ผู้ที่สามารถร่ำเรียนวิชาแพทย์ และค้ำจุนโรงหมอของสกุลมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรต้องมามีจุดจบเช่นนี้นางมองบนเปลที่อยู่บนพื้น ซึ่งมีแม่เฒ่าสกุลหูนอนเหมือนเสียชีวิตอยู่นางหันกลับมากระซิบบางสิ่งกับเหยากวงเหยากวงพยักหน้า ก่อนจะก้าวออกไปจากฝูงชนโดยพลันเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงอย่างไรแผนการของคุณชายสกุลวั่นกับหูซานผู้นั้น เขาก็ทนดูต่อไปไม่ไหวเช่นกันเหยากวงทำตามคำสั่งของอวิ๋นฝูหลิง หลังจากเข้าไปใกล้แม่เฒ่าสกุลหูอย่างเงียบเชียบ ก็รวบรวมกำลังภายใน ก่อนจะยื่นมือไปออกแรงกดจุดจู๋ซานหลี่เพียงชั่วพริบตา แม่เฒ่าสกุลหูก็ลุกพรวดขึ้นมาโดยพลัน ขณะที่กุมขาข้างนั้นซึ่งถูกเหยากวงกดจุดพลางร้องออกมาว่า “โอ๊ย”อวิ๋นฝูหลิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน เริ่มเป็นฝ่ายชักนำทันที “โธ่ถัง คนยังไม่ตายนี่!”เทียนเฉวียนกับลูกพี่อู๋ก็มีไหวพริบเป็นอย่างยิ่ง จึงตะโกนตามโดยพลัน“คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่!”“หรือก่อนหน้านี้แกล้งตาย เพื่อจงใจใส่ร้ายแม่นางสกุลหลี่?”ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบถูกศพที่ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันของแม่เฒ่าหูทำให้ตกใจ ยามนี้ยังถูกพวกอวิ๋นฝูห
หลังจากหูซานจากไป ฝูงชนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันคุณชายวั่นยังคงรักษาท่าทีของวีรบุรุษเอาไว้ และกล่าวกับแม่นางหลี่ว่า “แม่นางหลี่ อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนชั่วเจ้าแผนการอย่างหูซานเลย”“หากคราหน้าเขากล้ามาหาเรื่องถึงที่อีก เจ้าก็ให้คนไปเรียกข้าได้”“ข้าจะช่วยทวงความเป็นธรรมให้แม่นางหลี่แน่นอน!”แม่นางหลี่รู้ดีแก่ใจว่าคุณชายวั่นเป็นคนเช่นไรแต่สกุลวั่นเป็นสกุลใหญ่ในเขตปกครองจินโจว แม้ว่าคุณชายวั่นผู้นี้จะมาจากสกุลสาขาของสกุลวั่น แต่ก็ยังมิใช่คนที่นางจะไปล่วงเกินได้แม่นางหลี่ทำได้เพียงข่มกลั้นความรังเกียจ และกล้ำกลืนฝืนทนคุกเข่าลงไปคำนับ พลางกล่าวขอบคุณเขา“วันนี้ขอบคุณคุณชายวั่นที่ช่วยเหลือ ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง!”“เพียงแต่ข้ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ จึงไม่อาจรับรองคุณชายวั่นได้ ขอคุณชายวั่นโปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย!”ก่อนหน้านี้แม่นางหลี่ปฏิเสธทำขอแต่งงานของคุณชายวั่น ด้วยเหตุผลว่าต้องไว้ทุกข์แม้คุณชายวั่นจะเป็นคนมากตัณหา แต่กลับมิชอบใช้กำลังดังนั้นเมื่อเขาถูกตาต้องใจแม่นางหลี่ จึงใช้วิธีเอาชนะใจหญิงงามเสียก่อนวันนี้คุณชายวั่นไม่อยากเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ หลังจากพูดไม่กี่ประโยค ก
แม่นางหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มิได้ซื้อมา หยกห้อยเอวชิ้นนี้เป็นของที่ท่านตาข้ามอบให้ท่านแม่ของข้าก่อนจะจากโลกนี้ไป และแม่ของข้าก็ได้ส่งต่อมาให้ข้า”อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้พูดให้มากความอีก และคืนหยกห้อยเอวชิ้นนั้นให้แม่นางหลี่หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค พวกอวิ๋นฝูหลิงก็บอกลาก่อนจะจากมาหลังจากพวกเขาเดินออกมาไกลแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งเอ่ยถามว่า “หยกห้อยเอวชิ้นนั้นมีปัญหาอันใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงอธิบาย “ท่านปู่ของข้าเคยให้คนทำหยกห้อยเอวขึ้นมาสี่ชิ้น ลวดลายที่แกะสลักลงบนหยกห้อยเอวคือสมุนไพรล้ำค่าทั้งสี่ชนิด และแบ่งมอบให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนของเขา”“หยกห้อยเอวของนายท่านผู้เฒ่าหางสลักเป็นรูปเห็ดหลินจือ ดังนั้นบนแผ่นป้ายหน้าประตูของสำนักผิงอันจึงมีรูปเห็ดหลินจือแกะสลักอยู่”“เมื่อครู่บนหยกห้อยเอวชิ้นนั้นของแม่นางหลี่สลักเป็นรูปบัวหิมะ ท่านตาของแม่นางหลี่คงจะเป็นสือฉีหลิน ศิษย์รองของท่านปู่ทวดของข้า”“ตามที่นายท่านผู้เฒ่าหางบอก หลังจากที่ท่านปู่ทวดของข้าเสียชีวิต พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องก็มีเป้าหมายของแต่ละคน”“โอวหยางหมิงผู้เป็นศิษย์คนโตเข้าสำนักหมอหลวง สือฉีหลินผู้เป็นศิษย์คนรองออกเดินทา
คุณชายวั่นเห็นลูกน้องของตนเองล้มลงเป็นใบไม้ร่วง พวกเขามีคนมากมายตั้งขนาดนี้ ทว่ากลับต่อกรกับองครักษ์คนหนึ่งของอีกฝ่ายไม่ได้เลย เขาตกตะลึงพรึงเพริดในทันใด“พวกเจ้า...พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”“พวกเจ้าถึงขึ้นกล้าทำร้ายคนของสกุลวั่น พวกเจ้าตั้งตารอได้เลย!”กล่าววาจาร้ายกาจจบ คุณชายวั่นก็รีบวิ่งหนีไปราวกับสายลมก็มิปานครั้นเหล่าสุนัขรับใช้ที่เหลือเห็นสถานการณ์แล้ว จึงวิ่งโขยกเขยกตามไปอวิ๋นจิงมั่วกอดลูกเสือน้อยไว้พลางร้องเหอะออกมาอย่างเย็นชา แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “คิดจะแย่งเทียนเทียนไปจากข้า เจ้าพวกคนชั่ว!”จากนั้นจึงหันไปยกนิ้วโป้งให้เทียนเฉวียน แล้วกล่าวชม “ท่านอาเทียนเฉวียน ท่านเก่งสุดยอดไปเลย แค่คนเดียวก็ทำให้พวกนั้นวิ่งหนีไปได้แล้ว”เทียนเฉวียนหัวเราะแฮะ ๆ “คนพวกนั้นก็พวกท่าดีทีเหลวเท่านั้น ต่อให้มาเพิ่มเท่าหนึ่ง ผู้น้อยเพียงคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้ขอรับ!”เซียวจิ่งอี้ลูบลูกเสือน้อยในอ้อมแขนของอวิ๋นจิงมั่วเจ้าลูกเสือน้อยแยกเขี้ยวใส่เซียวจิ่งอี้ ดวงตาของมันราวกับมีประกายเหยียดหยามเล็กน้อย แล้วจึงนอนเกียจคร้านตากแดดในอ้อมแขนของอวิ๋นจิงมั่วต่อเซียวจิ่งอี้รู้สึกว่า
การที่สามารถมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ย่อมไม่ใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญาพ่อบ้านวั่นรู้ดีว่าคุณชายน้อยต้องการถุงน้ำดีเสือสด ๆ เพื่อนำไปทำกระสายยา ดังนั้นช่วงนี้ผู้นำตระกูลจึงเสาะหาคนไปล่าเสือเป็น ๆ ทั่วทุกสารทิศฉะนั้นทันทีที่เขาได้ยินคุณชายวั่นบอกว่าเห็นคนพาเสือเป็น ๆ ตัวหนึ่งเดินไปมาอยู่บนท้องถนน เขาจึงรีบพาคนตามมาทันทีถึงอย่างไรหากเขาสามารถมอบเสือตัวเป็น ๆ ให้แก่ผู้นำตระกูลได้ นี่จะเป็นความดีความชอบชิ้นใหญ่เลยทีเดียวโอกาสดี ๆ เช่นนี้ พ่อบ้านวั่นย่อมจับไว้ให้มั่นเดิมทีพ่อบ้านวั่นคิดจะใช้วาจาก่อนใช้กำลัง เพราะถึงอย่างไรในเขตปกครองจินโจวแล้ว สกุลวั่นนั้นทรงอิทธิพลถึงขนาดที่กระทืบเท้าเพียงครั้ง เขตปกครองจินโจวก็กระเทือนไปถึงสามระลอกสกุลวั่นต้องการลูกเสือของอีกฝ่าย ใครกันจะกล้าไม่ไว้หน้าสกุลวั่น?ผู้ที่รู้จักวางตัว ย่อมมอบให้อย่างว่าง่ายทว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งมาถึงที่หมายได้ไม่เท่าไร คุณชายวั่นก็รีบนำคนพุ่งเข้าไปในห้องส่วนตัว แสดงท่าทีชัดเจนยิ่งว่าจะใช้กำลังเข้าสู้ที่ยิ่งทำให้พ่อบ้านวั่นคิดไม่ถึงก็คือ เพียงแค่พบหน้ากัน คนพวกนั้นที่เขาพามาก็ถูกซัดจนหมอบกระแตทั้งหมดสมองของพ่อบ้า
พ่อบ้านวั่นจึงกระซิบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้นายท่านสี่วั่นฟังคร่าว ๆครั้นนายท่านสี่วั่นได้ฟัง ก็แทบจะกระอักโลหิตเพราะถูกพวกเขาทำให้โมโหมีแต่พวกโง่เขลาไม่มีสมองทั้งนั้น!ในเมื่อขอร้องผู้อื่น เช่นนั้นก็ต้องพูดเจรจาด้วยน้ำเสียงดี ๆ และเหมาะสม เสนอราคาซื้อราคาขายอันเหมาะสม เพื่อให้อีกฝ่ายยอมตัดใจยอมสละให้เจ้าจะไม่เจรจาแล้วลงมือแย่งชิงมาเลยก็ใช่ว่าจะทำมิได้ แต่เจ้าจักต้องมีปัญญา มีความสามารถมากพอที่จะกดดันอีกฝ่ายจนอยู่หมัดให้ได้แต่นี่พ่อบ้านวั่นกับเจ้าสิบเก้าจากบ้านสายรองทั้งพูดจาโน้มน้าวให้อีกฝ่ายตัดใจสละของรักให้ไม่ได้ อีกทั้งพอลงมือกับเขาก็ถูกอีกฝ่ายสั่งสอนกลับมาอย่างน่าอเนจอนาถเป็นพวกไร้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่!แถมยังเลือกมาลงมือในหอสกุลวั่นของเขาอีก นี่ถ้าหากทำข้าวของอันใดเสียหายไป สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับความเสียหายมิใช่ว่ายังเป็นสกุลวั่นของพวกเขาอย่างนั้นหรือไร?คุณชายวั่นหรือก็คือวั่นจื้อซินผู้ที่อยู่ในลำดับศักดิ์ที่สิบเก้าของสกุลวั่นผู้นั้นก้าวเข้าไปด้านหน้านายท่านสี่วั่น แล้วกล่าววาจาประจบเอาใจ “ท่านลุงสี่ หลานเพียงเจตนาดี อยากช่วยเหลือสกุลวั่นอย่างเต็มท
สกุลวั่นต้องการดีเสือสดใหม่ไปช่วยชีวิตคุณชายน้อยในเมื่อวันนี้ได้เจอแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องคิดหาวิถีทางเอามาอยู่ในมือให้ได้ มิเช่นนั้นจะพลาดโอกาสนายท่านสี่วั่นประสานมือคารวะ ท่าทางยิ่งทวีความสุภาพ “ท่านผู้มีเกียรติสองสามท่านนี้ สกุลวั่นของข้าต้องการเสือตัวเป็น ๆ จริง หากพวกท่านยินยอมสละให้ สามารถพูดเงื่อนไขมาได้ทุกอย่าง...”นายท่านสี่วั่นยังไม่ทันพูดจนจบประโยค อวิ๋นฝูหลิงก็พูดขึ้นมาทั้งที่ขมวดคิ้วว่า “พวกเจ้าแต่ละคนฟังภาษาคนมิรู้เรื่องหรือไร?”“บอกไปหลายครั้งแล้วว่าลูกเสือน้อยตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของลูกชายข้า ต่อให้เจ้าจะยกภูเขาทองทั้งลูกมากองให้ พวกข้าก็ไม่ให้”“เอาแต่ส่งเสียงหึ่ง ๆ ราวกับแมลงวันไม่หยุดหย่อน หนวกหูเหลือเกิน จะกินข้าวให้สบายใจสักมื้อก็ทำไม่ได้”“ได้ยินว่าหอสกุลวั่นเป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจว พวกเจ้าต้อนรับแขกที่มาอุดหนุนถึงประตูเช่นนี้ ข้าว่าหอสกุลวั่นนี้ก็มิได้เลิศเลอกว่าใครเขาหรอก!”ครั้นลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างได้ยินวาจาเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงเข้า ก็อดเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัย ทั้งยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้วยในทีออกมาไม่ได้คนพวกนี
นายท่านสี่วั่นเห็นว่าพวกเซียวจิ่งอี้ไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัวสกุลวั่นเลยแม้แต่นิดเท่านั้น ฝ่ายนั้นกลับลงมือกับลูกหลานสกุลวั่นโดยไม่ลังเลเสียด้วยซ้ำไป ในใจเขาทั้งตระหนกทั้งเดือดดาลความอยากอาหารของอวิ๋นฝูหลิงถูกทำลายเสียจนหมดสิ้น ยามนี้จะให้กินอะไรก็กินไม่ลงแล้วอวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “แต่ละคนช่างไม่รู้จักตระหนักตนกันเลย แค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็ถือว่าเป็นตัวแทนสกุลวั่นแล้วหรือ!”“หากวันนี้ผู้ที่เอ่ยปากเป็นผู้นำตระกูลวั่น บางทีข้าอาจจะลองพิจารณาดูสักหน่อย”“หมาแมวอย่าวพวกเจ้าไม่กี่คนยังจะมาทำตัวกร่างสร้างปัญหาอยู่ข้างนอกโดยอ้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของสกุลวั่นอีก ทำให้สกุลวั่นต้องเสื่อมเสียเกียรติจริงๆ!”ยามที่เข้ามาในเขตปกครองจินโจว เซียวจิ่งอี้ได้เล่าให้อวิ๋นฝูหลิงฟังแล้วว่า สกุลวั่นเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจวความมั่นคงของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งตระกูลนี้มิได้มาจากเส้นทางขุนนางหรือกิจการการค้า ทว่ามาจากการขนส่งทางชลมารคท่าเรือจินโจวเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของต้าฉี ยามนี้ได้สกุลวั่นคอยควบคุมดูแลอิทธิพลของสกุลวั่นย่อมไม่ธรรมดาอย่างไรก็ตาม วั่นหงผู้ท
“ก็แค่หมอหญิงคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? เชิญมาก็เชิญมาสิ อย่างไรเสียหลายปีนี้สกุลวั่นก็เคยเชิญหมอมาไม่น้อยแล้ว”“ข้าเองก็เพราะถูกสกุลวั่นเชิญมารักษานายน้อยคนนั้นไม่ใช่หรือ?”ผู้ช่วยน้อยกระทืบเท้า กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชาย เหตุใดท่านไม่โกรธเลย?”“สกุลวั่นเชิญท่านก่อนนะ ท่านยังพักอยู่ที่สกุลวั่นอยู่เลย พวกเขาก็ไปเชิญคนอื่นแล้ว นี่ไม่เท่ากับตบหน้าท่าน หาว่าฝีมือการแพทย์ของท่านไม่ดีหรอกหรือ?”“อีกทั้งข้ายังได้ยินพี่หงอวี้ที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินวั่นบอกว่า หมอหญิงคนนั้นปากดีมาก กล้าบอกว่าคุณชายท่านวินิจฉัยผิด!”“คุณชาย ท่านเคยเรียนวิชาแพทย์กับจี้ชุนโหวเลยนะ พื้นเพมาจากสกุลอวิ๋นอย่างแท้จริง นางเป็นตัวอะไร ถึงกล้ามาสงสัยฝีมือการแพทย์ของท่าน?”“พวกเราต้องให้บทเรียนนางสักหน่อย!”ผู้ชายที่อยู่ในห้องคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหมอสวินที่สกุลวั่นเชิญมารักษาวั่นเฉิงและจ่ายเทียบยาให้สกุลวั่น บอกว่าจะใช้ดีเสือเป็นกระสายยาเมื่อหมอสวินได้ยินคำพูดของผู้ช่วย ในที่สุดสีหน้าที่สงบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเสี้ยวหนึ่ง“เช่นนี้ข้าต้องไปพบหมอหญิงท่านนั้นเสียหน่อยแล้ว!”แม้ไม่กล้าพูดว่าฝีมือการแพทย์ของเขาเป็น
อย่างไรก็ตาม ผู้นำตระกูลสกุลวั่นมาคิดบัญชีกับพวกเขาถึงบ้านด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้วทุกคนในโรงเตี๊ยมต่างชะเง้อศีรษะรอดูเรื่องสนุกทว่าพวกเซียวจิ่งอี้เช่าเรือนทั้งหลังและมีการเฝ้ายามอย่างเข้มงวด คนที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนเข้าไปไม่ได้แม้คนในโรงเตี๊ยมไม่สามารถเข้าเรือนของพวกเซียวจิ่งอี้ แต่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ต่อให้ใหญ่ก็ใหญ่ไม่ถึงไหน ถ้าหากในเรือนทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ คนที่อยู่นอกเรือนก็สามารถได้ยินได้ดังนั้นทุกคนเอาแต่จ้องไปที่เรือน พยายามฟังเสียงจากข้างในเรือนใครจะรู้ว่าผ่านไปพักใหญ่ ก็ไม่ได้ยินเสียงลงมือทุบตีสุดท้ายกลับเห็นผู้นำตระกูลสกุลวั่นเชิญเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นรถม้าของบ้านตัวเองอย่างนอบน้อมถ่อมตน มุ่งหน้าไปยังทิศทางเรือนหลักของสกุลวั่นแล้วชั่วขณะ ทุกคนงงงวยยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นต่างพากันคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่การคาดเดาของคนอื่นไม่สำคัญสำหรับอวิ๋นฝูหลิง สิ่งเดียวที่นางคิดในเวลานี้คืออาการป่วยของวั่นเฉิงฮูหยินวั่นรออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินว่าสามีเชิญคนมาจริงๆ ก็อดมองข้างนอกด้วยความดีใจไม่ได้พลันเมื่อมองไป ฮูหยินวั่นอดไม่ได้ที่จะตก
ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้ยกหีบของกำนัลเข้ามาเป็นทิวแถวของพวกนี้ล้วนเป็นวั่นหงกับฮูหยินวั่นตั้งใจเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อมอบเป็นของกำนัลแทนการขอบคุณให้แก่อวิ๋นฝูหลิงหากอวิ๋นฝูหลิงเป็นเพียงท่านหมอธรรมดา ๆ ผู้หนึ่ง เช่นนั้นของกำนัลแทนคำขอบคุณเหล่านี้ย่อมนับว่าพรั่งพร้อมเป็นอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นางเห็นใจแล้วเต็มใจเสนอตัวไปตรวจอาการให้เองได้ทว่าพอวันนี้ได้รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นถึงพระชายาอี้อ๋อง ของกำนัลแทนคำขอบคุณนี้ก็ออกจะดูน้อยนิดไปสักหน่อยแต่จะให้กลับไปเตรียมของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ใหม่ในยามนี้ ก็ไม่ทันกาลเสียแล้วหากไม่มอบของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ แต่เอ่ยปากขอร้องเชิญคนเขาไปมือเปล่า ก็ยิ่งดูไม่จริงใจมากพอวั่นหงทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำได้เพียงมอบของกำนัลที่ตระเตรียมไว้แล้วให้ไปก่อน พลางคิดว่าหลังจากนี้ค่อยส่งมามอบให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งชุดอวิ๋นฝูหลิงมองของกำนัลแทนคำขอบคุณที่วั่นหงมอบให้ยามนี้หีบของกำนัลถูกเปิดออกแล้ว สิ่งของด้านในนอกจากจะเป็นผ้าไหมแพรพรรณกับทองแท่งเงินแท่งแล้ว ยังมียาสมุนไพรล้ำค่าจำพวกโสม โชวูและอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงลอบคิดอยู่ในใจว่าสมแล้วที
แม้ว่าวั่นหงจะประหลาดใจ ด้วยไม่เคยได้ยินว่าอี้อ๋องเสกสมรสพระชายาเมื่อใด ทว่าที่หอสกุลวั่นเมื่อวานนี้ คนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนได้ยินเซียวจิ่งอี้เรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าฮูหยินวั่นหงคิดว่าบางทีตัวเขาเองอาจจะได้รับข่าวสารไม่ไวพอ กระทั่งเรื่องที่อี้อ๋องมีพระชายาแล้วเขาก็ยังไม่รู้เรื่องเพียงเรียกว่า ‘พระชายา’ ก็ทำให้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นในด้วยตาของเซียวจิ่งอี้แล้วครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นคนพวกนี้คุกเข่าคารวะ ก็รู้สึกไม่เคยชินเท่าไรนักยิ่งไปกว่านั้น วั่นหงถึงขั้นจำเซียวจิ่งอี้ได้ ทั้งยังเปิดเผยฐานะของเขาออกมาอีกต่างหากอวิ๋นฝูหลิงมองเซียวจิ่งอี้เล็กน้อยเซียวจิ่งอี้จับมือนางไว้ แล้วช่วยพูดแทนนางว่า “ทุกคนลุกขึ้นมาเถิด!”ดวงตาเฉียบแหลมของวั่นหงเห็นการกระทำของเซียวจิ่งอี้เข้า ในใจจึงยิ่งให้ความสำคัญกับอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัวดูแล้วพระชายาอี้อ๋องจะมีรักลึกซึ้งกับอี้อ๋องเป็นอย่างยิ่ง“เมื่อวานนี้ ลูกหลานและบ่าวรับใช้ในสกุลทำตัวหยาบคายต่อท่านอ๋องกับพระชายา กระหม่อมพาพวกเขามาขอรับโทษด้วยตนเอง ท่านอ๋องกับพระชายาทรงลงโทษพวกเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นายท่านสี่และวั่นจื้อซินคุกเข่าลงบนพื้นจ
ผู้นำตระกูลวั่นมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตนเองเช่นนี้ เกิดกว่าครึ่งนั้นมาเพื่อร้องขอการรักษาอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาแล้วเสร็จ จึงกินมื้อเช้าพร้อมกับอวิ๋นจิงมั่วหลังมื้ออาหาร เซียวจิ่งอี้ถึงร่วมทางมากับอวิ๋นฝูหลิงด้วย “ข้าไปพบผู้นำตระกูลวันพร้อมกันกับเจ้าด้วย”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า มอบหมายให้ลูกพี่อู๋แลคนอื่น ๆ คอยดูแลอวิ๋นจิงมั่วให้ดีหลังจากที่เมื่อวานวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นถามยืนยันจากบุตรชายแล้ว วันนี้ทันทีที่ฟ้าสาง เขาจึงเดินทางมาที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางด้วยตนเองรออยู่หนึ่งชั่วยามกว่า ก็ยังไม่ได้พบท่านหมอหญิงต้นเรื่องนายท่านสามสกุลวั่นอดโอดครวญออกมาไม่ได้ “ท่านหมอวิชาแพทย์สูงส่งอันใดกัน ถึงได้ทำตนวางมาดเสียใหญ่โตเช่นนี้?”นายท่านสามสกุลวั่นผู้นี้เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกันกับวั่นหงทว่าเขามีความสามารถธรรมดา ไร้ใจทะเยอทะยาน วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุกเคราะห์ดีที่เขานั้นรู้จักประมาณตน ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียวกับพี่น้องอย่างวั่นหง จึงพอใจที่เขาเป็นเพียงนายท่านรองเจ้าสำราญ ทั้งยังไม่สอดมือเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องต่าง ๆ ในตระกูลเมื่อวานเขาได้ยินว่าวั่นเฉิงอาการกำเริบ จึงรีบรุดไปเ
อวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปหลายเข็ม อาการโรคลมชักของวั่นเฉิงที่เกิดกำเริบขึ้นมานั้นทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดยิ่งเหล่าคนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหุบปากเงียบ แต่ละคนเบิกตากว้างราวกับถูกใครบีบคอก็ไม่ปานกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มจนแล้วเสร็จ วั่นเฉิงที่เดิมทีอาการโรคลมชักกำเริบจนสูญเสียสติสัมปชัญญะก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมาอวิ๋นฝูหลิงถอนเข็มที่ฝังอยู่ตามร่างกายของวั่นเฉิงออก นำเก็บเข้าห่อเข็ม“นายน้อยวั่น ต่อไปพยายามรักษาใจให้สงบนิ่งเข้าไว้ หากอารมณ์รุนแรงเกินไปจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย ถึงขั้นทำให้อาการทรุดหนักลงกว่าเดิม!”หลังทิ้งคำกำชับเรื่องอาการ อวิ๋นฝูหลิงจึงหมุนกายเดินออกไปนายท่านสี่วั่นพร้อมด้วยคนอื่น ๆ โอบล้อมเข้ามาข้างกายวั่นเฉิง“นายน้อย รู้สึกอย่างไรบ้าง?”วั่นเฉิงเม้มปาก ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดเมื่อครู่นี้เขาก็อาการกำเริบขึ้นมากะทันหันอีกแล้วผ่านไปครู่ใหญ่ วั่นเฉิงจึงออกคำสั่งไปว่า “กลับจวน”บุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเหลี่ยมและสั้นผู้นั้นรีบรับคำ แล้วพาคนช่วยกันคุ้มกันวันเฉิงออกไปจวนสกุลวั่นครั้นวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นได้ฟังบ่าวรับใช้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในหอสก
เขามองไปทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ “แม้ว่าญาติผู้น้องของข้าจะเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ท่านลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก็อาจจะเกินกว่าเหตุไปสักหน่อยกระมัง!”อวิ๋นฝูหลิงมองสำรวจวั่นเฉิงอย่างละเอียดลออไม่ได้บอกว่านายน้อยผู้นี้เป็นโรค จำเป็นต้องใช้ดีเสือมาทำกระสายยาหรอกหรือ?ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้ต่างจากคนปกติทั่วไปเลยสักนิด ท่าทางมิเหมือนคนป่วยด้วย?“สกุลวั่นสั่งสอนบุตรหลานในสกุลให้ดีไม่ได้ ข้าจึงลงมือช่วยสั่งสอนแทนให้ สกุลว่าควรจะขอบคุณข้าต่างหากจึงจะถูก!”“หากสกุลวั่นไม่พอใจอันใด ก็ให้บิดาเจ้ามาพูดกับข้าด้วยตนเอง!”ครั้นเซียวจิ่งอี้พูดจบ มือข้างหน้าก็อุ้มอวิ๋นจิงมั่ว มืออีกข้างก็จับมืออวิ๋นฝูหลิงไว้ ก่อนจะเตรียมตัวจากไปวั่นเฉิงตะลึงจนตาค้างไปชั่วขณะเขาไม่เคยพบเห็นคนที่อวดดีขนาดนี้มาก่อน“หยุด ห้ามไปไหน!”“ไป ไปขวางพวกไว้!”คนสกุลวั่นรีบเข้าไปขวางทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ โอบล้อมกลุ่มของพวกเขาไว้เทียนเฉวียนพร้อมคนอื่นรีบชักกระบี่ แล้วเข้าไปล้อมรอบพวกเซียวจิ่งอี้ทั้งสามคนเอาไว้ทั้งสองฝั่งรีบมองคุมเชิงกันทันที สถานการณ์ใกล้จะปะทุอยู่รอมร่อครั้นแขกเหรื่อรอบ ๆ ที่มาดูความคึกคั
นายท่านสี่วั่นเห็นว่าพวกเซียวจิ่งอี้ไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัวสกุลวั่นเลยแม้แต่นิดเท่านั้น ฝ่ายนั้นกลับลงมือกับลูกหลานสกุลวั่นโดยไม่ลังเลเสียด้วยซ้ำไป ในใจเขาทั้งตระหนกทั้งเดือดดาลความอยากอาหารของอวิ๋นฝูหลิงถูกทำลายเสียจนหมดสิ้น ยามนี้จะให้กินอะไรก็กินไม่ลงแล้วอวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “แต่ละคนช่างไม่รู้จักตระหนักตนกันเลย แค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็ถือว่าเป็นตัวแทนสกุลวั่นแล้วหรือ!”“หากวันนี้ผู้ที่เอ่ยปากเป็นผู้นำตระกูลวั่น บางทีข้าอาจจะลองพิจารณาดูสักหน่อย”“หมาแมวอย่าวพวกเจ้าไม่กี่คนยังจะมาทำตัวกร่างสร้างปัญหาอยู่ข้างนอกโดยอ้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของสกุลวั่นอีก ทำให้สกุลวั่นต้องเสื่อมเสียเกียรติจริงๆ!”ยามที่เข้ามาในเขตปกครองจินโจว เซียวจิ่งอี้ได้เล่าให้อวิ๋นฝูหลิงฟังแล้วว่า สกุลวั่นเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจวความมั่นคงของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งตระกูลนี้มิได้มาจากเส้นทางขุนนางหรือกิจการการค้า ทว่ามาจากการขนส่งทางชลมารคท่าเรือจินโจวเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของต้าฉี ยามนี้ได้สกุลวั่นคอยควบคุมดูแลอิทธิพลของสกุลวั่นย่อมไม่ธรรมดาอย่างไรก็ตาม วั่นหงผู้ท
สกุลวั่นต้องการดีเสือสดใหม่ไปช่วยชีวิตคุณชายน้อยในเมื่อวันนี้ได้เจอแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องคิดหาวิถีทางเอามาอยู่ในมือให้ได้ มิเช่นนั้นจะพลาดโอกาสนายท่านสี่วั่นประสานมือคารวะ ท่าทางยิ่งทวีความสุภาพ “ท่านผู้มีเกียรติสองสามท่านนี้ สกุลวั่นของข้าต้องการเสือตัวเป็น ๆ จริง หากพวกท่านยินยอมสละให้ สามารถพูดเงื่อนไขมาได้ทุกอย่าง...”นายท่านสี่วั่นยังไม่ทันพูดจนจบประโยค อวิ๋นฝูหลิงก็พูดขึ้นมาทั้งที่ขมวดคิ้วว่า “พวกเจ้าแต่ละคนฟังภาษาคนมิรู้เรื่องหรือไร?”“บอกไปหลายครั้งแล้วว่าลูกเสือน้อยตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของลูกชายข้า ต่อให้เจ้าจะยกภูเขาทองทั้งลูกมากองให้ พวกข้าก็ไม่ให้”“เอาแต่ส่งเสียงหึ่ง ๆ ราวกับแมลงวันไม่หยุดหย่อน หนวกหูเหลือเกิน จะกินข้าวให้สบายใจสักมื้อก็ทำไม่ได้”“ได้ยินว่าหอสกุลวั่นเป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจว พวกเจ้าต้อนรับแขกที่มาอุดหนุนถึงประตูเช่นนี้ ข้าว่าหอสกุลวั่นนี้ก็มิได้เลิศเลอกว่าใครเขาหรอก!”ครั้นลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างได้ยินวาจาเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงเข้า ก็อดเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัย ทั้งยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้วยในทีออกมาไม่ได้คนพวกนี