Share

บทที่ 30

Author: หลันซานอวี่
ตอนนี้ยังต้องข้ามภูเขาอีก ต้องเดินด้วยขาทั้งสองข้าง

เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ อวิ๋นซานหูก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮร้องไห้อย่างขุ่นเคือง

หัวหน้าหมู่บ้านโจวทำอะไรไม่ถูกทันที

นี่เหตุใดจู่ๆ ก็ร้องไห้แล้ว เขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้พัก จะบังคับให้นางเดินทางต่อนี่นา!

ติงหมิงรุ่ยก็เหนื่อยจนหอบเช่นกัน สภาพของเขาดีกว่าอวิ๋นซานหูเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงเข้าใจความขุ่นเคืองของอวิ๋นซานหู

แต่เขาก็หมดหนทาง ทำได้เพียงปลอบใจอวิ๋นซานหูเบาๆ

เพราะอวิ๋นซานหูส่งผลให้ทั้งขบวนหยุดลงกะทันหัน ชาวบ้านจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นและต่อว่า

ทุกคนล้วนอยากออกจากเขาเฟิ่งลั่วโดยเร็ว อีกทั้งชาวบ้านทำงานจนชินแล้ว เดินแค่นี้ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร

อีกทั้งระหว่างทางมานี้ ก็พักไปหลายรอบเพราะอวิ๋นซานหูแล้ว

พวกชาวบ้านไม่เข้าใจจริงๆ

อวิ๋นฝูหลิงเช็ดเหงื่อบนหน้า เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้า

ตั้งแต่ฝนตกลงมาอย่างหนัก อากาศก็ร้อนขึ้นทุกวันอย่างน่าประหลาด

นี่ยังไม่เที่ยงก็ร้อนจนเหมือนรู้สึกโดนนึ่งแล้ว

อวิ๋นฝูหลิงเดินไปที่ข้างกายหัวหน้าหมู่บ้านโจว นางกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้านโจว ให้ทุกคนหาที่พักผ่อนก่อนเถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ ระวังเป็นโร
Locked Chapter
Patuloy ang Pagbabasa sa GoodNovel
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
Big-Bee Heroine
ดูท่า น่าจะถูกทิ้งค่ะ แต่ยังหวังให้กลับมานะคะ
goodnovel comment avatar
NooBell Civil
เรื่องนี้มีต่อไหมคะ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 31

    ไม่มีอวิ๋นซานหูเป็นตัวถ่วง ทุกคนเดินเร็วกว่าช่วงเช้ามาก และระยะทางก็เดินได้ไกลมากขึ้นพระอาทิตย์เพิ่งเริ่มตกดิน เซียวจิ่งอี้หมุนกายกลับมาส่งอวิ๋นจิงมั่วให้อวิ๋นฝูหลิง เขากล่าว “ข้าจะไปหาอาหาร”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้แล้วว่าเขาจะไปล่าสัตว์นางรับอวิ๋นจิงมั่วมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน เมื่อเงยหน้าอีกครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ออกจากขบวน และร่างเงาของเขาก็หายไปจากหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็วคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้จากไป ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยในใจทว่าผ่านไปไม่นาน ความสงสัยส่วนนี้ก็ได้รับคำตอบแล้วเมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้แบกกวางยองและถือไก่ป่าสองตัวกลับมา ชาวบ้านต่างก็ตกใจอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้แปลกใจนัก เพราะนางเคยเห็นฝีมือของเซียวจิ่งอี้นานแล้ว แค่ก้อนหินลูกเดียวก็สามารถเอาชีวิตคน การจับของป่าอย่างไก่ป่าหรือกวางยองจะไม่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกหรือชาวบ้านทุกคนกินผักป่ากับผลไม้ป่ามาหลายวันแล้ว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายบางคนยิ่งหวั่นไหว เริ่มวางแผนในใจแล้วนี่ถ้าหากได้กินเนื้อสักชิ้น แหม่ ต้องหอมมากแน่นอน!อีกทั้งเนื้อมากมายเช่นนี้ แบ่งให้พวกเขานิดหน่อยจะเป็นอะไร!ยามอาทิตย์อัสดงปกคลุมทั่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 32

    นางอยากกินเนื้อย่าง!แต่นางก็ไม่สามารถลดตัวไปขอซื้อกับอวิ๋นฝูหลิง เพราะรู้สึกว่าเช่นนั้นเหมือนเป็นการก้มหัวให้อวิ๋นฝูหลิงนางเขม่นใส่องครักษ์แวบหนึ่ง “เจ้าไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่ากลับมาสองสามตัว หากสามารถจับกวางยองหรือกวางป่าได้ยิ่งดี!”มุมปากองครักษ์กระตุกเล็กน้อยคิดว่ากวางยองหรือกวางป่าจับง่ายเช่นนั้นเลยหรือ? เขาจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าได้ก็นับว่าบุญแล้ว!องครักษ์ลำบากใจ แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งของคุณหนูสาม ได้แต่เรียกพรรคพวกสองคนที่สนิทกับเขา ไปจับไก่ป่าหรือกระต่ายป่าด้วยกันอวิ๋นซานหูพ่นลมออกจากจมูกเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ก็แค่อาหารป่า องครักษ์ของนางก็จับได้แต่ไม่รู้ว่าแม่นางอวิ๋นใช้วิธีอะไร ถึงสามารถทำให้ผู้ชายหลายคนรายล้อมรอบตัวนาง แม้แต่ผู้ชายที่มองสถานะไม่ออกคนนั้นก็เสนอตัวไปล่าอาหารป่าให้นางนางได้ให้คนไปสอบถามมาแล้ว แม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นแม่หม้ายคนหนึ่งในหมู่บ้านหลินซาน เดิมทียังมีแม่แก่อีกหนึ่งคนแต่ช่วงก่อนแม่แก่ขึ้นเขาไม่ระวังพลาดพลั้งตกเขาตายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่นางกับลูกชายที่ค่อยพึ่งพากันและกันอวิ๋นซานหูชายตาขึ้น มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังคุยกับเซียวจิ่งอี้พอดีท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 33

    ต่อให้อวิ๋นฝูหลิงพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างในถุงผ้าเป็นผักป่า การซื้อขายนี้ก็สมบูรณ์แล้วนางอย่าได้คิดกลับคำ แล้วขอเนื้อคืนแผนของแม่เฒ่าเฉินดีมาก แต่น่าเสียดายที่คิดไม่ถึงว่าแผนจะพังไม่เป็นท่านางหน้าด้านมาก หลังจากถูกเปิดโปงยังสามารถกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“ผักป่านี่เป็นของดี กินเนื้อมากเกินไปมันเลี่ยน กินผักป่าสดชื่นและยังสามารถแก้เลี่ยนอีกด้วยนะ!”“เพราะข้าหวังดีต่อเจ้า จึงนำผักป่ามาแลกกับเจ้า”“เจ้าอายุยังน้อยไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าผักป่าเป็นของดี!”อวิ๋นฝูหลิงถูกคำพูดของนางยั่วโมโหจนเกือบหัวเราะออกมาแล้วบางคนได้ยินเสียงโต้เถียงก็เข้ามามุงดู เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต่างก็อึ้งมีชาวบ้านกล่าวอย่างทนไม่ไหว “ผักป่านี่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง รสชาติทั้งขมทั้งฝาด ท่านบอกว่ามันเป็นของดี?”“เอาผักป่ามาแลกเนื้อ เห็นแม่นางอวิ๋นเป็นคนโง่หรือ?”“แม่นางอวิ๋นโง่ไม่ได้โง่หรอก แต่มีใครบางคนฉลาดเกินไป แผนนี้เกือบหลอกจนข้าเชื่อแล้ว”หลายครอบครัวที่มาแลกเนื้อกับอวิ๋นฝูหลิง ของที่เอามาไม่ใช่ปลาเค็ม ก็เป็นแป้งหยาบ ของที่แย่ที่สุดก็เป็นข้างฟ่างค่ายพักแรมไม่ใหญ่มาก ทุกครอบครัวล้วนอยู่ห่างกันไม่ไกล ครอบครัวที่แลกเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 34

    ลูกพี่อู๋กับจางซานมู่เก็บฟืนกลับมาพอดี เมื่อเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์ชูกำปั้นใส่แม่นางอวิ๋น ก็รีบวิ่งเข้ามา“เฉินเหล่าเอ้อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?”เมื่อเห็นลูกพี่อู๋ ในใจเฉินเหล่าเอ้อร์เกิดความหวั่นเกรงหลายส่วนทันทีแต่เมื่อเหลือบไปเห็นเนื้อกวางยองที่วางอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิง เขาก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว และมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง“แม่นางอวิ๋นรังแกแม่ข้าก่อน ข้าก็แค่มาทวงความยุติธรรม!”ลูกพี่อู๋กำลังจะอ้าปาก กลับถูกอวิ๋นฝูหลิงยกมือห้ามเอาไว้อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ทวงความยุติธรรม? เจ้าอยากให้ข้าขอโทษแม่เจ้า แล้วมอบเนื้อกวางยองให้พวกเจ้าเพื่อเป็นค่าชดเชยหนึ่งชิ้นใช่หรือไม่?”เฉินเหล่าเอ้อร์พยักหน้า “ถูกต้อง”เขาเพิ่งพูดจบ จู่ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็ยกเท้าถีบจนเขาลอยกระเด็นออกไปไกลหนึ่งเมตรกว่าเท้าของอวิ๋นฝูหลิงเร็วดุจสายฟ้า เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ชั่วขณะทุกคนตามเหตุการณ์ไม่ทันอวิ๋นฝูหลิงดึงเท้ากลับ พลันยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไว้หน้าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับคิดว่าข้ารังแกง่าย!”“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หากยังมาเอะอะโวยวายต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่ถือสาที่จะสั่งสอนพวกเจ้า!”ราวกับภาพที่หยุดนิ่งกลับมาเคลื่อนไหวใ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 35

    เมื่อแม่เฒ่าเฉินได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ราวกับเจอผีอวิ๋นฝูหลิงใช้หลักการเดียวกันสวนกลับไป ทำเอาคนสกุลเฉินพูดอะไรไม่ออกตอนนี้ทุกคนกำลังลี้ภัย อาหารเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตอนนี้ เทียบได้กับชีวิตคนทุกครอบครัวล้วนเฝ้าอาหารของตัวเองไว้อย่างดี ใครจะโง่แบ่งให้ผู้อื่น?นายท่านหานยกนิ้วโป้งให้อวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆวิธีที่พลิกกลับมารุกฆาตนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!หลังจากอวิ๋นฝูหลิงเห็นก็เลิกคิ้ว เจตนายิ้มในแววตาแผ่ขยายออกแม่เฒ่าเฉินกลัวทุกคนได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง แล้วไปแย่งอาหารของครอบครัวนาง จึงรีบหมุนกายจากไปทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็รีบกล่าวตอกย้ำเสริมไปอีกหนึ่งประโยค “นี่ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าหวังดีนะ…”เท้าแม่เฒ่าเฉินไม่หยุด กลับยิ่งเดินเร็วแล้วเฉินเหล่าเอ้อร์กอดคอสะใภ้รองเฉิน แม้กะเผลกแต่ก็เดินไวมากอวิ๋นฝูหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา มาไม้นี้กับนาง คิดว่าคนอื่นหวังดีไม่เป็นหรือ?ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เตรียมตัวแยกย้ายนั้นเอง ไม่รู้ว่าเฉินเสียวเป่าโผล่ออกมาจากตรงไหนอ้าปากก็ด่าทออวิ๋นฝูหลิงเป็นชุด“นางแพศยา อย่าคิดแย่งอาหารของพวกเรา!”“นางแพศยา นางโส

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 36

    สองคนนี้ชกต่อยกัน เฉินเสียวเป่าของพวกเขาย่อมเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบพวกเขาคิดเช่นนี้ในใจ อีกทั้งยังหวังว่าเฉินเสียวเป่าจะกระทืบอวิ๋นจิงมั่วหนักๆ สักยกเพื่อระบายความคับข้องใจเมื่อครู่ที่เกิดจากอวิ๋นฝูหลิงใครจะรู้ว่าเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดเมื่อเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งคร่อมชกเฉินเสียวเป่า โดยที่เขาไม่สามารถโต้กลับแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถูกชกจนร้องโอดครวญสะใภ้รองเฉินจะเข้าไปช่วยทันทีอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ นางตวาดเบาๆ “ลูกพี่อู๋!”ลูกพี่อู๋เข้าใจแล้ว พาจางซานมู่และคนอื่นก้าวออกไปขวางคนสกุลเฉินทันทีอวิ๋นฝูหลิงยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องของเด็ก ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง”“หากผู้ใหญ่อย่างพวกเจ้าอยากยื่นมือเข้ามายุ่ง อย่าโทษพวกเราก็ลงมือเช่นกัน”“ทำร้ายเด็กนับเป็นความสามารถอะไร? ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่จึงจะยุติธรรม!”สะใภ้รองเฉินมองดูลูกชายที่ถูกชกจนใบหน้าฟกช้ำ นางปวดใจมาก เจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปแทนที่อีกทั้งยังถูกพวกลูกพี่อู๋ขวาง ไม่สามารถเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียวได้แต่มองดูลูกชายถูกทุบตีชาวบ้านที่มุงดูก็คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นจิงมั่วที่ดูตัวผอมและเล็ก เวลาโกรธขึ้นมาจะเก่งกาจเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 37

    ลูกพี่อู๋เข้าไปกระชากเฉินเหล่าเอ้อร์ออกมาทันที พลันชกใส่เขาอย่างแรงทีหนึ่งเฉินเหล่าเอ้อร์ร้องคร่ำครวญเหมือนเสียงฆ่าหมูทันที“พอแล้ว พอแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนสอน…”ลูกพี่อู๋ไม่คิดจะหยุด กระหน่ำหมัดใส่บนกายของเฉินเหล่าเอ้อร์ราวกับสายฝนพริบตานั้น ทั่วท้องฟ้าเหนือค่ายเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญของเฉินเหล่าเอ้อร์สะใภ้รองเฉินสงสารสามีของตัวเอง รีบวิ่งเข้าไปห้าม “พอได้แล้ว พวกเราไม่ได้เป็นคนสอนลูกพูดจริงๆ!” สะใภ้รองเฉินไม่เคยสอนเฉินเสียวเป่าพูดคำพูดเช่นนั้น คำพูดที่หยาบคายเช่นนั้น แม้แต่นางก็ไม่สามารถพูดออกจากปาก นับประสาอะไรกับสอนลูกล่ะ!อีกทั้งนางรู้จักสามีของตัวเองดี เขาถูกทำร้ายจนอนาถเช่นนั้นก็ไม่ยอมรับ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำจริงๆจู่ๆ ก็เกิดประกายขึ้นในสมองของสะใภ้รองเฉินถ้าหากไม่ใช่พวกนางสองสามีภรรยา เช่นนั้นคนที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือแม่สามีของนางแล้วในใจสะใภ้รองเฉินทั้งเกลียดทั้งโกรธทันทีลูกชายเป็นแก้วตาดวงใจของนาง ย่อมหวังว่าวันข้างหน้าเขาจะสามารถประสบความสำเร็จ มีอนาคตไกลแต่ลูกชายเพิ่งอายุแค่นี้ ก็ถูกแม่สามีสอนอะไร?คำพูดหยาบคายเช่นนั้น อย่าว่าแต่ลูกชายหัดพูดตามเลย ไม่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 38

    “ถูกต้อง!” ลูกพี่อู๋เอ่ยปากกล่าวในเวลาที่เหมาะสม “ก่อนหน้านี้แม่นางอวิ๋นเคยช่วยชีวิตพวกเรา พวกเราพี่น้องสาบานว่าจะติดตามและรับใช้แม่นางอวิ๋นตั้งแต่นั้น”ลูกพี่อู๋พูดโกหกหน้าด้านๆ โดยตรง ถูกบังคับให้กินยาพิษ เรื่องที่ขายหน้าเช่นนี้ เขาอยากให้มีคนรู้มากขึ้นก็บ้าแล้ว!จางซานมู่ก็พยักหน้าสนับสนุนอย่างมีไหวพริบเช่นกันพวกเขาทุกคนรู้ดี หากวันนี้ไม่อธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน คำครหาก็จะมาตกบนตัวของพวกเขากับแม่นางอวิ๋นแล้วชาวบ้านที่มามุงดูเผยให้เห็นสีหน้าที่เข้าใจแล้วทันที ถึงว่าหลายวันนี้ พวกลูกพี่อู๋ช่วยอวิ๋นฝูหลิงทำโน่นทำนี่ตลอดพวกเขาว่าแล้ว แม่นางอวิ๋นไม่ใช่คนเช่นนั้น!เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็แสดงออกว่าเชื่อความบริสุทธิ์ของแม่นางอวิ๋นกับพวกลูกพี่อู๋ ลูกพี่อู๋กุมใบหน้าข้างที่บวม ชายตามองเซียวจิ่งอี้โดยไม่รู้ตัวต่อให้แม่นางอวิ๋นกับพวกเขาบริสุทธิ์ แต่คนคนนี้ไม่แน่หากไม่มีเรื่องลับลมคมในอะไร ใครจะแบ่งสัตว์ที่ตัวเองล่ามาให้ผู้อื่นอย่างใจกว้าง?เซียวจิ่งอี้รู้สึกถึงสายตาของลูกพี่อู๋ ไม่รอให้เขาเปิดปาก ก็กล่าวอย่างเย็นชาแล้ว “ข้าทำอาหารไม่เก่ง จึงรวมกลุ่มกับแม่นางอวิ๋น โดยมอบสัตว์ที่ล่

Pinakabagong kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status