เช้าวันศุกร์แพรรดารีบมาที่บริษัทแต่เช้าอย่างเคยวันนี้เธอสวมเดรสสายเดี่ยวสีขาวไว้ข้างใน แต่ติดกระดุมสูทเรียบร้อยทำให้คนอื่นไม่เห็นว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นซ่อนความเซ็กซี่เอาไว้
เธอรีบเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ตัวเองทำงาน ภายในลิฟต์เวลาเช้าอย่างนี้มีเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หญิงสาวยิ้มทักทายก่อนจะออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
หญิงสาวมองเข้ามาจัดโต๊ะทำงานของทิวัตถ์อย่างเคยแล้วเธอก็บังเอิญเห็นโน้ตที่เขาเขียนเอาไว้ ใบหน้าสวยก็ยิ้มเมื่อเห็นเวลาและสถานที่นัดหมายของรองประธานหนุ่มกับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งเวลาสามทุ่มคืนนี้ มันคงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเธอจะบังเอิญไปเจอเขาที่นั่นเพราะมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
เธอออกมานั่งทำงานของตนเองเมื่อเห็นว่าเขามาทำงานแล้วก็รอเวลาสักพักก่อนจะนำกาแฟเข้าไปให้
“ท่านรองดูอะไรอยู่ ขอรดาดูด้วยนะคะ” เธอเดินอ้อมโต๊ะและเบียดลำตัวเข้าไปมองจอที่เจ้านายกำลังมองอยู่ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้
“จะซื้อให้คุณเรนนี่เหรอคะ” ทิวัตถ์พยักหน้า เขากำลังมองหาของขวัญให้กับเรนนี่สักชิ้นเพราะเธอบอกว่าสัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของเธอ
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”ก็เพราะเรื่องของขวัญเป็นเรื่องที่เธอต้องจัดการให้เจ้านายอยู่แล้ว ขอแค่ได้รู้ว่าเนื่องในโอกาสอะไรเพื่อจะเตรียมได้ถูกใจผู้รับ
“วันเกิด”
“เดี๋ยวรดาจัดการให้ค่ะ”
เมื่อเลขาสาวออกไปแล้วเจ้านายหนุ่มก็ไม่มีสมาธิทำงานเอาเสียเลย สองวันมานี้ไม่รู้แพรรดาเป็นอะไร นอกจากจะแต่งตัวสวยขึ้นแล้วเธอยังชอบเข้ามาใกล้จนเข้าได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เคยได้กลิ่นจากไหน
เพียงแค่เธอเข้าใกล้ เพียงแค่ได้กลิ่น ความเป็นชายของเขาก็ตื่นตัว ช่วงนี้เขาเลยเรียกหาเรนนี่บ่อยมากขึ้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าความสุขที่เรนนี่มอบให้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
ทิวัตถ์ออกจากห้องทำงานเมื่อเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว ก่อนหน้าก็โทรมาสั่งให้แพรรดากลับไปก่อนเพราะตัวเองอยากอยู่เคลียร์งานคนเดียวอีกสักพัก
เขาไม่ใช่เจ้านายที่จะให้เลขาอยู่รอจนตัวเองกลับเพราะบางวันก็ทำงานเพลินจนดึก อย่างวันนี้หลังเลิกงานแทนที่เขาจะรีบกลับแต่ก็นั่งทำงานต่อเพื่อรอให้ถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อนๆ
สามทุ่มครึ่งทิวัตถ์ก็มาถึงผับแห่งหนึ่งซึ่งดนัยเพื่อนของเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังโซนวีไอพีที่เป็นชุดโซฟาบริเวณชั้นสอง พอไปถึงทีปกรและอชิระเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นก็รออยู่ก่อนแล้ว
“กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้วนะไอ้วัตถ์” อชิระทักทายเพื่อนด้วยสรรพนามที่พวกเขาใช้กันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย
“นัดแล้วก็ต้องมาสิ”
“ดูหน้ามึงแล้วเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยนะ หรือว่ามึงยังไม่รู้เรื่องวะ” ทีปกรถามอย่างสงสัย
“เรื่องอะไรเหรอ” เขานั่งลงตรงข้ามเพื่อนที่มาก่อนแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มที่พนักงานของร้านชงให้ขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น
“แสดงว่ามึงยังไม่รู้เรื่องจริง ไอ้กรเล่าให้มันฟังหน่อยสิ”
“มึงก็เล่าเองสิไอ้อิฐ” ทีปกรโบ้ยมาทางอชิระ
“ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ว่ะ เกี่ยงกันเล่าอยู่นั่นแหละ คืนนี้กูจะรู้เรื่องไหม”
“ก็เรื่องน้องเรนนี่ของมึงไงล่ะ” ดนัยที่เดินเข้ามาทีหลังพูดขึ้น แล้วเจ้าของผับก็เล่าเรื่องที่เรนนี่คู่ควงของทิวัตถ์ให้กับเจ้าตัวฟัง
“มึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยเหรอวะ”
“กูก็พอรู้แต่พอถามเขา เขาก็บอกว่าติดต่อกันแค่เรื่องงาน แต่ไม่คิดว่าจะออกมาประกาศว่ากำลังคบหากันแบบนี้ เมื่อวานกูกับเขายังเจอกันอยู่เลย” เขาไม่เสียใจที่เรนนี่เปิดตัวว่ากำลังคบหาอยู่กับนักธุรกิจเจ้าของค่ายละครเพราะเขาเองก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่แล้ว แต่รู้สึกเจ็บใจมากกว่าเพราะเมื่อวานหญิงสาวยังมานอนกับเขาซึ่งไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นได้ยังไง
“น้องเขาคบเพราะประโยชน์ทางธุรกิจหรือเปล่า ฝ่ายชายเป็นเจ้าของค่ายละครนะ” ทีปกรพยายามพูดในแง่ดีไว้ก่อน
“กูไม่สนใจหรอกว่าจะคบกันเพราะเรื่องอะไร แต่เขาเปิดตัวว่าคบกันแบบนั้นออกไปกูก็คงเลิกยุ่ง”
“ตัดใจได้มันก็ดี สาวๆ รอมึงอยู่อีกเพียบ เดี๋ยวกูติดต่อให้ไหมล่ะ น้องๆ นักศึกษาก็ดีนะน่ารักสดใสดี”
“นั่นสิ กูเห็นด้วยกับไอ้ไนท์นะ อย่างมึงแค่นั่งเฉยๆ สาวก็คงมาหาถึงที่” อชิระพูดเสริมขึ้นมาอีกคน
“พวกมึงจะไม่เวลากูโสดหน่อยเหรอ” ทิวัตถ์พูดขณะที่สายตาก็มองลงไปข้างล่าง แล้วบังเอิญสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งดื่มใกล้กับเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเขาเห็นแล้วก็จำได้ดีว่าหนึ่งในนั้นคือเลขาสาวของตนที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน
"มึงดูอะไรวะ” อชิระที่เห็นว่าเพื่อนนั่งจ้องอะไรบางอย่างอยู่ก็ถามขึ้น
“เปล่ากูก็ดูไปเรื่อย”
เพราะคำว่าเปล่าทำให้เพื่อนทั้งสามคนมองตามสายตาของเขาลงไปยังด้านล่าง
“ลูกค้าใหม่เหรอไนท์ กูไม่เคยเห็นเลย” ทีปกรมองทั้งสามคนด้วยตาเป็นประกาย
“กูก็เพิ่งเห็นเหมือนกันว่ะกร แต่ละคนสวยมากเลยว่ะ ถึงว่าไอ้วัตถ์มองไม่วางตาเลยนะ”
“สวยๆ แบบนี้น่าลงไปทำความรู้จักนะ” อชิระหัวเราะเบาๆ แต่เขาไม่คิดทำแบบนั้นเพราะตนเองมีแฟนอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“กูว่าจะชวนเขามานั่งดื่มข้างบนดีไหม”
“อย่าเลยไนท์” ทิวัตถ์รีบห้าม
“ทำไมล่ะ กูเห็นมึงจ้องอยู่นานแล้วนะ ถ้าอยากรู้จักกูก็จะช่วยไง หรือเขายังสวยไม่พอ แต่กูว่าน้องคนที่ใส่เกาะอกน่ะ สเปกมึงเลยนะ ขาว สวย อึ๋มน่าฟัดชะมัดเลยว่ะ”
“คนนั้นเลขากู พวกมึงก็รู้ว่ากูจะไม่ยุ่งกับคนในบริษัท”
“ไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัดเหรอ”
“อือ กูกลัวเวลาทำงานแล้วจะมีปัญหา”
“ไม่หรอกน่า โตๆ กันแล้ว ที่นี่ก็ไม่ใช่ในบริษัทสักหน่อย มึงไม่พูดเขาไม่พูดทุกอย่างมันก็เป็นความลับ แต่ถ้ามึงไม่กล้า งั้นกูขอนะ” ทีปกรทำทีเป็นสนใจเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน
ทิวัตถ์หันมามองหน้าเพื่อนทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ถึงเขาไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัดแต่ไก่ของเขาคนอื่นก็ห้ามกินเหมือนกัน
“ทำเป็นหวงนะ กูไม่ยุ่งก็ได้”
ทั้งสามคนนั่งดื่มกันต่อโดยที่สายตาของทิวัตถ์นั้นมองลงไปเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสามคนกลับไปแล้วเขาก็ขอตัวกลับบ้าง ส่วนเพื่อนที่เหลือก็ขอนั่งดื่มต่อโดยไม่มีใครท้วงที่เขาจะกลับเพราะคิดว่าทิวัตถ์อาจจะกลับไปทำใจเรื่องของเรนนี่ก็เป็นได้
รองประธานหนุ่มเดินออกมายังลานจอดรถ เขาชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแพรรดากำลังยืนอยู่ที่รถของตนเอง
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่กลับบ้านหรือไง”
“รดารอกลับพร้อมท่านรองค่ะ”
“รอกลับพร้อมผมเหรอ คุณพูดเหมือนรู้ว่าผมมาเที่ยวที่นี่เลยนะ”
“รดาเห็นรถของท่านรองนี่คะ”
“แล้วทำไมต้องกลับพร้อมผมล่ะ รถคุณไปไหน”
“รถรดาเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด เพื่อนของรดาก็กลับไปหมดแล้วจะโทรให้กลับมารับโทรศัพท์ก็แบตหมดอีก รดากำลังจะเรียกแท็กซี่แต่บังเอิญเห็นรถของท่านรองเสียก่อน รดาขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ คอนโดของรดาอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะเป็นทางผ่านของท่านรองพอดี”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นทางผ่าน”
“ก็แค่เดาค่ะ เพราะแถวนี้คอนโดหรูก็มีอยู่ไม่กี่ที่ นะคะขอรดาติดรถไปด้วยนะคะ”
ทิวัตถ์พยักหน้าเพราะถ้าไม่ให้เธอไปด้วยก็คงจะดูเป็นคนใจร้ายเอามากๆ ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าหญิงสาวนั้นแอบยิ้มที่แผนของตนเองกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น
“ขอบคุณท่านรองมากนะคะที่มาส่ง” พูดจบหญิงสาวก็ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะชะโงกหน้าเขามาใกล้แล้วหอมไปที่แก้มของเขาแล้วจะลงจากรถไปโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไร ทิวัตถ์ยิ้มมุมปากและคิดว่าที่เธอทำก็คงเป็นไปตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ หลายวันมานี้ท่าทางของแพรรดาเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่มาทำงานจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ แต่คนอย่างเขาเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดก็จะพยายามรักษาคำพูดถึงแม้เริ่มจะเอนเอียงไปทีละนิด ทิวัตถ์คิดว่าอาจจะเป็นเพราะตอนนี้ตนเองกำลังผิดหวังจากเรนนี่ก็เป็นได้ เขากลับมาถึงคอนโดมิเนียมของตนเองแล้วหยิบเหล้ามาดื่ม จากนั้นก็อ่านข่าวของเรนนี่ ดูสีหน้าของเธอเวลาให้สัมภาษณ์แล้วก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่วันนี้เรนนี่เป็นคนออกไปจากชีวิตเขา ทิวัตถ์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก บ่ายวันอาทิตย์รองประธานหนุ่มมารับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวอย่างเคย วันนี้มารดาของเขาดูจะยิ้มแย้มและมีความสุขมากเป็นพิเศษเขาเดาว่าน่าจะเป็นเพราะข่าวของเรนนี่ที่ตอนนี้มีหลายคนกำลังพูดถึง “แม่บอกแล้วว่าลูกกับหล่อนไม่มีทางไปด้วยกันได้หรอก อย่างนี้จะย
“ปกติแล้วเลขาต้องไปถึงที่ทำงานก่อนเจ้านายไม่ใช่เหรอ” “ค่ะ แต่นี่มันไม่ปกติไงคะ เพราะรดารถเสีย” “แล้วถ้ารถคุณซ่อมเป็นเดือนผมไม่ต้องคอยรับส่งคุณตลอดเหรอ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” “ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้ามันซ่อมเป็นเดือนจริงๆ รดาก็คงต้องหาเช่ารถมาใช้” ทิวัตถ์ไม่ได้พูดอะไรต่อเขากำลังคิดอยู่ว่ามันสมควรไหมถ้าจะให้เธอติดรถมาด้วย หรือเขาจะให้เธอยืมรถของบริษัทใช้ไปก่อน “ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เพราะมีรถที่กำลังเข้ามาจอดต่อจากรถของเขาแพรรดาเลยรีบกล่าวขอบคุณและลงจากรถไปโดยที่ตนเองยังไม่ได้คำตอบว่าเขาจะมารับเธอไปทำงานด้วยกันหรือเปล่า แพรรดาวิดีโอคอลประชุมสายเพื่อเล่าให้เพื่อนฟังถึงความคืบหน้าระหว่างตนเองกับทิวัตถ์ซึ่งนอกจากจะมีภัทรานิษฐ์ ชาช่าแล้วยังมีกรวิภาและนีรชาร่วมฟังอยู่ด้วย “เขาดูเย็นชามากเลยนะ แพรไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่” “แต่เท่าที่ฟังดูชาช่าว่าเขาน่าจะสนใจอยู่ แต่ผู้บริหารระดับนั้นคงวางตัวดี เขาคงไม่แสดงออกอย่างชัดเจนหรอก” “แบบนี้ต้องมีสิ่งกระตุ้น” นีรชาหรือน้ำชาเสนอ “ยังไ
ทิวัตถ์พ่นลมหายใจออกทันทีที่ประตูห้องปิดลง การกระทำของแพรรดาวันนี้ไม่ทำให้เขาเริ่มคิดจะเป็นสมภารขึ้นมาแล้วในเมื่อไก่วัดตัวนี้มันน่าอร่อยจนเขาแอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว เขานั่งใช้ความคิดอยู่นานว่าตัวเองจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ยิ่งตอนนี้เขาเองก็เพิ่งจะโสดแต่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั้นจะโสดด้วยหรือเปล่า ถ้าแพรรดายังไม่มีเจ้าของมันก็ไม่ผิดอะไรถ้าเขากับเธอจะสานสัมพันธ์กัน แล้วเวลาเดินทางไปทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัดมันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขาอีกต่อ ตลอดทั้งวันทิวัตถ์แทบไม่มีสมาธิทำงาน ถึงแม้หญิงสาวจะกลับมาสวมสูททับเกาะอกไปแล้วแต่ภาพที่เห็นเมื่อตอนเช้ามันก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ “เย็นนี้กลับพร้อมผมนะ แต่อาจจะช้าหน่อย รีบไปไหนหรือเปล่า” เขาโทรศัพท์มาถามแพรรดาเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน “ไม่ค่ะ รดารอกลับพร้อมท่านรองค่ะ”หลังเลิกงานท่านรองประธานหนุ่มกับเลขาสาวก็ออกจากบริษัทพร้อมกันในขณะที่พนักงานคนอื่นกลับไปแล้ว เขาแวะส่งเธอที่คอนโดมิเนียมอย่างเคยและทำแบบนี้ทุกวันกระทั่งถึงเย็นวันศุกร์ ขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่แพรรดาก็ได้
แพรรดาออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับทิวัตถ์ที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี “บังเอิญจังนะคะท่านรองที่เราเจอกันที่นี่” “อยู่นอกบริษัทเรียกผมว่าวัตถ์ก็ได้”“ค่ะคุณวัตถ์”“แล้วจะกลับหรือยังล่ะ ผมจะไปส่ง” “รดายังไม่อยากกลับค่ะ กำลังคุยกับหมอวินสนุกอยู่เลย นี่ก็ว่าจะไปหาที่นั่งคุยกันต่อ คุณวัตถ์จะกลับแล้วเหรอคะ” “ยั่วผมคนเดียวไม่พอหรือไง ถึงได้ยั่วคนอื่นไปทั่ว” “รดาไม่ได้ยั่วนะคะ เราสองคนก็แค่คุยกันเท่านั้นเอง” “แล้วคุยกันต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วที่บอกว่าจะออกไปคุยกันต่อที่อื่นผมว่าก็คงจะเป็นนอนคุยมากกว่าล่ะมั้ง” “รดาจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของรดานี่คะ คุณวัตถ์เพิ่งจะบอกเองว่าที่นี่ไม่ใช่บริษัท” “ถึงไม่ใช่บริษัทก็ถือว่าคุณเป็นคนของผมนะ” “รดาไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ เวลางานก็คือเวลางาน เวลาอยู่ข้างนอกทุกคนก็มีอิสระที่จะทำอะไรหรือไปนอนกับใคร รดาขอตัวก่อนนะคะไม่อยากให้เขารอนาน” พูดจบแพรรดาก็หมุนตัวตัวกลัว “เดี๋ยวสิ” ทิวัตถ์คว้าท่อนแขนเธอไว้แล้วดึงให้หญิงสาวเข้ามาชิดจนความนุ่มหยุ่นปะทะกั
เช้าวันจันทร์แพรรดาก็ตื่นมาทำงานตามปกติ วันนี้เธอจะต้องขับรถไปทำงานเองเพราะถ้าบอกว่ารถยังซ่อมไม่เสร็จมันก็จะฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ทั้งที่จริงแล้วรถของตนเองไม่เป็นอะไรเลย เธอมาถึงบริษัทก่อนพนักงานคนอื่น พอเปิดประตูห้องทำงานของรองประธานเข้าไปก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาถึงที่ทำงานก่อนตนเอง “ท่านรองมาทำงานเช้าจังนะคะ” “ผมกะเวลาผิดนิดหน่อยนะ” เมื่อเช้าชายหนุ่มออกจากคอนโดมิเนียมในเวลาเดิมที่เคยไปรับแพรรดาแต่พอมาขับรถถึงกลางทางก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตนเองไม่ต้องไปรับเลาขา แต่ไหนๆ ก็ออกมาแล้วจึงเข้าบริษัทตั้งแต่เช้า “ทานอะไรมาหรือยังคะ” “ยังเลย คุณล่ะ” “รดาเรียบร้อยมาจากคอนโดแล้วค่ะ ท่านรองรอนะคะเดี๋ยวรดาไปหาอะไรให้ทาน” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวสายๆ เราก็ต้องออกไปข้างนอกค่อยแวะทานตอนนั้นก็ได้ ตอนนี้เอาแค่กาแฟก็พอ” “ได้ค่ะ” แพรรดาเดินมายังส่วนที่จัดไว้เป็นมุมทานอาหารของพนักงานซึ่งในนี้มีทั้งขนมและกาแฟสำหรับพนักงานทุกคน “ผมเพิ่งรู้ว่ามุมกาแฟของที่นี่ก็น่านั่งเหมือนกัน” เขานั่งลงบนโต๊ะขณะที่มองหญ
“รดาเข้ามาหาผมหน่อย” เสียงจากโทรศัพท์ภายในที่ดังขึ้นบนโต๊ะทำงานของแพรรดาทำให้หญิงสาวรีบวางงานในมือลงแล้วรีบเดินเข้าไปยังห้องของรองประธานบริษัททันทีเพราะเธอคิดว่าคงมีเรื่องอะไรด่วน เนื่องจากเมื่อครู่หญิงสาวเพิ่งจะเอากาแฟไปให้แต่เขาก็ไม่เห็นจะใช้งานอะไร“มีอะไรด่วนเหรอคะท่านรอง”“เรื่องที่พักและตั๋วเครื่องบินพร้อมแล้วใช่ไหม”“พี่อรจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนเรื่องข้อมูลทั้งหมดรดาส่งเข้าเมลให้ท่านรองแล้วนะคะ ท่านรองไม่อยู่หลายวันรดาคงต้องเหงาแน่เลย จริงๆ แล้วรดาก็อยากไปด้วยนะคะ รดาเรียนที่อเมริกาเลยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวแถวยุโรป ครั้งหน้าท่านรองให้รดาไปด้วยได้ไหมคะ” แพรรดาเดินอ้อมมาทางด้านหลัง สองมือเล็กนวดไปบนหัวไหล่อย่างประจบทิวัตถ์เบี่ยงตัวเองออกจากพนักเก้าอี้เล็กน้อยเพื่อให้หญิงสาวนวดได้ถนัดขึ้น“แบบนี้ดีไหมคะ แรงไปหรือเปล่า”“ดีแล้ว”“ขยับมาอีกนิดสิคะแบบนี้นวดไม่ค่อยถนัดเลย”“แค่นี้ก็พอแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ” ทิวัตถ์พยายามเว้นระยะห่างทั้งที่ตอนนี้ในใจนั้นอยากจะให้หญิงสาวทำมากว่าแค่นวดหัวไหล่“ถ้าอยากนวดก็เรียกใช้รดาได้ตลอดเลยนะคะ” แพรรดาก้มมากระซิบที่ข้างหูผู้เป็นเจ้านายก่อนจะเอื้อมมือ
งานวันเกิดของนักธุรกิจชื่อดังมีแขกมาร่วมงานกันมากกว่าที่แพรรดาจะนึกถึง มันเลยทำให้เลขานุการอย่างแพรรดาได้มีโอกาสรู้จักใครหลายๆ คนเพิ่มมากขึ้น เธอเดินตามทิวัตถ์ไปทั่วงานจนรู้สึกปวดขาไปหมดหลังจากทางเจ้าภาพเป่าเค้กวันเกิดแล้วหญิงสาวและเจ้านายเลยเดินมาหาเครื่องที่ซุ้มอาหาร“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวหยิบน้ำส้มจากพนักงานที่คอยบริการมาดื่มด้วยความกระหาย“งานวันเกิดครบรอบ 60 ปี แขกก็จะเยอะหน่อยผมลืมบอกคุณล่วงหน้า”“หมายถึงอะไรคะ”“ก็ถ้าบอกคุณก่อนคุณจะได้ไม่สวมรองเท้าสูงแบบนี้ไง”“ถ้าไม่สวมรองเท้าสูงๆ เวลาใส่ชุดแบบนี้มันก็ไม่สวยสิคะ”“ไม่เมื่อยเหรอ”“นิดหน่อยค่ะ”“คุณชอบออกงานแบบนี้ไหม”“รดาไม่เคยมางานที่คนเยอะแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าจะน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วมันไม่น่าเบื่อนะคะ มันทำให้รดาเจอคนมากขึ้นรู้จักคนมากขึ้น ตำแหน่งเลขาอย่างรดาการได้เจอคนมากแบบนี้มันก็ดีกับงานที่ทำด้วย”“สงสัยว่าผมคงต้องพาคุณออกงานบ่อยๆ”“ถ้าได้มากับท่านรองรดายินดีมาทุกงานค่ะ” แพรรดาส่งยิ้มตาเป็นประกาย ถ้าเขาพาเธอออกงานบ่อยโอกาสใกล้ชิดกันก็มากขึ้นและไม่ได้อยู่ในบริษัทเธอก็ไม่ต้องระแวงอะไร“รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมกลับมา” ทิวัตน์เห
รถคันหรูจอดใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าคอนโดมิเนียมของแพรรดา ตลอดระยะทางจากโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานมาจนถึงที่นี่ทิวัตถ์ได้แต่นั่งเงียบจนแพรรดากลัวว่าเขาจะโกรธเรื่องที่เธอกับภีมวัชช์สนิทสนมกัน แต่ใจหนึ่งก็แอบคิดว่าที่เขาเอาแต่เงียบก็อาจจะเป็นเพราะกำลังหึงเธอก็เป็นได้“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“คุณรู้สึกขอบคุณจริงเหรอรดา” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่“ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ”“ผมคิดว่าคุณอยากให้เพื่อนผมมาส่งเสียอีก”“ท่านรองหมายถึงคุณภีมเหรอคะ”“ก็ใช่นะสิ ผมเห็นว่าเขากับคุณคุยกันถูกคอเหมือนสนิทกันมานาน”“เราคุยกันเรื่องที่รดากับน้องของเขามีชื่อคล้ายกันค่ะ”“แค่นั้นเหรอ”“คุณภีมบอกว่าท่านรองเคยจะหมั้นกับน้องสาวของเขา แต่ท่านรองก็ปฏิเสธจริงไหมคะ”“เรื่องนี้มีทั้งจริงและไม่จริง”“พอจะเล่าให้รดาฟังได้ไหมคะ”“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม”“รดาขอโทษค่ะ รดาก็แค่อยากรู้ว่าเพราะอะไรท่านรองถึงเปลี่ยนใจ แต่ท่านรองไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรค่ะ”“เพื่อนผมให้มาถามเหรอ”“เปล่านะคะราดก็แค่อยากรู้เอง”“เรื่องหมั้นมันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันไว้ตั้งนานแล้ว ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป
วันนี้ก็ครบสิบวันแล้วที่แพรรดากลับมาอยู่ที่บ้านและมันก็ตรงกับวันหยุดภีมวัชช์เลยชวนภัทรานิษฐ์มาค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานเพราะอยากให้น้องสาวได้มีเพื่อนคุยบ้าง“เราจะไปไหนกันเหรอพัด ทำไมพัดต้องให้แพรใส่ชุดนี้ด้วยล่ะ” แพรรดามองชุดกระโปรงสีหวานที่ดูเรียบร้อยขัดกับตัวเธออย่างมาก“พัดอยากไปไหว้พระ”“อ๋อ แล้วก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรก ว่าแต่ชุดนี้แพงน่าดูเลยนะ ขอถามหน่อยว่าใครจ่าย”“ที่ถามนี่ไม่รู้นิสัยพัดเหรอ เรื่องอะไรพัดจะยอมซื้อของแพงๆ ละ”“นั่นสินะ พี่ภีมเป็นคนจ่ายใช่ไหม” เพราะภัทรานิษฐ์เป็นคนประหยัดมากเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ไม่มีทางที่เพื่อนจะยอมซื้อ“อือ เขาเป็นคนจ่าย”“พี่ชายแพรนี่ก็น่ารักดีนะ แต่ชุดนี้สวยถูกใจแพรมากเลยนะ”“พัดก็ว่าสวยนะเหมาะกับแพรมากแล้วถ้าจะให้ดีกว่านี้พัดว่าแพรแต่งหน้าสักหน่อยดีไหม”“ต้องแต่งด้วยเหรอเราแค่ไปวัดเองนะ”“ก็ชุดสวยแล้วหน้าก็ต้องเป๊ะสิ”ช่วยแต่งให้หน่อยสิ แต่อย่าเข้มมากนะ พัดแต่งหน้าเก่งกว่าแพรเยอะเลย แพรอยากให้พัดย้ายมาอยู่ที่นี่จังแพรจะได้ไม่เหงา”“แล้วพัดจะมาหาแพรบ่อยๆ”“สัญญาแล้วนะ”“ก็ก็ถ้าพี่ภีมไปรับนะ เพราะให้พัดมาเองพัดขี้เกียจขับรถ”“พี่ภีมเต็มใจไปรับ
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ทิวัตถ์มาทำงานโดยไม่มีเลขาหน้าห้องต้องเดือดร้อนคุณอรดีอีกอย่างเคย เพราะครั้งนี้เขายืนยันแล้วว่าจะไม่หาเลขาคนใหม่ เพราะยังรอให้แพรรดากลับมาทำงานด้วยทุกครั้งที่ประตูห้องทำงานเปิดออกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่แพรดาใบหน้าก็กลับมานิ่งอย่างเดิมพอไม่มีแพรรดาเขาก็รู้สึกเหมือนชีวิตไร้สีสัน มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เพราะสองเดือนมานี้เขามีแพรรดาข้างกายตลอดเวลา เขาไม่กลับไปนอนที่คอนโดมิเนียมของคนเองอย่างเคยเพราะไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็เอาแต่คิดถึงแพรรดาจนนอนไม่หลับบ้านของมารดาจึงเป็นที่แห่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลาย“แม่ว่าวัตถ์ดูเครียดไปนะ หาเวลาพักหน่อยไหม”“ผมยังไหวครับแม่รอพักทีเดียวดีกว่า”“แล้วได้ติดต่อน้องไปบ้างไหม น้องว่ายังไงบ้าง”“ผมว่าโทรไปน้องแพรก็คงไม่รับโทรศัพท์ผมเหรอครับแม่ อย่างโทรให้เสียเวลาเลย”“ไม่คุยกันแล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะ ป่านนี้น้องอาจจะกำลังรอให้วัตถ์โทรไปหาก็ได้นะ”“แม่คุยกับอาณีมาใช่ไหม”“ใช่ อาณีบอกแม่ว่าน้องเอาแต่ซึมไม่สดใสเหมือนก่อน แม่อยากให้วัตถ์โทรไปหาน้องบ้างไปคุยกันให้รู้เรื่อง”“แพรดื้อครับแม่ผมไ
แพรรดานอนมองเพดานห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในสายของอีกวันโดยที่ข้างกายว่างเปล่า ทิวัตถ์คงไปจากเธอแล้วอย่างที่เธอต้องการ หญิงสาวรู้สึกถึงชัยชนะของตัวเองที่ทำทุกอย่างได้ตามแผน ทำให้เขาหลงรักแล้วปฏิเสธเขาอย่างที่ไร้เยื่อใย แต่ชัยชนะนั้นก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดหญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงชัยชนะ แต่รอยยิ้มนั้นกลับเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ยิ่งเห็นร่องรอยที่เขาฝากไว้ก็ยิ่งคิดถึงเขามากขึ้นไปอีกเวลาที่ได้ใกล้ชิดเขาไม่ถึงสองเดือนแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนหวาน ท่านรองที่ดูเย็นชาของเธอนั้นกลายเป็นชายอีกคนที่ช่างอ้อนและเร่าร้อนอย่างที่สุดเวลาที่ด้วยกันอยู่บนเตียง แพรรดาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอถึงจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หลังจากอาบน้ำและทานอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาเมื่อวานแล้วแพรรดาก็เก็บกวาดห้องอีกครั้ง เธอคิดว่าจากนี้จะปล่อยที่นี่ให้คนอื่นเช่าเพราะตัวเองคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัวและคงไม่กลับมาทำงานที่กรุงเทพอีกแล้วหญิงสาวโทรไปบอกบิดามารดาว่าขอเวลาเก็บของและขอไปเจอเพื่อนอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้จากนั้นก็โทรนัดเพื่อนๆ ออกมาฉ
“อ่า..ของเมียแน่นจังอย่าเพิ่งตอดแรงนะ พี่จะทนไม่ไหวเอา”“แพรก็จะทนไม่ไหว มันเสียว อื้อออ...”แพรรดาผวาขึ้นมากอดเขาแน่นเมื่อเขาดันความใหญ่ยาวเข้าไปในตัวเธอทีเดียวจนสุดโคน“โอ้วว..แพรจ๋า ทั้งแน่นทั้งตอดกะจะฆ่ากันหรือไง”ทิวัตถ์กัดฟันกรอดเพราะโพรงอ่อนนุ่มตอดรัดอย่างแรงจนต้องรีบถอนตัวออกแล้วขยับเข้าไปใหม่ เขาโน้มตัวเข้าหาประกบจูบบดเบียดแลกลิ้นเป็นพัลวัน มือนวดคลึงเต้าอวบบีบขยี้ปลายยอดจนเธอเสียวไปถึงท้องน้อยสะโพกขยับเข้าออกไปตามแรงปรารถนา แพรรดาปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นไปตามความรู้สึกส่วนลึก ร่างกายตอบสนองเขาไปตามสัญชาตญาณไม่ว่าเขาจะจับจูงไปทิศทางไหนหญิงสาวก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ ทุกจังหวะที่ท่อนเอ็นร้อนครูดกับโพรงอ่อนนุ่มนั้นร้อนแรงจนหญิงสาวครางแทบไม่เป็นภาษา “สะเสียว พี่วัตถ์แพรเสียว ดูดแรงๆ นะคะ” หญิงสาวเสียวซ่านกับปากร้อนที่กำลังดูดกินยอดอก ยิ่งเขาดูดแรงเธอก็ยิ่งตอดรัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งตัว แรงบีบเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปรานี สะโพกก็ยังคงทำงานอย่างไม่มีพัก“แพรจะไม่ไหว”“คนเก่งของพี่ ให้พี่แรงอีกใช่ไหม”เขาถามอย่างรู้ใจ พอเห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำพยักขึ้นลง
แพรรดาเดินกลับมาอย่างไม่เร็วนักเพราะดื่มไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเมาจนเดินกลับห้องของตัวเองไม่ถูก หญิงสาวกดรหัสเปิดยังไม่ทันได้ปิดลงมือของใครบางคนก็ดึงประตูแล้วแทรกตัวเขามาในห้องโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ระวัง พอกันหลับไปมองก็ต้องตกใจ ใบหน้าสวยโกรธขึ้นมาทันที“คุณวัตถ์”“เมื่อวานยังเรียกพี่วัตถ์อยู่เลยทำไมวันนี้เรียกคุณวัตถ์ล่ะ”“ฉันจะเรียกยังไงมันก็เรื่องของฉัน”“ผัวเมียที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้นะ” เขาเดินเข้ามาใกล้แพรรดาถอยหนีจนแผ่นหลังชนกับผนังห้อง“อย่ามาพูดแบบนี้ในห้องฉันนะ และก็กลับออกไปได้แล้วก่อนที่ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย” แพรรดาขู่เพราะเห็นท่าทางของเขาแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย“เรื่องผัวเมียมีใครที่ไหนเขาอยากจะยุ่งล่ะ พี่ว่าเรามาคุยกันดีๆ นะ”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”“ถ้าไม่อยากจะคุยงั้นเปลี่ยนมาเป็นครางแทนดีไหมล่ะ” เขาก้าวเขามาประชิดตัวสองมือกับเธอไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำจนแพรรดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดแก้ม“อย่านะคุณวัถต์” แพรรดาเอามือดันใบหน้าของเขาไว้ แต่แทนที่เขาจะสะทกสะท้านเขากลับดึงมือนั้นขึ้นจูบไปที่นิ้วพลางส่งสายตามองราวกับกำลังจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว
ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องออกไปทำงานแต่เช้าแพรรดาก็ตื่นตามเวลาปกติเพราะความเคยชิน หญิงสาวเริ่มเก็บของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า เพราะคิดจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน “เฮ้อ” แพรรดาถอนหายใจเพราะยิ่งจัดของใจก็ยิ่งว้าวุ่นขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่คิดว่าวันที่จะต้องลาออกจากงานและกลับไปช่วยงานที่บ้านจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ถ้าเมื่อคืนไม่คุยกับพี่ชายจนเพลินความลับที่เก็บไว้ก็น่าจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ในเมื่อทิวัตถ์รู้ความจริงแล้วแพรรดาก็คงไม่กล้าไปทำงานกับเขาอีก เรื่องระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเร็วและก็จบเร็วจนน่าใจหาย แพรรดายอมรับว่ายังรักเขาอยู่และความรักก็มากขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิด มันคงต้องใช้เวลาอีกมากกว่าที่เธอจะเลิกรักเขาได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอกับเขาไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เธอดีใจที่เขาบอกว่าอยากจะหมั้นแต่ถ้าเธอยอมก็เท่ากับว่าแผนการที่เธอวางไว้มันก็จะพังไม่เป็นท่าแล้วคนชอบเอาชนะอย่างเธอก็ไม่มีทางยอม แพรรดายอมเจ็บดีกว่าจะหมั้นกับเขาเพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับเธอเป็นคนแพ้หญิงสาวนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงหลังจากจัดของได้แค่เพียงนิด เพราะพี่ชายบอกเธอว
งานแต่งงานของปรีญาดามีแขกมาร่วมงานมากจนแพรรดาคิดไม่ถึงและหนึ่งในนั้นก็มีพี่ชายของรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้นั้นหญิงสาวก็เลยมีโอกาสออกมาคุยกับพี่ชายตามลำพัง “พี่ไม่คิดว่าแพรจะมางานนี้ด้วย” “แพรเป็นเลขาพี่วัตถ์นี่ค่ะก็ต้องมาด้วยอยู่แล้วไม่เห็นแปลกอะไรเลย” “แต่เขาไม่ได้มาในนามบริษัทนะ ระหว่างแพรกับเขามีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ พี่ภีมอย่าคิดมากเลย” “แต่พี่เห็นสายตาไอ้วัตถ์ที่มองแพรแล้วพี่พอจะดูออกนะ พี่ว่าตอนนี้เพื่อนของพี่คงไม่คิดกับแพรแค่เลขาแล้ว” “ก็ดีสิคะ” “ในเมื่อเขาเองก็คิดกับแพรเกินเลขาแล้ว พี่ว่าแพรก็ควรบอกความจริงกับเขาได้แล้ว” “ขอเวลาอีกนิดได้ไหม” “แพรรจะรออะไรอีก บอกความจริงเขาไปเถอะ มันไม่สนุกหรอกนะถ้าเราคนที่เรารู้สึกดีๆ ด้วยมาหลอก” “แพรไม่เคยหลอกนะคะพี่ภีม ในใบสมัครงานแพรก็เขียนความจริงทุกอย่าง ทั้งชื่อทั้งนามสกุลรวมถึงที่อยู่ที่บ้าน พี่วัตถ์ไม่สังเกตเองแล้วจะมาว่าแพรหลอกได้ยังไง” “พี่ถามหน่อยสิ แพรต้องตอบพี่ตรงๆ
ทิวัตถ์ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดคราบขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนออกจากกุหลาบงามจนสะอาดก่อนจะช่วยเธอสวมชุดให้กลับไปเป็นอย่างเดิม “คุณคงไม่มีแรงขับรถแน่ๆ ให้ผมไปส่งนะ” เขาพูดขณะเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กแล้วหยิบน้ำดื่มมาเปิดฝาแล้วส่งให้กับแพรรดา “ส่งที่คอนโดของรดานะคะ” พูดจบแพรรดาก็รับน้ำมาดื่มด้วยความกระหาย “พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับที่รัก ไปค้างด้วยกันนะ ยังไม่อิ่มเลยอยากกลับไปกินต่อ” “กินจุเกินไปแล้วนะคะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งสองรอบยังไม่พออีกเหรอ” หญิงสาวมองค้อน เพราะยังเหนื่อยไม่หายกับบทรักที่เขามอบให้เมื่อครู่ “แค่สองรอบเองครับ เมียผมกินอร่อยผมก็อยากกินเยอะๆ ได้ไหมล่ะ” “ไม่รู้สิคะ” แพรรดาไม่รู้จริงๆ ว่าเธอจะไหวไหมถ้าเขาจะจับเธอกินอีก เพราะตอนนี้หญิงสาวก็ทรงตัวแทบไม่อยู่ “ไม่รู้แสดงว่าต้องลอง เอาละ ไปที่รถเถอะ เดินไหวไหม” “ไหวค่ะ” แพรรดาเดินตามเขามาที่รถด้วยความสบายใจเพราะเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้ว “ขอนอนพักได้ไหม ถึงแล้วปลุกรดาด้วยนะคะ” “ได้สิ” เขาดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วปรับ
“ลองเสนอมาสิคะ”“ถ้าคุณไม่ให้ผมไปที่โรงแรม แล้วมีที่อื่นให้ผมไปไหมล่ะ”“ท่านรองอยากไปไหนล่ะคะ”“เลิกงานแล้วนะ”“คุณวัตถ์อยากไปไหนล่ะคะ” หญิงสาวเปลี่ยนสรรพนาม“อยากไปสวรรค์ ได้ไหมล่ะ พาไปได้หรือเปล่า”“ในห้องทำงานเหรอคะ” แพรรดาถามอย่างไม่แน่ใจ“ใช่สิ ถ้าผมหมดแรงอยู่ในห้องนี้ผมก็คงไปไหนไม่ได้ รดาคิดว่าทำให้ผมหมดแรงได้ไหม”“รดาไม่รู้ว่าคุณจะหมดแรงหรือเปล่าเอาเป็นว่ารดาจะทำคุณไปถึงสวรรค์อย่างที่อยากไปเลยล่ะคะ”เพราะกลัวเสียเขาให้กับคนอื่นแพรรดาเลยยอมทำตามคำขอของเขา มันดูกล้าบ้าบิ่นมากที่มีอะไรกันในห้องทำงานแต่เวลานี้ทุกคนก็กลับบ้านไปหมดแล้วแพรรดาถอดเสื้อตัวนอกของตนเอง แล้วคุกเข่าตรงหน้าท่านรองประธานหนุ่มสองมือลูบคลำความเป็นชายที่ซ่อนอยู่ในกางเกงผ้าเนื้อดีจนมันค่อยตื่นตัวขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่าตัวเขากำลังมองลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ“อื้ม....รดา”เขาครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อแพรรดาใช้ใบหน้าซุกไซร้อยู่นอกกางเกง เพียงแค่นี้ความเสียวก็แล่นพล่านไปทั่วกาย“ผมถอดให้นะ รดาจะได้กินถนัด”ถ้าหากจะรอให้เธอเป็นคนถอดเขาคงแทบคลั่ง ชายหนุ่มรีบจัด