แชร์

บทที่ 383

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-21 18:00:00
ถ้าเขาโดนลูกยิงเข้าจริงๆ ทั้งสามคนนี้คงจะบอกว่าอีกว่า เป็นเพราะดวงเขาชงกับวันนี้ ไม่เหมาพที่จะออกไปไหน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลย! ปัดความรับผิดชอบไปจนหมด!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แม้ว่าทั่วป๋าจิ่นจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้แค่ระงับความเจ็บใจเอาไว้

องค์จักรพรรดิรู้สึกหงุดหงิดในใจ เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้จะถึงเวลาแล้ว ก็ฟังคำแนะนำของไป๋อวี้ถัง ให้ส่งคนส่ง ทั่วป๋าจิ่นที่เกรี้ยวโกรธกลับไปที่พระราชวัง

ทันทีที่ทั่วป๋าจิ่นจากไป การล่าสัตว์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ในเวลานี้ ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว แสงตะวันทะลุผ่านชั้นเมฆ พอแสงอรุโณทัยอรุณสาดส่องลงมา แผ่นดินทั้งหมดก็เป็นสีทองผ่องอำไพ

ทุกคนพร้อมที่จะออกเดินทาง ม้าที่ขี่นั้นแข็งแกร่งทรงพลัง ซองใส่ธนูก็เต็มไปด้วยลูกธนู และเตรียมพร้อมทุกอย่างอย่างครบครัน พวกเขาถือคันธนูเอาไว้ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น

ป่าแห่งนี้อันตรายมาก เพราะมีสัตว์ดุร้ายหายากและแปลกตาจำนวนนับไม่ถ้วน จึงไม่เหมาะที่จะสตรีจะเข้าไป ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย บรรดาสตรีทั้งหมดจึงอยู่ในค่าย

คนที่อยู่ในค่ายจะเตรียมหม้อไฟและเตาย่างเอาไว้ เมื่อผู้ชายกลั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 384

    ผู้ชายส่วนใหญ่เข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์ เหลือเพียงพ่อครัวและองครักษ์เพียงไม่กี่คนที่อยู่ในค่ายตามการทางปฏิบัติที่ผ่านมา การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงจะต้องใช้เวลาทั้งวัน พอถึงช่วงพลบค่ำ บรรดาผู้ชายถึงจะทยอยกลับมาเหล่าสตรีไม่มีอะไรทำ จึงรวมตัวกันกลุ่มละสองสามคน ขี่ม้าไปชมดอกไม้และทิวทัศน์ พบปะพูดคุยกัน ทำให้เวลาผ่านอย่างไม่ยากลำบากมากนักหลินซวงเอ๋อร์อยากจะไปเดินเล่นในป่าที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดถึง แต่นางไม่กล้าไปคนเดียว ดังนั้นจึงคิดที่จะไปกับหญิงสาวคนอื่นๆนางเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวคนอื่นๆ แต่นางยังไม่ทันได้เข้าใกล้ บรรดาหญิงสาวคนอื่นๆก็มองนางด้วยสายตาที่ลึกลับซับซ้อนสายตานั้นทำให้นางหยุดเดินในทันทีคำพูดที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดดังก้องปานฟ้าร้อง อยู่ข้างหูหญิงสาวในชุดแดงมองหลินซวงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เย็นชา และกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ดูสิ แค่สาวใช้คนหนึ่ง คิดว่าปีนขึ้นไปบนเตียงเจ้านายแล้วจะมีคุณสมบัติที่จะมายืนเคียงข้างพวกเรา นางก็ไม่ดูสถานะของตนเองเลย!"ผู้หญิงอีกคนที่สวมชุดสีเขียวหัวเราะเยาะว่า "ถุย! นังจิ้งจอกชั้นต่ำ ตั้งใจขโมยสามีของคนอื่น ช่างไร้ยางอายจริงๆ!"“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของนางส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-21
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 385

    ฮุ่ยอี๋กล่าวอย่างฉะฉานว่า: " ในเวลานั้นไทเฮาพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าสุดฤทธิ์ ว่าอย่าไปคาดหวังกับงานสมรสในครั้งนี้มากนัก เพราะท่านลุงเป็นคนที่มีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ใช่คนที่รู้จักรักใคร่ทะนุถนอมคนอื่น แต่เจ้ากลับร้องห่มร้องไห้ ยืนกรานจะสมรสกับเขาให้ได้ ไทเฮาไม่รู้ว่าจะจัดการเจ้าอย่างไร จึงให้เสด็จพ่อจัดการเรื่องงานสมรสนี้ให้ "สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ในสถานการณ์ที่น่าอับอายสุดขีดเช่นนี้ แม้ว่าพวกนางอยากจะประจบประแจงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่ออย่างไร ดังนั้นจึงหาข้ออ้างแล้วจากไปคิดไม่ถึงว่าฮุ่ยอี๋จะหักหน้านางต่อหน้าสาธารณชน ใบหน้าของจ้าวชิงชิงประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวเขียว นางมองไปที่ฮุ่ยอี๋สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: "ฮุ่ยอี๋ เจ้ามีอคติอะไรกับข้าหรือเปล่า?"ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: "ไม่นี่ ข้าแค่พูดความจริงก็เท่านั้น!"“อีกอย่าง องค์หญิงนี้ชอบพูดอะไรต่อหน้า ไม่ชอบพูดให้ร้ายคนอื่นลับหลัง!”สิ่งที่นางพูดมีนัยความหมายบางอย่าง ทำให้จ้าวชิงชิงใจเต้นระรัว และรู้สึกผิดเล็กน้อยฮุ่ยอี๋ยิ้มให้นางเบาๆ ทำท่าทางราวกับว่าไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร: " เจ้ารู้สึกผิดอะไร?หรือว่า ลับหลังแล้วเจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 386

    หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าตนเองไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น ดังนั้นนางจึงไม่ไปประจบประแจงให้เสียเวลา ตอนที่รู้สึกเบื่อ นางก็จะขี่ม้าไปบริเวณรอบๆค่ายเนื่องจากลูกม้ามีขนาดเล็ก นางกลัวว่ามันจะเหนื่อย ดังนั้นทุกครั้งที่นางขี่ม้าไปได้หนึ่งรอบ นางจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินจูงลูกม้าเล่นหลังจากเดินไปได้สักสองสามรอบ นางก็กลัวว่ามันจะหิว จึงจูงลูกม้าไปที่ทุ่งหญ้าแล้วปล่อยให้มันกินหญ้าพอลูกม้ากินหญ้าเสร็จแล้ว นางก็กลัวว่ามันจะกระหาย จึงพามันไปทุกที่เพื่อหาน้ำดื่มหลังจากทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ลูกม้าเต็มไปด้วยอาหารและน้ำ จนท้องของมันก็ปูดนูนออกมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเลี้ยงม้ามาก่อนเลย ไม่ต้องพูดถึงลูกม้าที่ตัวเล็กและน่ารักขนาดนี้ เมื่อมองดูท้องที่ปูดนูนของมัน หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อยนางไม่ควรให้อาหารมันมากจนเกินไปคนถ้ารับประทานอาหารมากเกินไปจะรู้สึกง่วงนอน สัตว์ก็เช่นกันลูกม้าเต็มไปด้วยอาหารและน้ำ มันนอนอยู่บนพื้นและไม่อยากขยับตัวเดิมทีหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่แล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนมอบม้าตัวนี้ให้นางเอาไว้ขี่เล่น ตอนนี้มันโดดงานนอนอยู่บนพื้น หลินซวงเอ๋อร์จึงรู้สึก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 387

    ทุกคมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์เบียดเสียดฝูงชนมาที่ตรงหน้าจื่อหลันจื่อหลันรู้สึกร้อนใจมาก พูดออกมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไรว่า: "กินแค่ซาลาเปาเนื้อแกะ และดื่มซุปบ๊วยเปรี้ยวไปครึ่งชาม"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "เจ้าให้ข้าเข้าไปดูองค์หญิงได้ไหม?"จื่อหลันยังไม่ทันได้ตอบตกลง จ้าวชิงชิงก็เยาะเย้ยว่า: " หลินซวงเอ๋อร์! เจ้ามายุ่งวุ่นวายอะไร? พวกข้ายังทำอะไรไม่ได้เลย เจ้าจะมาดึงดันแก้ไขปัญหาไปเพื่ออะไร?"ในสายตาของจ้าวชิงชิง หลินซวงเอ๋อร์มาจากชนชั้นที่ต่ำต้อย แม้แต่ตัวอักษรก็อ่านไม่ออก และเป็นเศษสวะที่ไร้ค่าคนหนึ่ง!อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พูดจบ เสียงที่อดกลั้นความเจ็บปวดของฮุ่ยอี๋ก็ดังมาจากในกระโจม: " จื่อหลัน... ให้นางเข้ามา!"เมื่อได้รับอนุญาตจากฮุ่ยอี๋ ก็ไม่มีใครกล้าห้ามนางอีกจื่อหลันเปิดม่านกระโจม เชิญหลินซวงเอ๋อร์เข้าไปในกระโจมทุกคนก็อยากจะเข้าไปดูสถานการณ์เช่นกัน แต่จื่อหลันให้พวกนางอยู่ข้างนอกทั้งหมด: "องค์หญิงอนุญาตให้นางเข้าไปเท่านั้น พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกเถิด"ภายในกระโจม ฮุ่ยอี๋นอนอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว หน้าผากเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 388

    เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาจากกระโจม ทุกคนก็รีบเดินไปข้างหน้าแล้วถามว่า "องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "องค์หญิงแค่ปวดท้องเพราะกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็นเข้าไป ข้าจะไปหาสมุนไพรมาให้นางดื่มก็คงจะไม่เป็นไรแล้ว"จ้าวชิงชิงเยาะเย้ย: "เจ้าเนี่ยนะ? เจ้าหาสมุนไพรเป็นด้วยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองนาง ด้วยนัยน์ตาที่ไม่ต่ำต้อยไม่หยิ่งผยอง: " ใช่แล้ว ท่านหญิงมีปัญหาอะไรหรือ? "ความเหยียดหยามในดวงตาของจ้าวชิงชิงเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น: "มีปัญหาแน่นอน! คนที่นอนอยู่ข้างในคือองค์หญิง เจ้าไม่ใช่แพทย์ เหตุใดถึงกล้าหาสมุนไพรให้องค์หญิง?"หลินซวงเอ๋อร์สบตากับนางตรงๆ ด้วยนัยน์ตาที่สงบนิ่ง และกล่าวด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามว่า: " ถ้าเจ้าขัดขวางข้า แล้วทำให้องค์หญิงมีอาการที่หนักขึ้น เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่? "จ้าวชิงชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่านางจะมีวาจาที่คมคายเช่นนี้ จึงพูดอย่างเกรี้ยวโกรธทันที: " ข้าก็คำนึงถึงองค์หญิงเช่นกัน นางร่างกายอ่อนแอเปราะบาง ไม่ใช่ใครก็สามารถให้ยาแก่นางได้! ถ้ามีอะไรผิดพลาด เจ้าจะทำอย่างไร? "ภายในกระโจม มีเสียงที่อดกลั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 389

    ตรงกลางบริเวณที่พืชน้ำเจริญเติบโต มีดอกไม้สีฟ้าเล็กๆสองสามดอกกระจัดกระจายอยู่หลินซวงเอ๋อร์มีสีหน้าที่ดีใจ รีบแหวกพืชน้ำออก แล้วขุดลงไปตามก้านของดอกไม้เล็กๆ และพบว่ามี " หยวนหู " อยู่ในนั้นจริงๆตอนเด็กเมื่อนางท้องไส้ปั่นป่วน ท่านพ่อของนางมักจะไปที่แม่น้ำเพื่อหาสมุนไพรนี้ให้นางอยู่เสมอหยวนหูมีฤทธิ์ที่เผ็ดร้อน และมีฤทธิ์ที่อบอุ่น มันมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากภาวะลมปราณไหลเวียนติดขัดและภาวะที่มีเลือดคั่งอยู่ภายในแม้ว่าหลินซวงเอ๋อร์จะเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ร่างกายของนางเปราะปรางกว่าองค์หญิงเสียอีก ตั้งแต่เล็กจนโต นางเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ ต้องอาศัยการรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งนางอายุเจ็ดขวบท้องของนางก็เปราะบางเช่นกัน ถ้ากินอาหารดิบหรืออาหารที่มีฤทธิ์เย็นจะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ง่ายเนื่องจากนางมีร่างกายที่เปราะบาง ท่านพ่อของนางจึงหาหมอที่มีชื่อเสียงมาให้นาง นางจึงเริ่มรู้จักสมุนไพรนับร้อยชนิด และปรุงยาประเภทต่างๆได้ เดิมทีนางก็เป็นแค่ชาวไร่ชาวสวน แต่สถานการณ์กลับบีบบังคับให้เข้าสู่เส้นทางแห่งการแพทย์ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์ติดตามท่านพ่อของนาง เนื่องจากได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-23
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 390

    หลินซวงเอ๋อร์รับยาต้มที่จื่อหลันส่งมาให้ คนด้วยช้อนแล้ว กล่าวว่า: "องค์หญิง ดื่มยาต้มนี้เสีย แล้วเจ้าก็จะไม่ปวดท้องแล้ว"ในเวลานั้น ฮุ่ยอี๋กลับมามีสติบ้างแล้ว นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองดูยาต้มที่อยู่ในมือของหลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่งน้ำยาต้มดูไปแล้วดำมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นฉุน ดูเหมือนจะกลืนลงไปยากมากฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า " เจ้าแน่ใจหรือว่า คนสามารถดื่มได้? "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ดื่มได้แน่นอน ตอนที่ข้าปวดท้องตอนเด็ก ก็ดื่มยาอันนี้ ยานี้ออกฤทธิ์เร็ว ทางที่ดีที่สุดควรจะดื่มในขณะที่มันยังร้อนอยู่ "ฮุ่ยอี๋ยังคงขมวดคิ้วอันที่จริง การที่หลินซวงเอ๋อร์หยิกนางเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ท้องของนางทุเลาลงมากแล้ว บางทีถ้าอดทนอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เจ็บแล้วบาดแผลที่หายแล้วเรามักจะลืมว่าเราเคยเจ็บ ฮุ่ยอี๋ก็เช่นเดียวกันหลินซวงเอ๋อร์มองความคิดของนางออกได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า: " ถ้าองค์หญิงไม่ดื่ม อีกสักพักองค์หญิงจะปวดท้องรุนแรงมากขึ้น เมื่อสักครู่นี้ข้าฉันแค่กดจุดลมปราณ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้ท่านเฉยๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่เป็นไรแล้ว "ในเวลานี้ จื่อหลันกล่าวว่า: "องค์ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-23
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 391

    ฮุ่ยอี๋ถือชามยาเอาไว้ ขมวดคิ้วมองดูยาต้มสีดำปี๋ที่อยู่ในชาม ด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ยาที่ดีย่อมมีรสขม หากองค์หญิงไม่อยากทนทุกข์ ก็ดื่มให้หมดภายในคราวเดียว"เดิมทีจื่อหลันอยากจะช่วยเกลี้ยกล่อมด้วย แต่คิดไม่ถึงว่า ฮุ่ยอี๋จะยกชามยาเสียแต่โดยดี จากนั้นก็ดื่มยาที่อยู่ในชามหมดภายในรวดเดียวจื่อหลันตกใจมากองค์หญิงที่มีนิสัยแปลกๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คิดไม่ถึงว่าจะเชื่อฟังหลินซวงเอ๋อร์?หลังจากยาหนึ่งชามลงไปในท้อง ฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกทั้งขมทั้งฝาด นางอยากกินของหวาน พุทราหวานสักลูกก็ยังดีนางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลินซวงเอ๋อร์ก็ยัดอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จักเข้าไปในปากของนาง“ถ้ารู้สึกว่ามันขม แค่เคี้ยวมัน เคี้ยวมันก็จะไม่ขมแล้ว” นัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยรอยยิ้มนัยน์ตาของนางสดใส ราวกับดวงจันทร์บนท้องนภา ทั้งสุกสกาวทั้งสะอาด ทันใดนั้นฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกว่า หลินซวงเอ๋อร์หน้าตาดีมากจริงๆ ความงามของนางไม่ทำให้คนรู้สึกกดดัน โครงหน้าก็ละมุนนุ่มนวล ใครที่ได้พบเห็นก็จะต้องชื่นชอบกันทั้งนั้นฮุ่ยอี๋จำไม่ได้ว่า เหตุใดตอนนั้นถึงอยากจะเกลียดนางแต่ตอนนี้ นางดูเหมือนจะเกลียดนางไม่ลง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-23

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status