่เมื่อชาวบ้านได้ยินว่านางจะไป ต่างก็ไม่ยินยอม พากันปิดทางขวางกั้นไม่ให้นางไปหากไม่ใช่เพราะนางแอบขโมยลูกเสือน้อยมา จนทำให้เสือขาวไล่ตามมาได้และโจมตีเหล่าชาวบ้าน มีหรือทุกคนจะบาดเจ็บล้มตายเช่นนี้?นางก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้แล้ว บัดนี้ยังคิดจะสะบัดก้นหนีไป มีหรือจะง่ายเช่นนั้นได้? โดยเฉพาะเครือญาติของสามคนที่เสียชีวิตไป ไหนจะเครือญาติของอีกห้าคนที่บาดเจ็บสาหัสปางตาย ต่างก็เกลียดชังอวิ๋นซานหูอย่างถึงที่สุดแม้ว่าทั้งห้าคนที่อาการสาหัสปางตายจะยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลหนักหนาเช่นนั้น ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรอดหรือไม่?ชาวบ้านพากันลุกฮือขึ้น ขวางอวิ๋นซานหูเอาไว้เรียกร้องให้นางรับผิดชอบอวิ๋นซานหูเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น
สมุนไพรที่อวิ๋นฝูหลิงใช้อย่างเปิดเผย ตลอดมาล้วนมีคังหมิงหย่วนเป็นผู้เก็บรักษา ดังนั้นเขาจึงรู้สรรพคุณการใช้งานของสมุนไพรเป็นอย่างดีในใจอวิ๋นฝูหลิงรู้ดีว่าชาวบ้านที่บาดเจ็บไม่อาจขาดยาได้ คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “สมุนไพรในภูเขานี้มีอยู่ไม่น้อย ข้าจะออกไปเก็บสมุนไพรเดี๋ยวนี้”เซียวจิ่งอี้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เมื่อได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะไปเก็บสมุนไพร ชาวบ้านหลายคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างก็อาสาจะตามไปช่วยอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของพวกเขา ทั้งยังให้คังหมิงหย่วนร่วมทางไปด้วยในบรรดาพวกลูกพี่อู๋ แต่ไหนก็มีเพียงคังหมิงหย่วนที่สนอกสนใจในสมุนไพร เขามักตามอวิ๋นฝูหลิงไปจัดการเกี่ยวกับสมุนไพรอยู่เนืองๆดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ได้หวงวิชาคอยชี้แนะให้เขาอยู่บ้างก่อนออกเดินทาง อวิ๋นฝูหลิงลูบหัวของอวิ๋นจิงมั่วเบาๆ ฝากฝังลูกพี่อู๋ให้ดูแลเขาให้ดียังไม่ทันที่ลูกพี่อู๋จะพยักหน้ารับ หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ชิงตอบขึ้นก่อนแล้ว “แม่นางอวิ๋นวางใจเถิด จิงมั่วมีพวกเราทุกคนคอยดูแล หมดห่วงเรื่องปัญหาไปได้เลย!”ชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้ารับโดยพร้อมเพรียงเหตุการณ์เสือขาวบุกโจมตี
“อาจารย์ของข้าบอกเสมอว่าไม่ว่าจะเป็นหมอซางหรือหมอจี๋ เพียงรักษาผู้คนได้ก็นับเป็นหมอดี ดังนั้นข้าติดตามท่านจึงได้เรียนรู้ไปเสียทุกอย่าง”นายท่านหางแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจออกมา“ท่านอาจารย์เป็นปรมาจารย์โดยแท้ ความรู้และปัญญาเช่นนี้ หาใช่สิ่งที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไปจะเข้าใจได้”นายท่านหางไม่ได้ดูถูกหมอซาง เพราะบรรพบุรุษตระกูลหางของพวกเขาก็เป็นหมอซางมาก่อนเช่นกัน ต่อมาได้รับโอกาสจึงได้ปลูกร่างสร้างฐานะขึ้นได้เช่นนี้หากเขาดูแคลนหมอซาง ก็เท่ากับดูแคลนบรรพบุรุษของตนทว่าผู้คนในสังคมกลับตามยกย่องหมอจี๋เสียมากกว่า และมองหมอซางด้วยสายตาดูแคลนเซียวจิ่งอี้หูผึ่งฟังบทสนทนาระหว่างอวิ๋นฝูหลิงและนายท่านหางอยู่ข้างๆเขาอยู่ในกองทัพ จึงย่อมได้ข้องแวะกับหมอซางอยู่บ่อยๆ ทว่าหมอทหารเหล่านั้นในกองทัพ เมื่อเทียบกับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ฝีมือเรียกได้ว่าห่างชั้นไปลิบลับเพียงฝีมือเย็บสมานแผลของอวิ๋นฝูหลิงที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ ก็ทำให้เซียวจิ่งอี้ตกตะลึงได้แล้วนายทหารในชายแดนทุกครั้งที่เกิดการปะทะสู้รบ ก็จะมีพลทหารจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต้องสิ้นชีพเพราะบาดแผลภายนอกหากฝีมือการแพทย์ของแพทย์ทหารเทียบกับฝีมือ
คนทั้งกลุ่มใช้เวลาก่อนฟ้ามืดลง ในที่สุดก็มาจนถึงหมู่บ้านได้สำเร็จทันทีที่เข้าใกล้ ก็ถูกคนเฝ้าปากทางเข้าหมู่บ้านขวางเอาไว้ “พวกเจ้าเป็นใคร?”หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบเดินขึ้นนำเพื่ออธิบาย “พวกเราเป็นชาวหมู่บ้านหลินซาน ฝายเจียงหลิงแตกทลายน้ำจึงทะลักท่วมหมู่บ้านของพวกเราจนหมดสิ้น พวกเราไร้ทางเลือก จึงจำต้องปีนสันข้ามเขามา หาหนทางจะออกไปจากภูเขาเฟิงลั่ว”“ระหว่างทางพวกเราเจอเสือขาว บาดเจ็บกันไปไม่น้อย พอเห็นว่าที่นี่มีหมู่บ้าน จึงอยากมาถามไถ่ว่าพอจะให้เราพักด้วยสักระยะเพื่อรักษาอาการได้หรือไม่?”คนเฝ้าปากทางสองคนมองหน้ากัน ในแววตาดูคลายความหวาดระแวงลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นเป็นชายหนวดเคราเฟิ้มหันมายิ้มให้ “มิน่าเล่า ก่อนนี้พวกเราจึงได้ยินเสียงเสือคำรามร้อง”“หมู่บ้านของเรามีบ้านว่างอยู่หลายหลังพอดีเชียว ให้พวกเจ้าใช้พักรักษาตัวกันได้”เขาหันไปส่งสายตาให้ชายหนุ่มข้างกาย “ซานจื่อ เจ้ารีบไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน”ชายนามว่าซานจื่อพยักหน้ารับ หุนหันวิ่งออกไปทันทีชายหนวดเคราเฟิ้มเอ่ย “ข้ามีนามว่าหลิวเฟิง พวกเจ้าตามข้ามาเถิด”สีหน้าหัวหน้าหมู่บ้านโจวเต็มด้วยซาบซึ้งขอบคุณ หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ก็เร
อวิ๋นฝูหลิงรีบร้องห้าม “วางลง!”ลูกพี่อู๋เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเซียวจิ่งอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าแตะต้องของพวกนี้จะดีกว่า!”มือของลูกพี่อู๋สั่นเทา ช้อนในมือพลันหล่นลงไปในหม้อ“น้ำ...น้ำแกงนี่มีพิษงั้นหรือ?” เขาพูดตะกุกตะกักขึ้นโดยไม่รู้ตัวอวิ๋นฝูหลิงตรวจสอบน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะโดยละเอียดก่อนจะกล่าว “ในน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะล้วนมียาใส่เข้าไป ทว่าเป็นเพียงยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงเท่านั้น ปริมาณไม่มาก หาได้มีพิษร้าย” จางซานมู่ตีสีหน้าเคร่ง “หรือว่าหมู่บ้านนี้จะเป็นหมู่บ้านโจร? พวกเขาวางยาเพราะอยากปล้นทรัพย์สินพวกเรา?”อวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้สบตากัน ต่างรู้กันว่าสองคนระแวงสงสัยในสิ่งเดียวกันอยู่ก่อนแล้วอวิ๋นฝูหลิงกล่าว “พวกเจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่าหมู่บ้านนี้มีแต่ชายหนุ่มกำยำแข็งแรง ไม่มีผู้หญิงหรือเด็กเลย”“หากเป็นหมู่บ้านทั่วไปก็ควรจะประกอบด้วยผู้เฒ่าผู้แก่และแม่ลูกมิใช่หรือ?”“อีกทั้งท่าทีของพวกเขายังต้อนรับขับสู้มากจนเกินไป!”เซียวจิ่งอี้ต่อว่าต่อ “รวมถึงสายตาของพวกเขาด้วย พวกเขามองพวกเราด้วยสายตาแปลกพิกล ราวกับว่าเลือกเฟ้นสิ่งของอ
หลิวเฟิงตอบรับคำสั่งทันที “หัวหน้าวางใจได้เลย พวกเราทำงานรอบคอบอยู่แล้ว พวกมันไม่มีทางสงสัยแน่”“อีกอย่างต่อให้สงสัย ก้าวมาหาเราแล้วก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีก!"หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหัวเราะลั่น “เจ้าพูดถูก!”“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเร่งให้ส่งของออกไป ทว่าคนของผู้ดูแลเฉียนไม่เพียงพอ ข้าได้ยินเขาพร่ำบ่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว” “พวกเราส่งคนพวกนี้ไป ผู้ดูแลเฉียนจะต้องดีใจเป็นแน่ หากเขาช่วยพูดกับท่านจอมปราชญ์เรื่องพวกเราสักหน่อยแล้วล่ะก็ ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มกันอีกแล้ว”“ท่านจอมปราชญ์เป็นคนโปรดของท่านอ๋อง เพียงประโยคเดียวที่เขาพูดก็มีผลเทียบเท่าสิบคำพูดของผู้อื่นแล้ว”“ทุกคืนทุกวันซุกหัวอยู่ในที่ที่แม้แต่นกยังไม่ถ่ายมูลแบบนี้ ข้าเบื่อจนเต็มทนแล้ว!"หลิวเฟิงไม่รอช้ารีบประจบประแจง“พวกเราดูแลรอบนอก ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ เลี่ยงไม่ให้เรื่องเหมืองแร่แพร่งพรายออกไป ก็นับว่าทำงานหนักสร้างประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน”“วันข้างหน้าเมื่อถึงยามให้บำเหน็จตามความชอบย่อมไม่อาจขาดส่วนของพวกเราไปได้!”เรือนคิ้วเซียวจิ่งอี้ขมวดมุ่น ในใจกลับปั่นป่วนราวคลื่นพายุโถมเข้าใส่เหมืองแร่งั้นหรือ? เหมืองแร่อะไรกัน?
“ข้าไปเดินดูตามบ้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนยา คนในหมู่บ้านนี้ต่างไม่ได้ขัดขวางอะไรข้า แต่ข้ารู้สึกได้ว่ามีคนคอยจับตาดูเราอยู่ตลอด”ที่อวิ๋นฝูหลิงออกไปเดินวนในครั้งนี้ ถึงจะเป็นเพียงการทดลอง แต่ก็เพราะห่วงใยคนเจ็บอยู่ด้วยเช่นกันโดยเฉพาะหลายคนที่อาการเจ็บค่อนไปทางสาหัสในจำนวนนั้นคนที่ทำให้อวิ๋นฝูหลิงกังวลมากที่สุดก็คือหวังเอ้อร์เหอที่เพิ่งผ่านการเย็บสมานแผล เขาอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเล่าเรื่องราวฝั่งของตนจบแล้วเสร็จ ก็ถามเซียวจิ่งอี้กลับว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สืบได้ข่าวคราวว่าอย่างไรบ้าง?เซียวจิ่งอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าเบื้องหลังของเรื่องราวโยงใยเกี่ยวพันใหญ่โต จึงไม่ควรให้ฝูหลิงซึ่งเป็นเพียงหญิงธรรมดาเข้ามาเกี่ยวข้องทว่าเมื่อเขาสบเข้ากับสายตาเฉียบคมหลักแหลมคู่นั้นของนางเข้า ก็ราวกับผีสิงวิญญาณเข้า ทำเอาเขานำความที่ได้ยินมาทั้งหมดบอกกับอวิ๋นฝูหลิงไปเมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ฟังว่าคนพวกนี้มีแผนจะส่งผู้ชายไปทำงานในเหมืองแร่ ส่วนผู้หญิงจะถูกย่ำยีเล่นสนุกก่อนจะส่งไปขายที่ซ่อง ส่วนเด็กน้อยก็จะถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด ก็พลันโกรธจนสองตาแดงก่ำ“พวกชั่วช้าสาม
เซียวจิ่งอี้ไปถึงนอกหมู่บ้าน หยิบขลุ่ยทองแดงเลาหนึ่งที่ทำขึ้นพิเศษออกมาเป่าสองสามครั้งผ่านไปครู่เดียว ก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวอย่างเงียบๆ“ข้าน้อยเทียนจี คารวะนายท่าน!”เซียวจิ่งอี้เก็บขลุ่ยทองแดงแล้วกล่าวถาม “ทำงานที่มอบหมายให้พวกเจ้าเสร็จหมดหรือยัง?”เทียนจีกล่าวตอบอย่างนอบน้อม “เรียนนายท่าน ติดต่อกับผู้บัญชาการจั่วได้แล้วขอรับ”“ตอนนี้ผู้บัญชาการจั่วถึงเจียงโจวแล้ว เขาฝากข้าน้อยมาบอกนายท่านว่า นายท่านอยากทำอะไรก็ทำเต็มที่เลย!”“ผู้บัญชาการจั่วยังบอกอีกว่า เริ่มมีเบาะแสเรื่องการลอบสังหารแล้ว หลังจากพบกับนายท่านแล้ว ค่อยคุยรายละเอียดกับนายท่านขอรับ”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าสมัยที่จั่วเยี่ยนตกต่ำ เข้าตาจนไม่มีทางให้ไป เซียวจิ่งอี้พบโดยบังเอิญจึงได้ช่วยเหลือเขาบุญคุณครั้งนี้ แลกมากับการตอบแทนที่จงรักภักดีนอกจากคนสนิทของเขา ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงจั่วเยี่ยนเป็นคนของเขาหลายปีนี้เขาออกจากเมืองหลวงไปประจำการที่ด่านชายแดน แต่ยังสามารถรับรู้เหตุการณ์ในเมืองหลวงและสถานการณ์ในราชสำนักอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นก็มีผลงานของจั่วเยี่ยน“ติดต่อคนของพวกเรา รอรับคำสั่งรอบนอกเขาเฟิ่งลั่ว”“
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ