หลายวันนี้ เซียวจิ่งอี้นำอาหารป่ามาให้เกือบทุกวันแรกเริ่มอาจเพื่อตอบแทนน้ำใจของแกงเห็ดรวมชามนั้น แต่ต่อมาเจ้ามาข้าไป ยิ่งอยู่ยิ่งพัวพันกันมากขึ้นโดยเฉพาะอวิ๋นจิงมั่ว เหมือนชอบเซียวจิ่งอี้เป็นพิเศษ มักจะไปเดินตามเขาต้อยๆส่วนท่าทางของเซียวจิ่งอี้ก็เย่อหยิ่งเย็นชาห้ามผู้คนเข้าใกล้ แต่ปฏิบัติกับอวิ๋นจิงมั่วกลับอ่อนโยนน่าคบหาอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สุดท้ายได้แต่ยกให้เป็นวาสนาที่มีต่อกันกระมังอย่างไรก็ดีบางคนเกิดมาก็ไม่ถูกกันแล้ว บางคนกลับเหมือนรู้จักกันตั้งแต่แรกเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามา ก็ช้อนเขาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันทีเขาเดินมาทางอวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “ข้าจะอุ้มเขาไว้ ไปกับพวกเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงเห็นคนส่วนใหญ่เริ่มออกเดินทางแล้ว ประกอบกับอวิ๋นจิงมั่วกอดคอเซียวจิ่งอี้ไม่ยอมปล่อย จึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลง“เป็นเด็กดี ห้ามดื้อนะ!” อวิ๋นฝูหลิงจ้องเขม็งอวิ๋นจิงมั่วแวบหนึ่งอวิ๋นจิงมั่วพยักหน้าทันที กล่าวรับประกัน “ข้าเป็นเด็กดีที่สุด”สายตาของลูกพี่อู๋และคนอื่นวนเวียนระหว่างทั้งสามคนชายหล่อ หญิงงาม เด็กน่ารัก สามคนนี้ยืนด้วยกัน เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ อ
ตอนนี้ยังต้องข้ามภูเขาอีก ต้องเดินด้วยขาทั้งสองข้างเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ อวิ๋นซานหูก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮร้องไห้อย่างขุ่นเคือง หัวหน้าหมู่บ้านโจวทำอะไรไม่ถูกทันทีนี่เหตุใดจู่ๆ ก็ร้องไห้แล้ว เขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้พัก จะบังคับให้นางเดินทางต่อนี่นา!ติงหมิงรุ่ยก็เหนื่อยจนหอบเช่นกัน สภาพของเขาดีกว่าอวิ๋นซานหูเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงเข้าใจความขุ่นเคืองของอวิ๋นซานหูแต่เขาก็หมดหนทาง ทำได้เพียงปลอบใจอวิ๋นซานหูเบาๆเพราะอวิ๋นซานหูส่งผลให้ทั้งขบวนหยุดลงกะทันหัน ชาวบ้านจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นและต่อว่าทุกคนล้วนอยากออกจากเขาเฟิ่งลั่วโดยเร็ว อีกทั้งชาวบ้านทำงานจนชินแล้ว เดินแค่นี้ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรอีกทั้งระหว่างทางมานี้ ก็พักไปหลายรอบเพราะอวิ๋นซานหูแล้วพวกชาวบ้านไม่เข้าใจจริงๆอวิ๋นฝูหลิงเช็ดเหงื่อบนหน้า เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าตั้งแต่ฝนตกลงมาอย่างหนัก อากาศก็ร้อนขึ้นทุกวันอย่างน่าประหลาดนี่ยังไม่เที่ยงก็ร้อนจนเหมือนรู้สึกโดนนึ่งแล้วอวิ๋นฝูหลิงเดินไปที่ข้างกายหัวหน้าหมู่บ้านโจว นางกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้านโจว ให้ทุกคนหาที่พักผ่อนก่อนเถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ ระวังเป็นโร
ไม่มีอวิ๋นซานหูเป็นตัวถ่วง ทุกคนเดินเร็วกว่าช่วงเช้ามาก และระยะทางก็เดินได้ไกลมากขึ้นพระอาทิตย์เพิ่งเริ่มตกดิน เซียวจิ่งอี้หมุนกายกลับมาส่งอวิ๋นจิงมั่วให้อวิ๋นฝูหลิง เขากล่าว “ข้าจะไปหาอาหาร”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้แล้วว่าเขาจะไปล่าสัตว์นางรับอวิ๋นจิงมั่วมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน เมื่อเงยหน้าอีกครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ออกจากขบวน และร่างเงาของเขาก็หายไปจากหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็วคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้จากไป ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยในใจทว่าผ่านไปไม่นาน ความสงสัยส่วนนี้ก็ได้รับคำตอบแล้วเมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้แบกกวางยองและถือไก่ป่าสองตัวกลับมา ชาวบ้านต่างก็ตกใจอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้แปลกใจนัก เพราะนางเคยเห็นฝีมือของเซียวจิ่งอี้นานแล้ว แค่ก้อนหินลูกเดียวก็สามารถเอาชีวิตคน การจับของป่าอย่างไก่ป่าหรือกวางยองจะไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกหรือชาวบ้านทุกคนกินผักป่ากับผลไม้ป่ามาหลายวันแล้ว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายบางคนยิ่งหวั่นไหว เริ่มวางแผนในใจแล้วนี่ถ้าหากได้กินเนื้อสักชิ้น แหม่ ต้องหอมมากแน่นอน!อีกทั้งเนื้อมากมายเช่นนี้ แบ่งให้พวกเขานิดหน่อยจะเป็นอะไร!ยามอาทิตย์อัสดงปกคลุมทั่
นางอยากกินเนื้อย่าง!แต่นางก็ไม่สามารถลดตัวไปขอซื้อกับอวิ๋นฝูหลิง เพราะรู้สึกว่าเช่นนั้นเหมือนเป็นการก้มหัวให้อวิ๋นฝูหลิงนางเขม่นใส่องครักษ์แวบหนึ่ง “เจ้าไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่ากลับมาสองสามตัว หากสามารถจับกวางยองหรือกวางป่าได้ยิ่งดี!”มุมปากองครักษ์กระตุกเล็กน้อยคิดว่ากวางยองหรือกวางป่าจับง่ายเช่นนั้นเลยหรือ? เขาจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าได้ก็นับว่าบุญแล้ว!องครักษ์ลำบากใจ แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของคุณหนูสาม ได้แต่เรียกพรรคพวกสองคนที่สนิทกับเขา ไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าด้วยกันอวิ๋นซานหูพ่นลมออกจากจมูกเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ก็แค่อาหารป่า องครักษ์ของนางก็จับได้แต่ไม่รู้ว่าแม่นางอวิ๋นใช้วิธีอะไร ถึงสามารถทำให้ผู้ชายหลายคนรายล้อมรอบตัวนาง แม้แต่ผู้ชายที่มองสถานะไม่ออกคนนั้นก็เสนอตัวไปล่าอาหารป่าให้นางนางได้ให้คนไปสอบถามมาแล้ว แม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นแม่หม้ายคนหนึ่งในหมู่บ้านหลินซาน เดิมทียังมีแม่แก่อีกหนึ่งคนแต่ช่วงก่อนแม่แก่ขึ้นเขาไม่ระวังพลาดพลั้งตกเขาตายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่นางกับลูกชายที่ค่อยพึ่งพากันและกันอวิ๋นซานหูชายตาขึ้น มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังคุยกับเซียวจิ่งอี้พอดีท
ต่อให้อวิ๋นฝูหลิงพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างในถุงผ้าเป็นผักป่า การซื้อขายนี้ก็สมบูรณ์แล้วนางอย่าได้คิดกลับคำ แล้วขอเนื้อคืนแผนของแม่เฒ่าเฉินดีมาก แต่น่าเสียดายที่คิดไม่ถึงว่าแผนจะพังไม่เป็นท่านางหน้าด้านมาก หลังจากถูกเปิดโปงยังสามารถกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“ผักป่านี่เป็นของดี กินเนื้อมากเกินไปมันเลี่ยน กินผักป่าสดชื่นและยังสามารถแก้เลี่ยนอีกด้วยนะ!”“เพราะข้าหวังดีต่อเจ้า จึงนำผักป่ามาแลกกับเจ้า”“เจ้าอายุยังน้อยไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าผักป่าเป็นของดี!”อวิ๋นฝูหลิงถูกคำพูดของนางยั่วโมโหจนเกือบหัวเราะออกมาแล้วบางคนได้ยินเสียงโต้เถียงก็เข้ามามุงดู เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต่างก็อึ้งมีชาวบ้านกล่าวอย่างทนไม่ไหว “ผักป่านี่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง รสชาติทั้งขมทั้งฝาด ท่านบอกว่ามันเป็นของดี?”“เอาผักป่ามาแลกเนื้อ เห็นแม่นางอวิ๋นเป็นคนโง่หรือ?”“แม่นางอวิ๋นโง่ไม่ได้โง่หรอก แต่มีใครบางคนฉลาดเกินไป แผนนี้เกือบหลอกจนข้าเชื่อแล้ว”หลายครอบครัวที่มาแลกเนื้อกับอวิ๋นฝูหลิง ของที่เอามาไม่ใช่ปลาเค็ม ก็เป็นแป้งหยาบ ของที่แย่ที่สุดก็เป็นข้างฟ่างค่ายพักแรมไม่ใหญ่มาก ทุกครอบครัวล้วนอยู่ห่างกันไม่ไกล ครอบครัวที่แลกเ
ลูกพี่อู๋กับจางซานมู่เก็บฟืนกลับมาพอดี เมื่อเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์ชูกำปั้นใส่แม่นางอวิ๋น ก็รีบวิ่งเข้ามา“เฉินเหล่าเอ้อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?”เมื่อเห็นลูกพี่อู๋ ในใจเฉินเหล่าเอ้อร์เกิดความหวั่นเกรงหลายส่วนทันทีแต่เมื่อเหลือบไปเห็นเนื้อกวางยองที่วางอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิง เขาก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว และมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง“แม่นางอวิ๋นรังแกแม่ข้าก่อน ข้าก็แค่มาทวงความยุติธรรม!”ลูกพี่อู๋กำลังจะอ้าปาก กลับถูกอวิ๋นฝูหลิงยกมือห้ามเอาไว้อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ทวงความยุติธรรม? เจ้าอยากให้ข้าขอโทษแม่เจ้า แล้วมอบเนื้อกวางยองให้พวกเจ้าเพื่อเป็นค่าชดเชยหนึ่งชิ้นใช่หรือไม่?”เฉินเหล่าเอ้อร์พยักหน้า “ถูกต้อง”เขาเพิ่งพูดจบ จู่ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็ยกเท้าถีบจนเขาลอยกระเด็นออกไปไกลหนึ่งเมตรกว่าเท้าของอวิ๋นฝูหลิงเร็วดุจสายฟ้า เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ชั่วขณะทุกคนตามเหตุการณ์ไม่ทันอวิ๋นฝูหลิงดึงเท้ากลับ พลันยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไว้หน้าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับคิดว่าข้ารังแกง่าย!”“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หากยังมาเอะอะโวยวายต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะสั่งสอนพวกเจ้า!”ราวกับภาพที่หยุดนิ่งกลับมาเคลื่อนไหวใ
เมื่อแม่เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ราวกับเจอผีอวิ๋นฝูหลิงใช้หลักการเดียวกันสวนกลับไป ทำเอาคนสกุลเฉินพูดอะไรไม่ออกตอนนี้ทุกคนกำลังลี้ภัย อาหารเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตอนนี้ เทียบได้กับชีวิตคนทุกครอบครัวล้วนเฝ้าอาหารของตัวเองไว้อย่างดี ใครจะโง่แบ่งให้ผู้อื่น?นายท่านหานยกนิ้วโป้งให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆวิธีที่พลิกกลับมารุกฆาตนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!หลังจากอวิ๋นฝูหลิงเห็นก็เลิกคิ้ว เจตนายิ้มในแววตาแผ่ขยายออกแม่เฒ่าเฉินกลัวทุกคนได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง แล้วไปแย่งอาหารของครอบครัวนาง จึงรีบหมุนกายจากไปทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็รีบกล่าวตอกย้ำเสริมไปอีกหนึ่งประโยค “นี่ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าหวังดีนะ…”เท้าแม่เฒ่าเฉินไม่หยุด กลับยิ่งเดินเร็วแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์กอดคอสะใภ้รองเฉิน แม้กะเผลกแต่ก็เดินไวมากอวิ๋นฝูหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา มาไม้นี้กับนาง คิดว่าคนอื่นหวังดีไม่เป็นหรือ?ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เตรียมตัวแยกย้ายนั้นเอง ไม่รู้ว่าเฉินเสียวเป่าโผล่ออกมาจากตรงไหนอ้าปากก็ด่าทออวิ๋นฝูหลิงเป็นชุด“นางแพศยา อย่าคิดแย่งอาหารของพวกเรา!”“นางแพศยา นางโส
สองคนนี้ชกต่อยกัน เฉินเสียวเป่าของพวกเขาย่อมเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบพวกเขาคิดเช่นนี้ในใจ อีกทั้งยังหวังว่าเฉินเสียวเป่าจะกระทืบอวิ๋นจิงมั่วหนักๆ สักยกเพื่อระบายความคับข้องใจเมื่อครู่ที่เกิดจากอวิ๋นฝูหลิงใครจะรู้ว่าเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดเมื่อเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งคร่อมชกเฉินเสียวเป่า โดยที่เขาไม่สามารถโต้กลับแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถูกชกจนร้องโอดครวญสะใภ้รองเฉินจะเข้าไปช่วยทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ นางตวาดเบาๆ “ลูกพี่อู๋!”ลูกพี่อู๋เข้าใจแล้ว พาจางซานมู่และคนอื่นก้าวออกไปขวางคนสกุลเฉินทันทีอวิ๋นฝูหลิงยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องของเด็ก ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง”“หากผู้ใหญ่อย่างพวกเจ้าอยากยื่นมือเข้ามายุ่ง อย่าโทษพวกเราก็ลงมือเช่นกัน”“ทำร้ายเด็กนับเป็นความสามารถอะไร? ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่จึงจะยุติธรรม!”สะใภ้รองเฉินมองดูลูกชายที่ถูกชกจนใบหน้าฟกช้ำ นางปวดใจมาก เจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปแทนที่อีกทั้งยังถูกพวกลูกพี่อู๋ขวาง ไม่สามารถเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียวได้แต่มองดูลูกชายถูกทุบตีชาวบ้านที่มุงดูก็คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นจิงมั่วที่ดูตัวผอมและเล็ก เวลาโกรธขึ้นมาจะเก่งกาจเ