แชร์

บทที่ 487

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เว่ยหวยซานเอ่ย “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไป ถึงอย่างไรวันนี้ผู้คนเหล่านี้ ข้าก็จะพาไปให้ได้!”

นายทหารหมดหนทาง ทำได้เพียงหลีกทาง ให้เว่ยหวยซานพาฝูงชนที่ยังไม่เกิดอาการออกไป

เว่ยหวยซานให้องครักษ์เกราะทองคุ้มกัน ตนสวมหน้ากากปิดบังหน้า จากนั้นเคลื่อนย้ายเหล่าฝูงชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ยามจากไป นายทหารได้เอ่ยโน้มน้าวไว้ “นายพลเว่ย โรคระบาดนี้ร้ายแรงเกินคณา หากแพร่ระบาดไป ต้องตายสิ้นอย่างแน่นอน หากพวกท่านยืนกรานจะสอดมือข้องเกี่ยว เช่นนั้นก็คิดถึงผลที่ตามมาให้ดี......”

เว่ยหวยซานเอ่ย “ฝ่าบาทของพวกเจ้าไร้ความสามารถ ทำใจหาหมอมาให้ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้! มองชีวิตผู้คนเป็นเพียงมดแมลง! พวกเจ้าไม่รักษา ท่านอ๋องของเราจะหาหมอมารักษาเอง!”

นายทหารมิกล้าขววางทางอีกต่อไป เว่ยหวยซานประชันหน้ากับนายทหาร ลำเลียงฝูงชนออกย้ายไปฐานที่มั่นใหม่

ภายในรถม้า เด็กชายยังคงอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาว “แม่ พวกเราถูกช่วยไว้แล้วใช่ไหม?”

หญิงสาวเอ่ย “ท่านอ๋องช่วยเราไว้ เขาคือเทพสงครามแห่งราชวงศ์ซ่ง เป็นพระเจ้าที่คอยปกป้องพวกเราประชาชน มีเขาอยู่ พวกเราจะไม่เป็นอะไร......”

เด็กชายเอ่ยต่อ “แต่ข้าได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ท่านอ๋องเทพแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 488

    ชั่วเวลานั้น เว่ยหวยซานเดินเข้ามาจากนอกกระโจมเขามองเด็กชายที่นอนบนเตียงครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เรียนท่านอ๋อง เป็นดั่งที่คนเหล่านี้พูดจริงๆ ทั่วป๋าจิ่นจับประชาชนที่อาจติดเชื้อทั้งหมดกักขังไว้นอกเมือง เจ้าสารเลวนั่น! หากไปช่วยไม่ทัน ทุกคนต้องถูกมันฆ่าหมดแน่!”เว่ยหวยซานพรั่งพรูคำหยาบด้วยความโกรธ “มารดามันสิ! ไร้ความเป็นคนไปแล้ว! แม้แต่หมอยังไม่เชิญมาให้พวกเขาด้วยซ้ำ!”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “ตอนนี้จัดการเรื่องถึงไหนแล้ว?”เว่ยหวยซานเอ่ย “จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ ผู้คนที่เหลือรอดมาถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว และทำการแยกกักตัวไว้อีกแห่งแล้วขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงพยักหน้า กล่าวต่อ “ให้พวกเขาแยกกันอาศัย อย่ารวมตัวกันมากเกินไป นอกจากนั้นสั่งการให้เหล่าทหารเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง”เว่ยหวยซานจดจำคำของเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นใจ ทั้งยังกระจายคำสั่งครบทุกตัวอักษรไม่ขาดไม่เกินกระทั่งเว่ยหวยซานจากไป เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามไถ่เจียงหว่าน “โรคนี้พอมีทางรักษาได้หรือไม่?”อันที่จริงจวบจนถึงยามนี้ นางยังหาวิธีรักษาไม่ได้ อย่างไรเสียแม้นางจะร่ำเรียนการแพทย์มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอโรค

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 489

    เยี่ยเป่ยเฉิงหาได้ปฏิเสธ ตอบไปตามตรง “คิดถึงมากจริงๆนั่นล่ะ”ความเจ็บปวดเสียดขึ้นกลางทรวงเจียงหว่าน ทว่านางกลับหัวเราะเอ่ยด้วยท่าทางติดขบขัน “ท่านอ๋องเป็นคนทำแต่เรื่องสำคัญ ไหนเลยจะสนใจแต่เรื่องคนรัก”เยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นชา “ทำเรื่องสำคัญ กับรักพระชายา ทั้งสองเรื่องมิได้ขัดกันแต่อย่างใด!”รอยยิ้มเจียงหว่านแข็งค้างบนหน้า นางฝืนขยับปากแข็งทื่อเอ่ยต่อ “แต่แม่นางหลินร่างกายอ่อนแอ เจียงหว่านขอแนะนำท่านอ๋องว่าในช่วงสถานการณ์โรคระบาดยังควบคุมไม่ได้นี้ ขอให้อดทนไว้ก่อน ทางที่ดีอย่าเพิ่งกลับไปพบแม่นางหลิน เลี่ยงมิให้เชื้อแพร่ใส่นาง......”เยี่ยเป่ยเฉิงที่กำลังจะเตรียมจากไปนั้น ได้ยินดังว่า พลันหยุดฝีเท้าทันใดเขาเอ่ย “เจ้าไม่ได้บอกว่า แนวทางการแพร่ระบาดโรคนี้......”“เจียงหว่านเพียงป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น อย่างไรเสียที่ผ่านมาแม่นางหลินก็สุขภาพอ่อนแอ หากไม่ระวังแพร่เชื้อใส่ละก็......เจียงหว่านย่อมหมดหนทางเช่นกัน” เจียงหว่านยิ้มบางให้เขา “เจียงหว่านเองหวังดีกับแม่นางหลินเช่นกัน หากท่านอ๋องทนไม่ไหว สามารถปล่อยผ่านคำพูดข้าได้” พูดไป เจียงหว่านก็ไม่สนใจเยี่ยเป่ยเฉิงอีก หักกลับไปสานต่อธุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 490

    เด็กชายไม่กล้าร้องอีกต่อไป สะกดกลั้นความเจ็บปวดจนเสียงสะอื้นเจียงหว่านคร้านจะสนใจเขา ยกสมุนไพรที่โขลกไว้เตรียมต้มยามเดินผ่านกระโจมค่าย ใต้ฝ่าเท้าพลันเหยียบบางอย่างนางมองดูชัดๆ ถึงได้พบว่าเป็นถุงปักลายใบหนึ่งเจียงหว่านก้มลง หยิบถึงปักลายขึ้นมา มองดูอย่างพินิจก่อนพบว่าถุงนี้ปักลายหงส์มังกร เมื่อมองอย่างละเอียด เป็นลายปักเย็บอันประณีต รู้สึกเหมือนมีชีวิตขึ้นมาจริงๆกระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคืออักษร “เยี่ย” ที่อยู่ข้างใต้ลายภาพนางเข้าใจทันใด ที่แท้ก็ถุงปักลายของเยี่ยเป่ยเฉิงนั่นเองแต่นางจำได้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบพกของไร้ประโชชน์แบบนี้ทว่ายามนี้ เขากลับพกถุงปักนี่ติดตัวไว้เสมอ!เมื่อคิดอย่างละเอียด นางก็เดาได้ไม่ยากว่าถุงปักใบนี้มาจากฝีมือของใคร!นิ้วมือลอบบีบแน่นนางเดินไปหน้าเตาไฟ ยกถุงปักในมือมาดหมายโยนทิ้งในเตาไฟ แต่ไม่รู้นึกอันใดขึ้นได้ ถึงค่อยๆเก็บกลับมาอีกครั้ง……ครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับไปก็พบว่าถุงปักลายของตนหายไปแล้วนั่นเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่หลินซวงเอ๋อร์ปักให้เขา เขาต้องหากลับมาให้ได้!ทว่าเขาตามหาจนทั่วทุกซอกทุกมุมในห้องแล้วก็ยังไม่เจอขณะกำลังร้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 491

    ได้ยินว่า หากใครไม่นึกอยากอาหาร มักชอบกินประเภทต้มจืดและย่อยง่ายแต่หลินซวงเอ๋อร์เห็นโจ๊กต้มจืดแล้ว ยังคงไม่นึกอยากอยู่ดีนางเอาแต่เอนกายซึมเซาอยู่บนตั่งนุ่ม สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง จ้องมองต้นชิวไห่ถังที่เบ่งบานอยู่ ไม่รู้ในใจคิดเรื่องอะไรตงเหมยรู้ว่านางกำลังคิดถึงท่านอ๋องอยู่นับเวลาดูแล้ว ท่านอ๋องไม่ได้กลับจวนมาเกือบเจ็ดวันได้เจียงหว่านก็เช่นกันบ่าวไพร่ในจวนต่างก็ร่ำลือ ว่าท่านอ๋องได้ใหม่ลืมเก่า คลุกคลีกับแม่นางเจียงนานๆ จนเกิดผูกพัน ไม่ชอบคนที่อยู่ในจวนเสียแล้ว จึงหาข้ออ้าง ไปขลุกอยู่กับแม่นางเจียงในค่ายทหารเสียดีกวาเดิมทีตงเหมยก็ไม่เชื่อเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ เพราะท่านอ๋องดีต่อหลินซวงเอ๋อร์เพียงไหน นางล้วนเห็นกับตา แต่ที่นางคิดไม่ตกก็คือ วันก่อนหลินซวงเอ๋อร์เอาของไปให้เขาด้วยความดีใจ เหตุใดเขาจึงโมโหโกรธานัก ซ้ำยังสั่งกักบริเวณหลินซวงเอ๋อไว้ ไม่ให้นางออกจากเรือนอีก...หลินซวงเอ๋อร์คงได้ยินข่าวลือบางอย่างเช่นกัน มิฉะนั้นนางคงไม่หงอยเหงาซึมเซาถึงเพียงนั้น วันๆ ไม่พูดไม่จา และเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ร่างกายก็ซูบผอมไปเป็นกองแล้ว“ตงเหมย” จู่ๆ หลินซวงเอ๋อร์ก็เรียกหานางต

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 492

    เยี่ยเป่ยเฉิงกลับถึงจวนก็รีบไปยังเรือนอวิ๋นซวนครั้งนี้ เขาแทบไม่ลังเล แต่ผลักประตูห้องเข้าไปโดยตรง“ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว” น้ำเสียงเขาแฝงด้วยความดีใจและร้อนรนไม่พบนางมาหลายวัน เขารู้สึกคิดถึงนางมาก ร้อนใจจนอยากพบหน้าเร็วๆเขายอมรับว่าช่วงนี้ละเลยนางไปมาก ดังนั้นก่อนจะกลับมา จึงรีบไปซื้อขนมกุ้ยฮวาและลูกอมเมล็ดสนที่นางโปรดปรานมาฝาก ถือเป็นการขอขมาทางอ้อมแต่แล้ว เหตุการณ์กลับต่างจากที่เขาคาดคิดเขาไม่ได้ยินเสียงตอบจากหลินซวงเอ๋อร์ ซ้ำภายในห้องก็มืดสนิทเขารีบจุดตะบันไฟขึ้น แล้วไปจ่อเทียนไขจนส่องสว่าง ภายในห้องค่อยมีแสงบ้างกวาดตามองไปรอบๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินซวงเอ๋อร์ผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ราวกับยังไม่ได้ผ่านการใช้งานเยี่ยเป่ยเฉิงเกิดความร้อนใจ จึงรีบหันหลังแล้ววิ่งไปห้องหนังสือแทนเขาคิดว่าดึกป่านนี้แล้ว นางไม่อยู่ในเรือนอวิ๋นซวน ก็คงไปห้องหนังสือแทนแต่แล้ว ห้องหนังสือก็ไม่มีเงาของนาง ดึกดื่นค่ำคืน หรือนางไม่อยู่ในเรือนตะวันออกจริงๆ?เยี่ยเป่ยเฉิงร้อนใจยิ่ง ในยามนี้ เขาลนลานจนแทบทำอะไรไม่ถูกแต่แล้ว ยังไม่ทันได้หันหลังกลับ จู่ๆ ก็มีเสียงมาจากด้านหลัง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 493

    เมื่อได้ยินดังนี้ เยี่ยเฉิงเป่ยก็ยิ่งปวดใจเหลือจะกล่าวเขานึกเสียใจยิ่งวันก่อน เขาไม่ควรใช้คำพูดรุนแรงกับนาง จนทำให้นางเกิดความเข้าใจผิดเสียใจที่วันนั้นไม่ได้ผลักประตูเข้าไป แล้วอธิบายกับนางให้รู้ยิ่งเสียใจที่กลับมาช้าไป จนทำให้นางทนทุกข์ทรมานมาหลายวันในห้องตงเหมยยังจุดตะเกียงสว่างอยู่ ขณะเยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเข้าไป ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงในยามนี้ นางนอนหลับสนิทอยู่ ลมหายใจแผ่วเบา ร่างผอมบางซุกอยู่ใต้ผ้านวมราวกับลูกแมวตัวน้อยตงเหมยตามอยู่ด้านหลังเยี่ยเป่ยเฉิง พลางกล่าวเบาๆ “พระชายาไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว กว่าจะหลับสนิทก็แสนยาก ท่านอ๋องก็ปล่อยให้นางนอนอยู่นี่สักคืนเถิดนะ”เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆ ย่องไปเบื้องหน้าหลินซวงเอ๋อร์ จ้องมองการนอนของนางอยู่เนิ่นนานสุดท้าย เขาก้มตัวลง เปิดผ้านวมแล้วอุ้มตัวหลินซวงเอ๋อร์ขึ้นมาเยี่ยเฉิงเป่ยกล่าวต่อตงเหมย “มีข้าอยู่กับนาง นางจะได้นอนหลับอย่างอุ่นใจ”ตงเหมยไม่คิดห้ามปรามอีก นางคิดว่า ในเมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้ว หลินซวงเอ๋อร์คงยินดีจะกลับไปนอนที่ห้องตนเองเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มหลินซวงเอ๋อร์ตรงไปยังเรือนอวิ๋นซวนไม่รอให้เขาวางตัวลงบนเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 494

    หลินซวงเอ๋อร์จับคอเสื้อเขาไว้แน่น พยายามระงับอารมณ์อันตื้นตันนางมีเรื่องมากมายคิดจะพูดกับเขาช่วงเวลาที่ผ่านมา นางนอนไม่หลับ มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ นางกินไม่ได้มากนัก นางรู้สึกทรมานใจ และที่สำคัญ นางคิดถึงเขามากแต่ว่า เพียงนางคิดถึงว่า เขาอาจจะยังโกรธตนอยู่ นางก็ไม่กล้าไปหาเขาอีกอีกอย่าง เขาลงโทษกักบริเวณนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าตนทำผิดที่ตรงไหน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวลือนั้น นางมักจะรู้สึกไม่สบายใจบางครั้งนางยังเคยคิดส่งเดช คิดว่า เขาไม่ต้องการตนจริงใช่หรือไม่ หรือจะไปชอบพอเจียงหว่านมากกว่า...ต่อมา นางได้แต่เบี่ยงเบนความคิดตน อย่าไปคิดอะไรมาก วันๆ นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่างแต่แม้กระนั้น กลางคืนนางยังนอนไม่หลับอยู่ดี แม้ฝันก็ยังเฝ้ารอให้เยี่ยเฉิงเป่ยกลับมา เพื่อให้คำตอบแก่นางสักครั้งแต่ว่า เหตุใดเขาจึงไม่ยอมกลับมา และไฉนจึงเพิ่งกลับเอาป่านนี้...“ซวงเอ๋อร์อย่าร้องไห้ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ” เยี่ยเป่ยเฉิงคอยซับน้ำตาให้นางเป็นระยะ แต่ซับเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียทีเมื่อเห็นดวงตาที่ร้องไห้จนบวมปูดของนาง เขาก็เชื่อคำพูดของตงเหมย เชื่อว่าช่วงที่ไม่อยู่หลายวันนี้ นางร้องไห้น้ำตาอาบแก้มทุก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 495

    เยี่ยเฉิงเป่ยกล่าว “เป็นไปได้อย่างไร ข้าจะไปชอบผู้อื่นได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรข้าก็ชอบแต่ซวงเอ๋อร์เพียงผู้เดียว”เขากลัวหลินซวงเอ๋อร์จะไม่เชื่อ จึงได้กล่าวต่อ “หากเจ้าไม่เชื่อจริงๆ ข้าจะสาบานให้เดี๋ยวนี้”“หากมีสักวันที่ข้านอกใจซวงเอ๋อร์จริง ขอสวรรค์ลงโทษให้ข้าไม่ตายดี ตกนรกหมกไหม้...”“อย่า” หลินซวงเอ๋อร์ปิดเขาเขาไว้ ไม่ยอมให้กล่าวต่ออีก“ข้าไม่ต้องการให้ท่านตาย คำสาบานนี้ไม่เป็นผล” หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนถือเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นหากมีสิ่งใดเกี่ยวข้องถึงความปลอดภัยของสามี นางจะไม่ยอมให้เขาพูดส่งเดชอีกเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “ไม่เป็นผลได้อย่างไร เมื่อเอ่ยจากปากแล้ว ก็ต้องเห็นผลทั้งสิ้น”หลินซวงเอ๋อร์กล้าถกเถียงกับเขา “ไม่เป็นผล คำสาบานของท่านพี่ไม่เป็นผล”เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นความจริงจังของนาง จึงได้ยอมตามใจ “ก็ได้ เมื่อซวงเอ๋อร์กล่าวว่าไม่เป็นผล เช่นนั้นก็ไม่เป็นผล ข้าจะสาบานให้ใหม่อีกครั้ง”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ท่านอย่าได้สาบานอีกเลย แม่ข้าเคยบอกไว้ เหนือหัวเราขึ้นไปมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูอยู่ เรื่องบางอย่างจึงห้ามพูดส่งเดช”เยี่ยเป่ยเฉิงแสร้งมีท่าทีจริงจัง “แต่คำสาบานได้ออกไปแล้ว สิ่

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status