อวิ๋นซานหูแค่นหัวเราะเสียงเย็น “หาเรื่องแล้วจะทำไม? ใครหน้าไหนปกป้องนางคนชั้นต่ำนี่ ก็ตีให้หมด!”อวิ๋นฝูหลิงยื่นมือไปดึงตัวลูกพี่อู๋ออก แล้วก้าวมายืนด้านหน้าอย่างไร้ความหวาดหวั่น “ที่นี่ไม่ใช่จวนจี้ชุนโหว และข้าก็ไม่ใช่บ่าวในจวนจี้ชุนโหวของเจ้า ช่วยเลิกวางท่าทำตัวเป็นคุณหนูต่อหน้าข้าเสียทีเถอะ!”“กลางวันแสกๆ ท้องฟ้าแจ่มใสสว่างไสวเช่นนี้ ดูซิว่าจะมีใครกล้ามาแตะข้าแม้แต่ปลายก้อย?”“หากไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามาลองได้!”อวิ๋นฝูหลิงล้วงเข็มเงินออกมาหนึ่งกำมือ ที่ปลายเข็มประกายแสงสีเขียวจางๆ เห็นได้ชัดว่าเข็มเงินพวกนี้ผ่านการแช่ยามาแล้วกลุ่มผู้คุ้มกันของจวนจี้ชุนโหวพากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ว่ากันว่ายารักษากับยาพิษนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้ แม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นวิชาแพทย์ แน่นอนว่าเรื่องพิษเองก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน ไม่แน่ว่าบนเข็มเงินพวกนั้นอาจจะถูกชุบยาพิษมาแล้วก็ได้แม้ว่าพวกเขาจะต่อยตีเป็น แต่ถ้าถูกเข็มนั่นเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวเล่า ชีวิตน้อยๆ นี้ไม่หายไปเลยหรือ?ชั่วพริบตานั้น เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยสักคนอวิ๋นซานหูเห็นแบบนั้นแล้ว จึง
นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นแล้ว!ส่วนคนหลังจากนั้นที่เขวี้ยงก้อนหินใส่นาง ทำให้นางพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นเซียวจิ่งอี้แน่นอนหญิงร้ายชาวเลวคู่นี้สมคบคิดกัน!ท่ามกลางคำปลอบโยนบำรุงขวัญของหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนอื่นๆ อวิ๋นซานหูจึงได้เพียงแค่ถลึงตาใส่อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้อย่างโหดเหี้ยมเท่านั้นหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าล้างตารอข้าไว้ได้เลย!รอให้ออกไปจากเขาเฟิ่งลั่ว ข้าจะใช้อำนาจของจวนจี้ชุนโหวมาจัดการพวกเจ้าให้ตายเลย!อวิ๋นซานหูมาด้วยความโกรธเกรี้ยวขึงขัง กลับไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกติงหมิงรุ่ยรั้งอยู่ท้ายสุด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก้าวเข้ามากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ก็ขอให้ท่านทำแต่พองามเถิด!”พูดจบก็ประสานมือแล้วเดินจากไปแม้จะไม่อาจหาหลักฐานมาได้ แต่ผู้ที่ฉลาดล้วนกระจ่างชัดแจ้งราวกระจกอยู่ในใจผู้ที่ลงมือกับอวิ๋นซานหูได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้น นอกจากอวิ๋นฝูหลิงแล้วก็ไม่อาจคิดถึงใครอื่นได้อีกในเมื่อได้สั่งสอนไปแล้ว ก็ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด!อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดนางไม่หวั่น
ยิ่งขบวนลี้ภัยเดินทางขึ้นเหนือ ก็ยิ่งไม่มีร่องรอยของผู้คนกลางป่าเขาที่มีแต่ต้นหญ้าเจริญงอกงามนั้นยากที่จะแยกทิศทาง ทั้งยังเต็มไปด้วยแมลงและอสรพิษหลากหลายสายพันธุ์เคราะห์ดีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านโจวคอยนำทาง ทั้งยังมีอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นท่านหมอประจำขบวน นางได้แจกจ่ายผงยาขับไล่แมลงและอสรพิษที่ปรุงขึ้นมาเองให้แก่ทุกคนแล้ววันนี้ชาวบ้านทั้งหลายล้วนหยุดพักยามกลางวันตามปกติเซียวจิ่งอี้และชาวบ้านอีกสองสามคนออกไปหาแหล่งน้ำบริเวณใกล้ๆจวบจนกระทั่งพวกเขากลับมานั้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมเซียวชิ่งอี๋ตรงไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวทันทีที่แท้พวกเขาก็พบเข้ากับรอยเท้าของสัตว์ใหญ่อยู่ริมแหล่งน้ำ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวบริเวณที่พวกเขาหยุดพักนั้นอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่ว่านั้นไม่ไกลมากนัก หากบังเอิญว่ามีสัตว์ป่าที่มากินน้ำเจอพวกเขาเข้า ต้องอันตรายมากแน่นอน!ดังนั้นคำแนะนำของเซียวจิ่งอี้ก็คือหยุดพักผ่อนสักครู่แล้วรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นค่อยหาสถานที่พักที่ปลอดภัยกว่านี้หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมตัวชาวบ้านทุกคนและปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกั
ลูกพี่อู๋ไม่พูดจา รีบพาอวิ๋นจิงมั่วเสาะหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดปีนขึ้นไปภายใต้การคุ้มกันของอวิ๋นฝูหลิงเพียงชั่วพริบตา ชาวบ้านหลายคนก็ถูกเสือขาวตัวนั้นตวัดกรงเล็บแหลมคมใส่จนได้รับบาดเจ็บอวิ๋นฝูหลิงรีบม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยโฉมหน้าไม้ที่ผู้ติดอยู่บนท่อนแขนเล็กๆ ของนางฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วลูกธนูทั้งหมดยิงเข้าเป้าหมายติดต่อกันเสือขาวเจ็บปวดจนถึงกับต้องแหงนหน้าโก่งคอคำรามขึ้นฟ้า อวิ๋นฝูหลิงรีบฉวยจังหวะนี้ตะโกนออกไป “รีบขึ้นต้นไม้ แล้วไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เร็ว!”ตอนนั้นเองชาวบ้านทั้งหลายถึงได้สติ พากันปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร็วรี่เซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ ครั้นเห็นหน้าไม้บนแขนเล็กๆ ของอวิ๋นฝูหลิงแล้วจึงรีบเข้าร่วมปะทะกับเสือขาวตัวนั้นทันทีแม้ว่าเสือขาวตัวนั้นจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิตครั้นต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง เสือขาวก็ดูเหมือนว่าไม่มีความจะต่อกรกับพวกเขาอีก มันมุ่งแต่จะพุ่งตัวให้หลุดพ้นวงโจมตีของพวกเขาทั้งสองคน แล้วไปโจมตีชาวบ้านคนอื่นแทนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงสบตากัน ทั้งสองคนรู้สึกถึงความผิดปกติได้ในทันทีไม่นานนัก ศรจากหน้า
คำพูดของเซียวจิ่งอี้เปิดโปงความจริงออกมาในฉับพลันทันใดตอนนี้ชาวบ้านทั้งหลายถึงกับบางอ้อขึ้นมาทันใด แล้วลอบด่าทออวิ๋นซานหูอยู่ในใจเช่นนี้ก็เหมือนกับรู้ตัวว่าลูกของตนเองถูกขโมยไป แล้วคนที่เป็นบิดามารดรจะไม่ออกตามหาบุตรของตัวเองหรือไรต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาจนสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ต้องเอาบุตรของตัวเองกลับมาให้ได้!อวิ๋นซานหูรู้ว่าตนเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว ทว่าก็ยังคงปากแข็ง “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นลูกเสือ?”“ข้าบังเอิญเจ้ามัน หลงคิดไปว่าเป็นแมวป่าตัวหนึ่งก็เท่านั้น”“ข้าคิดว่ามันน่ารักดีถึงได้อุ้มกลับมาด้วย ให้มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ก็ดีกว่าต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในป่าในเขามิใช่หรือไง?”ขณะที่กำลังพูดพล่ามอยู่ เสือขาวตัวนั้นก็ปีนขึ้นต้นไม้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งช่วงใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสือขาวตัวนั้นเห็นว่าอวิ๋นซานหูล้วงเอาลูกเสือออกมาเผยโฉม มันก็ร้องคำรามอีกหลายครั้ง การเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมเห็นว่าเสือขาวตัวนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที อวิ๋นซานหูถึงกับหน้าซีดเผือด“ทำ...ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงลอบด่าทออยู่ในใจว่า ‘โง่เง่า’แม้ว่าจะไม่ลงรอยกัน แ
ทั้งสองคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ และเข้ากันได้ดีโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ย ไม่นานนักก็ดึงความสนใจของเสือขาวตัวนั้นมาที่พวกเขาทั้งคู่ได้เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นแล้ว ลูกพี่อู๋จึงหันไปพูดกับสวี่ตงและคังหมิงหย่วน “พวกเจ้าคุ้มครองคุณชายน้อยให้ดี ข้าจะไปช่วยแม่นางอวิ๋น!”สวี่ตงกับคังหมิงหย่วนพยักหน้าจางซานมู่ที่อยู่บนต้นไม้ข้างๆ กล่าวกำชับ “ลูกพี่ ระวังตัวด้วยนะ!”ลูกพี่อู๋เคยล่ำเรียนวิทยายุทธ์มาบ้างเล็กน้อยเมื่อครั้งเยาว์วัย และเขายังต่อยตีเก่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คนเขากำท่อนไม้ไว้ แล้วพุ่งเข้าวงต่อสู้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความฮึดสู้ไม่กลัวตาย ทำให้เขาเข้าซุ่มโจมตีเสือขาวตัวนั้นได้สำเร็จ ทุบตีมันไปหลายทีเสือขาวร้องโหยหวน แล้วจึงรีบหมุนตัวพุ่งเข้าใส่ลูกพี่อู๋ทันทีลูกพี่อู๋ก็รีบสับเท้าวิ่งหนี ปีนป่ายต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นไปด้านบนทันทีอวิ๋นฝูหลิงจับจังหวะได้อย่างแม่นเหมาะ กระโดดขึ้นบนหลังเสือขาว มือข้างหนึ่งกอดคอมันไว้แน่น อีกข้างหนึ่งก็ชูเข็มยาชาไว้นางปักเข็มยาชาเข้าไปในตัวเสือขาวอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจึงฉีดยาชาด้านในเข็มเข้าไปในตัวของมันเสือขาวดิ้นรนบ้าคลั่ง ต้องการสะ
เพราะถูกเสือขาวโจมตี ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้าเสียงร้องคร่ำครวญดังอยู่ในค่ายไม่ขาดสายครั้นอวิ๋นฝูหลิงส่งลูกเสือให้อวิ๋นจิงมั่วแล้ว จึงหยิบกล่องยาไปรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหลายทันใดนั้น เสียงร่ำไห้ปานใจจะขาดก็ดังขึ้นจากข้างๆ “ท่านแม่ ท่านแม่ฟื้นสิ อย่าทำให้ข้ากลัวสิ...”เฉินเสียวเป่าอุ้มสะใภ้รองเฉินที่เลือดท่วมตัว พลางร้องไห้น้ำตานองหน้าอวิ๋นฝูหลิงรีบเข้าไปดู หลังจากที่จับชีพจรแล้วก็หันไปส่ายหน้ากับคนอื่นๆ ที่มองมาสะใภ้รองเฉินไม่มีจังหวะชีพจรและลมหายใจแล้ว นางสิ้นชีพไปแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์ยืนนิ่งงันอยู่ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของสะใภ้รองเฉินแม้เมื่อก่อนจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่สบอารมณ์ไว้ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ต้องมาเห็นชีวิตคนเป็นๆ ถูกกระชากไปกับตาตัวเอง เรื่องแบบนี้ต่อให้ต้องประสบพบเจอสักกี่พันครั้ง ใจของอวิ๋นฝูหลิงก็ยังคงเศร้าโศกอยู่ดีนางพูดเบาๆ ว่า “นางสิ้นใจแล้ว เสียใจด้วยนะ!”ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงหมุนกายเตรียมตัวจากไปช่วยผู้บาดเจ็บคนอื่น เฉินเสียวเป่าก็ทำทีราวกับเพิ่งจะเห็นอวิ๋นฝูหลิง พุ่งเข้ามากอดสองขาของนางไว้ พลางอ้อนวอน“แม่นางอวิ๋น ช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”“ข้
ทว่าไม่นานนักก็เห็นว่าบุตรคนรองกำลังหลบเลี่ยงสายตา เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากำลังกินปูนร้อนท้อง นางจึงรู้ได้ทันทีว่าระหว่างนั้นต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่ท่ามกลางสายตาของคนมากมายเช่นนี้ นางจึงไม่รีบดึงตัวเฉินเหล่าเอ้อร์มาไต่ถามให้แน่ชัด จึงได้แต่ปลอบประโลมเฉินเสียวเป่าไปก่อนใครเล่าจะรู้ว่ายังพูดไม่ถึงสองประโยคดี เฉินเสียวเป่าก็ผลักนางออกโดยไม่ทันตั้งตัวเขาพูดจาโหดเหี้ยมออกมาราวกับลูกหมาป่าดุร้าย “ท่านเองก็ไม่ใช่คนดี!”หากท่านย่ารักใคร่เอ็นดูเขาจริง ตอนนั้นคงไม่ทอดทิ้งเขาเพื่อให้ได้อยู่ในขบวนลี้ภัยต่อแม่เฒ่าเฉินซวนเซเกือบล้มคะมำ ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความไม่อยากเชื่อนางรักทะนุถนอมหลายชายผู้นี้ราวกับไข่มุกล้ำค่ามานานหลายปีเช่นนี้ ทว่าสายตาที่กำลังมองนางในตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นแม่เฒ่าเฉินถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งกายภายในชั่วพริบตาเฉินเสียวเป่ากวาดสายตามองไปที่ทุกคนภายในค่าย มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นคนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นฆาตกรที่สังหารมารดาเขาทั้งสิ้น!หากไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ขับเขาออกจากค่าย พวกเขาก็คงไม่ต้องเดินตามอยู่ท้ายขบวน บางทีอาจจะไม่ต้องไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งที