ยามเช้าตรู่ กองทหารเกียรติยศของฝ่าบาทอี้อ๋องก็เคลื่อนพลเต็มกำลัง โดยมีทหารรักษาพระองค์นับร้อยถูกส่งมาคุ้มกัน เดินทางจากประตูทิศเหนือของเขตปกครองเจียงหนิง มุ่งสู่เมืองหลวงอย่างผ่าเผยขณะเดียวกัน รถม้าสีเขียวที่ภายนอกดูเรียบง่ายสองคัน ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์สิบกว่าคน ก็มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านซวงหลิน ตรงไปยังเมืองหลวงหลังจากรถม้าเดินทางออกจากเขตปกครองเจียงหนิง อวิ๋นฝูหลิงก็เลิกผ้าม่านของรถม้าเปิดออกพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกนางยิ้มให้เซียวจิ่งอี้พลางกล่าวว่า “ความคิดของท่านไม่เลวเลย ที่ให้แบ่งกองกำลังออกไปสองเส้นทาง ความสนใจทั้งหมดก็จะถูกกองกำลังหลักดึงดูดไป พวกเราก็สามารถเดินทางอย่างผ่อนคลายได้ ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงก็ได้พักผ่อนไปด้วย”เซียวจิ่งอี้ทนไม่ไหวที่ต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่ทางการไปตลอดทาง อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยของตน จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมามีกองทหารเกียรติยศขององค์ชายดึงดูดความสนใจ พวกเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างไม่เป็นจุดสนใจ ทั้งยังลดปัญหาไปได้มากอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่บนรถม้าตลอดทั้งเช้า จนปวดเอวไปหมดนางบอกกับเซียวจิ่งอี้ว่า “ข้าอยากขี่ม้า”เซียวจิ่งอี้ให้คนนำ
เซียวจิ่งอี้กล่าวกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “เดินทางมาหลายวันแล้ว เจ้าย่อมเหนื่อยล้าเป็นแน่ พวกเราจะพักอยู่ที่จินโจวสักสองสามวัน แล้วค่อยเดินทางต่อก็ยังไม่สาย”“เขตปกครองจินโจวแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมาก คุ้มค่าแก่การเที่ยวชมสักครา”กล่าวจบ เซียวจิ่งอี้ก็สั่งให้เทียนเฉวียนไปจองโรงเตี๊ยมระหว่างที่พวกเขาเดินทาง ก็แสร้งทำตัวเป็นพ่อค้าพเนจร เพื่อไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย จึงมิได้ไปพักแรมอยู่ที่จุดพักม้าเทียนเฉวียนไปทำหน้าที่โดยพลันเทียนเฉวียนจองโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมือง และจองเรือนหลังหนึ่งไว้ด้วยหลังจากล้างเนื้อล้างตัวและกินอาหารกลางวัน ก็พักผ่อนครู่หนึ่ง ก่อนที่อวิ๋นฝูหลิงจะไปซื้อของด้วยความสนใจไปเป็นอย่างยิ่งแม้ว่าในยุคสมัยนี้จะมิได้สะดวกสบายเท่ายุคปัจจุบัน แต่กลับมีข้อดีของมันเองเช่นกันตัวอย่างเช่นงานฝีมือมากมาย ที่ทำออกมาอย่างประณีตมาก ซึ่งยุคปัจจุบันมิอาจเทียบได้อวิ๋นฝูหลิงซื้อของไปตามทาง ความสุขที่ได้ซื้อของนั้นมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้โดยง่ายระหว่างที่นางกำลังเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวเล่น ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นฝูงชนด้านหน้า ซึ่งดูเหมือนจะคึกคักกันเป็นอย่างยิ่งอวิ๋นฝูหลิงสงสั
“ถึงหูซานจะเหลวไหลเพียงใด แต่จะถึงขั้นใช้ชีวิตของแม่เขา มาทำร้ายแม่นางหลี่เชียวหรือ?”“ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะทำได้หรือ? ข้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้กระมัง”“ไม่แน่แม่นางหลี่อาจจะเขียนใบสั่งยาพลาด จนทำให้แม่เฒ่าหูตาย!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงวิจารณ์ของคนรอบตัว ก็ใคร่ครวญหูซานเห็นแม่นางสกุลหลี่ไม่หวาดกลัวอันตราย ทั้งยังสามารถโต้แย้งกลับมาได้อย่างสมเหตุสมผล ก็ลุกพรวดขึ้นมากล่าวโดยพลัน“ถุย โรงหมอของสกุลพวกเจ้ามีชื่อเสียงที่เขตปกครองจินโจว ก็เป็นเพราะฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของพ่อเจ้า”“ตั้งแต่พ่อเจ้าตายจากไป และเจ้ารับช่วงต่อโรงหมอมา ข้าก็เห็นว่ากิจการโรงหมอของพวกเจ้าย่ำแย่ลงทุกวัน”“ถ้าให้ข้าพูด เจ้าซึ่งเป็นแม่นางผู้หนึ่ง จะไปรู้วิชาแพทย์อันใด ถือโอกาสรีบปิดโรงหมอและแต่งงานไปเสียจะดีกว่า”“หากเจ้ายอมรับข้อเสนอแต่งงานของคุณชายสกุลวั่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และปิดโรงหมอไปตบแต่ง ก็คงไม่มีเรื่องเลวร้ายเช่นวันนี้เกิดขึ้น!”แม่นางสกุลหลี่คาดเดาได้ว่าสาเหตุที่หูซานมาก่อเรื่อง อาจเป็นเพราะการบงการของคุณชายสกุลวั่นยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหูซาน ก็ยิ่งทำให้มั่นใจกว่าเดิมน
ผู้ที่สามารถร่ำเรียนวิชาแพทย์ และค้ำจุนโรงหมอของสกุลมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรต้องมามีจุดจบเช่นนี้นางมองบนเปลที่อยู่บนพื้น ซึ่งมีแม่เฒ่าสกุลหูนอนเหมือนเสียชีวิตอยู่นางหันกลับมากระซิบบางสิ่งกับเหยากวงเหยากวงพยักหน้า ก่อนจะก้าวออกไปจากฝูงชนโดยพลันเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงอย่างไรแผนการของคุณชายสกุลวั่นกับหูซานผู้นั้น เขาก็ทนดูต่อไปไม่ไหวเช่นกันเหยากวงทำตามคำสั่งของอวิ๋นฝูหลิง หลังจากเข้าไปใกล้แม่เฒ่าสกุลหูอย่างเงียบเชียบ ก็รวบรวมกำลังภายใน ก่อนจะยื่นมือไปออกแรงกดจุดจู๋ซานหลี่เพียงชั่วพริบตา แม่เฒ่าสกุลหูก็ลุกพรวดขึ้นมาโดยพลัน ขณะที่กุมขาข้างนั้นซึ่งถูกเหยากวงกดจุดพลางร้องออกมาว่า “โอ๊ย”อวิ๋นฝูหลิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน เริ่มเป็นฝ่ายชักนำทันที “โธ่ถัง คนยังไม่ตายนี่!”เทียนเฉวียนกับลูกพี่อู๋ก็มีไหวพริบเป็นอย่างยิ่ง จึงตะโกนตามโดยพลัน“คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่!”“หรือก่อนหน้านี้แกล้งตาย เพื่อจงใจใส่ร้ายแม่นางสกุลหลี่?”ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบถูกศพที่ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันของแม่เฒ่าหูทำให้ตกใจ ยามนี้ยังถูกพวกอวิ๋นฝูห
หลังจากหูซานจากไป ฝูงชนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันคุณชายวั่นยังคงรักษาท่าทีของวีรบุรุษเอาไว้ และกล่าวกับแม่นางหลี่ว่า “แม่นางหลี่ อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนชั่วเจ้าแผนการอย่างหูซานเลย”“หากคราหน้าเขากล้ามาหาเรื่องถึงที่อีก เจ้าก็ให้คนไปเรียกข้าได้”“ข้าจะช่วยทวงความเป็นธรรมให้แม่นางหลี่แน่นอน!”แม่นางหลี่รู้ดีแก่ใจว่าคุณชายวั่นเป็นคนเช่นไรแต่สกุลวั่นเป็นสกุลใหญ่ในเขตปกครองจินโจว แม้ว่าคุณชายวั่นผู้นี้จะมาจากสกุลสาขาของสกุลวั่น แต่ก็ยังมิใช่คนที่นางจะไปล่วงเกินได้แม่นางหลี่ทำได้เพียงข่มกลั้นความรังเกียจ และกล้ำกลืนฝืนทนคุกเข่าลงไปคำนับ พลางกล่าวขอบคุณเขา“วันนี้ขอบคุณคุณชายวั่นที่ช่วยเหลือ ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง!”“เพียงแต่ข้ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ จึงไม่อาจรับรองคุณชายวั่นได้ ขอคุณชายวั่นโปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย!”ก่อนหน้านี้แม่นางหลี่ปฏิเสธทำขอแต่งงานของคุณชายวั่น ด้วยเหตุผลว่าต้องไว้ทุกข์แม้คุณชายวั่นจะเป็นคนมากตัณหา แต่กลับมิชอบใช้กำลังดังนั้นเมื่อเขาถูกตาต้องใจแม่นางหลี่ จึงใช้วิธีเอาชนะใจหญิงงามเสียก่อนวันนี้คุณชายวั่นไม่อยากเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ หลังจากพูดไม่กี่ประโยค ก
แม่นางหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มิได้ซื้อมา หยกห้อยเอวชิ้นนี้เป็นของที่ท่านตาข้ามอบให้ท่านแม่ของข้าก่อนจะจากโลกนี้ไป และแม่ของข้าก็ได้ส่งต่อมาให้ข้า”อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้พูดให้มากความอีก และคืนหยกห้อยเอวชิ้นนั้นให้แม่นางหลี่หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค พวกอวิ๋นฝูหลิงก็บอกลาก่อนจะจากมาหลังจากพวกเขาเดินออกมาไกลแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งเอ่ยถามว่า “หยกห้อยเอวชิ้นนั้นมีปัญหาอันใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงอธิบาย “ท่านปู่ของข้าเคยให้คนทำหยกห้อยเอวขึ้นมาสี่ชิ้น ลวดลายที่แกะสลักลงบนหยกห้อยเอวคือสมุนไพรล้ำค่าทั้งสี่ชนิด และแบ่งมอบให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนของเขา”“หยกห้อยเอวของนายท่านผู้เฒ่าหางสลักเป็นรูปเห็ดหลินจือ ดังนั้นบนแผ่นป้ายหน้าประตูของสำนักผิงอันจึงมีรูปเห็ดหลินจือแกะสลักอยู่”“เมื่อครู่บนหยกห้อยเอวชิ้นนั้นของแม่นางหลี่สลักเป็นรูปบัวหิมะ ท่านตาของแม่นางหลี่คงจะเป็นสือฉีหลิน ศิษย์รองของท่านปู่ทวดของข้า”“ตามที่นายท่านผู้เฒ่าหางบอก หลังจากที่ท่านปู่ทวดของข้าเสียชีวิต พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องก็มีเป้าหมายของแต่ละคน”“โอวหยางหมิงผู้เป็นศิษย์คนโตเข้าสำนักหมอหลวง สือฉีหลินผู้เป็นศิษย์คนรองออกเดินทา
คุณชายวั่นเห็นลูกน้องของตนเองล้มลงเป็นใบไม้ร่วง พวกเขามีคนมากมายตั้งขนาดนี้ ทว่ากลับต่อกรกับองครักษ์คนหนึ่งของอีกฝ่ายไม่ได้เลย เขาตกตะลึงพรึงเพริดในทันใด“พวกเจ้า...พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“พวกเจ้าถึงขึ้นกล้าทำร้ายคนของสกุลวั่น พวกเจ้าตั้งตารอได้เลย!”กล่าววาจาร้ายกาจจบ คุณชายวั่นก็รีบวิ่งหนีไปราวกับสายลมก็มิปานครั้นเหล่าสุนัขรับใช้ที่เหลือเห็นสถานการณ์แล้ว จึงวิ่งโขยกเขยกตามไปอวิ๋นจิงมั่วกอดลูกเสือน้อยไว้พลางร้องเหอะออกมาอย่างเย็นชา แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “คิดจะแย่งเทียนเทียนไปจากข้า เจ้าพวกคนชั่ว!”จากนั้นจึงหันไปยกนิ้วโป้งให้เทียนเฉวียน แล้วกล่าวชม “ท่านอาเทียนเฉวียน ท่านเก่งสุดยอดไปเลย แค่คนเดียวก็ทำให้พวกนั้นวิ่งหนีไปได้แล้ว”เทียนเฉวียนหัวเราะแฮะ ๆ “คนพวกนั้นก็พวกท่าดีทีเหลวเท่านั้น ต่อให้มาเพิ่มเท่าหนึ่ง ผู้น้อยเพียงคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้ขอรับ!”เซียวจิ่งอี้ลูบลูกเสือน้อยในอ้อมแขนของอวิ๋นจิงมั่วเจ้าลูกเสือน้อยแยกเขี้ยวใส่เซียวจิ่งอี้ ดวงตาของมันราวกับมีประกายเหยียดหยามเล็กน้อย แล้วจึงนอนเกียจคร้านตากแดดในอ้อมแขนของอวิ๋นจิงมั่วต่อเซียวจิ่งอี้รู้สึกว่า
การที่สามารถมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ย่อมไม่ใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญาพ่อบ้านวั่นรู้ดีว่าคุณชายน้อยต้องการถุงน้ำดีเสือสด ๆ เพื่อนำไปทำกระสายยา ดังนั้นช่วงนี้ผู้นำตระกูลจึงเสาะหาคนไปล่าเสือเป็น ๆ ทั่วทุกสารทิศฉะนั้นทันทีที่เขาได้ยินคุณชายวั่นบอกว่าเห็นคนพาเสือเป็น ๆ ตัวหนึ่งเดินไปมาอยู่บนท้องถนน เขาจึงรีบพาคนตามมาทันทีถึงอย่างไรหากเขาสามารถมอบเสือตัวเป็น ๆ ให้แก่ผู้นำตระกูลได้ นี่จะเป็นความดีความชอบชิ้นใหญ่เลยทีเดียวโอกาสดี ๆ เช่นนี้ พ่อบ้านวั่นย่อมจับไว้ให้มั่นเดิมทีพ่อบ้านวั่นคิดจะใช้วาจาก่อนใช้กำลัง เพราะถึงอย่างไรในเขตปกครองจินโจวแล้ว สกุลวั่นนั้นทรงอิทธิพลถึงขนาดที่กระทืบเท้าเพียงครั้ง เขตปกครองจินโจวก็กระเทือนไปถึงสามระลอกสกุลวั่นต้องการลูกเสือของอีกฝ่าย ใครกันจะกล้าไม่ไว้หน้าสกุลวั่น?ผู้ที่รู้จักวางตัว ย่อมมอบให้อย่างว่าง่ายทว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งมาถึงที่หมายได้ไม่เท่าไร คุณชายวั่นก็รีบนำคนพุ่งเข้าไปในห้องส่วนตัว แสดงท่าทีชัดเจนยิ่งว่าจะใช้กำลังเข้าสู้ที่ยิ่งทำให้พ่อบ้านวั่นคิดไม่ถึงก็คือ เพียงแค่พบหน้ากัน คนพวกนั้นที่เขาพามาก็ถูกซัดจนหมอบกระแตทั้งหมดสมองของพ่อบ้า
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่