พริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกเป็นชิ้นๆ อวิ๋นฝูหลิงแทบสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ของอีกฝ่ายอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือ เหตุใดต้องฆ่านางกันนะ?อวิ๋นฝูหลิงฉงนงงงวยในใจ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้หลังจากตัวรถแตกเป็นชิ้นๆ โดยรอบอวิ๋นฝูหลิงไม่มีอะไรบดบังแล้ว นางอยู่ในสายตาของมือลอบสังหารทันทีมือลอบสังหารสองคนที่ไล่ตามชูกระบี่ขึ้น โจมตีมาทางอวิ๋นฝูหลิงทว่าการเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงเร็วกว่าพวกเขาฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วอวิ๋นฝูหลิงเหนี่ยวไกหน้าม้า ยิงออกไปพร้อมกันสามดอกมือลอบสังหารที่อยู่ใกล้คนนั้น ถูกลูกดอกหน้าไม้ยิงทะลุหัวใจในพริบตาเมื่ออีกคนเห็นสหายตาย การโจมตีของกระบี่ที่พุ่งมาทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งดุดันแล้วที่อวิ๋นฝูหลิงสามารถยิงมือลอบสังหารคนนั้นตายได้ก่อนหน้านี้ ล้วนอาศัยพริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกอย่างเหนือความคาดหมายระยะห่างของทั้งสองฝ่ายในเวลานี้ยังคงอยู่ใกล้กันมาก หน้าไม้ไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบของมันอีกต่อไปอวิ๋นฝูหลิงตัดสินใจทิ้งหน้าไม้ เปลี่ยนมาใช้มีดสั้นแทนอวิ๋นฝูหลิงเชื่อว่าสามารถสู้ด้วยฝีมือที่ได้จากการขัดเกลาในโลกวิบัติใครจะรู้ว่าเมื่อปะทะกัน นางก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อ
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าไม่สามารถล้วงข้อมูลของคนที่อยู่เบื้องหลัง กับทำให้นักฆ่าคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านาง ทำได้เพียงเปลี่ยนแผนแล้ว“เช่นนั้นก็ได้”“ถ้าหากวันนี้จะตายในมือของเจ้าจริงๆ สามารถสะสางบัญชีแค้นนี้ ข้าก็นอนตายตาหลับแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจทีหนึ่ง กล่าวอย่างเศร้าๆนักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่งเสื้อตรงหน้าอกของอวิ๋นฝูหลิงถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงแล้ว ดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง เหมือนสามารถตายได้ทุกเมื่อเขามั่นใจว่าเมื่อครู่ตอนแทงอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ออมมือ อีกทั้งกระบี่ก็แทงใส่หน้าอกโดนกระบี่ของเขา ต้องตายอย่างไร้ข้อกางขาแน่ๆถือโอกาสตอนที่อวิ๋นฝูหลิงยังไม่สิ้นใจ รีบทำเรื่องให้เสร็จดีกว่าสิบเท่าของราคา งานที่เงินดีเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆทำงานนี้สำเร็จ เงินที่ได้มาเพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว เขาก็สามารถวางมือ ไม่ต้องเป็นนักฆ่าอีกแล้วหลังจากมั่นใจว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เป็นภัยอีก นักฆ่าคนนั้นก็ล้วงหนังสือจ้างวานฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก โน้มกายยื่นหายอวิ๋นฝูหลิง“ลงนามหนังสือสัญญาฉบับนี้และจ่ายเงินเสร็จ การจ้างวานนี้ก็จะมีผลทันที ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะช่วยเ
ก่อนหน้านี้เทียนเฉวียนเห็นอย่างชัดเจนกระบี่ที่แทงใส่อวิ๋นฝูหลิงดุดันมาก อาการบาดเจ็บต้องสาหัสแน่นอนแล้วมาดูเสื้อตรงหน้าอกของอวิ๋นฝูหลิง ล้วนเต็มไปด้วยเลือด หัวใจของเทียนเฉวียนยิ่งบีบรัดแน่นแล้ว“แม่นางอวิ๋น… ท่าน…”ชั่วขณะเทียนเฉวียนตื่นตระหนก อยากดูอาการบาดเจ็บของอวิ๋นฝูหลิงแต่เพิ่งยื่นมือออกไป ก็ตระหนักว่าบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ตรงหน้าอก เขาที่เป็นผู้ชายจะดูได้อย่างไร?อีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงไม่เหมือนเหยากวง ถูกฝึกออกมาพร้อมกับพวกเขา ปกติบาดเจ็บที่แขนขา ก็ไม่มีข้อห้ามต่อกันมากนักแต่แม่นางอวิ๋นไม่เหมือนกันนี่เป็นผู้หญิงของนายท่านพวกเขา จะก้าวล่วงได้อย่างไร?อวิ๋นฝูหลิงโบกมือแล้วกล่าว “ข้ากินยาไปแล้ว แค่บาดแผลดูเหมือนสาหัส ที่จริงไม่ได้รุนแรงเช่นนั้น”เทียนเฉวียนเห็นอวิ๋นฝูหลิงกระปรี้กระเปร่า เหมือนไม่สาหัสจริงๆอวิ๋นฝูหลิงกล่าวอีก “เจ้าไปช่วยเหยากวง ต้องจับเป็นนักฆ่าคนนั้นให้ได้!”นักฆ่าสี่คน ตายไปแล้วสามคน อยากรู้ตัวคนจ้าง ทำได้เพียงลงมือจากผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวคนนี้แล้วเทียนเฉวียนขานรับทีหนึ่ง ถือกระบี่เดินเข้าไปทันทีนักฆ่าเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตเห็นสหายตายหม
เวลานี้เอง เทียนเฉวียนก้าวออกมากล่าว “หรือไม่มอบคนคนนี้ให้ข้าน้อย ข้าน้อยใช้วิธีทรมาน สามารถทำให้เขาพูดแน่นอน!”อวิ๋นฝูหลิงโบกมือ “เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วย?”กล่าวจบ นางล้วงยาลูกกลอนออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งเม็ด จับคางของนักฆ่าคนนั้น แล้วป้อนยาเข้าไปในป่าของเขาทันทีที่ยาลูกกลอนเข้าปาก ก็เหมือนละลายเป็นของเหลว ไหลลงไปตามลำคอนักฆ่าคนนั้นดิ้นรน อยากล้วงเอายาลูกกลอนออกมา ทว่ากลับถูกคนจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับตัวเลยผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงจึงจะส่งสัญญาณให้ปล่อยเขานักฆ่าคนนั้นมองไปทางอวิ๋นฝูหลิงแล้วถาม “เจ้าให้ข้ากินยาอะไร? ยาพิษหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “เป็นของที่ทำให้เจ้าพูดในสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด!”กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หันไปนั่งลงบนรถม้าที่ไม่มีผนังรถแล้ว ตรวจดูสิ่งของที่อยู่บนรถม้าครู่หนึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ สิ่งของบนรถม้าพังยับเยิน และเหลือไม่มากแล้วท่ามกลางเสียงกรีดร้อง อวิ๋นฝูหลิงตรวจนับของบนรถม้าเสร็จ ก็กลับมาที่ตรงหน้านักฆ่าคนนั้นใหม่นักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิง สายตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน “ฆ่า…ฆ่าข้าเถอะ!”กระดูกและเลือดเนื้อบนร่างกาย
ยามที่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงหมู่บ้านซวงหลิน ก็มีสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือด ทำให้เซียวจิ่งอี้อกสั่นขวัญแขวนไม่รอให้เซียวจิ่งอี้ถาม อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวออกมาก่อน “ระหว่างทางกลับมาได้เจอกับพวกมือสังหารเข้า ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลือดบนตัวก็เป็นของมือสังหารเหล่านั้น”กล่าวจบ ก็กำลังจะเข้าไปในห้องเพื่อรักษาบาดแผล และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดเซียวจิ่งอี้อยากเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของนางด้วย แต่ถูกอวิ๋นฝูหลิงขวางไว้ให้อยู่นอกประตูโชคดีที่เหยากวงมีไหวพริบ จึงตามเข้ามาช่วยด้วยอวิ๋นฝูหลิงถอดเสื้อผ้าเปื้อนเลือดออก หลังจากใช้น้ำสะอาดล้างบาดแผล ก็ทายาผงลงไป ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดพันบาดแผลขณะที่เหยากวงรีบช่วยพันแผล ก็สังเกตบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงอย่างละเอียดด้วยเห็นว่าบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงตื้นมาก ชัดเจนว่าเป็นเพียงแผลบนผิวหนังภายนอก บาดแผลมิได้ร้ายแรงนักนางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และรู้สึกแปลกใจเช่นกันทักษะการต่อสู้ของมือสังหารเหล่านั้นหาได้อ่อนแอไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยามที่อวิ๋นฝูหลิงถูกแทง นางเห็นอย่างชัดเจนว่า ดาบของมือสังหารผู้นั้นแหลมคมมาก เมื่อถูกดาบนั้นเข้าหากมิตายก็ย่อมบาดเจ็บสาหั
“ข้าก็มิได้เป็นคนอ่อนปวกเปียก ที่จะยอมให้ครอบครัวนั้นมารังแกกันได้!”“ท่านรู้หรือไม่ว่าขอบเขตสูงสุดของการแก้แค้นคือสิ่งใด?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว พลางถามว่า “สิ่งใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงตอบด้วยรอยยิ้ม “คือการทำให้เขาสูญเสียสิ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุด”“การสังหารคนโดยตรงหาใช่เรื่องยากอันใด ข้าสามารถจัดการได้ด้วยยาพิษถุงเดียวด้วยซ้ำ”“แต่การปล่อยให้พวกเขาตายไปเช่นนั้น ย่อมง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา บนโลกนี้มีเรื่องที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความตายนับสิบเท่าร้อยเท่าอยู่!”เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดในใจแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดที่จะให้คนไปสังหารอวิ๋นหลิงจือ“ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำสิ่งใดก็ทำเถิด ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะจุมพิตเซียวจิ่งอี้อีกครา“ในเมื่ออวิ๋นหลิงจือจ้างมือสังหารมาฆ่าข้า หมายความว่าพวกเขารู้ข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่เจียงโจว”“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาย่อมไม่มีทางรามือ เพราะตัวตนของข้าเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา”“ในเมื่อเป็นสงครามที่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายตก ข้าก็จะไม่ย่อมอ่อนข้อให้พวกเขาเช่นกัน”“ถ้
เซียวจิ่งอี้ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมาและเดินออกไปข้างนอกอวิ๋นจิงมั่วตอบสนอง ด้วยการเตะขาพลางตะโกนโดยพลัน “ท่านพ่อ วางข้าลงขอรับ ข้ามาหาท่านแม่!”เขาได้ยินว่าแม่กลับมาแล้ว จึงกล่าวลาเพื่อน ๆ ตัวน้อย และวิ่งกลับมาหาแม่แม่รับปากเขาว่า เมื่อกลับมาแล้วจะนำน้ำตาลปั้นตัวใหญ่มาให้เขาตัวหนึ่งแม่ยังไม่ได้เอาน้ำตาลปั้นให้เขาเลยเซียวจิ่งอี้กลับตบก้นของอวิ๋นจิงมั่วเบา ๆ และพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ให้พ่อลองทบทวนตัวอักษรสามตัวที่สอนให้เจ้าไปเมื่อวานก่อน หากท่องได้จึงจะให้กินน้ำตาลปั้น!”อวิ๋นจิงมั่วโอดครวญ “ท่านพ่อ ท่านช่างเห็นแก่สตรีจนละทิ้งหลักการเสียจริง!”“ข้าเป็นลูกชายของท่าน พอท่านมีภรรยาแล้วจะลืมลูกชายมิได้นะขอรับ!”เซียวจิ่งอี้ปวดเศียรเวียนเกล้า อดไม่ได้ที่จะตบก้นลูกชายเบา ๆ ไปอีกครั้ง“เจ้าไปเรียนรู้เรื่องเหลวไหลพวกนี้มาจากที่ใดกัน?”อวิ๋นฝูหลิงกลับหัวเราะขึ้นมาขณะที่ฟังอยู่ในห้องเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับบาดเจ็บ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้และปิดบังแม้แต่กับอวิ๋นจิงมั่วด้วยเช่นกันวันนี้หลิงโหยวเข้ามาอย่างกะทันหัน และมาพูดกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านพาข้าก
“พวกเจ้ามีผู้ใดเต็มใจจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อบ้าง?”พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนมองกันไปมาลูกพี่อู๋กล่าวว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำสั่งของแม่นางอวิ๋น”จางซานมู่เม้มริมฝีปาก “ข้าเต็มใจจะอยู่ที่นี่ขอรับ”สวี่ตงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น ข้าจะฟังคำสั่งของท่าน”คังหมิงหย่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น ให้ข้าอยู่ต่อเถอะขอรับ ข้าล้วนคุ้นเคยกับสวนสมุนไพรดี ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ข้ายังรู้จักสมุนไพรกว่าร้อยชนิด ในภายภาคหน้าข้าอยากเป็นเหมือนนายท่านหาง ซึ่งรู้จักสมุนไพรทั่วทั้งใต้หล้า เป็นผู้ที่ค้าขายยา!”อวิ๋นฝูหลิงแอบรู้สึกชื่นชมคังหมิงหย่วนตั้งแต่ที่เขาเฟิ่งลั่ว อวิ๋นฝูหลิงได้สอนความรู้ทางการแพทย์และเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรให้เขาอยู่เสมอหากจะเรียนรู้การตรวจชีพจรวินิจฉัยโรค จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปดหรือสิบปีจึงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่หากคังหมิงหย่วนมุ่งความสนใจไปที่สมุนไพร ย่อมเป็นหนทางที่ไม่เลวอวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นคังหมิงหย่วนก็อยู่ต่อเถอะ”กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็ให้คนอื่นออกไปก่อน และเหลือคังหมิงหย่วนเพียงผู้เดียวพวกลูกพี่อู๋ทั้
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่