ทิวัตถ์พูดกับนางแบบสาวว่าถูกมารดาบังคับให้หมั้นกับลูกสาวของเพื่อนแต่เขาไม่อยากจะหมั้นเลยสักนิดจึงปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้ว
“เรนนี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ว่าแต่ทำไมคุณถึงไม่อยากจะหมั้นล่ะคะ” หญิงสาวถามเพราะถ้าเขาตัดสินใจจะหมั้นเธอก็จะใช้โอกาสนี้บอกเลิกเขา
“ก็ผมมีคุณอยู่แล้วไง อีกอย่างน้องแพรอะไรนั้นไม่ใช่สเปกผมเลย”
“เคยเจอกันแล้วเหรอคะ”
“เคยเจอเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กกะโปโลตัวคล้ำๆ ผอมเก้งก้าง สิวก็เขรอะใส่เหล็กดัดฟันสีชมพูดูยังไงก็ตลก”
“แต่ตอนนี้เธออาจจะสวยขึ้นก็ได้นะคะ”
“คนเราไม่น่าจะเปลี่ยนได้มากขนาดนั้น อยากมาก็คงดูดีในระดับหนึ่งแต่ความสวยคงสู้คุณไม่ได้หรอกเรนนี่”
อารมณ์ของแพรรดาเดือดปุดๆ เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายที่ตนเองแอบชอบมาตั้งหลายปี และมันยิ่งกระตุ้นให้หญิงสาวอยากจะเอาชนะมากขึ้น
“พัดได้ยินที่เขาว่าแพรใช่ไหม”
“อือ ฟังแล้วมันน่าโมโห พัดว่าถ้าเขารู้ว่าตอนนี้แพรไม่เหมือนเมื่อก่อนเขาจะต้องเปลี่ยนใจและยอมหมั้นกับแพรแน่ๆ”
“แต่แพรว่าถ้าเราแสดงตัวตอนนี้มันก็ไม่สนุกสิ แพรอยากให้เขาหลงแพรจนโงหัวไม่ขึ้น”
“แพรสวยกว่าผู้หญิงคนนั้นอีกนะ แต่ยังขาดอะไรไปอย่าง”
“อะไรเหรอพัด”
“ก็มารยาหญิงไงล่ะ แพรสู้เธอคนนั้นไม่ได้เลย มันต้องยั่วหน่อยๆ เขาจะได้สนใจ” ภัทรานิษฐ์บอกเพื่อนไปอย่างที่ตนเองคิด
เรื่องหน้าตาเสื้อผ้าหน้าผมเธอก็คงพอสู้ได้แต่เรื่องยั่วยวนนี่สิ หญิงสาวคิดหนัก แล้วเธอก็ยิ้มออกเมื่อนึกได้ว่าเรื่องนี้ควรจะปรึกษากับใคร
“แพร พัดว่าเรารีบกินเถอะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวเอาแต่มองไปทางทิวัตถ์ เธอก็รู้สึกว่าอาการของเพื่อนคงจะหนักเอาการ
“แพรกินไม่ลงหรอกพัด” ก็เพราะภาพตรงหน้านั้นบาดตาบาดใจเธอเหลือเกิน
“วันนี้กินให้เต็มที่ก่อน จะได้มีแรง”
“กินก่อนก็ได้” ใบหน้าเธอยิ้มหากแต่แววตานั้นช่างดูไม่สดใสเลยสักนิด
พอแยกจากเพื่อนที่หน้าห้างใหญ่ใจกลางกรุง แพรรดาก็ขับรถไปหาเพื่อนสาวสุดจี๊ดคนหนึ่งที่เปิดคลาสสอนการแสดงอยู่อีกมุมเมือง
“ลมอะไรหอบมาไกลถึงนี่ยะ คุณหนูแพร” เสียงที่พยายามบีบให้เล็กของเพื่อนทำให้แพรรดายิ้มออก
ที่เธอเลือกขับรถมาหาชาญวุฒิหรือชาช่าเพราะว่าอยากให้เพื่อนคนนี้สอนเธอเรื่องจริตจะกร้าน รวมไปถึงท่าทางยั่วยวนที่เธอไม่ค่อยถนัด
หญิงสาวบอกถึงความต้องการของตัวเองกับเพื่อนสาวในร่างชายอย่างไม่ปิดบัง
“แกมาหาถูกคนแล้วล่ะ ฉันชาช่าคนนี้จะให้คุณหนูแพรแสนธรรมดาอย่างแกกลายเป็นแพรรดาสาวเปรี้ยวจี๊ดจนพ่อพระเอกของเธอยอมสยบแทบเท้า ไม่ต้องถึง 3 เดือนหรอก แค่ 1 อาทิตย์ก็พอ” เสียงนั้นฟังดูมั่นใจ
“ฉันก็หวังอย่างนั้น”
“แต่ฉันขอถามแกก่อนนะแพร ว่าถ้ามันเกิดเกินเลยไปไกลกว่าที่แกคิด แกจะรีบมันไหวแน่นะ”
“สำหรับฉันมันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ถ้าฉันทำให้พี่วัตถ์หันมาชอบฉันภายในเวลา 3 เดือนไม่ได้ ฉันก็จะลาออกแล้วกลับไปทำงานกับพ่อ”
“แกชอบผู้ชายคนนี้มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แต่ก่อนนะใช่ ฉันชอบเขามาก อาจจะเรียกว่ารักเลยก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็แค่อยากจะเอาชนะ”
“แต่ดูแกลงทุนมากเลยนะแพร”
“แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาเมินใส่ อีกอย่างฉันก็อยากให้เขารู้ว่าฉันในตอนนี้ไม่ใช่เด็กกะโปโลคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
“แกจะทำให้มันยุ่งยากไปหรือเปล่า ทำไมถึงไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะว่าแกก็คือแพรรดาที่เขาเคยเจอหลายปีก่อน”
“ถ้าบอกมันก็ไม่สนุกสิชาช่า”
“แกนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะ”
“ใช่สิ ฉันต้องให้เขารู้ว่าอย่ามาดูถูกคนอย่างฉัน แล้วอะไรที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้ ยิ่งเขาไม่อยากหมั้นฉันก็จะทำให้เขารู้ว่าไม่ควรปฏิเสธฉันตั้งแต่แรก”
“ก็จริงนะแก สมัยนี้อยากได้อะไรก็ต้องไขว่คว้า ตราบใดที่คนนั้นของแกยังไม่แต่งงานแกก็ไม่ผิดที่จะรุกหนักใส่เขาอย่างนี้”
“ชาช่าแกเป็นคนที่เข้าใจฉันจริงๆ” แพรรดากอดร่างหนาของเพื่อนแน่น เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเองในการรุกครั้งนี้ หญิงสาวมั่นใจว่าทิวัตถ์จะต้องเปลี่ยนใจและถึงตอนนั้นเธอจะทำให้เขาเจ็บให้สมกับที่เขากล้าปฏิเสธ
เมื่อเห็นความตั้งใจของเพื่อนชาญวุฒิก็เริ่มป้อนข้อมูลให้กับแพรรดาซึ่งหญิงสาวบันทึกทุกคำพูดและกิริยาท่าทางนั้นลงในโทรศัพท์เพื่อเอาไว้ทบทวนก่อนออกสนามจริงในวันพุธที่จะถึงนี้
“ขอบใจนะชาช่า” แพรรดาน้ำตารื้นกอดเพื่อนอีกครั้ง
“ส่วนเรื่องนั้น...” หญิงสาวในร่างชายมีสีหน้าวิกตกกังวลจนเห็นได้ชัด เพราะสิ่งที่แพรรดาขอร้องให้ช่วยอีกเรื่องนั้นเธอไม่เห็นด้วย
“ชาช่า แพรแค่อยากรู้ว่าจริงๆ แล้วมันต้องทำยังไงบ้าง”
“แกก็หาดูตามอินเตอร์เน็ตเอาก็ได้”
“มันไม่เหมือนกัน ฉันจะลงสนามทั้งที แกจะให้ความรู้ฉันแบบครึ่งๆ กลางอย่างนั้นเหรอ ถ้าเกิดเรื่องอย่างว่ามันเกิดขึ้นจริงแล้วฉันนอนแข็งเป็นท่อนไม้ขึ้นมา พี่วัตถ์คงได้หัวเราะเยาะฉัน เผลอๆ ได้โดนไล่ออกจากงานกันพอดี”
“เฮ้อ...”
“นะ นะ ชาช่าคนสวยของแพร ได้โปรด ...Please…”
“ก็ได้ย่ะ” แล้วเธอก็ต้องยอมใจอ่อนให้เบอร์โทรศัพท์ของรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยทำงานเป็นหญิงบริการมาหลายปี
“ขอบใจนะ ชาช่าคนสวย”
“ฉันรู้ว่าฉันสวย ไม่ต้องชมบ่อยก็ได้ย่ะ แล้วโทรไปคุยกับพี่เขาดีๆ นะ บอกเหตุผลเขาก่อนว่าทำไมถึงอยากรู้ ไม่ใช่ว่าไปถามเขาตรงๆ ว่าเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรบ้างผู้ชายถึงจะติดใจ แล้วเอาไว้แค่เป็นเครื่องประดับสมองนะแก ไม่ใช่ไปหัดทำจริงล่ะ”
“ฉันจะไปหัดทำแบบนั้นกับใครที่ไหนหรือแกจะเป็นคู่ซ้อมล่ะชาช่า”
“ต๊ายตาย.. ขืนฉันทำอย่างนั้นกับแกฟ้าได้ผ่าตายกันพอดี”
พอแยกจากเพื่อนแพรรดาก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์โทรที่เพื่อนให้ไว้เมื่อวาน เธอรอสายอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงรับสาย หญิงสาวแนะนำตัวเองให้คนปลายสายรู้จักก่อนจะบอกถึงจุดประสงค์ที่โทรศัพท์มาหา ปลายสายดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่คงเพราะชาญวุฒิโทรไปเกริ่นเรื่องของเธอก่อนหน้านั้นแล้ว
เพราะการคุยโทรศัพท์มันทำให้หญิงสาวนึกภาพไม่ออกเธอจึงนัดเจอกับผู้หญิงคนนั้นที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก
พอแนะนำตัวกันแล้วทั้งสองก็ย้ายมานั่งคุยในรถของหญิงสาวเพื่อนที่จะได้คุยกันให้สะดวกมากขึ้น เธอถามทุกอย่างที่อยากรู้ เวลาผ่านไปนานกว่าแพรรดาจะยอมให้อีกคนลงจากรถ เธอไม่ลืมที่จะโอนเงินค่าเสียเวลาเข้าบัญชีของพี่ลูกตาลคนที่สอนในเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
วันนี้ยังคงเป็นหยุดอีกหนึ่งวันแพรรดาเลยมีเวลาสร้างความมั่นใจให้กับตนเองก่อนจะไปเผชิญหน้ากับทิวัตถ์ท่านรองประธานที่มีใบหน้าเย็น หญิงสาวขับรถมาจอดที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สายตาคู่สวยมองไปในร้าน ซึ่งในขณะนี้ตอนนี้มีลูกค้าอยู่ไม่กี่คน เธอมองเป้าหมายตรงหน้า อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เรียนมาจากเพื่อนเมื่อวานจะได้ผลจริงหรือเปล่าเธอเดินเข้าไปร้าน สั่งกาแฟเสร็จก็ไปนั่งรอ จากที่เป็นคนไม่สนใจมองสิ่งรอบข้างแต่วันนี้เธอเลือกที่จะมองไปรอบๆ ร้าน แล้วมันก็ได้ผลเพราะเมื่อมองไปยังโต๊ะตรงกันข้ามก็เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาทางตัวเอง หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาสนใจกับสมาร์ทโฟนของตัวเองต่อ ในใจก็คิดว่าที่ยิ้มให้เขาแบบนั้นคงไม่น่าเกลียดจนเกินไป ก็ใครใช้ให้เขามองมาทางเธอล่ะ แต่แล้วมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวแต่ไม่ถึงกับซีดอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี เขาแต่งตัวสุภาพเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีกับกางเกงสแล็กส์สีเข้มดูโดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว“ค่ะ” เธอขยับกระเป๋าที่วางบนโต๊ะเล็กน้อยเพื่อให้เขาได้มีพื้นที่วางแก้วที่ถือติดมือมาด้วย“คุณค
“รายงานประจำเดือนกับวิเคราะห์การตลาดค่ะ มีบางจุดที่ฝ่ายการตลาดต้องปรับปรุง รดาสรุปไว้นะคะ รอท่านรองดูอีกที ถ้าตกลงก็จะส่งให้หัวหน้าการตลาดเลย” งานของแพรรดาเธอคือการช่วยงานเขาเรื่องไหนที่พอจะแบ่งเบาภาระได้เธอก็จะทำโดยไม่ต้องรอให้ทิวัตถ์ออกคำสั่ง ทิวัตถ์รับแฟ้มมาดูในขณะที่หญิงสาวเดินออกไปนอกห้อง เขามองตามหลังหญิงสาวที่วันนี้แต่งตัวแปลกไปจากทุกวัน ในใจก็คิดว่าเพราะอะไรเลขาของเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงการแต่งตัวไปแบบนี้ มันทำให้เขานึกถึงวันแรกที่เธอมาทำงานแต่พออีกวันเธอก็แต่งตัวตามแบบคุณอรดีเลาขาของบิดา “กาแฟค่ะท่านรอง” แพรรดากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่น ทิวัตถ์รับมาดื่มในขณะที่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือและกราฟหลากสีสันบนแท็บเล็ต “ทำตามนี้เลย ผมให้คุณรับผิดชอบกับแผนกการตลาดเองเลย ส่วนเรื่องงบประมาณคุณก็จัดการไปตามสมควร ได้เรื่องแล้วมาบอกผมด้วย” “ค่ะท่านรอง” “มีอะไรอีกเหรอ” เมื่อสั่งงานเสร็จแล้วก็เห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิม “รดาเห็นว่าท่านรองดื่มกาแฟใกล้จะหมดแล้วก็เลยจะรอเอาแก้วไปออกไปเก็บเลยค่ะ” หญิงสาวพ
เช้าวันศุกร์แพรรดารีบมาที่บริษัทแต่เช้าอย่างเคยวันนี้เธอสวมเดรสสายเดี่ยวสีขาวไว้ข้างใน แต่ติดกระดุมสูทเรียบร้อยทำให้คนอื่นไม่เห็นว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นซ่อนความเซ็กซี่เอาไว้เธอรีบเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ตัวเองทำงาน ภายในลิฟต์เวลาเช้าอย่างนี้มีเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หญิงสาวยิ้มทักทายก่อนจะออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หญิงสาวมองเข้ามาจัดโต๊ะทำงานของทิวัตถ์อย่างเคยแล้วเธอก็บังเอิญเห็นโน้ตที่เขาเขียนเอาไว้ ใบหน้าสวยก็ยิ้มเมื่อเห็นเวลาและสถานที่นัดหมายของรองประธานหนุ่มกับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งเวลาสามทุ่มคืนนี้ มันคงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเธอจะบังเอิญไปเจอเขาที่นั่นเพราะมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเธอออกมานั่งทำงานของตนเองเมื่อเห็นว่าเขามาทำงานแล้วก็รอเวลาสักพักก่อนจะนำกาแฟเข้าไปให้ “ท่านรองดูอะไรอยู่ ขอรดาดูด้วยนะคะ” เธอเดินอ้อมโต๊ะและเบียดลำตัวเข้าไปมองจอที่เจ้านายกำลังมองอยู่ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ “จะซื้อให้คุณเรนนี่เหรอคะ” ทิวัตถ์พยักหน้า เขากำลังมองหาของขวัญให้กับเรนนี่สักชิ้นเพราะเธอ
“ขอบคุณท่านรองมากนะคะที่มาส่ง” พูดจบหญิงสาวก็ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะชะโงกหน้าเขามาใกล้แล้วหอมไปที่แก้มของเขาแล้วจะลงจากรถไปโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไร ทิวัตถ์ยิ้มมุมปากและคิดว่าที่เธอทำก็คงเป็นไปตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ หลายวันมานี้ท่าทางของแพรรดาเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่มาทำงานจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ แต่คนอย่างเขาเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดก็จะพยายามรักษาคำพูดถึงแม้เริ่มจะเอนเอียงไปทีละนิด ทิวัตถ์คิดว่าอาจจะเป็นเพราะตอนนี้ตนเองกำลังผิดหวังจากเรนนี่ก็เป็นได้ เขากลับมาถึงคอนโดมิเนียมของตนเองแล้วหยิบเหล้ามาดื่ม จากนั้นก็อ่านข่าวของเรนนี่ ดูสีหน้าของเธอเวลาให้สัมภาษณ์แล้วก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่วันนี้เรนนี่เป็นคนออกไปจากชีวิตเขา ทิวัตถ์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก บ่ายวันอาทิตย์รองประธานหนุ่มมารับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวอย่างเคย วันนี้มารดาของเขาดูจะยิ้มแย้มและมีความสุขมากเป็นพิเศษเขาเดาว่าน่าจะเป็นเพราะข่าวของเรนนี่ที่ตอนนี้มีหลายคนกำลังพูดถึง “แม่บอกแล้วว่าลูกกับหล่อนไม่มีทางไปด้วยกันได้หรอก อย่างนี้จะย
“ปกติแล้วเลขาต้องไปถึงที่ทำงานก่อนเจ้านายไม่ใช่เหรอ” “ค่ะ แต่นี่มันไม่ปกติไงคะ เพราะรดารถเสีย” “แล้วถ้ารถคุณซ่อมเป็นเดือนผมไม่ต้องคอยรับส่งคุณตลอดเหรอ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” “ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้ามันซ่อมเป็นเดือนจริงๆ รดาก็คงต้องหาเช่ารถมาใช้” ทิวัตถ์ไม่ได้พูดอะไรต่อเขากำลังคิดอยู่ว่ามันสมควรไหมถ้าจะให้เธอติดรถมาด้วย หรือเขาจะให้เธอยืมรถของบริษัทใช้ไปก่อน “ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เพราะมีรถที่กำลังเข้ามาจอดต่อจากรถของเขาแพรรดาเลยรีบกล่าวขอบคุณและลงจากรถไปโดยที่ตนเองยังไม่ได้คำตอบว่าเขาจะมารับเธอไปทำงานด้วยกันหรือเปล่า แพรรดาวิดีโอคอลประชุมสายเพื่อเล่าให้เพื่อนฟังถึงความคืบหน้าระหว่างตนเองกับทิวัตถ์ซึ่งนอกจากจะมีภัทรานิษฐ์ ชาช่าแล้วยังมีกรวิภาและนีรชาร่วมฟังอยู่ด้วย “เขาดูเย็นชามากเลยนะ แพรไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่” “แต่เท่าที่ฟังดูชาช่าว่าเขาน่าจะสนใจอยู่ แต่ผู้บริหารระดับนั้นคงวางตัวดี เขาคงไม่แสดงออกอย่างชัดเจนหรอก” “แบบนี้ต้องมีสิ่งกระตุ้น” นีรชาหรือน้ำชาเสนอ “ยังไ
ทิวัตถ์พ่นลมหายใจออกทันทีที่ประตูห้องปิดลง การกระทำของแพรรดาวันนี้ไม่ทำให้เขาเริ่มคิดจะเป็นสมภารขึ้นมาแล้วในเมื่อไก่วัดตัวนี้มันน่าอร่อยจนเขาแอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว เขานั่งใช้ความคิดอยู่นานว่าตัวเองจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ยิ่งตอนนี้เขาเองก็เพิ่งจะโสดแต่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั้นจะโสดด้วยหรือเปล่า ถ้าแพรรดายังไม่มีเจ้าของมันก็ไม่ผิดอะไรถ้าเขากับเธอจะสานสัมพันธ์กัน แล้วเวลาเดินทางไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัดมันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขาอีกต่อ ตลอดทั้งวันทิวัตถ์แทบไม่มีสมาธิทำงาน ถึงแม้หญิงสาวจะกลับมาสวมสูททับเกาะอกไปแล้วแต่ภาพที่เห็นเมื่อตอนเช้ามันก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ “เย็นนี้กลับพร้อมผมนะ แต่อาจจะช้าหน่อย รีบไปไหนหรือเปล่า” เขาโทรศัพท์มาถามแพรรดาเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน “ไม่ค่ะ รดารอกลับพร้อมท่านรองค่ะ”หลังเลิกงานท่านรองประธานหนุ่มกับเลขาสาวก็ออกจากบริษัทพร้อมกันในขณะที่พนักงานคนอื่นกลับไปแล้ว เขาแวะส่งเธอที่คอนโดมิเนียมอย่างเคยและทำแบบนี้ทุกวันกระทั่งถึงเย็นวันศุกร์ ขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่แพรรดาก็ได้
แพรรดาออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับทิวัตถ์ที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี “บังเอิญจังนะคะท่านรองที่เราเจอกันที่นี่” “อยู่นอกบริษัทเรียกผมว่าวัตถ์ก็ได้”“ค่ะคุณวัตถ์”“แล้วจะกลับหรือยังล่ะ ผมจะไปส่ง” “รดายังไม่อยากกลับค่ะ กำลังคุยกับหมอวินสนุกอยู่เลย นี่ก็ว่าจะไปหาที่นั่งคุยกันต่อ คุณวัตถ์จะกลับแล้วเหรอคะ” “ยั่วผมคนเดียวไม่พอหรือไง ถึงได้ยั่วคนอื่นไปทั่ว” “รดาไม่ได้ยั่วนะคะ เราสองคนก็แค่คุยกันเท่านั้นเอง” “แล้วคุยกันต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วที่บอกว่าจะออกไปคุยกันต่อที่อื่นผมว่าก็คงจะเป็นนอนคุยมากกว่าล่ะมั้ง” “รดาจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของรดานี่คะ คุณวัตถ์เพิ่งจะบอกเองว่าที่นี่ไม่ใช่บริษัท” “ถึงไม่ใช่บริษัทก็ถือว่าคุณเป็นคนของผมนะ” “รดาไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ เวลางานก็คือเวลางาน เวลาอยู่ข้างนอกทุกคนก็มีอิสระที่จะทำอะไรหรือไปนอนกับใคร รดาขอตัวก่อนนะคะไม่อยากให้เขารอนาน” พูดจบแพรรดาก็หมุนตัวตัวกลัว “เดี๋ยวสิ” ทิวัตถ์คว้าท่อนแขนเธอไว้แล้วดึงให้หญิงสาวเข้ามาชิดจนความนุ่มหยุ่นปะทะกั
เช้าวันจันทร์แพรรดาก็ตื่นมาทำงานตามปกติ วันนี้เธอจะต้องขับรถไปทำงานเองเพราะถ้าบอกว่ารถยังซ่อมไม่เสร็จมันก็จะฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ทั้งที่จริงแล้วรถของตนเองไม่เป็นอะไรเลย เธอมาถึงบริษัทก่อนพนักงานคนอื่น พอเปิดประตูห้องทำงานของรองประธานเข้าไปก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาถึงที่ทำงานก่อนตนเอง “ท่านรองมาทำงานเช้าจังนะคะ” “ผมกะเวลาผิดนิดหน่อยนะ” เมื่อเช้าชายหนุ่มออกจากคอนโดมิเนียมในเวลาเดิมที่เคยไปรับแพรรดาแต่พอมาขับรถถึงกลางทางก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตนเองไม่ต้องไปรับเลาขา แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้วจึงเข้าบริษัทตั้งแต่เช้า “ทานอะไรมาหรือยังคะ” “ยังเลย คุณล่ะ” “รดาเรียบร้อยมาจากคอนโดแล้วค่ะ ท่านรองรอนะคะเดี๋ยวรดาไปหาอะไรให้ทาน” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวสายๆ เราก็ต้องออกไปข้างนอกค่อยแวะทานตอนนั้นก็ได้ ตอนนี้เอาแค่กาแฟก็พอ” “ได้ค่ะ” แพรรดาเดินมายังส่วนที่จัดไว้เป็นมุมทานอาหารของพนักงานซึ่งในนี้มีทั้งขนมและกาแฟสำหรับพนักงานทุกคน “ผมเพิ่งรู้ว่ามุมกาแฟของที่นี่ก็น่านั่งเหมือนกัน” เขานั่งลงบนโต๊ะขณะที่มองหญ
วันนี้ก็ครบสิบวันแล้วที่แพรรดากลับมาอยู่ที่บ้านและมันก็ตรงกับวันหยุดภีมวัชช์เลยชวนภัทรานิษฐ์มาค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานเพราะอยากให้น้องสาวได้มีเพื่อนคุยบ้าง“เราจะไปไหนกันเหรอพัด ทำไมพัดต้องให้แพรใส่ชุดนี้ด้วยล่ะ” แพรรดามองชุดกระโปรงสีหวานที่ดูเรียบร้อยขัดกับตัวเธออย่างมาก“พัดอยากไปไหว้พระ”“อ๋อ แล้วก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรก ว่าแต่ชุดนี้แพงน่าดูเลยนะ ขอถามหน่อยว่าใครจ่าย”“ที่ถามนี่ไม่รู้นิสัยพัดเหรอ เรื่องอะไรพัดจะยอมซื้อของแพงๆ ละ”“นั่นสินะ พี่ภีมเป็นคนจ่ายใช่ไหม” เพราะภัทรานิษฐ์เป็นคนประหยัดมากเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่มีทางที่เพื่อนจะยอมซื้อ“อือ เขาเป็นคนจ่าย”“พี่ชายแพรนี่ก็น่ารักดีนะ แต่ชุดนี้สวยถูกใจแพรมากเลยนะ”“พัดก็ว่าสวยนะเหมาะกับแพรมากแล้วถ้าจะให้ดีกว่านี้พัดว่าแพรแต่งหน้าสักหน่อยดีไหม”“ต้องแต่งด้วยเหรอเราแค่ไปวัดเองนะ”“ก็ชุดสวยแล้วหน้าก็ต้องเป๊ะสิ”ช่วยแต่งให้หน่อยสิ แต่อย่าเข้มมากนะ พัดแต่งหน้าเก่งกว่าแพรเยอะเลย แพรอยากให้พัดย้ายมาอยู่ที่นี่จังแพรจะได้ไม่เหงา”“แล้วพัดจะมาหาแพรบ่อยๆ”“สัญญาแล้วนะ”“ก็ก็ถ้าพี่ภีมไปรับนะ เพราะให้พัดมาเองพัดขี้เกียจขับรถ”“พี่ภีมเต็มใจไปรับ
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ทิวัตถ์มาทำงานโดยไม่มีเลขาหน้าห้องต้องเดือดร้อนคุณอรดีอีกอย่างเคย เพราะครั้งนี้เขายืนยันแล้วว่าจะไม่หาเลขาคนใหม่ เพราะยังรอให้แพรรดากลับมาทำงานด้วยทุกครั้งที่ประตูห้องทำงานเปิดออกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่แพรดาใบหน้าก็กลับมานิ่งอย่างเดิมพอไม่มีแพรรดาเขาก็รู้สึกเหมือนชีวิตไร้สีสัน มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เพราะสองเดือนมานี้เขามีแพรรดาข้างกายตลอดเวลา เขาไม่กลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมของคนเองอย่างเคยเพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็เอาแต่คิดถึงแพรรดาจนนอนไม่หลับบ้านของมารดาจึงเป็นที่แห่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลาย“แม่ว่าวัตถ์ดูเครียดไปนะ หาเวลาพักหน่อยไหม”“ผมยังไหวครับแม่รอพักทีเดียวดีกว่า”“แล้วได้ติดต่อน้องไปบ้างไหม น้องว่ายังไงบ้าง”“ผมว่าโทรไปน้องแพรก็คงไม่รับโทรศัพท์ผมเหรอครับแม่ อย่างโทรให้เสียเวลาเลย”“ไม่คุยกันแล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะ ป่านนี้น้องอาจจะกำลังรอให้วัตถ์โทรไปหาก็ได้นะ”“แม่คุยกับอาณีมาใช่ไหม”“ใช่ อาณีบอกแม่ว่าน้องเอาแต่ซึมไม่สดใสเหมือนก่อน แม่อยากให้วัตถ์โทรไปหาน้องบ้างไปคุยกันให้รู้เรื่อง”“แพรดื้อครับแม่ผมไ
แพรรดานอนมองเพดานห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในสายของอีกวันโดยที่ข้างกายว่างเปล่า ทิวัตถ์คงไปจากเธอแล้วอย่างที่เธอต้องการ หญิงสาวรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเองที่ทำทุกอย่างได้ตามแผน ทำให้เขาหลงรักแล้วปฏิเสธเขาอย่างที่ไร้เยื่อใย แต่ชัยชนะนั้นก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดหญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงชัยชนะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ยิ่งเห็นร่องรอยที่เขาฝากไว้ก็ยิ่งคิดถึงเขามากขึ้นไปอีกเวลาที่ได้ใกล้ชิดเขาไม่ถึงสองเดือนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนหวาน ท่านรองที่ดูเย็นชาของเธอนั้นกลายเป็นชายอีกคนที่ช่างอ้อนและเร่าร้อนอย่างที่สุดเวลาที่ด้วยกันอยู่บนเตียง แพรรดาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอถึงจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หลังจากอาบน้ำและทานอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเมื่อวานแล้วแพรรดาก็เก็บกวาดห้องอีกครั้ง เธอคิดว่าจากนี้จะปล่อยที่นี่ให้คนอื่นเช่าเพราะตัวเองคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัวและคงไม่กลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกแล้วหญิงสาวโทรไปบอกบิดามารดาว่าขอเวลาเก็บของและขอไปเจอเพื่อนอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้จากนั้นก็โทรนัดเพื่อนๆ ออกมาฉ
“อ่า..ของเมียแน่นจังอย่าเพิ่งตอดแรงนะ พี่จะทนไม่ไหวเอา”“แพรก็จะทนไม่ไหว มันเสียว อื้อออ...”แพรรดาผวาขึ้นมากอดเขาแน่นเมื่อเขาดันความใหญ่ยาวเข้าไปในตัวเธอทีเดียวจนสุดโคน“โอ้วว..แพรจ๋า ทั้งแน่นทั้งตอดกะจะฆ่ากันหรือไง”ทิวัตถ์กัดฟันกรอดเพราะโพรงอ่อนนุ่มตอดรัดอย่างแรงจนต้องรีบถอนตัวออกแล้วขยับเข้าไปใหม่ เขาโน้มตัวเข้าหาประกบจูบบดเบียดแลกลิ้นเป็นพัลวัน มือนวดคลึงเต้าอวบบีบขยี้ปลายยอดจนเธอเสียวไปถึงท้องน้อยสะโพกขยับเข้าออกไปตามแรงปรารถนา แพรรดาปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นไปตามความรู้สึกส่วนลึก ร่างกายตอบสนองเขาไปตามสัญชาตญาณไม่ว่าเขาจะจับจูงไปทิศทางไหนหญิงสาวก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ ทุกจังหวะที่ท่อนเอ็นร้อนครูดกับโพรงอ่อนนุ่มนั้นร้อนแรงจนหญิงสาวครางแทบไม่เป็นภาษา “สะเสียว พี่วัตถ์แพรเสียว ดูดแรงๆ นะคะ” หญิงสาวเสียวซ่านกับปากร้อนที่กำลังดูดกินยอดอก ยิ่งเขาดูดแรงเธอก็ยิ่งตอดรัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งตัว แรงบีบเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปรานี สะโพกก็ยังคงทำงานอย่างไม่มีพัก“แพรจะไม่ไหว”“คนเก่งของพี่ ให้พี่แรงอีกใช่ไหม”เขาถามอย่างรู้ใจ พอเห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำพยักขึ้นลง
แพรรดาเดินกลับมาอย่างไม่เร็วนักเพราะดื่มไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเมาจนเดินกลับห้องของตัวเองไม่ถูก หญิงสาวกดรหัสเปิดยังไม่ทันได้ปิดลงมือของใครบางคนก็ดึงประตูแล้วแทรกตัวเขามาในห้องโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ระวัง พอกันหลับไปมองก็ต้องตกใจ ใบหน้าสวยโกรธขึ้นมาทันที“คุณวัตถ์”“เมื่อวานยังเรียกพี่วัตถ์อยู่เลยทำไมวันนี้เรียกคุณวัตถ์ล่ะ”“ฉันจะเรียกยังไงมันก็เรื่องของฉัน”“ผัวเมียที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้นะ” เขาเดินเข้ามาใกล้แพรรดาถอยหนีจนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง“อย่ามาพูดแบบนี้ในห้องฉันนะ และก็กลับออกไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย” แพรรดาขู่เพราะเห็นท่าทางของเขาแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย“เรื่องผัวเมียมีใครที่ไหนเขาอยากจะยุ่งล่ะ พี่ว่าเรามาคุยกันดีๆ นะ”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”“ถ้าไม่อยากจะคุยงั้นเปลี่ยนมาเป็นครางแทนดีไหมล่ะ” เขาก้าวเขามาประชิดตัวสองมือกับเธอไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำจนแพรรดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดแก้ม“อย่านะคุณวัถต์” แพรรดาเอามือดันใบหน้าของเขาไว้ แต่แทนที่เขาจะสะทกสะท้านเขากลับดึงมือนั้นขึ้นจูบไปที่นิ้วพลางส่งสายตามองราวกับกำลังจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว
ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องออกไปทำงานแต่เช้าแพรรดาก็ตื่นตามเวลาปกติเพราะความเคยชิน หญิงสาวเริ่มเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า เพราะคิดจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน “เฮ้อ” แพรรดาถอนหายใจเพราะยิ่งจัดของใจก็ยิ่งว้าวุ่นขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่คิดว่าวันที่จะต้องลาออกจากงานและกลับไปช่วยงานที่บ้านจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนไม่คุยกับพี่ชายจนเพลินความลับที่เก็บไว้ก็น่าจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ในเมื่อทิวัตถ์รู้ความจริงแล้วแพรรดาก็คงไม่กล้าไปทำงานกับเขาอีก เรื่องระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเร็วและก็จบเร็วจนน่าใจหาย แพรรดายอมรับว่ายังรักเขาอยู่และความรักก็มากขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิด มันคงต้องใช้เวลาอีกมากกว่าที่เธอจะเลิกรักเขาได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอกับเขาไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เธอดีใจที่เขาบอกว่าอยากจะหมั้นแต่ถ้าเธอยอมก็เท่ากับว่าแผนการที่เธอวางไว้มันก็จะพังไม่เป็นท่าแล้วคนชอบเอาชนะอย่างเธอก็ไม่มีทางยอม แพรรดายอมเจ็บดีกว่าจะหมั้นกับเขาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับเธอเป็นคนแพ้หญิงสาวนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงหลังจากจัดของได้แค่เพียงนิด เพราะพี่ชายบอกเธอว
งานแต่งงานของปรีญาดามีแขกมาร่วมงานมากจนแพรรดาคิดไม่ถึงและหนึ่งในนั้นก็มีพี่ชายของรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้นั้นหญิงสาวก็เลยมีโอกาสออกมาคุยกับพี่ชายตามลำพัง “พี่ไม่คิดว่าแพรจะมางานนี้ด้วย” “แพรเป็นเลขาพี่วัตถ์นี่ค่ะก็ต้องมาด้วยอยู่แล้วไม่เห็นแปลกอะไรเลย” “แต่เขาไม่ได้มาในนามบริษัทนะ ระหว่างแพรกับเขามีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ พี่ภีมอย่าคิดมากเลย” “แต่พี่เห็นสายตาไอ้วัตถ์ที่มองแพรแล้วพี่พอจะดูออกนะ พี่ว่าตอนนี้เพื่อนของพี่คงไม่คิดกับแพรแค่เลขาแล้ว” “ก็ดีสิคะ” “ในเมื่อเขาเองก็คิดกับแพรเกินเลขาแล้ว พี่ว่าแพรก็ควรบอกความจริงกับเขาได้แล้ว” “ขอเวลาอีกนิดได้ไหม” “แพรรจะรออะไรอีก บอกความจริงเขาไปเถอะ มันไม่สนุกหรอกนะถ้าเราคนที่เรารู้สึกดีๆ ด้วยมาหลอก” “แพรไม่เคยหลอกนะคะพี่ภีม ในใบสมัครงานแพรก็เขียนความจริงทุกอย่าง ทั้งชื่อทั้งนามสกุลรวมถึงที่อยู่ที่บ้าน พี่วัตถ์ไม่สังเกตเองแล้วจะมาว่าแพรหลอกได้ยังไง” “พี่ถามหน่อยสิ แพรต้องตอบพี่ตรงๆ
ทิวัตถ์ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดคราบขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนออกจากกุหลาบงามจนสะอาดก่อนจะช่วยเธอสวมชุดให้กลับไปเป็นอย่างเดิม “คุณคงไม่มีแรงขับรถแน่ๆ ให้ผมไปส่งนะ” เขาพูดขณะเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กแล้วหยิบน้ำดื่มมาเปิดฝาแล้วส่งให้กับแพรรดา “ส่งที่คอนโดของรดานะคะ” พูดจบแพรรดาก็รับน้ำมาดื่มด้วยความกระหาย “พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับที่รัก ไปค้างด้วยกันนะ ยังไม่อิ่มเลยอยากกลับไปกินต่อ” “กินจุเกินไปแล้วนะคะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งสองรอบยังไม่พออีกเหรอ” หญิงสาวมองค้อน เพราะยังเหนื่อยไม่หายกับบทรักที่เขามอบให้เมื่อครู่ “แค่สองรอบเองครับ เมียผมกินอร่อยผมก็อยากกินเยอะๆ ได้ไหมล่ะ” “ไม่รู้สิคะ” แพรรดาไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะไหวไหมถ้าเขาจะจับเธอกินอีก เพราะตอนนี้หญิงสาวก็ทรงตัวแทบไม่อยู่ “ไม่รู้แสดงว่าต้องลอง เอาละ ไปที่รถเถอะ เดินไหวไหม” “ไหวค่ะ” แพรรดาเดินตามเขามาที่รถด้วยความสบายใจเพราะเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้ว “ขอนอนพักได้ไหม ถึงแล้วปลุกรดาด้วยนะคะ” “ได้สิ” เขาดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วปรับ
“ลองเสนอมาสิคะ”“ถ้าคุณไม่ให้ผมไปที่โรงแรม แล้วมีที่อื่นให้ผมไปไหมล่ะ”“ท่านรองอยากไปไหนล่ะคะ”“เลิกงานแล้วนะ”“คุณวัตถ์อยากไปไหนล่ะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนาม“อยากไปสวรรค์ ได้ไหมล่ะ พาไปได้หรือเปล่า”“ในห้องทำงานเหรอคะ” แพรรดาถามอย่างไม่แน่ใจ“ใช่สิ ถ้าผมหมดแรงอยู่ในห้องนี้ผมก็คงไปไหนไม่ได้ รดาคิดว่าทำให้ผมหมดแรงได้ไหม”“รดาไม่รู้ว่าคุณจะหมดแรงหรือเปล่าเอาเป็นว่ารดาจะทำคุณไปถึงสวรรค์อย่างที่อยากไปเลยล่ะคะ”เพราะกลัวเสียเขาให้กับคนอื่นแพรรดาเลยยอมทำตามคำขอของเขา มันดูกล้าบ้าบิ่นมากที่มีอะไรกันในห้องทำงานแต่เวลานี้ทุกคนก็กลับบ้านไปหมดแล้วแพรรดาถอดเสื้อตัวนอกของตนเอง แล้วคุกเข่าตรงหน้าท่านรองประธานหนุ่มสองมือลูบคลำความเป็นชายที่ซ่อนอยู่ในกางเกงผ้าเนื้อดีจนมันค่อยตื่นตัวขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่าตัวเขากำลังมองลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ“อื้ม....รดา”เขาครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อแพรรดาใช้ใบหน้าซุกไซร้อยู่นอกกางเกง เพียงแค่นี้ความเสียวก็แล่นพล่านไปทั่วกาย“ผมถอดให้นะ รดาจะได้กินถนัด”ถ้าหากจะรอให้เธอเป็นคนถอดเขาคงแทบคลั่ง ชายหนุ่มรีบจัด