“อย่าว่าแต่ข้าไม่มีโอสถวิเศษรักษาแผลไม่ทิ้งร่องรอยเลย ต่อให้มี ข้าก็ไม่มีวันให้นางใช้!”“ไม่เพียงแค่โอสถวิเศษ แม้แต่สมุนไพรธรรมดาสักต้น ข้าก็ไม่มีวันให้เจ้าเอาไปใช้รักษานาง!”“ส่วนเรื่องขอโทษชดเชย ข้าไม่ได้เห็นว่าสลักสำคัญอะไร!”“พวกเจ้าควรดีใจที่ตอนนี้ข้ายุ่งอยู่กับการรักษาคน จึงไม่มีเวลาจัดการกับนางเสียมากกว่า มิเช่นนั้นข้าคงเอาชีวิตนางไปแล้ว!”บาดแผลบนใบหน้าของอวิ๋นซานหู หากต้องการรักษาหายโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น มีเพียงหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติของนางเท่านั้นที่ให้ผลเช่นนั้นได้แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ก่อนนี้อวิ๋นซานหูเจตนาจะฆ่านาง อวิ๋นฝูหลิงก็ยิ่งโกรธเสียจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณแสนล้ำค่านั้น มาใช้กับคนที่คิดจะฆ่าตนเองดิงหมิงรุ่ยรู้อยู่แก่ใจว่าตนผิด เห็นอวิ๋นฝูหลิงโกรธจัด แน่วแน่ไม่ยอมให้ยาใดๆ จึงเบนสายตาไปยังนายท่านหางแทนนายท่านหางรีบโบกมือทันที “สมุนไพรที่ข้าเตรียมมาล้วนให้แม่นางอวิ๋นยืมไปแล้ว ชาวบ้านบาดเจ็บกันไม่น้อย สมุนไพรแค่นี้ก็แทบไม่พอใช้แล้ว!”“แม้จะมียา แต่จากแผลญาติผู้น้องเจ้า หากไม่อยากให้มีแผลเป็น เกรงว่าจะไร้หนทางแล้ว”ดิงห
ติงหมิงรุ่ยมองตามอวิ๋นซานหูที่วิ่งออกไป เขาอดทอดถอนใจอย่างหนักภายในใจไม่ได้หากรู้แต่เนิ่นจะเป็นเช่นนี้ ไม่ไปเมืองหลวงเสียตั้งแต่แรกยังจะดีกว่าและถึงจะไป ก็ไม่ควรร่วมทางกับอวิ๋นซานหูแม้ว่าเขาจะได้ทายาให้บาดแผลของอวิ๋นซานหูแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงแผลเป็นที่จะยังคงอยู่เมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว เขากลัวว่าจวนจี้ชุนโหวจะนำเรื่องที่อวิ๋นซานหูเสียโฉมมากล่าวโทษเขาเขาควรทำอย่างไรดี?ติงหมิงรุ่ยพลันรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเขาเงยหน้ามองเทือกเขาเรียงรายสลับซับซ้อนอยู่แต่ไกล พึมพัมเงียบงันว่าต้องรีบออกจากภูเขาเฟิ่งลั่วจึงจะดีที่สุดบัดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบาดแผลบนใบหน้าของอวิ๋นซานหูในมือเขามียาสมุนไพรไม่เพียงพอ ที่พอมีอยู่ก็เป็นเพียงยารักษาบาดแผลธรรมดา มีแต่ต้องออกจากเขาเฟิ่งลั่วไปยังเมืองใหญ่ จึงจะพอหาโรงโอสถได้เมื่อมีโรงโอสถก็สามารถซื้อยาสมุนไพรดีๆ อีกทั้งยังส่งข่าวไปทางจวนจี้ชุนโหวให้พวกเขาช่วยคิดหาหนทางได้อีกด้วย บาดแผลของอวิ๋นซานหูไม่อาจรอช้าได้ ยิ่งทิ้งระยะห่าง รอยแผลเป็นก็มีแต่จะลึกยิ่งขึ้นติงหมิงรุ่ยรีบไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวในทันที ก่อนเอ่ยถามอย่างตรงเข้าประเด็น “หัวหน้าห
บาดแผลบนใบหน้าของนาง ล้วนเป็นเพราะแม่นางอวิ๋นผู้นี้ทั้งนั้น!บัดนี้นางเร่งจะรักษาแผลตน ไม่อาจนำเวลามาเสียกับเรื่องแม่นางอวิ๋นได้รอบาดแผลหายดีแล้ว ค่อยกลับมาชำระบัญชีแค้นกับแม่นางอวิ๋นก็ไม่นับว่าสายความแค้นนี้ นางจดลงบัญชีไว้เสียก่อนอวิ๋นซานหูพะวงแต่เพียงเรื่องบาดแผลของตนเอง ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเหล่าองครักษ์เลยแม้แต่น้อย ยืนกรานจะออกเดินทางทันทีแต่เมื่อชาวบ้านได้ยินว่านางจะไป ต่างก็ไม่ยินยอม พากันปิดทางขวางกั้นไม่ให้นางไปหากไม่ใช่เพราะนางแอบขโมยลูกเสือน้อยมา จนทำให้เสือขาวไล่ตามมาได้และโจมตีเหล่าชาวบ้าน มีหรือทุกคนจะบาดเจ็บล้มตายเช่นนี้?นางก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้แล้ว บัดนี้ยังคิดจะสะบัดก้นหนีไป มีหรือจะง่ายเช่นนั้นได้? โดยเฉพาะเครือญาติของสามคนที่เสียชีวิตไป ไหนจะเครือญาติของอีกห้าคนที่บาดเจ็บสาหัสปางตาย ต่างก็เกลียดชังอวิ๋นซานหูอย่างถึงที่สุดแม้ว่าทั้งห้าคนที่อาการสาหัสปางตายจะยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลหนักหนาเช่นนั้น ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรอดหรือไม่?ชาวบ้านพากันลุกฮือขึ้น ขวางอวิ๋นซานหูเอาไว้เรียกร้องให้นางรับผิดชอบอวิ๋นซานหูเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น
สมุนไพรที่อวิ๋นฝูหลิงใช้อย่างเปิดเผย ตลอดมาล้วนมีคังหมิงหย่วนเป็นผู้เก็บรักษา ดังนั้นเขาจึงรู้สรรพคุณการใช้งานของสมุนไพรเป็นอย่างดีในใจอวิ๋นฝูหลิงรู้ดีว่าชาวบ้านที่บาดเจ็บไม่อาจขาดยาได้ คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “สมุนไพรในภูเขานี้มีอยู่ไม่น้อย ข้าจะออกไปเก็บสมุนไพรเดี๋ยวนี้”เซียวจิ่งอี้ได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เมื่อได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะไปเก็บสมุนไพร ชาวบ้านหลายคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างก็อาสาจะตามไปช่วยอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของพวกเขา ทั้งยังให้คังหมิงหย่วนร่วมทางไปด้วยในบรรดาพวกลูกพี่อู๋ แต่ไหนก็มีเพียงคังหมิงหย่วนที่สนอกสนใจในสมุนไพร เขามักตามอวิ๋นฝูหลิงไปจัดการเกี่ยวกับสมุนไพรอยู่เนืองๆดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ได้หวงวิชาคอยชี้แนะให้เขาอยู่บ้างก่อนออกเดินทาง อวิ๋นฝูหลิงลูบหัวของอวิ๋นจิงมั่วเบาๆ ฝากฝังลูกพี่อู๋ให้ดูแลเขาให้ดียังไม่ทันที่ลูกพี่อู๋จะพยักหน้ารับ หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ชิงตอบขึ้นก่อนแล้ว “แม่นางอวิ๋นวางใจเถิด จิงมั่วมีพวกเราทุกคนคอยดูแล หมดห่วงเรื่องปัญหาไปได้เลย!”ชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้ารับโดยพร้อมเพรียงเหตุการณ์เสือขาวบุกโจมตี
“อาจารย์ของข้าบอกเสมอว่าไม่ว่าจะเป็นหมอซางหรือหมอจี๋ เพียงรักษาผู้คนได้ก็นับเป็นหมอดี ดังนั้นข้าติดตามท่านจึงได้เรียนรู้ไปเสียทุกอย่าง”นายท่านหางแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจออกมา“ท่านอาจารย์เป็นปรมาจารย์โดยแท้ ความรู้และปัญญาเช่นนี้ หาใช่สิ่งที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไปจะเข้าใจได้”นายท่านหางไม่ได้ดูถูกหมอซาง เพราะบรรพบุรุษตระกูลหางของพวกเขาก็เป็นหมอซางมาก่อนเช่นกัน ต่อมาได้รับโอกาสจึงได้ปลูกร่างสร้างฐานะขึ้นได้เช่นนี้หากเขาดูแคลนหมอซาง ก็เท่ากับดูแคลนบรรพบุรุษของตนทว่าผู้คนในสังคมกลับตามยกย่องหมอจี๋เสียมากกว่า และมองหมอซางด้วยสายตาดูแคลนเซียวจิ่งอี้หูผึ่งฟังบทสนทนาระหว่างอวิ๋นฝูหลิงและนายท่านหางอยู่ข้างๆเขาอยู่ในกองทัพ จึงย่อมได้ข้องแวะกับหมอซางอยู่บ่อยๆ ทว่าหมอทหารเหล่านั้นในกองทัพ เมื่อเทียบกับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ฝีมือเรียกได้ว่าห่างชั้นไปลิบลับเพียงฝีมือเย็บสมานแผลของอวิ๋นฝูหลิงที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ ก็ทำให้เซียวจิ่งอี้ตกตะลึงได้แล้วนายทหารในชายแดนทุกครั้งที่เกิดการปะทะสู้รบ ก็จะมีพลทหารจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต้องสิ้นชีพเพราะบาดแผลภายนอกหากฝีมือการแพทย์ของแพทย์ทหารเทียบกับฝีมือ
คนทั้งกลุ่มใช้เวลาก่อนฟ้ามืดลง ในที่สุดก็มาจนถึงหมู่บ้านได้สำเร็จทันทีที่เข้าใกล้ ก็ถูกคนเฝ้าปากทางเข้าหมู่บ้านขวางเอาไว้ “พวกเจ้าเป็นใคร?”หัวหน้าหมู่บ้านโจวรีบเดินขึ้นนำเพื่ออธิบาย “พวกเราเป็นชาวหมู่บ้านหลินซาน ฝายเจียงหลิงแตกทลายน้ำจึงทะลักท่วมหมู่บ้านของพวกเราจนหมดสิ้น พวกเราไร้ทางเลือก จึงจำต้องปีนสันข้ามเขามา หาหนทางจะออกไปจากภูเขาเฟิงลั่ว”“ระหว่างทางพวกเราเจอเสือขาว บาดเจ็บกันไปไม่น้อย พอเห็นว่าที่นี่มีหมู่บ้าน จึงอยากมาถามไถ่ว่าพอจะให้เราพักด้วยสักระยะเพื่อรักษาอาการได้หรือไม่?”คนเฝ้าปากทางสองคนมองหน้ากัน ในแววตาดูคลายความหวาดระแวงลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นเป็นชายหนวดเคราเฟิ้มหันมายิ้มให้ “มิน่าเล่า ก่อนนี้พวกเราจึงได้ยินเสียงเสือคำรามร้อง”“หมู่บ้านของเรามีบ้านว่างอยู่หลายหลังพอดีเชียว ให้พวกเจ้าใช้พักรักษาตัวกันได้”เขาหันไปส่งสายตาให้ชายหนุ่มข้างกาย “ซานจื่อ เจ้ารีบไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน”ชายนามว่าซานจื่อพยักหน้ารับ หุนหันวิ่งออกไปทันทีชายหนวดเคราเฟิ้มเอ่ย “ข้ามีนามว่าหลิวเฟิง พวกเจ้าตามข้ามาเถิด”สีหน้าหัวหน้าหมู่บ้านโจวเต็มด้วยซาบซึ้งขอบคุณ หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ก็เร
อวิ๋นฝูหลิงรีบร้องห้าม “วางลง!”ลูกพี่อู๋เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเซียวจิ่งอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าแตะต้องของพวกนี้จะดีกว่า!”มือของลูกพี่อู๋สั่นเทา ช้อนในมือพลันหล่นลงไปในหม้อ“น้ำ...น้ำแกงนี่มีพิษงั้นหรือ?” เขาพูดตะกุกตะกักขึ้นโดยไม่รู้ตัวอวิ๋นฝูหลิงตรวจสอบน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะโดยละเอียดก่อนจะกล่าว “ในน้ำแกงเนื้อและขนมเปี๊ยะล้วนมียาใส่เข้าไป ทว่าเป็นเพียงยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงเท่านั้น ปริมาณไม่มาก หาได้มีพิษร้าย” จางซานมู่ตีสีหน้าเคร่ง “หรือว่าหมู่บ้านนี้จะเป็นหมู่บ้านโจร? พวกเขาวางยาเพราะอยากปล้นทรัพย์สินพวกเรา?”อวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้สบตากัน ต่างรู้กันว่าสองคนระแวงสงสัยในสิ่งเดียวกันอยู่ก่อนแล้วอวิ๋นฝูหลิงกล่าว “พวกเจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่าหมู่บ้านนี้มีแต่ชายหนุ่มกำยำแข็งแรง ไม่มีผู้หญิงหรือเด็กเลย”“หากเป็นหมู่บ้านทั่วไปก็ควรจะประกอบด้วยผู้เฒ่าผู้แก่และแม่ลูกมิใช่หรือ?”“อีกทั้งท่าทีของพวกเขายังต้อนรับขับสู้มากจนเกินไป!”เซียวจิ่งอี้ต่อว่าต่อ “รวมถึงสายตาของพวกเขาด้วย พวกเขามองพวกเราด้วยสายตาแปลกพิกล ราวกับว่าเลือกเฟ้นสิ่งของอ
หลิวเฟิงตอบรับคำสั่งทันที “หัวหน้าวางใจได้เลย พวกเราทำงานรอบคอบอยู่แล้ว พวกมันไม่มีทางสงสัยแน่”“อีกอย่างต่อให้สงสัย ก้าวมาหาเราแล้วก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีก!"หัวหน้าหมู่บ้านหม่าหัวเราะลั่น “เจ้าพูดถูก!”“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเร่งให้ส่งของออกไป ทว่าคนของผู้ดูแลเฉียนไม่เพียงพอ ข้าได้ยินเขาพร่ำบ่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว” “พวกเราส่งคนพวกนี้ไป ผู้ดูแลเฉียนจะต้องดีใจเป็นแน่ หากเขาช่วยพูดกับท่านจอมปราชญ์เรื่องพวกเราสักหน่อยแล้วล่ะก็ ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มกันอีกแล้ว”“ท่านจอมปราชญ์เป็นคนโปรดของท่านอ๋อง เพียงประโยคเดียวที่เขาพูดก็มีผลเทียบเท่าสิบคำพูดของผู้อื่นแล้ว”“ทุกคืนทุกวันซุกหัวอยู่ในที่ที่แม้แต่นกยังไม่ถ่ายมูลแบบนี้ ข้าเบื่อจนเต็มทนแล้ว!"หลิวเฟิงไม่รอช้ารีบประจบประแจง“พวกเราดูแลรอบนอก ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ เลี่ยงไม่ให้เรื่องเหมืองแร่แพร่งพรายออกไป ก็นับว่าทำงานหนักสร้างประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน”“วันข้างหน้าเมื่อถึงยามให้บำเหน็จตามความชอบย่อมไม่อาจขาดส่วนของพวกเราไปได้!”เรือนคิ้วเซียวจิ่งอี้ขมวดมุ่น ในใจกลับปั่นป่วนราวคลื่นพายุโถมเข้าใส่เหมืองแร่งั้นหรือ? เหมืองแร่อะไรกัน?
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่