เย็นวันอาทิตย์ตามปกติแล้วทิวัตถ์ต้องมาทานอาหารเย็นที่บ้านกับครอบครัวแต่ที่แปลกจากเดิมก็คงจะเป็นสมาชิกบนโต๊ะอาหารที่มีเพิ่มมาถึงสองคนนั่นก็คือคุณทรงภพและภรรยาซึ่งทิวัตถ์คิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าการทานอาหารธรรมดาแน่ๆ
แล้วชายหนุ่มก็คิดถูกเพราะหลังทานอาหารแล้วทุกคนก็มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกซึ่งเขาก็ถูกมารดาสั่งให้นั่งฟังด้วย
“วัตถ์จำได้ใช่ไหม ที่เราเคยคุยกันว่าถ้าวัตถ์อายุ 30 แล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนวัตถ์จะต้องหมั้นกับผู้หญิงที่พ่อกับแม่หาให้”
“แต่ผมมีแฟนแล้วนะครับแม่”
“นั่นไม่เรียกว่าแฟนหรอกนะ แม่รู้ว่าลูกชายของแม่ฉลาดพอที่จะไม่คว้าผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นแม่ของลูก”
“แต่ผมกับเธอก็ยังคบกันอยู่”
“แม่จะไม่พูดถึงเรนนี่อีกแต่แม่คิดว่าไม่นานเธอคงออกไปจากชีวิตของวัตถ์ แต่เรื่องที่แม่จะพูดต่อจากนี้คือเรื่องของวัตถ์กับหนูแพร”
“ผมกับน้องแพรทำไมเหรอครับ” เขาพูดพลางหันไปมองคุณอาทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
“วัตถ์จะต้องหมั้นกับหนูแพร”
“เราสองคนแทบไม่รู้จักเนะครับ ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีแล้ว จะให้หมั้นกันยังไง ขอโทษนะครับคุณอาที่ผมพูดตรงๆ”
“ไม่เป็นไร อาไม่บังคับก็แค่อยากฟังคำตอบเพราะเรื่องนี้อากับพ่อแม่ของวัตถ์คุยกันไว้ตั้งแต่หนูแพรเกิด ถ้าวัตถ์ไม่อยากหมั้นอาก็เข้าใจ”
“ขอบคุณครับคุณอา”
“ถึงอาภพจะเข้าใจหรือไม่โกรธแต่ยังไงพ่อก็อยากให้เรากับลูกสาวอาภพหมั้นกันจริงๆ วัตถ์จะไม่ลองทำความรู้จักน้องก่อนเหรอ เราสองคนน่ะเหมาะสมกันมากนะ”
“อย่าบังคับลูกเลยค่ะพี่ดิลก ณีกับภพเข้าใจหนุ่มสาวสมัยนี้ดี ยายแพรเองก็คงไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ วันนี้นัดกันแล้วว่าพามากราบพี่ทั้งสองยายแพรยังเบี้ยวนัดเลย”
“น้องแพรก็ไม่อยากหมั้นกับผมเหมือนกันใช่ไหมครับคุณอา”
“ยายแพรยังไม่รู้เรื่องหมั้นหรอกจ้ะ แต่ถ้ารู้ก็คงไม่ยอมง่ายๆ เหมือนกัน ลูกสาวอาน่ะชอบเอาชนะ ถ้าเราไปบังคับให้เขาทำอะไรเขาจะทำตรงข้าม อาสองคนถึงไม่โกรธที่วัตถ์จะปฏิเสธเรื่องหมั้น แล้วเรื่องนั้นเราก็คุยกันไว้ตั้ง 20 กว่าปีแล้ว”
“แต่พี่อยากให้เราเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ นะ” คุณกัลยาพูดด้วยความเสียดาย
“พี่กัลยาคะ เราเป็นพี่เป็นน้องกันได้นี่ค่ะ เอาไว้มากรุงเทพครั้งหน้าณีจะพายายแพรมากราบคุณพี่ทั้งสองและพามาเจอวัถต์ วัตถ์คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้เจอน้องมานาน ได้เจอได้คุยกันเราสองคนอาจจะเป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันได้”
“อาก็อยากให้รู้จักกันไว้ ยิ่งตอนนี้น้องมาอยู่กรุงเทพคนเดียวอาก็เป็นห่วง”
“ผมคิดว่าน้องช่วยงานคุณอาที่สมุทรสาครเสียอีก”
“น้องอยากหาประสบการณ์ก่อนน่ะ แล้วค่อยกลับไปทำงานที่บ้าน อาอยากจะขอเบอร์โทรศัพท์วัตถ์ไว้หน่อยได้ไหม เผื่อน้องมีปัญหา เพราะกว่าอาจะขับรถมาถึงก็เกือบชั่วโมง”
“ได้ครับ”
กลับมาจากบ้านของคุณดิลกแล้วคุณทรงภพและภรรยาก็แวะหาลูกสาวที่คอนโดมิเนียมอีกครั้งก่อนกลับสมุทรสาคร
“ทำไมพ่อกับแม่ไปนานจัง หรือแอบแวะไปที่ไหนมาคะ”
“ไม่ได้แวะที่ไหนหรอกลูก เราก็แค่มีเรื่องคุยกันนิดหน่อย”
“คุณลุงคุณป้าสบายดีใช่ไหมคะ”
“ท่านสองคนสบายดี เอาไว้ครั้งหน้าแม่จะพาเราไปหาท่านนะ กลับมาตั้งหลายอาทิตย์แล้วยังไม่ไปเจอท่านเลย”
“ก็ได้ค่ะ แล้วแม่คุยธุระอะไรกับคุณลุงคุณป้าเหรอคะถึงได้กลับช้าขนาดนี้”
“ก็คุยเรื่องหมั้นของเขากับพี่วัตถ์ไงล่ะ”
“หมั้นเหรอคะ”
“ใช่สิ”
“หนูไม่หมั้นนะคะ จู่ๆ จะให้หมั้นกับใครที่ไหนก็ไม่รู้หนูไม่เอาด้วยหรอกนะคะแม่”
“หนูก็รู้จักพี่วัตถ์ดีนี่ ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ไม่รู้จัก”
“แต่หนูไม่อยากหมั้นค่ะ พี่เขามีแฟนแล้ว”
“นั้นไม่ใช่แฟนสักหน่อย เขาก็แค่คบฆ่าเวลา ป้ากัลยาไม่มีทางให้เธอมาเป็นสะใภ้หรอก”
“ถึงเขาจะไม่มีแฟนหนูก็ไม่หมั้นหรอกค่ะแม่”
“หนูมั่นใจนะว่าไม่อยากจะหมั้นกับพี่เขาจริงๆ”
“ทำไมแม่ถามอย่างนั้นล่ะคะ”
“ก็แม่รู้ว่าหนูเคยแอบชอบพี่เขา”
“นั่นมันตอนที่หนูยังเด็กค่ะ แต่ตอนนี้หนูโตแล้วและพี่วัตถ์ก็ไม่ใช่ผู้ชายในสเปกหนูเลย” เป็นความจริงที่ว่าแพรรดาเคยชอบเขามากถึงตอนนี้ก็ยังคงชอบอยู่เธอถึงได้ไปสมัครงานที่บริษัทของเขาตามที่บิดามารดาของเธอของเขาแนะนำ แต่การเจอกันครั้งนี้ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียความมั่นใจไปมากเพราะเขาจำเธอไม่ได้เลยสักนิด ทั้งที่แต่ก่อนเขาและเธอก็คุ้นเคยกันดีเพราะนอกจากบิดามารดาของทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันแล้วพี่ชายของเธอกับเขาก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและเขาก็มักไปนอนค้างที่บ้านของเธออยู่บ่อยครั้ง
“แม่ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย”
“สบายใจเหรอคะ หนูคิดว่าพ่อกับแม่จะโกรธหนูเสียอีก”
“แม่กับพ่อจะโกรธทำไม ในเมื่อที่คุยกันวันนี้พี่เขาก็ไม่อยากหมั้นกับหนูเหมือนกัน”
“เหรอคะ แล้วเขาบอกเหตุผลไหมว่าทำไมถึงไม่ยอมหมั้นกับหนู”
“แม่ก็ลืมถามเลย ว่าแต่หนูไม่โกรธใช่ไหมที่พี่เขาปฏิเสธแบบนั้น”
“ไม่หรอกค่ะ หนูเข้าใจ คนเราก็ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หนูเองยังไม่ชอบเลยพี่เขาก็คงไม่ชอบเหมือนกัน”
“ก็ดีนะที่บอกกันตรงๆ ไม่ใช่ว่ายอมหมั้นแล้วสุดท้ายมาเลิกกันทีหลังแบบนั้นจะมองหน้ากันไม่ติด”
“แต่ทำไมพ่อกับแม่ดูผิดหวังล่ะคะ”
“นิดหน่อยจ้ะ เพราะพี่เขาเหมาะสมกับหนูมากเลยนะ ดูท่าทางเป็นผู้ใหญ่ ทำงานก็เก่งแต่เมื่อทั้งสองคนไม่อยากจะหมั้นพ่อกับแม่ก็ไม่บังคับหรอก แล้วหนูจะเอายังไงต่อล่ะ จะทำงานที่บริษัทเขาต่อไปหรือจะกลับบ้านไปทำงานกับพ่อกับพี่ดีล่ะ”
“หนูจะทำงานที่เดิมว่าแต่หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ” แพรรดามองหน้าบิดาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถามมาสิลูก” คุณทรงภพเห็นท่าทางของลูกสาวแล้วก็เริ่มคิดหนักเพราะท่าทางแบบนี้หมายความว่าหญิงสาวคงกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างซึ่งมันต้องเป็นอะไรที่ไม่เหมือนคนทั่วไปทำแน่ๆ
“พ่อกับแม่อยากได้พี่วัตถ์เป็นลูกเขยมากไหมคะ”
“อยากได้สิ ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ที่อยากได้เขาเป็นลูกเขยแต่ลุงดิลกกับป้ากัลยาก็อยากจะได้หนูเป็นสะใภ้ ว่าแต่หนูถามแม่ทำไมในเมื่อหนูเองก็ไม่อยากจะหมั้น”
“หนูว่าหนูเปลี่ยนใจแล้วค่ะ”
“แพรคิดจะทำอะไร”
“ก็ทำให้พ่อ แม่และลุงกับป้าสมหวังไงคะ”
ดรุณีมองหน้าสามีแล้วแอบยิ้ม เธอรู้ว่าลูกสาวเป็นคนชอบเอาชนะยิ่งได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะหมั้นก็ยิ่งกระตุ้นให้เธออยากจะทำตรงกันข้าม
หลังจากบิดามารดากลับไปแล้วแพรรดาก็เริ่มคิดถึงแผนการที่จะให้ทิวัตถ์เปลี่ยนใจมาหมั้นกับตนเองให้ได้เพราะเธอสืบจากเพื่อนมาแล้วรู้ว่าผู้หญิงที่เขาควงนั้นไม่ได้มีเขาแค่คนเดียวและเธอยังรู้อีกว่าอีกไม่กี่วันนี้ผู้หญิงคนนั้นจะเปิดตัวว่ากำลังคบกับนักธุรกิจท่านหนึ่งอยู่เธอแพรรดาหวังจะใช้โอกาสนี้ทำให้ทิวัตถ์หันมามองเธอและจากนั้นแผนขั้นต่อไปก็จะเริ่มขึ้น คนอย่างเธอไม่ชอบเลยที่ใครจะมาปฏิเสธง่ายๆ และเธอจะทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ หญิงสาวจึงนึกถึงเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นมาทันทีวันจันทร์ซึ่งตรงกับวันหยุดแพรรดาขับรถยุโรปสีแดงคันเก่งออกจากคอนโดมิเนียมตรงไปยังสปาสุดหรูของเพื่อนสนิทที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้นล่างสุดของโรงแรมห้าดาวยามบ่ายวันหยุดแบบนี้สปาของภัทรานิษฐ์ดูคึกคักกว่าวันปกติ ลูกค้าของเธอนั้นมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แม้ค่าบริการจะแพงกว่าที่อื่นอยู่หลายเท่าแต่ลูกค้าก็ยังคงเชื่อใจและมาใช้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้เธอจะเลือกแต่ของเกรดพรีเมียมแล้ว ที่นี่พนักงานทุกคนยังผ่านการฝึกอบรมการบริการรวมไปถึงกิริยามารยาทเป็นอย่างดี ทุกคนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและที่สำค
ทิวัตถ์พูดกับนางแบบสาวว่าถูกมารดาบังคับให้หมั้นกับลูกสาวของเพื่อนแต่เขาไม่อยากจะหมั้นเลยสักนิดจึงปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้ว“เรนนี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ว่าแต่ทำไมคุณถึงไม่อยากจะหมั้นล่ะคะ” หญิงสาวถามเพราะถ้าเขาตัดสินใจจะหมั้นเธอก็จะใช้โอกาสนี้บอกเลิกเขา“ก็ผมมีคุณอยู่แล้วไง อีกอย่างน้องแพรอะไรนั้นไม่ใช่สเปกผมเลย”“เคยเจอกันแล้วเหรอคะ”“เคยเจอเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กกะโปโลตัวคล้ำๆ ผอมเก้งก้าง สิวก็เขรอะใส่เหล็กดัดฟันสีชมพูดูยังไงก็ตลก”“แต่ตอนนี้เธออาจจะสวยขึ้นก็ได้นะคะ”“คนเราไม่น่าจะเปลี่ยนได้มากขนาดนั้น อยากมาก็คงดูดีในระดับหนึ่งแต่ความสวยคงสู้คุณไม่ได้หรอกเรนนี่” อารมณ์ของแพรรดาเดือดปุดๆ เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายที่ตนเองแอบชอบมาตั้งหลายปี และมันยิ่งกระตุ้นให้หญิงสาวอยากจะเอาชนะมากขึ้น“พัดได้ยินที่เขาว่าแพรใช่ไหม”“อือ ฟังแล้วมันน่าโมโห พัดว่าถ้าเขารู้ว่าตอนนี้แพรไม่เหมือนเมื่อก่อนเขาจะต้องเปลี่ยนใจและยอมหมั้นกับแพรแน่ๆ”“แต่แพรว่าถ้าเราแสดงตัวตอนนี้มันก็ไม่สนุกสิ แพรอยากให้เขาหลงแพรจนโงหัวไม่ขึ้น”“แพรสวยกว่าผู้หญิงคนนั้นอีกนะ แต่ยังขาดอะไรไปอย่าง”“อะไรเหรอพัด”“ก็
วันนี้ยังคงเป็นหยุดอีกหนึ่งวันแพรรดาเลยมีเวลาสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนจะไปเผชิญหน้ากับทิวัตถ์ท่านรองประธานที่มีใบหน้าเย็น หญิงสาวขับรถมาจอดที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สายตาคู่สวยมองไปในร้าน ซึ่งในขณะนี้ตอนนี้มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน เธอมองเป้าหมายตรงหน้า อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เรียนมาจากเพื่อนเมื่อวานจะได้ผลจริงหรือเปล่าเธอเดินเข้าไปร้าน สั่งกาแฟเสร็จก็ไปนั่งรอ จากที่เป็นคนไม่สนใจมองสิ่งรอบข้างแต่วันนี้เธอเลือกที่จะมองไปรอบๆ ร้าน แล้วมันก็ได้ผลเพราะเมื่อมองไปยังโต๊ะตรงกันข้ามก็เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาทางตัวเอง หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาสนใจกับสมาร์ทโฟนของตัวเองต่อ ในใจก็คิดว่าที่ยิ้มให้เขาแบบนั้นคงไม่น่าเกลียดจนเกินไป ก็ใครใช้ให้เขามองมาทางเธอล่ะ แต่แล้วมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวแต่ไม่ถึงกับซีดอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี เขาแต่งตัวสุภาพเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีกับกางเกงสแล็กส์สีเข้มดูโดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว“ค่ะ” เธอขยับกระเป๋าที่วางบนโต๊ะเล็กน้อยเพื่อให้เขาได้มีพื้นที่วางแก้วที่ถือติดมือมาด้วย“คุณค
“รายงานประจำเดือนกับวิเคราะห์การตลาดค่ะ มีบางจุดที่ฝ่ายการตลาดต้องปรับปรุง รดาสรุปไว้นะคะ รอท่านรองดูอีกที ถ้าตกลงก็จะส่งให้หัวหน้าการตลาดเลย” งานของแพรรดาเธอคือการช่วยงานเขาเรื่องไหนที่พอจะแบ่งเบาภาระได้เธอก็จะทำโดยไม่ต้องรอให้ทิวัตถ์ออกคำสั่ง ทิวัตถ์รับแฟ้มมาดูในขณะที่หญิงสาวเดินออกไปนอกห้อง เขามองตามหลังหญิงสาวที่วันนี้แต่งตัวแปลกไปจากทุกวัน ในใจก็คิดว่าเพราะอะไรเลขาของเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงการแต่งตัวไปแบบนี้ มันทำให้เขานึกถึงวันแรกที่เธอมาทำงานแต่พออีกวันเธอก็แต่งตัวตามแบบคุณอรดีเลาขาของบิดา “กาแฟค่ะท่านรอง” แพรรดากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่น ทิวัตถ์รับมาดื่มในขณะที่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือและกราฟหลากสีสันบนแท็บเล็ต “ทำตามนี้เลย ผมให้คุณรับผิดชอบกับแผนกการตลาดเองเลย ส่วนเรื่องงบประมาณคุณก็จัดการไปตามสมควร ได้เรื่องแล้วมาบอกผมด้วย” “ค่ะท่านรอง” “มีอะไรอีกเหรอ” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้วก็เห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิม “รดาเห็นว่าท่านรองดื่มกาแฟใกล้จะหมดแล้วก็เลยจะรอเอาแก้วไปออกไปเก็บเลยค่ะ” หญิงสาวพ
เช้าวันศุกร์แพรรดารีบมาที่บริษัทแต่เช้าอย่างเคยวันนี้เธอสวมเดรสสายเดี่ยวสีขาวไว้ข้างใน แต่ติดกระดุมสูทเรียบร้อยทำให้คนอื่นไม่เห็นว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นซ่อนความเซ็กซี่เอาไว้เธอรีบเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ตัวเองทำงาน ภายในลิฟต์เวลาเช้าอย่างนี้มีเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หญิงสาวยิ้มทักทายก่อนจะออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หญิงสาวมองเข้ามาจัดโต๊ะทำงานของทิวัตถ์อย่างเคยแล้วเธอก็บังเอิญเห็นโน้ตที่เขาเขียนเอาไว้ ใบหน้าสวยก็ยิ้มเมื่อเห็นเวลาและสถานที่นัดหมายของรองประธานหนุ่มกับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งเวลาสามทุ่มคืนนี้ มันคงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเธอจะบังเอิญไปเจอเขาที่นั่นเพราะมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเธอออกมานั่งทำงานของตนเองเมื่อเห็นว่าเขามาทำงานแล้วก็รอเวลาสักพักก่อนจะนำกาแฟเข้าไปให้ “ท่านรองดูอะไรอยู่ ขอรดาดูด้วยนะคะ” เธอเดินอ้อมโต๊ะและเบียดลำตัวเข้าไปมองจอที่เจ้านายกำลังมองอยู่ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ “จะซื้อให้คุณเรนนี่เหรอคะ” ทิวัตถ์พยักหน้า เขากำลังมองหาของขวัญให้กับเรนนี่สักชิ้นเพราะเธอ
“ขอบคุณท่านรองมากนะคะที่มาส่ง” พูดจบหญิงสาวก็ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะชะโงกหน้าเขามาใกล้แล้วหอมไปที่แก้มของเขาแล้วจะลงจากรถไปโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไร ทิวัตถ์ยิ้มมุมปากและคิดว่าที่เธอทำก็คงเป็นไปตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ หลายวันมานี้ท่าทางของแพรรดาเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่มาทำงานจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ แต่คนอย่างเขาเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดก็จะพยายามรักษาคำพูดถึงแม้เริ่มจะเอนเอียงไปทีละนิด ทิวัตถ์คิดว่าอาจจะเป็นเพราะตอนนี้ตนเองกำลังผิดหวังจากเรนนี่ก็เป็นได้ เขากลับมาถึงคอนโดมิเนียมของตนเองแล้วหยิบเหล้ามาดื่ม จากนั้นก็อ่านข่าวของเรนนี่ ดูสีหน้าของเธอเวลาให้สัมภาษณ์แล้วก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่วันนี้เรนนี่เป็นคนออกไปจากชีวิตเขา ทิวัตถ์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก บ่ายวันอาทิตย์รองประธานหนุ่มมารับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวอย่างเคย วันนี้มารดาของเขาดูจะยิ้มแย้มและมีความสุขมากเป็นพิเศษเขาเดาว่าน่าจะเป็นเพราะข่าวของเรนนี่ที่ตอนนี้มีหลายคนกำลังพูดถึง “แม่บอกแล้วว่าลูกกับหล่อนไม่มีทางไปด้วยกันได้หรอก อย่างนี้จะย
“ปกติแล้วเลขาต้องไปถึงที่ทำงานก่อนเจ้านายไม่ใช่เหรอ” “ค่ะ แต่นี่มันไม่ปกติไงคะ เพราะรดารถเสีย” “แล้วถ้ารถคุณซ่อมเป็นเดือนผมไม่ต้องคอยรับส่งคุณตลอดเหรอ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” “ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้ามันซ่อมเป็นเดือนจริงๆ รดาก็คงต้องหาเช่ารถมาใช้” ทิวัตถ์ไม่ได้พูดอะไรต่อเขากำลังคิดอยู่ว่ามันสมควรไหมถ้าจะให้เธอติดรถมาด้วย หรือเขาจะให้เธอยืมรถของบริษัทใช้ไปก่อน “ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เพราะมีรถที่กำลังเข้ามาจอดต่อจากรถของเขาแพรรดาเลยรีบกล่าวขอบคุณและลงจากรถไปโดยที่ตนเองยังไม่ได้คำตอบว่าเขาจะมารับเธอไปทำงานด้วยกันหรือเปล่า แพรรดาวิดีโอคอลประชุมสายเพื่อเล่าให้เพื่อนฟังถึงความคืบหน้าระหว่างตนเองกับทิวัตถ์ซึ่งนอกจากจะมีภัทรานิษฐ์ ชาช่าแล้วยังมีกรวิภาและนีรชาร่วมฟังอยู่ด้วย “เขาดูเย็นชามากเลยนะ แพรไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่” “แต่เท่าที่ฟังดูชาช่าว่าเขาน่าจะสนใจอยู่ แต่ผู้บริหารระดับนั้นคงวางตัวดี เขาคงไม่แสดงออกอย่างชัดเจนหรอก” “แบบนี้ต้องมีสิ่งกระตุ้น” นีรชาหรือน้ำชาเสนอ “ยังไ
ทิวัตถ์พ่นลมหายใจออกทันทีที่ประตูห้องปิดลง การกระทำของแพรรดาวันนี้ไม่ทำให้เขาเริ่มคิดจะเป็นสมภารขึ้นมาแล้วในเมื่อไก่วัดตัวนี้มันน่าอร่อยจนเขาแอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว เขานั่งใช้ความคิดอยู่นานว่าตัวเองจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ยิ่งตอนนี้เขาเองก็เพิ่งจะโสดแต่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั้นจะโสดด้วยหรือเปล่า ถ้าแพรรดายังไม่มีเจ้าของมันก็ไม่ผิดอะไรถ้าเขากับเธอจะสานสัมพันธ์กัน แล้วเวลาเดินทางไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัดมันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขาอีกต่อ ตลอดทั้งวันทิวัตถ์แทบไม่มีสมาธิทำงาน ถึงแม้หญิงสาวจะกลับมาสวมสูททับเกาะอกไปแล้วแต่ภาพที่เห็นเมื่อตอนเช้ามันก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ “เย็นนี้กลับพร้อมผมนะ แต่อาจจะช้าหน่อย รีบไปไหนหรือเปล่า” เขาโทรศัพท์มาถามแพรรดาเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน “ไม่ค่ะ รดารอกลับพร้อมท่านรองค่ะ”หลังเลิกงานท่านรองประธานหนุ่มกับเลขาสาวก็ออกจากบริษัทพร้อมกันในขณะที่พนักงานคนอื่นกลับไปแล้ว เขาแวะส่งเธอที่คอนโดมิเนียมอย่างเคยและทำแบบนี้ทุกวันกระทั่งถึงเย็นวันศุกร์ ขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่แพรรดาก็ได้
วันนี้ก็ครบสิบวันแล้วที่แพรรดากลับมาอยู่ที่บ้านและมันก็ตรงกับวันหยุดภีมวัชช์เลยชวนภัทรานิษฐ์มาค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานเพราะอยากให้น้องสาวได้มีเพื่อนคุยบ้าง“เราจะไปไหนกันเหรอพัด ทำไมพัดต้องให้แพรใส่ชุดนี้ด้วยล่ะ” แพรรดามองชุดกระโปรงสีหวานที่ดูเรียบร้อยขัดกับตัวเธออย่างมาก“พัดอยากไปไหว้พระ”“อ๋อ แล้วก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรก ว่าแต่ชุดนี้แพงน่าดูเลยนะ ขอถามหน่อยว่าใครจ่าย”“ที่ถามนี่ไม่รู้นิสัยพัดเหรอ เรื่องอะไรพัดจะยอมซื้อของแพงๆ ละ”“นั่นสินะ พี่ภีมเป็นคนจ่ายใช่ไหม” เพราะภัทรานิษฐ์เป็นคนประหยัดมากเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่มีทางที่เพื่อนจะยอมซื้อ“อือ เขาเป็นคนจ่าย”“พี่ชายแพรนี่ก็น่ารักดีนะ แต่ชุดนี้สวยถูกใจแพรมากเลยนะ”“พัดก็ว่าสวยนะเหมาะกับแพรมากแล้วถ้าจะให้ดีกว่านี้พัดว่าแพรแต่งหน้าสักหน่อยดีไหม”“ต้องแต่งด้วยเหรอเราแค่ไปวัดเองนะ”“ก็ชุดสวยแล้วหน้าก็ต้องเป๊ะสิ”ช่วยแต่งให้หน่อยสิ แต่อย่าเข้มมากนะ พัดแต่งหน้าเก่งกว่าแพรเยอะเลย แพรอยากให้พัดย้ายมาอยู่ที่นี่จังแพรจะได้ไม่เหงา”“แล้วพัดจะมาหาแพรบ่อยๆ”“สัญญาแล้วนะ”“ก็ก็ถ้าพี่ภีมไปรับนะ เพราะให้พัดมาเองพัดขี้เกียจขับรถ”“พี่ภีมเต็มใจไปรับ
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ทิวัตถ์มาทำงานโดยไม่มีเลขาหน้าห้องต้องเดือดร้อนคุณอรดีอีกอย่างเคย เพราะครั้งนี้เขายืนยันแล้วว่าจะไม่หาเลขาคนใหม่ เพราะยังรอให้แพรรดากลับมาทำงานด้วยทุกครั้งที่ประตูห้องทำงานเปิดออกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่แพรดาใบหน้าก็กลับมานิ่งอย่างเดิมพอไม่มีแพรรดาเขาก็รู้สึกเหมือนชีวิตไร้สีสัน มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เพราะสองเดือนมานี้เขามีแพรรดาข้างกายตลอดเวลา เขาไม่กลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมของคนเองอย่างเคยเพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็เอาแต่คิดถึงแพรรดาจนนอนไม่หลับบ้านของมารดาจึงเป็นที่แห่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลาย“แม่ว่าวัตถ์ดูเครียดไปนะ หาเวลาพักหน่อยไหม”“ผมยังไหวครับแม่รอพักทีเดียวดีกว่า”“แล้วได้ติดต่อน้องไปบ้างไหม น้องว่ายังไงบ้าง”“ผมว่าโทรไปน้องแพรก็คงไม่รับโทรศัพท์ผมเหรอครับแม่ อย่างโทรให้เสียเวลาเลย”“ไม่คุยกันแล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะ ป่านนี้น้องอาจจะกำลังรอให้วัตถ์โทรไปหาก็ได้นะ”“แม่คุยกับอาณีมาใช่ไหม”“ใช่ อาณีบอกแม่ว่าน้องเอาแต่ซึมไม่สดใสเหมือนก่อน แม่อยากให้วัตถ์โทรไปหาน้องบ้างไปคุยกันให้รู้เรื่อง”“แพรดื้อครับแม่ผมไ
แพรรดานอนมองเพดานห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในสายของอีกวันโดยที่ข้างกายว่างเปล่า ทิวัตถ์คงไปจากเธอแล้วอย่างที่เธอต้องการ หญิงสาวรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเองที่ทำทุกอย่างได้ตามแผน ทำให้เขาหลงรักแล้วปฏิเสธเขาอย่างที่ไร้เยื่อใย แต่ชัยชนะนั้นก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดหญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงชัยชนะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ยิ่งเห็นร่องรอยที่เขาฝากไว้ก็ยิ่งคิดถึงเขามากขึ้นไปอีกเวลาที่ได้ใกล้ชิดเขาไม่ถึงสองเดือนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนหวาน ท่านรองที่ดูเย็นชาของเธอนั้นกลายเป็นชายอีกคนที่ช่างอ้อนและเร่าร้อนอย่างที่สุดเวลาที่ด้วยกันอยู่บนเตียง แพรรดาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอถึงจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หลังจากอาบน้ำและทานอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเมื่อวานแล้วแพรรดาก็เก็บกวาดห้องอีกครั้ง เธอคิดว่าจากนี้จะปล่อยที่นี่ให้คนอื่นเช่าเพราะตัวเองคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัวและคงไม่กลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกแล้วหญิงสาวโทรไปบอกบิดามารดาว่าขอเวลาเก็บของและขอไปเจอเพื่อนอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้จากนั้นก็โทรนัดเพื่อนๆ ออกมาฉ
“อ่า..ของเมียแน่นจังอย่าเพิ่งตอดแรงนะ พี่จะทนไม่ไหวเอา”“แพรก็จะทนไม่ไหว มันเสียว อื้อออ...”แพรรดาผวาขึ้นมากอดเขาแน่นเมื่อเขาดันความใหญ่ยาวเข้าไปในตัวเธอทีเดียวจนสุดโคน“โอ้วว..แพรจ๋า ทั้งแน่นทั้งตอดกะจะฆ่ากันหรือไง”ทิวัตถ์กัดฟันกรอดเพราะโพรงอ่อนนุ่มตอดรัดอย่างแรงจนต้องรีบถอนตัวออกแล้วขยับเข้าไปใหม่ เขาโน้มตัวเข้าหาประกบจูบบดเบียดแลกลิ้นเป็นพัลวัน มือนวดคลึงเต้าอวบบีบขยี้ปลายยอดจนเธอเสียวไปถึงท้องน้อยสะโพกขยับเข้าออกไปตามแรงปรารถนา แพรรดาปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นไปตามความรู้สึกส่วนลึก ร่างกายตอบสนองเขาไปตามสัญชาตญาณไม่ว่าเขาจะจับจูงไปทิศทางไหนหญิงสาวก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ ทุกจังหวะที่ท่อนเอ็นร้อนครูดกับโพรงอ่อนนุ่มนั้นร้อนแรงจนหญิงสาวครางแทบไม่เป็นภาษา “สะเสียว พี่วัตถ์แพรเสียว ดูดแรงๆ นะคะ” หญิงสาวเสียวซ่านกับปากร้อนที่กำลังดูดกินยอดอก ยิ่งเขาดูดแรงเธอก็ยิ่งตอดรัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งตัว แรงบีบเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปรานี สะโพกก็ยังคงทำงานอย่างไม่มีพัก“แพรจะไม่ไหว”“คนเก่งของพี่ ให้พี่แรงอีกใช่ไหม”เขาถามอย่างรู้ใจ พอเห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำพยักขึ้นลง
แพรรดาเดินกลับมาอย่างไม่เร็วนักเพราะดื่มไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเมาจนเดินกลับห้องของตัวเองไม่ถูก หญิงสาวกดรหัสเปิดยังไม่ทันได้ปิดลงมือของใครบางคนก็ดึงประตูแล้วแทรกตัวเขามาในห้องโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ระวัง พอกันหลับไปมองก็ต้องตกใจ ใบหน้าสวยโกรธขึ้นมาทันที“คุณวัตถ์”“เมื่อวานยังเรียกพี่วัตถ์อยู่เลยทำไมวันนี้เรียกคุณวัตถ์ล่ะ”“ฉันจะเรียกยังไงมันก็เรื่องของฉัน”“ผัวเมียที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้นะ” เขาเดินเข้ามาใกล้แพรรดาถอยหนีจนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง“อย่ามาพูดแบบนี้ในห้องฉันนะ และก็กลับออกไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย” แพรรดาขู่เพราะเห็นท่าทางของเขาแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย“เรื่องผัวเมียมีใครที่ไหนเขาอยากจะยุ่งล่ะ พี่ว่าเรามาคุยกันดีๆ นะ”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”“ถ้าไม่อยากจะคุยงั้นเปลี่ยนมาเป็นครางแทนดีไหมล่ะ” เขาก้าวเขามาประชิดตัวสองมือกับเธอไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำจนแพรรดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดแก้ม“อย่านะคุณวัถต์” แพรรดาเอามือดันใบหน้าของเขาไว้ แต่แทนที่เขาจะสะทกสะท้านเขากลับดึงมือนั้นขึ้นจูบไปที่นิ้วพลางส่งสายตามองราวกับกำลังจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว
ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องออกไปทำงานแต่เช้าแพรรดาก็ตื่นตามเวลาปกติเพราะความเคยชิน หญิงสาวเริ่มเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า เพราะคิดจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน “เฮ้อ” แพรรดาถอนหายใจเพราะยิ่งจัดของใจก็ยิ่งว้าวุ่นขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่คิดว่าวันที่จะต้องลาออกจากงานและกลับไปช่วยงานที่บ้านจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนไม่คุยกับพี่ชายจนเพลินความลับที่เก็บไว้ก็น่าจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ในเมื่อทิวัตถ์รู้ความจริงแล้วแพรรดาก็คงไม่กล้าไปทำงานกับเขาอีก เรื่องระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเร็วและก็จบเร็วจนน่าใจหาย แพรรดายอมรับว่ายังรักเขาอยู่และความรักก็มากขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิด มันคงต้องใช้เวลาอีกมากกว่าที่เธอจะเลิกรักเขาได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอกับเขาไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เธอดีใจที่เขาบอกว่าอยากจะหมั้นแต่ถ้าเธอยอมก็เท่ากับว่าแผนการที่เธอวางไว้มันก็จะพังไม่เป็นท่าแล้วคนชอบเอาชนะอย่างเธอก็ไม่มีทางยอม แพรรดายอมเจ็บดีกว่าจะหมั้นกับเขาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับเธอเป็นคนแพ้หญิงสาวนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงหลังจากจัดของได้แค่เพียงนิด เพราะพี่ชายบอกเธอว
งานแต่งงานของปรีญาดามีแขกมาร่วมงานมากจนแพรรดาคิดไม่ถึงและหนึ่งในนั้นก็มีพี่ชายของรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้นั้นหญิงสาวก็เลยมีโอกาสออกมาคุยกับพี่ชายตามลำพัง “พี่ไม่คิดว่าแพรจะมางานนี้ด้วย” “แพรเป็นเลขาพี่วัตถ์นี่ค่ะก็ต้องมาด้วยอยู่แล้วไม่เห็นแปลกอะไรเลย” “แต่เขาไม่ได้มาในนามบริษัทนะ ระหว่างแพรกับเขามีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ พี่ภีมอย่าคิดมากเลย” “แต่พี่เห็นสายตาไอ้วัตถ์ที่มองแพรแล้วพี่พอจะดูออกนะ พี่ว่าตอนนี้เพื่อนของพี่คงไม่คิดกับแพรแค่เลขาแล้ว” “ก็ดีสิคะ” “ในเมื่อเขาเองก็คิดกับแพรเกินเลขาแล้ว พี่ว่าแพรก็ควรบอกความจริงกับเขาได้แล้ว” “ขอเวลาอีกนิดได้ไหม” “แพรรจะรออะไรอีก บอกความจริงเขาไปเถอะ มันไม่สนุกหรอกนะถ้าเราคนที่เรารู้สึกดีๆ ด้วยมาหลอก” “แพรไม่เคยหลอกนะคะพี่ภีม ในใบสมัครงานแพรก็เขียนความจริงทุกอย่าง ทั้งชื่อทั้งนามสกุลรวมถึงที่อยู่ที่บ้าน พี่วัตถ์ไม่สังเกตเองแล้วจะมาว่าแพรหลอกได้ยังไง” “พี่ถามหน่อยสิ แพรต้องตอบพี่ตรงๆ
ทิวัตถ์ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดคราบขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนออกจากกุหลาบงามจนสะอาดก่อนจะช่วยเธอสวมชุดให้กลับไปเป็นอย่างเดิม “คุณคงไม่มีแรงขับรถแน่ๆ ให้ผมไปส่งนะ” เขาพูดขณะเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กแล้วหยิบน้ำดื่มมาเปิดฝาแล้วส่งให้กับแพรรดา “ส่งที่คอนโดของรดานะคะ” พูดจบแพรรดาก็รับน้ำมาดื่มด้วยความกระหาย “พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับที่รัก ไปค้างด้วยกันนะ ยังไม่อิ่มเลยอยากกลับไปกินต่อ” “กินจุเกินไปแล้วนะคะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งสองรอบยังไม่พออีกเหรอ” หญิงสาวมองค้อน เพราะยังเหนื่อยไม่หายกับบทรักที่เขามอบให้เมื่อครู่ “แค่สองรอบเองครับ เมียผมกินอร่อยผมก็อยากกินเยอะๆ ได้ไหมล่ะ” “ไม่รู้สิคะ” แพรรดาไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะไหวไหมถ้าเขาจะจับเธอกินอีก เพราะตอนนี้หญิงสาวก็ทรงตัวแทบไม่อยู่ “ไม่รู้แสดงว่าต้องลอง เอาละ ไปที่รถเถอะ เดินไหวไหม” “ไหวค่ะ” แพรรดาเดินตามเขามาที่รถด้วยความสบายใจเพราะเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้ว “ขอนอนพักได้ไหม ถึงแล้วปลุกรดาด้วยนะคะ” “ได้สิ” เขาดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วปรับ
“ลองเสนอมาสิคะ”“ถ้าคุณไม่ให้ผมไปที่โรงแรม แล้วมีที่อื่นให้ผมไปไหมล่ะ”“ท่านรองอยากไปไหนล่ะคะ”“เลิกงานแล้วนะ”“คุณวัตถ์อยากไปไหนล่ะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนาม“อยากไปสวรรค์ ได้ไหมล่ะ พาไปได้หรือเปล่า”“ในห้องทำงานเหรอคะ” แพรรดาถามอย่างไม่แน่ใจ“ใช่สิ ถ้าผมหมดแรงอยู่ในห้องนี้ผมก็คงไปไหนไม่ได้ รดาคิดว่าทำให้ผมหมดแรงได้ไหม”“รดาไม่รู้ว่าคุณจะหมดแรงหรือเปล่าเอาเป็นว่ารดาจะทำคุณไปถึงสวรรค์อย่างที่อยากไปเลยล่ะคะ”เพราะกลัวเสียเขาให้กับคนอื่นแพรรดาเลยยอมทำตามคำขอของเขา มันดูกล้าบ้าบิ่นมากที่มีอะไรกันในห้องทำงานแต่เวลานี้ทุกคนก็กลับบ้านไปหมดแล้วแพรรดาถอดเสื้อตัวนอกของตนเอง แล้วคุกเข่าตรงหน้าท่านรองประธานหนุ่มสองมือลูบคลำความเป็นชายที่ซ่อนอยู่ในกางเกงผ้าเนื้อดีจนมันค่อยตื่นตัวขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่าตัวเขากำลังมองลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ“อื้ม....รดา”เขาครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อแพรรดาใช้ใบหน้าซุกไซร้อยู่นอกกางเกง เพียงแค่นี้ความเสียวก็แล่นพล่านไปทั่วกาย“ผมถอดให้นะ รดาจะได้กินถนัด”ถ้าหากจะรอให้เธอเป็นคนถอดเขาคงแทบคลั่ง ชายหนุ่มรีบจัด