แชร์

บทที่ 390

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หลินซวงเอ๋อร์รับยาต้มที่จื่อหลันส่งมาให้ คนด้วยช้อนแล้ว กล่าวว่า: "องค์หญิง ดื่มยาต้มนี้เสีย แล้วเจ้าก็จะไม่ปวดท้องแล้ว"

ในเวลานั้น ฮุ่ยอี๋กลับมามีสติบ้างแล้ว นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองดูยาต้มที่อยู่ในมือของหลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง

น้ำยาต้มดูไปแล้วดำมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นฉุน ดูเหมือนจะกลืนลงไปยากมาก

ฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า " เจ้าแน่ใจหรือว่า คนสามารถดื่มได้? "

หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ดื่มได้แน่นอน ตอนที่ข้าปวดท้องตอนเด็ก ก็ดื่มยาอันนี้ ยานี้ออกฤทธิ์เร็ว ทางที่ดีที่สุดควรจะดื่มในขณะที่มันยังร้อนอยู่ "

ฮุ่ยอี๋ยังคงขมวดคิ้ว

อันที่จริง การที่หลินซวงเอ๋อร์หยิกนางเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ท้องของนางทุเลาลงมากแล้ว บางทีถ้าอดทนอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เจ็บแล้ว

บาดแผลที่หายแล้วเรามักจะลืมว่าเราเคยเจ็บ ฮุ่ยอี๋ก็เช่นเดียวกัน

หลินซวงเอ๋อร์มองความคิดของนางออกได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า: " ถ้าองค์หญิงไม่ดื่ม อีกสักพักองค์หญิงจะปวดท้องรุนแรงมากขึ้น เมื่อสักครู่นี้ข้าฉันแค่กดจุดลมปราณ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้ท่านเฉยๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่เป็นไรแล้ว "

ในเวลานี้ จื่อหลันกล่าวว่า: "องค์ห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 391

    ฮุ่ยอี๋ถือชามยาเอาไว้ ขมวดคิ้วมองดูยาต้มสีดำปี๋ที่อยู่ในชาม ด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ยาที่ดีย่อมมีรสขม หากองค์หญิงไม่อยากทนทุกข์ ก็ดื่มให้หมดภายในคราวเดียว"เดิมทีจื่อหลันอยากจะช่วยเกลี้ยกล่อมด้วย แต่คิดไม่ถึงว่า ฮุ่ยอี๋จะยกชามยาเสียแต่โดยดี จากนั้นก็ดื่มยาที่อยู่ในชามหมดภายในรวดเดียวจื่อหลันตกใจมากองค์หญิงที่มีนิสัยแปลกๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คิดไม่ถึงว่าจะเชื่อฟังหลินซวงเอ๋อร์?หลังจากยาหนึ่งชามลงไปในท้อง ฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกทั้งขมทั้งฝาด นางอยากกินของหวาน พุทราหวานสักลูกก็ยังดีนางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลินซวงเอ๋อร์ก็ยัดอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จักเข้าไปในปากของนาง“ถ้ารู้สึกว่ามันขม แค่เคี้ยวมัน เคี้ยวมันก็จะไม่ขมแล้ว” นัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยรอยยิ้มนัยน์ตาของนางสดใส ราวกับดวงจันทร์บนท้องนภา ทั้งสุกสกาวทั้งสะอาด ทันใดนั้นฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกว่า หลินซวงเอ๋อร์หน้าตาดีมากจริงๆ ความงามของนางไม่ทำให้คนรู้สึกกดดัน โครงหน้าก็ละมุนนุ่มนวล ใครที่ได้พบเห็นก็จะต้องชื่นชอบกันทั้งนั้นฮุ่ยอี๋จำไม่ได้ว่า เหตุใดตอนนั้นถึงอยากจะเกลียดนางแต่ตอนนี้ นางดูเหมือนจะเกลียดนางไม่ลง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 392

    ในเวลานี้ จื่อหลันเปิดม่านแล้วเดินออกมาจ้าวชิงชิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า: "องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง? ร่างกายดีขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง?"จื่อหลันมองนางอย่างมีนัยความหมาย นับตั้งแต่ที่ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงพูด จื่อหลันก็รู้ว่าจ้าวชิงชิงเป็นคนที่ภายนอกภายในไม่เหมือนกัน ตอนนี้จึงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนาง“ ท่านหญิงเป็นห่วงองค์หญิงจริงๆ รือว่ามีจุดประสงค์อื่น?” คำพูดของจื่อหลันมีนัยความหมายอื่นแอบแฝงอยู่จ้าวชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย: "เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าก็ต้องอยากให้องค์หญิงหายสิ หรือว่าหลินซวงเอ๋อร์นังชั้นต่ำคนนั้น ให้องค์หญิงกินอะไรมั่วซั่ว จนอาการแย่ลงแล้ว?"“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ พอองค์จักรพรรดิกลับมาแล้ว ข้าจะรายงานความจริงตามความเป็นจริง และให้องค์จักรพรรดิลงโทษนางเสีย!”สิ่งที่จ้าวชิงชิงให้ความสนใจเป็นอันดับแรกไม่ใช่อาการของฮุ่ยอี๋ แต่จะยัดเยียดความผิดให้หลินซวงเอ๋อร์อย่างไรท่าทีของนางดูน่าเกลียดเกินไป มิน่าล่ะตอนนี้องค์หญิงถึงไม่ต้องการพบนางจื่อหลันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: " ข้าน้อยอยากจะแนะนำท่านหญิงในเรื่องของวาจา อย่าเอาแต่พูดว่านงชั้นต่ำอย่างนั้น นังชั้นต่ำอย่างนี้เพื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 393

    จ้าวชิงชิงไม่ยอมจำนนหลายปีแล้ว ที่นางเข้าออกพระราชวังอยู่บ่อยครั้ง เพื่อพยายามทำให้ฮุ่ยอี๋พึงพอใจ นางไม่เคยขัดขืนนางเลย คำขอร้องใดๆของฮุ่ยอี๋ นางก็พยายามสนองความต้องการอย่างเต็มที่ คอยอยู่ข้างกายนาง ราวกับว่าเป็นสุนัขที่ว่านอนสอนง่ายตัวหนึ่ง แม้แต่สถานะท่านหญิง ก็เป็นฮุ่ยอี๋ที่ทูลขอองค์จักรพรรดิแต่งตั้งให้นางแต่ตอนนี้ นางวาดเส้นแบ่งพรรคกับนางอย่างโจ่งแจ้ง และกลายเป็นร่มป้องกันภัยให้หลินซวงเอ๋อร์จ้าวชิงชิงจึงโกรธจนมือไม้สั่นความพยายามที่สั่งสมมาตั้งหลายปี หายวับไปอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าฮุ่ยอี๋จะไม่นึกความดีของนางเลย!ฮุ่ยอี๋โบกไม้โบกมือ บอกให้ทุกคนสลายตัว: "แยกย้ายกันไปได้แล้ว มาล้อมรอบข้าอยู่ที่นี่ทำไม? ตอนนี้ไม่มีละครอะไรให้พวกเจ้าดูอีกแล้ว ที่ไม่ยอมไปเพราะจะรอให้ถูดด่าก่อนใช่ไหม?"ฮุ่ยอี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อมองดูใบหน้าที่จอมปลอมๆของคนกลุ่มนี้นางก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากตอนที่นางเจ็บปวด คนเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เลยสักคนตอนนี้นางดีขึ้นแล้ว ต่างก็พากันมาประสบเอาใจทีละคน! การปลอบใจที่เสแสร้ง ช่างจอมปลอมสิ้นดี!ทุกคนมีสีหน้าที่ดูเคอะเขินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 341

    ฮุ่ยอี๋ยืนอยู่กับที่ สายตาจับจ้องไปที่หลินซวงเอ๋อร์ในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนหลังม้าอยู่ลูกม้าไม่ได้สูงมากนัก แต่ท้องของมันนูนมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่มีที่วางเท้าเลย แม้จะปีนขึ้นไปสองครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปได้นางยืนอยู่กับที่อย่างจนใจ เอามือวางบนสะเอว หายใจเหนื่อยหอบแล้วมองดูลูกม้า ราวกับว่ากำลังแข่งขันกับม้าอยู่ม้าสะบัดหางไปมา ราวกับตั้งใจแกล้งนาง จากนั้นก็กางขาออกแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็วหลินซวงเอ๋อร์ตามหลังมันไป และวิ่งไล่ตามไม่หยุดลูกม้าวิ่งเร็วเกินไป หลินซวงเอ๋อร์จึงตามไม่ทัน ดังนั้นจึงสะดุดล้มลงกับพื้นนางลุกขึ้น ตบเศษหญ้าที่อยู่บนเข่าออก แล้ววิ่งตามมันไปอีกครั้งในที่สุดลูกม้าก็หยุดวิ่ง ฮุ่ยอี๋คิดว่าหลินซวงเอ๋อร์จะทุบตีมันอย่างแรง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะทำแค่บิดหูของมัน แล้วพึมพำอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ฮุ่ยอี๋มองดูจากระยะไกล และรู้สึกขบขันกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่อยู่ตรงหน้านางช่างโง่จริงๆ ม้าตัวเล็กขนาดนั้นยังควบคุมไม่ได้เลยในเวลานี้ น่าเสียดายที่จ้าวชิงชิงมายืนอยู่ตรงหน้านางเข้าพอดี ทำให้บดบังสายตาของนางฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 395

    ทิ้งให้จ้าวชิงชิงยืนอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว นางโกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัวนางคิดไม่ถึงว่า ฮุ่ยอี๋จะปกป้องหลินซวงเอ๋อร์ขนาดนี้ แม้กระทั่งโยงเรื่องนางกับฉีหมิงเข้าด้วยกัน ฮุ่ยอี๋ก็ยังคงช่วยพูดแทนหลินซวงเอ๋อร์!ฮุ่ยอี๋เดินไปข้างหน้าอย่างสูงส่งสง่างาม ไม่นานก็มาถึงที่ตรงหน้าหลินซวงเอ๋อร์ต่อหน้าคนอื่นๆ นางมักจะวางมาดเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง อยู่ต่อหน้าหลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น“เจ้าได้ม้าตัวนี้มาจากไหน?” ฮุ่ยอี๋ชี้ไปที่ลูกม้าที่หลินซวงเอ๋อร์กำลังจูงอยู่หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "สวามีเป็นคนมอบให้ข้าเอง"เมื่อสักครู่นี้ไม่ทันได้สังเกตเห็น ตอนที่มองจากระยะไกล คิดว่ามันเป็นแค่ม้าที่ทั้งเตี้ยทั้งดื้อรั้น แต่พอเข้ามาดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่า นี่เป็นม้าหนันจ้าวที่หายากจริงๆม้าตัวนี้มาจากหนันจ้าว มีนิสัยที่ซื่อสัตว์อ่อนโยน ตัวเล็กกะทัดรัด และรู้อัธยาศัยมนุษย์มากกว่าม้าธรรมดาเพียงแต่ว่าม้าตัวนี้หายาก ฮุ่ยอี๋เคยเห็นมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อสามปีที่แล้ว องค์รัชทายาทแห่งหนันจ้าวและองค์หญิงน้อยแห่งหนันจ้าวมาเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ม้าที่องค์หญิงน้อยขี่ก็คือม้าหนันจ้าวตัวนี้ฮุ่ยอี๋จได้ว่า ตอนที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 396

    ภายในพื้นที่ล่าสัตว์สายลมเบาๆพัดผ่านป่าโปร่งที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่างๆกัน พร้อมกับเสียงลูกธนูที่ดัง "ฟรึบฟรึบ" จำนวนนับไม่ถ้วน ใบไม้ร่วงหล่นลงเหมือนนักเต้นรำ พลิ้วไหวไปตามสายลมในอากาศ พร้อมกับความรู้สึกที่หนาวเย็นเล็กน้อยดวงอาทิตย์ในสารทฤดูส่องแสงเจิดจ้า ลมพัดไปไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ในป่ามีบรรยากาศที่อึมขรึมเหล่าบุรุษสวมชุดขี่ม้าที่รัดรูป แต่ละคนแบกธนูและแขวนถุงผ้าที่ใช้บรรจุเหยื่อไว้บนหลังม้าม้าวิ่งผ่านเส้นทางแคบๆในป่า ขบวนได้เคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ขณะที่สุนัขล่าเนื้อกำลังไล่ตามเป้าหมาย ก็มีกวางตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากในป่าเว่ยหวยซานดึงสายธนู และเล็งไปที่เป้าหมายพอได้โอกาสที่เหมาะสม เขาก็คลายนิ้ว ลูกธนูก็พุ่งออกไป แต่ตอนที่กำลังจะยิงโดนเป้าหมาย ก็ถูกลูกธนูอีกดอกหนึ่งยิงสกัดเอาไว้ลูกธนูถูกตัดตรงกลาง ทำให้ยิงเฉียดกวางไปเว่ยหวยซานมองดูกวางหลบหนีไปต่อหน้าต่อตา และหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาเดียวเขามองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความงุนงง และกล่าวว่า " ท่านอ๋องทำเช่นนี้ทำไมหรือ? ข้าเกือบจะยิงกวางตัวนั้นได้แล้วเชียว"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวอย่างสงบนิ่งว่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 397

    จากนั้น นางก็ดึงลูกธนูดอกหนึ่งออกมาจากซองใส่ลูกธนู ดึงสายธนู หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเล็งไปที่กระต่ายตัวนั้น และพูดด้วยใบหน้าที่มั่นใจว่า: "เจ้าดูข้านะ ข้าจะแสดงฝีมือให้เจ้าเห็น!"ทันทีที่พูดจบ นางก็คลายนิ้ว ลูกศรก็พุ่งออกไปอย่างเฉเฉียงเอียงเอนหลินซวงเอ๋อร์มองดูด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก และเห็นว่าลูกธนูดอกนั้นถูกยิงออกไปเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น ไม่เพียงแต่ระยะทางไม่พอเท่านั้น แต่ทิศทางยังแตกต่างกันมากอีกด้วยกระต่ายยืนอยู่กับที่ นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระโดดจากไปฮุ่ยอี๋: "...."หลินซวงเอ๋อร์ "..."ทักษะการยิงธนูนี้ สู้จับมันด้วยมือเปล่าไม่ได้เลยฮุ่ยอี๋กระแอมสองครั้ง แล้วกล่าวว่า "อยู่บนม้ายากที่จะแสดงฝีมือ ข้าเปลี่ยนท่าก่อนนะ"ขณะที่พูด นางก็พลิกตัวลงมาจากหลังม้า พยายามยิงอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ยิงโดนต้นไม้ ก็ปักลงบนพื้น กล่าวโดยสรุปคือไม่มีธนูดอกไหนโดนเหยื่อเลยหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่ฮุ่ยอี๋ ด้วยสายตาที่มีนัยความหมายเล็กน้อยเมื่อสักครู่นี้ยังหัวเราะเยาะนางอยู่เลย แต่ตอนนี้ตนเองกลับเคอะเขินเสียเองแต่ว่า หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้หัวเราะเยาะนาง เพราะ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 398

    เมื่อเห็นว่าฮุ่ยอี๋ไม่ยอมจำนน หลินซวงเอ๋อร์จึงพูดอีกครั้งว่า: " ทักษะการยิงธนูแบบสวามีของข้า ถึงเรียกว่าโดดเด่นกว่าผู้ใด ทักษะของเจ้า พูดได้แค่ว่าเพิ่งจะเรียนรู้วิธีการถือลูกธนูเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะบอกว่ายิงเก่งหรือยิงไม่เก่ง "เมื่อพูดถึงเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็มีใบหน้าที่ภูมิอกภูมิใจเมื่อเห็นว่านางเอาแต่พูดถึงเยี่ยเป่ยเฉิง ฮุ่ยอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เจ้าชอบท่านลุงมากขนาดนั้นเลยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์พูดอย่างไม่ลังเลว่า: "ชอบสิ ชอบที่สุดเลย"นางเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ ที่กระมิดกระเมี้ยน ในเรื่องนี้ ฮุ่ยอี๋ชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของนางมากฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: "ในเมื่อเจ้าชอบท่านลุงของข้า ก็ห้ามชอบฉีหมิงอีก! ต่อจากนี้ไป ห้ามไปพัวพันกับเขา เข้าใจไหม?"คำพูดนางแฝงไปด้วยคำเตือนอย่างชัดเจน หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่ฮุ่ยอี๋ และกล่าวว่า " ในเมื่อข้าเป็นคนของสวามี จะเข้าไปพัวพันกับชายอื่นได้อย่างไร? หาหสวามีของข้ารู้ คงไม่มีความสุขถ้าเขารู้ คงจะไม่มีความสุขแน่ "ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: " รู้ก็ดีแล้ว! ถ้าเจ้าโลภมากไม่รู้จักพอ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่! "หลินซวงเอ๋อร์กล่

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status