แชร์

บทที่ 487

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-15 18:54:15
เว่ยหวยซานเอ่ย “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไป ถึงอย่างไรวันนี้ผู้คนเหล่านี้ ข้าก็จะพาไปให้ได้!”

นายทหารหมดหนทาง ทำได้เพียงหลีกทาง ให้เว่ยหวยซานพาฝูงชนที่ยังไม่เกิดอาการออกไป

เว่ยหวยซานให้องครักษ์เกราะทองคุ้มกัน ตนสวมหน้ากากปิดบังหน้า จากนั้นเคลื่อนย้ายเหล่าฝูงชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ยามจากไป นายทหารได้เอ่ยโน้มน้าวไว้ “นายพลเว่ย โรคระบาดนี้ร้ายแรงเกินคณา หากแพร่ระบาดไป ต้องตายสิ้นอย่างแน่นอน หากพวกท่านยืนกรานจะสอดมือข้องเกี่ยว เช่นนั้นก็คิดถึงผลที่ตามมาให้ดี......”

เว่ยหวยซานเอ่ย “ฝ่าบาทของพวกเจ้าไร้ความสามารถ ทำใจหาหมอมาให้ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้! มองชีวิตผู้คนเป็นเพียงมดแมลง! พวกเจ้าไม่รักษา ท่านอ๋องของเราจะหาหมอมารักษาเอง!”

นายทหารมิกล้าขววางทางอีกต่อไป เว่ยหวยซานประชันหน้ากับนายทหาร ลำเลียงฝูงชนออกย้ายไปฐานที่มั่นใหม่

ภายในรถม้า เด็กชายยังคงอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาว “แม่ พวกเราถูกช่วยไว้แล้วใช่ไหม?”

หญิงสาวเอ่ย “ท่านอ๋องช่วยเราไว้ เขาคือเทพสงครามแห่งราชวงศ์ซ่ง เป็นพระเจ้าที่คอยปกป้องพวกเราประชาชน มีเขาอยู่ พวกเราจะไม่เป็นอะไร......”

เด็กชายเอ่ยต่อ “แต่ข้าได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ท่านอ๋องเทพแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 488

    ชั่วเวลานั้น เว่ยหวยซานเดินเข้ามาจากนอกกระโจมเขามองเด็กชายที่นอนบนเตียงครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เรียนท่านอ๋อง เป็นดั่งที่คนเหล่านี้พูดจริงๆ ทั่วป๋าจิ่นจับประชาชนที่อาจติดเชื้อทั้งหมดกักขังไว้นอกเมือง เจ้าสารเลวนั่น! หากไปช่วยไม่ทัน ทุกคนต้องถูกมันฆ่าหมดแน่!”เว่ยหวยซานพรั่งพรูคำหยาบด้วยความโกรธ “มารดามันสิ! ไร้ความเป็นคนไปแล้ว! แม้แต่หมอยังไม่เชิญมาให้พวกเขาด้วยซ้ำ!”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “ตอนนี้จัดการเรื่องถึงไหนแล้ว?”เว่ยหวยซานเอ่ย “จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ ผู้คนที่เหลือรอดมาถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว และทำการแยกกักตัวไว้อีกแห่งแล้วขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงพยักหน้า กล่าวต่อ “ให้พวกเขาแยกกันอาศัย อย่ารวมตัวกันมากเกินไป นอกจากนั้นสั่งการให้เหล่าทหารเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง”เว่ยหวยซานจดจำคำของเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นใจ ทั้งยังกระจายคำสั่งครบทุกตัวอักษรไม่ขาดไม่เกินกระทั่งเว่ยหวยซานจากไป เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามไถ่เจียงหว่าน “โรคนี้พอมีทางรักษาได้หรือไม่?”อันที่จริงจวบจนถึงยามนี้ นางยังหาวิธีรักษาไม่ได้ อย่างไรเสียแม้นางจะร่ำเรียนการแพทย์มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอโรค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 489

    เยี่ยเป่ยเฉิงหาได้ปฏิเสธ ตอบไปตามตรง “คิดถึงมากจริงๆนั่นล่ะ”ความเจ็บปวดเสียดขึ้นกลางทรวงเจียงหว่าน ทว่านางกลับหัวเราะเอ่ยด้วยท่าทางติดขบขัน “ท่านอ๋องเป็นคนทำแต่เรื่องสำคัญ ไหนเลยจะสนใจแต่เรื่องคนรัก”เยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นชา “ทำเรื่องสำคัญ กับรักพระชายา ทั้งสองเรื่องมิได้ขัดกันแต่อย่างใด!”รอยยิ้มเจียงหว่านแข็งค้างบนหน้า นางฝืนขยับปากแข็งทื่อเอ่ยต่อ “แต่แม่นางหลินร่างกายอ่อนแอ เจียงหว่านขอแนะนำท่านอ๋องว่าในช่วงสถานการณ์โรคระบาดยังควบคุมไม่ได้นี้ ขอให้อดทนไว้ก่อน ทางที่ดีอย่าเพิ่งกลับไปพบแม่นางหลิน เลี่ยงมิให้เชื้อแพร่ใส่นาง......”เยี่ยเป่ยเฉิงที่กำลังจะเตรียมจากไปนั้น ได้ยินดังว่า พลันหยุดฝีเท้าทันใดเขาเอ่ย “เจ้าไม่ได้บอกว่า แนวทางการแพร่ระบาดโรคนี้......”“เจียงหว่านเพียงป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น อย่างไรเสียที่ผ่านมาแม่นางหลินก็สุขภาพอ่อนแอ หากไม่ระวังแพร่เชื้อใส่ละก็......เจียงหว่านย่อมหมดหนทางเช่นกัน” เจียงหว่านยิ้มบางให้เขา “เจียงหว่านเองหวังดีกับแม่นางหลินเช่นกัน หากท่านอ๋องทนไม่ไหว สามารถปล่อยผ่านคำพูดข้าได้” พูดไป เจียงหว่านก็ไม่สนใจเยี่ยเป่ยเฉิงอีก หักกลับไปสานต่อธุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 490

    เด็กชายไม่กล้าร้องอีกต่อไป สะกดกลั้นความเจ็บปวดจนเสียงสะอื้นเจียงหว่านคร้านจะสนใจเขา ยกสมุนไพรที่โขลกไว้เตรียมต้มยามเดินผ่านกระโจมค่าย ใต้ฝ่าเท้าพลันเหยียบบางอย่างนางมองดูชัดๆ ถึงได้พบว่าเป็นถุงปักลายใบหนึ่งเจียงหว่านก้มลง หยิบถึงปักลายขึ้นมา มองดูอย่างพินิจก่อนพบว่าถุงนี้ปักลายหงส์มังกร เมื่อมองอย่างละเอียด เป็นลายปักเย็บอันประณีต รู้สึกเหมือนมีชีวิตขึ้นมาจริงๆกระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคืออักษร “เยี่ย” ที่อยู่ข้างใต้ลายภาพนางเข้าใจทันใด ที่แท้ก็ถุงปักลายของเยี่ยเป่ยเฉิงนั่นเองแต่นางจำได้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบพกของไร้ประโชชน์แบบนี้ทว่ายามนี้ เขากลับพกถุงปักนี่ติดตัวไว้เสมอ!เมื่อคิดอย่างละเอียด นางก็เดาได้ไม่ยากว่าถุงปักใบนี้มาจากฝีมือของใคร!นิ้วมือลอบบีบแน่นนางเดินไปหน้าเตาไฟ ยกถุงปักในมือมาดหมายโยนทิ้งในเตาไฟ แต่ไม่รู้นึกอันใดขึ้นได้ ถึงค่อยๆเก็บกลับมาอีกครั้ง……ครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับไปก็พบว่าถุงปักลายของตนหายไปแล้วนั่นเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่หลินซวงเอ๋อร์ปักให้เขา เขาต้องหากลับมาให้ได้!ทว่าเขาตามหาจนทั่วทุกซอกทุกมุมในห้องแล้วก็ยังไม่เจอขณะกำลังร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 491

    ได้ยินว่า หากใครไม่นึกอยากอาหาร มักชอบกินประเภทต้มจืดและย่อยง่ายแต่หลินซวงเอ๋อร์เห็นโจ๊กต้มจืดแล้ว ยังคงไม่นึกอยากอยู่ดีนางเอาแต่เอนกายซึมเซาอยู่บนตั่งนุ่ม สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง จ้องมองต้นชิวไห่ถังที่เบ่งบานอยู่ ไม่รู้ในใจคิดเรื่องอะไรตงเหมยรู้ว่านางกำลังคิดถึงท่านอ๋องอยู่นับเวลาดูแล้ว ท่านอ๋องไม่ได้กลับจวนมาเกือบเจ็ดวันได้เจียงหว่านก็เช่นกันบ่าวไพร่ในจวนต่างก็ร่ำลือ ว่าท่านอ๋องได้ใหม่ลืมเก่า คลุกคลีกับแม่นางเจียงนานๆ จนเกิดผูกพัน ไม่ชอบคนที่อยู่ในจวนเสียแล้ว จึงหาข้ออ้าง ไปขลุกอยู่กับแม่นางเจียงในค่ายทหารเสียดีกวาเดิมทีตงเหมยก็ไม่เชื่อเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ เพราะท่านอ๋องดีต่อหลินซวงเอ๋อร์เพียงไหน นางล้วนเห็นกับตา แต่ที่นางคิดไม่ตกก็คือ วันก่อนหลินซวงเอ๋อร์เอาของไปให้เขาด้วยความดีใจ เหตุใดเขาจึงโมโหโกรธานัก ซ้ำยังสั่งกักบริเวณหลินซวงเอ๋อไว้ ไม่ให้นางออกจากเรือนอีก...หลินซวงเอ๋อร์คงได้ยินข่าวลือบางอย่างเช่นกัน มิฉะนั้นนางคงไม่หงอยเหงาซึมเซาถึงเพียงนั้น วันๆ ไม่พูดไม่จา และเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ร่างกายก็ซูบผอมไปเป็นกองแล้ว“ตงเหมย” จู่ๆ หลินซวงเอ๋อร์ก็เรียกหานางต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 492

    เยี่ยเป่ยเฉิงกลับถึงจวนก็รีบไปยังเรือนอวิ๋นซวนครั้งนี้ เขาแทบไม่ลังเล แต่ผลักประตูห้องเข้าไปโดยตรง“ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว” น้ำเสียงเขาแฝงด้วยความดีใจและร้อนรนไม่พบนางมาหลายวัน เขารู้สึกคิดถึงนางมาก ร้อนใจจนอยากพบหน้าเร็วๆเขายอมรับว่าช่วงนี้ละเลยนางไปมาก ดังนั้นก่อนจะกลับมา จึงรีบไปซื้อขนมกุ้ยฮวาและลูกอมเมล็ดสนที่นางโปรดปรานมาฝาก ถือเป็นการขอขมาทางอ้อมแต่แล้ว เหตุการณ์กลับต่างจากที่เขาคาดคิดเขาไม่ได้ยินเสียงตอบจากหลินซวงเอ๋อร์ ซ้ำภายในห้องก็มืดสนิทเขารีบจุดตะบันไฟขึ้น แล้วไปจ่อเทียนไขจนส่องสว่าง ภายในห้องค่อยมีแสงบ้างกวาดตามองไปรอบๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินซวงเอ๋อร์ผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ราวกับยังไม่ได้ผ่านการใช้งานเยี่ยเป่ยเฉิงเกิดความร้อนใจ จึงรีบหันหลังแล้ววิ่งไปห้องหนังสือแทนเขาคิดว่าดึกป่านนี้แล้ว นางไม่อยู่ในเรือนอวิ๋นซวน ก็คงไปห้องหนังสือแทนแต่แล้ว ห้องหนังสือก็ไม่มีเงาของนาง ดึกดื่นค่ำคืน หรือนางไม่อยู่ในเรือนตะวันออกจริงๆ?เยี่ยเป่ยเฉิงร้อนใจยิ่ง ในยามนี้ เขาลนลานจนแทบทำอะไรไม่ถูกแต่แล้ว ยังไม่ทันได้หันหลังกลับ จู่ๆ ก็มีเสียงมาจากด้านหลัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-15
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 493

    เมื่อได้ยินดังนี้ เยี่ยเฉิงเป่ยก็ยิ่งปวดใจเหลือจะกล่าวเขานึกเสียใจยิ่งวันก่อน เขาไม่ควรใช้คำพูดรุนแรงกับนาง จนทำให้นางเกิดความเข้าใจผิดเสียใจที่วันนั้นไม่ได้ผลักประตูเข้าไป แล้วอธิบายกับนางให้รู้ยิ่งเสียใจที่กลับมาช้าไป จนทำให้นางทนทุกข์ทรมานมาหลายวันในห้องตงเหมยยังจุดตะเกียงสว่างอยู่ ขณะเยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเข้าไป ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงในยามนี้ นางนอนหลับสนิทอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา ร่างผอมบางซุกอยู่ใต้ผ้านวมราวกับลูกแมวตัวน้อยตงเหมยตามอยู่ด้านหลังเยี่ยเป่ยเฉิง พลางกล่าวเบาๆ “พระชายาไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว กว่าจะหลับสนิทก็แสนยาก ท่านอ๋องก็ปล่อยให้นางนอนอยู่นี่สักคืนเถิดนะ”เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆ ย่องไปเบื้องหน้าหลินซวงเอ๋อร์ จ้องมองการนอนของนางอยู่เนิ่นนานสุดท้าย เขาก้มตัวลง เปิดผ้านวมแล้วอุ้มตัวหลินซวงเอ๋อร์ขึ้นมาเยี่ยเฉิงเป่ยกล่าวต่อตงเหมย “มีข้าอยู่กับนาง นางจะได้นอนหลับอย่างอุ่นใจ”ตงเหมยไม่คิดห้ามปรามอีก นางคิดว่า ในเมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้ว หลินซวงเอ๋อร์คงยินดีจะกลับไปนอนที่ห้องตนเองเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์ตรงไปยังเรือนอวิ๋นซวนไม่รอให้เขาวางตัวลงบนเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-16
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 494

    หลินซวงเอ๋อร์จับคอเสื้อเขาไว้แน่น พยายามระงับอารมณ์อันตื้นตันนางมีเรื่องมากมายคิดจะพูดกับเขาช่วงเวลาที่ผ่านมา นางนอนไม่หลับ มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ นางกินไม่ได้มากนัก นางรู้สึกทรมานใจ และที่สำคัญ นางคิดถึงเขามากแต่ว่า เพียงนางคิดถึงว่า เขาอาจจะยังโกรธตนอยู่ นางก็ไม่กล้าไปหาเขาอีกอีกอย่าง เขาลงโทษกักบริเวณนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าตนทำผิดที่ตรงไหน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวลือนั้น นางมักจะรู้สึกไม่สบายใจบางครั้งนางยังเคยคิดส่งเดช คิดว่า เขาไม่ต้องการตนจริงใช่หรือไม่ หรือจะไปชอบพอเจียงหว่านมากกว่า...ต่อมา นางได้แต่เบี่ยงเบนความคิดตน อย่าไปคิดอะไรมาก วันๆ นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่างแต่แม้กระนั้น กลางคืนนางยังนอนไม่หลับอยู่ดี แม้ฝันก็ยังเฝ้ารอให้เยี่ยเฉิงเป่ยกลับมา เพื่อให้คำตอบแก่นางสักครั้งแต่ว่า เหตุใดเขาจึงไม่ยอมกลับมา และไฉนจึงเพิ่งกลับเอาป่านนี้...“ซวงเอ๋อร์อย่าร้องไห้ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ” เยี่ยเป่ยเฉิงคอยซับน้ำตาให้นางเป็นระยะ แต่ซับเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียทีเมื่อเห็นดวงตาที่ร้องไห้จนบวมปูดของนาง เขาก็เชื่อคำพูดของตงเหมย เชื่อว่าช่วงที่ไม่อยู่หลายวันนี้ นางร้องไห้น้ำตาอาบแก้มทุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-16
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 495

    เยี่ยเฉิงเป่ยกล่าว “เป็นไปได้อย่างไร ข้าจะไปชอบผู้อื่นได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรข้าก็ชอบแต่ซวงเอ๋อร์เพียงผู้เดียว”เขากลัวหลินซวงเอ๋อร์จะไม่เชื่อ จึงได้กล่าวต่อ “หากเจ้าไม่เชื่อจริงๆ ข้าจะสาบานให้เดี๋ยวนี้”“หากมีสักวันที่ข้านอกใจซวงเอ๋อร์จริง ขอสวรรค์ลงโทษให้ข้าไม่ตายดี ตกนรกหมกไหม้...”“อย่า” หลินซวงเอ๋อร์ปิดเขาเขาไว้ ไม่ยอมให้กล่าวต่ออีก“ข้าไม่ต้องการให้ท่านตาย คำสาบานนี้ไม่เป็นผล” หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนถือเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นหากมีสิ่งใดเกี่ยวข้องถึงความปลอดภัยของสามี นางจะไม่ยอมให้เขาพูดส่งเดชอีกเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “ไม่เป็นผลได้อย่างไร เมื่อเอ่ยจากปากแล้ว ก็ต้องเห็นผลทั้งสิ้น”หลินซวงเอ๋อร์กล้าถกเถียงกับเขา “ไม่เป็นผล คำสาบานของท่านพี่ไม่เป็นผล”เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นความจริงจังของนาง จึงได้ยอมตามใจ “ก็ได้ เมื่อซวงเอ๋อร์กล่าวว่าไม่เป็นผล เช่นนั้นก็ไม่เป็นผล ข้าจะสาบานให้ใหม่อีกครั้ง”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ท่านอย่าได้สาบานอีกเลย แม่ข้าเคยบอกไว้ เหนือหัวเราขึ้นไปมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูอยู่ เรื่องบางอย่างจึงห้ามพูดส่งเดช”เยี่ยเป่ยเฉิงแสร้งมีท่าทีจริงจัง “แต่คำสาบานได้ออกไปแล้ว สิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-16

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status