“อีกทั้งเจียงโจวเป็นหัวเมืองในปกครองของท่านอ๋อง อย่างไรท่านอ๋องก็ยากจะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ”เจียงโจวอ๋องกัดฟันแน่น “หรือมีคนคิดจะใส่ร้ายข้า?”คนครอบครัวเดียวกันรู้เรื่องภายในครอบครัวดี เรื่องที่อี้อ๋องถูกลอบสังหาร ไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆหากเขาสืบเจอว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร เขาไม่มีทางละเว้นคนผู้นั้นแน่นอนจอมปราชญ์พึมพำ “คนที่ลงมือหนีคงไม่พ้นพวกคนเหล่านั้น”ปัจจุบันยังไม่ได้กำหนดรัชทายาท องค์ชายที่เติบใหญ่ทั้งหลายต่างกระเหี้ยนกระหือรือ จองตำแหน่งตำหนักบูรพาอี้อ๋องเป็นที่โปรดปรานที่สุดของฝ่าบาท และช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็ได้สร้างผลงานด้านสงครามในชายแดนเหนืออย่างต่อเนื่อง จนได้ฉายาว่าเทพแห่งสงครามฝ่าบาทเรียกอี้อ๋องกลับเมืองหลวงครั้งนี้ มีผู้คนไม่น้อยคาดเดาในใจ ฝ่าบาทจะแต่งตั้งอี้อ๋องเป็นรัชทายาทแล้วใช่หรือไม่องค์ชายท่านอื่นย่อมนั่งไม่ติดแล้วเพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นลงมือในเจียงโจว เป็นเพราะอยากชักนำภัยสู่ฝั่งบูรพา[1] หรือมีจุดประสงค์อื่นกันแน่?จอมปราชญ์ครุ่นคิดในใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเจียงโจวอ๋องกล่าว “ท่านจอมปราชญ์ ท่านว่าข้าช่วยอี้อ๋องสักครั้ง ให้พวกเขากัดกันเองเป็นอย่างไร
หลายวันนี้ เซียวจิ่งอี้นำอาหารป่ามาให้เกือบทุกวันแรกเริ่มอาจเพื่อตอบแทนน้ำใจของแกงเห็ดรวมชามนั้น แต่ต่อมาเจ้ามาข้าไป ยิ่งอยู่ยิ่งพัวพันกันมากขึ้นโดยเฉพาะอวิ๋นจิงมั่ว เหมือนชอบเซียวจิ่งอี้เป็นพิเศษ มักจะไปเดินตามเขาต้อยๆส่วนท่าทางของเซียวจิ่งอี้ก็เย่อหยิ่งเย็นชาห้ามผู้คนเข้าใกล้ แต่ปฏิบัติกับอวิ๋นจิงมั่วกลับอ่อนโยนน่าคบหาอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สุดท้ายได้แต่ยกให้เป็นวาสนาที่มีต่อกันกระมังอย่างไรก็ดีบางคนเกิดมาก็ไม่ถูกกันแล้ว บางคนกลับเหมือนรู้จักกันตั้งแต่แรกเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามา ก็ช้อนเขาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันทีเขาเดินมาทางอวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “ข้าจะอุ้มเขาไว้ ไปกับพวกเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงเห็นคนส่วนใหญ่เริ่มออกเดินทางแล้ว ประกอบกับอวิ๋นจิงมั่วกอดคอเซียวจิ่งอี้ไม่ยอมปล่อย จึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลง“เป็นเด็กดี ห้ามดื้อนะ!” อวิ๋นฝูหลิงจ้องเขม็งอวิ๋นจิงมั่วแวบหนึ่งอวิ๋นจิงมั่วพยักหน้าทันที กล่าวรับประกัน “ข้าเป็นเด็กดีที่สุด”สายตาของลูกพี่อู๋และคนอื่นวนเวียนระหว่างทั้งสามคนชายหล่อ หญิงงาม เด็กน่ารัก สามคนนี้ยืนด้วยกัน เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ อ
ตอนนี้ยังต้องข้ามภูเขาอีก ต้องเดินด้วยขาทั้งสองข้างเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ อวิ๋นซานหูก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮร้องไห้อย่างขุ่นเคือง หัวหน้าหมู่บ้านโจวทำอะไรไม่ถูกทันทีนี่เหตุใดจู่ๆ ก็ร้องไห้แล้ว เขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้พัก จะบังคับให้นางเดินทางต่อนี่นา!ติงหมิงรุ่ยก็เหนื่อยจนหอบเช่นกัน สภาพของเขาดีกว่าอวิ๋นซานหูเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงเข้าใจความขุ่นเคืองของอวิ๋นซานหูแต่เขาก็หมดหนทาง ทำได้เพียงปลอบใจอวิ๋นซานหูเบาๆเพราะอวิ๋นซานหูส่งผลให้ทั้งขบวนหยุดลงกะทันหัน ชาวบ้านจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นและต่อว่าทุกคนล้วนอยากออกจากเขาเฟิ่งลั่วโดยเร็ว อีกทั้งชาวบ้านทำงานจนชินแล้ว เดินแค่นี้ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรอีกทั้งระหว่างทางมานี้ ก็พักไปหลายรอบเพราะอวิ๋นซานหูแล้วพวกชาวบ้านไม่เข้าใจจริงๆอวิ๋นฝูหลิงเช็ดเหงื่อบนหน้า เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าตั้งแต่ฝนตกลงมาอย่างหนัก อากาศก็ร้อนขึ้นทุกวันอย่างน่าประหลาดนี่ยังไม่เที่ยงก็ร้อนจนเหมือนรู้สึกโดนนึ่งแล้วอวิ๋นฝูหลิงเดินไปที่ข้างกายหัวหน้าหมู่บ้านโจว นางกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้านโจว ให้ทุกคนหาที่พักผ่อนก่อนเถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ ระวังเป็นโร
ไม่มีอวิ๋นซานหูเป็นตัวถ่วง ทุกคนเดินเร็วกว่าช่วงเช้ามาก และระยะทางก็เดินได้ไกลมากขึ้นพระอาทิตย์เพิ่งเริ่มตกดิน เซียวจิ่งอี้หมุนกายกลับมาส่งอวิ๋นจิงมั่วให้อวิ๋นฝูหลิง เขากล่าว “ข้าจะไปหาอาหาร”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้แล้วว่าเขาจะไปล่าสัตว์นางรับอวิ๋นจิงมั่วมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน เมื่อเงยหน้าอีกครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ออกจากขบวน และร่างเงาของเขาก็หายไปจากหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็วคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้จากไป ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยในใจทว่าผ่านไปไม่นาน ความสงสัยส่วนนี้ก็ได้รับคำตอบแล้วเมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้แบกกวางยองและถือไก่ป่าสองตัวกลับมา ชาวบ้านต่างก็ตกใจอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้แปลกใจนัก เพราะนางเคยเห็นฝีมือของเซียวจิ่งอี้นานแล้ว แค่ก้อนหินลูกเดียวก็สามารถเอาชีวิตคน การจับของป่าอย่างไก่ป่าหรือกวางยองจะไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกหรือชาวบ้านทุกคนกินผักป่ากับผลไม้ป่ามาหลายวันแล้ว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายบางคนยิ่งหวั่นไหว เริ่มวางแผนในใจแล้วนี่ถ้าหากได้กินเนื้อสักชิ้น แหม่ ต้องหอมมากแน่นอน!อีกทั้งเนื้อมากมายเช่นนี้ แบ่งให้พวกเขานิดหน่อยจะเป็นอะไร!ยามอาทิตย์อัสดงปกคลุมทั่
นางอยากกินเนื้อย่าง!แต่นางก็ไม่สามารถลดตัวไปขอซื้อกับอวิ๋นฝูหลิง เพราะรู้สึกว่าเช่นนั้นเหมือนเป็นการก้มหัวให้อวิ๋นฝูหลิงนางเขม่นใส่องครักษ์แวบหนึ่ง “เจ้าไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่ากลับมาสองสามตัว หากสามารถจับกวางยองหรือกวางป่าได้ยิ่งดี!”มุมปากองครักษ์กระตุกเล็กน้อยคิดว่ากวางยองหรือกวางป่าจับง่ายเช่นนั้นเลยหรือ? เขาจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าได้ก็นับว่าบุญแล้ว!องครักษ์ลำบากใจ แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของคุณหนูสาม ได้แต่เรียกพรรคพวกสองคนที่สนิทกับเขา ไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าด้วยกันอวิ๋นซานหูพ่นลมออกจากจมูกเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ก็แค่อาหารป่า องครักษ์ของนางก็จับได้แต่ไม่รู้ว่าแม่นางอวิ๋นใช้วิธีอะไร ถึงสามารถทำให้ผู้ชายหลายคนรายล้อมรอบตัวนาง แม้แต่ผู้ชายที่มองสถานะไม่ออกคนนั้นก็เสนอตัวไปล่าอาหารป่าให้นางนางได้ให้คนไปสอบถามมาแล้ว แม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นแม่หม้ายคนหนึ่งในหมู่บ้านหลินซาน เดิมทียังมีแม่แก่อีกหนึ่งคนแต่ช่วงก่อนแม่แก่ขึ้นเขาไม่ระวังพลาดพลั้งตกเขาตายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่นางกับลูกชายที่ค่อยพึ่งพากันและกันอวิ๋นซานหูชายตาขึ้น มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังคุยกับเซียวจิ่งอี้พอดีท
ต่อให้อวิ๋นฝูหลิงพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างในถุงผ้าเป็นผักป่า การซื้อขายนี้ก็สมบูรณ์แล้วนางอย่าได้คิดกลับคำ แล้วขอเนื้อคืนแผนของแม่เฒ่าเฉินดีมาก แต่น่าเสียดายที่คิดไม่ถึงว่าแผนจะพังไม่เป็นท่านางหน้าด้านมาก หลังจากถูกเปิดโปงยังสามารถกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“ผักป่านี่เป็นของดี กินเนื้อมากเกินไปมันเลี่ยน กินผักป่าสดชื่นและยังสามารถแก้เลี่ยนอีกด้วยนะ!”“เพราะข้าหวังดีต่อเจ้า จึงนำผักป่ามาแลกกับเจ้า”“เจ้าอายุยังน้อยไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าผักป่าเป็นของดี!”อวิ๋นฝูหลิงถูกคำพูดของนางยั่วโมโหจนเกือบหัวเราะออกมาแล้วบางคนได้ยินเสียงโต้เถียงก็เข้ามามุงดู เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต่างก็อึ้งมีชาวบ้านกล่าวอย่างทนไม่ไหว “ผักป่านี่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง รสชาติทั้งขมทั้งฝาด ท่านบอกว่ามันเป็นของดี?”“เอาผักป่ามาแลกเนื้อ เห็นแม่นางอวิ๋นเป็นคนโง่หรือ?”“แม่นางอวิ๋นโง่ไม่ได้โง่หรอก แต่มีใครบางคนฉลาดเกินไป แผนนี้เกือบหลอกจนข้าเชื่อแล้ว”หลายครอบครัวที่มาแลกเนื้อกับอวิ๋นฝูหลิง ของที่เอามาไม่ใช่ปลาเค็ม ก็เป็นแป้งหยาบ ของที่แย่ที่สุดก็เป็นข้างฟ่างค่ายพักแรมไม่ใหญ่มาก ทุกครอบครัวล้วนอยู่ห่างกันไม่ไกล ครอบครัวที่แลกเ
ลูกพี่อู๋กับจางซานมู่เก็บฟืนกลับมาพอดี เมื่อเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์ชูกำปั้นใส่แม่นางอวิ๋น ก็รีบวิ่งเข้ามา“เฉินเหล่าเอ้อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?”เมื่อเห็นลูกพี่อู๋ ในใจเฉินเหล่าเอ้อร์เกิดความหวั่นเกรงหลายส่วนทันทีแต่เมื่อเหลือบไปเห็นเนื้อกวางยองที่วางอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิง เขาก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว และมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง“แม่นางอวิ๋นรังแกแม่ข้าก่อน ข้าก็แค่มาทวงความยุติธรรม!”ลูกพี่อู๋กำลังจะอ้าปาก กลับถูกอวิ๋นฝูหลิงยกมือห้ามเอาไว้อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ทวงความยุติธรรม? เจ้าอยากให้ข้าขอโทษแม่เจ้า แล้วมอบเนื้อกวางยองให้พวกเจ้าเพื่อเป็นค่าชดเชยหนึ่งชิ้นใช่หรือไม่?”เฉินเหล่าเอ้อร์พยักหน้า “ถูกต้อง”เขาเพิ่งพูดจบ จู่ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็ยกเท้าถีบจนเขาลอยกระเด็นออกไปไกลหนึ่งเมตรกว่าเท้าของอวิ๋นฝูหลิงเร็วดุจสายฟ้า เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ชั่วขณะทุกคนตามเหตุการณ์ไม่ทันอวิ๋นฝูหลิงดึงเท้ากลับ พลันยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไว้หน้าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับคิดว่าข้ารังแกง่าย!”“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หากยังมาเอะอะโวยวายต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะสั่งสอนพวกเจ้า!”ราวกับภาพที่หยุดนิ่งกลับมาเคลื่อนไหวใ
เมื่อแม่เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ราวกับเจอผีอวิ๋นฝูหลิงใช้หลักการเดียวกันสวนกลับไป ทำเอาคนสกุลเฉินพูดอะไรไม่ออกตอนนี้ทุกคนกำลังลี้ภัย อาหารเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตอนนี้ เทียบได้กับชีวิตคนทุกครอบครัวล้วนเฝ้าอาหารของตัวเองไว้อย่างดี ใครจะโง่แบ่งให้ผู้อื่น?นายท่านหานยกนิ้วโป้งให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆวิธีที่พลิกกลับมารุกฆาตนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!หลังจากอวิ๋นฝูหลิงเห็นก็เลิกคิ้ว เจตนายิ้มในแววตาแผ่ขยายออกแม่เฒ่าเฉินกลัวทุกคนได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง แล้วไปแย่งอาหารของครอบครัวนาง จึงรีบหมุนกายจากไปทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็รีบกล่าวตอกย้ำเสริมไปอีกหนึ่งประโยค “นี่ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าหวังดีนะ…”เท้าแม่เฒ่าเฉินไม่หยุด กลับยิ่งเดินเร็วแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์กอดคอสะใภ้รองเฉิน แม้กะเผลกแต่ก็เดินไวมากอวิ๋นฝูหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา มาไม้นี้กับนาง คิดว่าคนอื่นหวังดีไม่เป็นหรือ?ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เตรียมตัวแยกย้ายนั้นเอง ไม่รู้ว่าเฉินเสียวเป่าโผล่ออกมาจากตรงไหนอ้าปากก็ด่าทออวิ๋นฝูหลิงเป็นชุด“นางแพศยา อย่าคิดแย่งอาหารของพวกเรา!”“นางแพศยา นางโส
เมื่ออวิ๋นจิงมั่วกลับมา เห็นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน ผักกาดขาวผัดลูกชิ้น และกุ้งผัดซอส ก็รู้วืท่านแม่เป็นคนทำอาหารด้วยตัวเองอวิ๋นจิงมั่วโผเข้าไปในอ้อมกอดของอวิ๋นฝูหลิงอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ท่านดีที่สุดเลยขอรับ!”หลายวันมานี้อวิ๋นฝูหลิงยุ่งมากมาโดยตลอด จึงไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงมาทำอาหารให้เขากินอวิ๋นจิงมั่วรู้ความจึงไม่ได้รบกวนแม่ แต่ในใจกลับอยากกินอาหารที่แม่ทำเป็นอย่างมากอาหารที่แม่ทำอร่อยที่สุดในใต้หล้า!วันนี้อวิ๋นฝูหลิงก็อารมณ์ดีเช่นกัน คิดว่าไม่ได้ทำอาหารมาหลายวัน จึงทำอาหารมาหลายจานยามนี้เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของอวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงก็อดไม่ได้ที่จะใคร่ครวญตัวเอง หลายวันมานี้นางละเลยอวิ๋นจิงมั่วไปจริงๆตั้งแต่อวิ๋นจิงมั่วกับเซียวจิ่งอี้รู้จักกันในฐานะพ่อลูก อวิ๋นฝูหลิงก็มักจะให้อวิ๋นจิงมั่วไปอยู่กับเซียวจิ่งอี้ ในขณะที่นางให้ความสนใจอยู่กับเรื่องของตัวเองอวิ๋นฝูหลิงจิ้มจมูกของอวิ๋นจิงมั่ว “ดูดินบนตัวสิ สกปรกเชียว รีบไปล้างเร็ว”อวิ๋นฝูหลิงตักน้ำมาแล้ว ขณะที่อวิ๋นจิงมั่วล้างมือ ก็เล่าเรื่องที่ไปเล่นกับเพื่อนของเขาให้อวิ๋นฝูหลิงฟังอย่างมีความสุข“พวกพี่ฉางจี๋พาข้าไ
สวนสมุนไพรรวมถึงโรงปรุงยา จำเป็นต้องใช้แรงงานไม่น้อย แต่นี่หาใช่เรื่องเล็ก นางจะเป็นต้องวางแผนให้ดีอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด พลางสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้านซวงหลิน เพื่อดูว่ามีสถานที่ใดเหมาะแก่การสร้างสวนสมุนไพรกับโรงปรุงยาหลังจากสำรวจแล้ว ก็มีสถานที่ที่เข้าตาอยู่สองที่เมื่อกลับมา อวิ๋นฝูหลิงก็เรียกลูกพี่อู๋มาสั่งงาน “เจ้าลองไปสอบถามดูเสียหน่อย ว่ายอดเขาทางเหนือของหมู่บ้านมีเจ้าของหรือไม่? รวมถึงพื้นที่รกร้างใกล้แม่น้ำที่ท้ายหมู่บ้านด้วย หากไม่มีเจ้าของ ก็สอบถามราคาและทางเข้าที่นี่มา ดูด้วยว่าจะซื้อได้อย่างไร?”ลูกพี่อู๋กำลังจะตอบกลับ คาดไม่ถึงว่าจะเหยากวงจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นายท่าน เรื่องนี้ให้ข้าจัดการได้หรือไม่?”ก่อนหน้านี้ยามที่เหยากวงเคยไปเดินรอบหมู่บ้านกับอวิ๋นฝูหลิง ก็พบว่านางมองที่ดินรกร้างและยอดเขานอกหมู่บ้านอยู่ตลอดแม้จะเป็นที่ดินรกร้าง แต่หากต้องการซื้อก็ต้องผ่านทางการ เรื่องที่ต้องติดต่อกับทางการ ให้เขาจัดการย่อมดีกว่ามอบหมายให้ลูกพี่อู๋ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เอ่ยนามของอี้อ๋อง ข้าราชการระดับล่างย่อมแย่งกันรับหน้าที่นี้ไปจัดการยิ่งไปกว่านั้นที่ยังเป็นโ
นางไม่เพียงแต่ลดความกังวลในใจได้ ทว่ายังแก้ไขปัญหาเรื่องงานของพวกชาวบ้านได้อีกด้วย ทำให้พวกเขามีรายได้ระยะยาวแต่ยามนี้ยังมิใช่เวลาที่ควรพูดเรื่องนี้นางนั่งอยู่ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านโจวครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวลาและจากมาหลังจากอวิ๋นฝูหลิงออกไป ฟางซื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพูดยืดยาวถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่บอกแม่นางอวิ๋นไปตามตรงเล่า”“นางทำงานเป็นหมออยู่ในเมือง ทั้งยังรู้จักคนใหญ่คนโต หากนางยอมช่วย การจะหางานให้คนในหมู่บ้านย่อมไม่ใช่เรื่องยากเป็นแน่”หัวหน้าหมู่บ้านโจวร้อนใจมาโดยตลอด หลายวันมานี้ก็ทอดถอนใจ ทั้งยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเรื่องการดำรงชีวิตของคนในหมู่บ้านฟางซื่อเห็นก็ทุกข์ใจเช่นกันนางคิดว่าหากอวิ๋นฝูหลิงช่วย ครอบครัวของตนย่อมได้ประโยชน์ไปด้วยพวกลูกชายย่อมล้วนออกไปทำงาน และมีรายได้มากขึ้นแม้ความเป็นอยู่ของสกุลโจวจะดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเช่นกันยามนี้มาอยู่อาศัยที่ใหม่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายไปเสียทุกอย่างหากไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ ก็ทำได้เพียงนั่งกินนอนกินมิใช่หรือ?หัวหน้าหมู่บ้านโจวกลอกตาใส่ฟ
อวิ๋นฝูหลิงไปหานายช่างใหญ่อวี่เพื่อดูความคืบหน้าในการก่อสร้างเรือนและได้ทราบว่าอีกประมาณสองวันก็เสร็จแล้วหลังจากเดินชมเรือนหลังใหม่จนทั่ว อวิ๋นฝูหลิงจึงเพิ่งเก็บข้างของ และไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวเห็นอวิ๋นฝูหลิงนำขนมและผลไม้มา หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า ขณะที่พูดว่าแพงเกินไปและปฏิเสธที่จะรับไว้ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งขนมกับผลไม้เหล่านี้แม้จะไม่มีราคาเท่าเนื้อปลา แต่ก็มิใช่ของราคาถูกเช่นกันโดยเฉพาะขนมซึ่งมีความประณีตเป็นอย่างมาก ซึ่งดูต่างจากขนมในร้านรวงธรรมดาทั้งยังมีลูกท้อสีชมพูขาวสดใหม่ที่แต่ละลูกมีขนาดเท่ากำปั้น และแตงโมเหลืองอร่ามซึ่งมีกลิ่นหอม ทุกอย่างล้วนเป็นผลไม้ชั้นดีที่พวกเขาไม่เคยกินมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนซื้อมาจากที่หัวเมือง ท่านกินตอนที่มันยังสด ๆ อยู่เถอะ”“หลายวันมานี้ที่ข้าไม่อยู่ในเรือน เรื่องมากมายในเหย้าก็รบกวนให้ท่านดูแล”“เรือนข้าสร้างเสร็จเร็วถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นเพราะท่านแล้ว”“ลูกพี่อู๋บอกข้าว่า ท่านพาคนไปช่วยสร้างเรือนหลายคน”หัวหน้าหมู่บ้านโจวโบกไม้โบกมือ ใบหน้าชราแดงขึ้นเล็กน้อย “หาได้ช่วย
หมอซุนก็มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงเช่นกันสีหน้าหมอซุนดูไม่ดีนัก และไม่นานก็หันหน้าหนี แล้วขับรถล่อออกจากประตูเมืองฝั่งทิศใต้อย่างเร่งรีบแล้วค่อนข้างเหมือนการหนีเอาชีวิตรอดในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกไม่ดีนักแต่นางไม่ได้เห็นใจหมอซุน อย่างไรก็ตามหมอซุนเป็นคนเสนอประลองวิชาแพทย์ในเมื่อเขาทำได้ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นี้ให้ได้สมมุติว่าคนที่แพ้การประลองวิชาแพทย์ในวันนั้นคือนาง เกรงว่าหมอซุนกับสำนักช่วยชีพมีแต่จะปรบมือตะโกนว่าดี หลังจากนั้นก็ขับไล่นางออกจากเขตปกครองเจียงหนิง ไม่มีทางเกิดความเมตตาต่อนางแน่นอนแม้อวิ๋นฝูหลิงไม่ถึงกับซ้ำเติมหมอซุน แต่นางก็ไม่ใช่แม่พระอยู่บนโลกใบนี้ ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบคำพูดและการกระทำของตัวเองต่างคนต่างมีการปฏิบัติของตัวเองหมอซุนสำหรับอวิ๋นฝูหลิง เป็นเพียงเหตุการณ์แทรกเล็กๆ ทำให้เกิดคลื่นในใจอวิ๋นฝูหลิงเพียงเล็กน้อย และไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยรถม้าแล่นออกจากเมือง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านซวงหลินจู่ๆ ชาวบ้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านเห็นรถม้าที่หรูหราคันหนึ่ง ยังมีคนเดินตามข้างรถม้าหลายคน ขณะเดียวกับที่สงสัย ในใจก็ระแวงเล็กน้อยเช่นกันและมีคนในหมู่บ้านไปรายงานห
“ดังนั้นท่านพ่อให้ข้าไปสองสามวันก็กลับ และต้องพาท่านแม่กลับมาด้วย”“ท่านพ่อยังบอกอีกว่า ให้ข้าจับตาดูคนที่อยู่ข้างกายท่านไม่ให้ดี ห้ามมีคนมาแย่งท่านแม่กับเขา”“ถ้าหากมีคนเอาใจท่านแม่ ต้องแอบบอกท่านพ่อขอรับ”อวิ๋นจิงมั่วขายเซียวจิ่งอี้อย่างหมดเปลือกแม้เขาชอบเซียวจิ่งอี้พ่อคนนี้มาก แต่ลึกๆ ในใจยังสนิทกับอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า อวิ๋นฝูหลิงฟังแล้วหน้าบึ้งทันที แต่ก็รู้สึกขำเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดคิดในใจถ้าหากเซียวจิ่งอี้รู้ว่าอวิ๋นจิงมั่วลูกชายคนดีคนนี้ของเขาขายเขาจนหมดเปลือก ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรนางหยิกแก้มของอวิ๋นจิงมั่ว กล่าวอย่างหยอกล้อ “เจ้าน่ะรู้จักช่วยพ่อของเจ้า และยังช่วยเขาดูข้า เหตุใดไม่ช่วยแม่เจ้าดูเขาบ้างเลย?”อวิ๋นจิงมั่วแสดงผลงานทันที “ข้าย่อมช่วยท่านแม่อยู่แล้ว”อวิ๋นจิงมั่วแอบกล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “วันนั้นมีขุนนางคนหนึ่ง ส่งพี่สาวสวยๆ มาให้ท่านพ่อหลายคน ท่านพ่อโกรธมาก จับขุนนางคนนั้นไปโบย และยังไล่พี่สาวสวยๆ พวกนั้นออกมาจากสวนด้วย”“ฮึ่มๆ ข้าเห็นทั้งหมด ข้าบอกกับท่านพ่อแล้ว ข้าไม่เอาแม่เลี้ยง!”“แม่เลี้ยงล้วนเป็นคนไม่ดี!”“ถ้าหากท่านพ่อจะหาแม่เลี้ยงให้ข้า ข้าก็ไม่เ
อวิ๋นฝูหลิงเห็นเสื้อผ้าอวิ๋นจิงมั่วเปียกไปหมดแล้ว จึงพาเขาไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดดีที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ไม่เช่นนั้นสวมเสื้อผ้าเปียกๆ ต้องเป็นหวัดแน่อวิ๋นจิงมั่วเห็นท่านแม่เขม็งใส่ท่านพ่อเงียบๆ หลายที รีบอธิบายแทนท่านพ่อทันที “ท่านแม่ ท่านพ่อได้สั่งให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าเปลี่ยนแล้ว แต่ข้ารู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป กลับมาแล้วค่อยเปลี่ยนก็สิ้นเรื่อง”พลันเซียวจิ่งอี้อุ่นใจ คิดในใจว่าช่างเป็นลูกที่ดีจริงๆอวิ๋นฝูหลิงพ่นลมออกจากจมูกเบาๆ ทีหนึ่งโดยไม่พูดอะไรหลังจากอวิ๋นจิ่งมั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ คนทั้งครอบครัวนั่งรวมกันกินฝักบัวเซียวจิ่งอี้นำฝักบัวกลับมาเยอะมากที่อวิ๋นจิงมั่วเก็บเองมีเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่ล้วนเก็บโดยพวกเซียวจิ่งอี้อย่างไรเสียอวิ๋นจิ่งมั่วก็ตัวเล็กไม่มีแรง เก็บไม่ได้เท่าไรอวิ๋นฝูหลิงฉีกฝักบัว แกะเมล็ดบัวที่อยู่ข้างในออกมาเมล็ดบัวสดนุ่มหวาน ทำให้กินแล้วอยากกินอีกอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้กินเมล็ดบัวที่สดนุ่มหวานเช่นนี้มานานมากแล้วตอนวันโลกาวินาศ ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยอมนุษย์ พืชพันธุ์มากมายล้วนปนเปื้อนมลพิษ อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่เคยเห็นสระบัวและเมล็ดบัวอีกเ
ฮูหยินถังพยักหน้าให้สามี จากนั้นเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม “แม่นางอวิ๋นสามารถรักษาโรคของลูกได้ จ่ายเทียบยาแล้ว และทาขี้ผึ้งแล้ว อีกไม่กี่วันผื่นก็จะหายไปเอง”ในที่สุดหัวใจของท่านเจ้าเมืองถังก็สงบลงเขากังวลมากเกินไปแล้ว ที่จริงแค่เห็นเมื่อครู่ภรรยาเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ก็รู้แล้วว่าแม่นางอวิ๋นสามารถรักษาโรคของลูกสาวท่านเจ้าเมืองถังรีบประสานมือขอบคุณแม่นางอวิ๋น ทำเอาฮูหยินถังเหลือบมองอวิ๋นฝูหลิงบอกลาท่านเจ้าเมืองถังกับฮูหยินถังสองสามีภรรยาท่านเจ้าเมืองถังส่งอวิ๋นฝูหลิงออกจากประตูด้วยตัวเอง และยังกำชับคนขับรถม้าส่งแม่นางอวิ๋นกลับสวนอิ่งดีๆฮูหยินถังจ่ายค่ารักษาสองเท่า และยังสั่งให้คนเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่หนึ่งส่วน ล้วนถูกขนขึ้นรถม้านานแล้วรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงไปแล้ว ฮูหยินถังสั่งให้คนรับใช้ถอยออกไป จึงจะถามท่านเจ้าเมืองถังอย่างไม่เข้าใจ “แม้แม่นางอวิ๋นฝีมือการแพทย์เลิศล้ำ แต่ก็เป็นแค่สตรีสามัญชน สุภาพหน่อยก็พอแล้ว”“ท่านเป็นถึงเจ้าเมืองขั้นสี่ชั้นเอก มีแต่นางที่ต้องคำนับท่าน นอบน้อมต่อท่าน เหตุใดจึงย้อนกลับมาเป็นท่านที่นอบน้อมต่อนางเช่นนั้น?”ฮูหยินถังแปลกใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว รู้สึก
อวิ๋นฝูหลิงกล่าว “ย้ายดอกดาวเรืองหม้อออกไปก่อนชั่วคราว อย่าให้คุณหนูถังเข้าใกล้อีก ถ้าหากผื่นหายแล้วไม่กำเริบอีก สาเหตุก็มาจากดอกดาวเรืองหม้อกระถางนี้ ทางที่ดีต่อไปคุณหนูถังอย่าไปสัมผัสอีก”ฮูหยินถังสวดมนต์ทันที “อมิตาภพุทธ ในที่สุดก็หาสาเหตุของโรคได้แล้ว!”ตั้งแต่ลูกสาวมีผื่นแดงตามร่างกาย ฮูหยินถังไม่ใช่ไม่เคยหาหมอมาดูแต่ร่างกายของเด็กผู้หญิง จะให้ผู้ชายที่เป็นคนนอกมาดูได้อย่างไร ดังนั้นหมอผู้ชายจึงทำได้เพียงตรวจชีพจรโดยมีม่านกั้น แล้วฟังนางกับสาวใช้เล่าอาการป่วยหลังจากหมอส่วนใหญ่ตรวจชีพจร ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไฟในอกลูกสาวแกร่ง ในร่างกายมีลมร้อน ดังนั้นจึงเกิดผื่นแดงดื่มยาดับร้อนเป็นถ้วยๆ แต่ผื่นแดงบนร่างกายลูกสาวกลับไม่เห็นหายดี และยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งอีกสามเดือนก็จะเป็นวันออกเรือนของลูกสาวแล้ว ฮูหยินถังจึงร้อนใจมากสภาพเช่นนี้ของลูกสาว จะออกเรือนอย่างไร?ถ้าหากว่าที่ลูกเขยมาเห็นผื่นแดงตามใบหน้าและร่างกายของลูกสาว จะไม่ตกใจจนวิ่งหนีหรือ ชีวิตในวันข้างหน้าจะสมบูรณ์ได้อย่างไร?ช่วงนี้ท่านเจ้าเมืองถังกับฮูหยินถังกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับบังเอิญวันนั้นท่านเจ้