แชร์

บทที่ 386

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าตนเองไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น ดังนั้นนางจึงไม่ไปประจบประแจงให้เสียเวลา ตอนที่รู้สึกเบื่อ นางก็จะขี่ม้าไปบริเวณรอบๆค่าย

เนื่องจากลูกม้ามีขนาดเล็ก นางกลัวว่ามันจะเหนื่อย ดังนั้นทุกครั้งที่นางขี่ม้าไปได้หนึ่งรอบ นางจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินจูงลูกม้าเล่น

หลังจากเดินไปได้สักสองสามรอบ นางก็กลัวว่ามันจะหิว จึงจูงลูกม้าไปที่ทุ่งหญ้าแล้วปล่อยให้มันกินหญ้า

พอลูกม้ากินหญ้าเสร็จแล้ว นางก็กลัวว่ามันจะกระหาย จึงพามันไปทุกที่เพื่อหาน้ำดื่ม

หลังจากทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ลูกม้าเต็มไปด้วยอาหารและน้ำ จนท้องของมันก็ปูดนูนออกมา

หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเลี้ยงม้ามาก่อนเลย ไม่ต้องพูดถึงลูกม้าที่ตัวเล็กและน่ารักขนาดนี้ เมื่อมองดูท้องที่ปูดนูนของมัน หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย

นางไม่ควรให้อาหารมันมากจนเกินไป

คนถ้ารับประทานอาหารมากเกินไปจะรู้สึกง่วงนอน สัตว์ก็เช่นกัน

ลูกม้าเต็มไปด้วยอาหารและน้ำ มันนอนอยู่บนพื้นและไม่อยากขยับตัว

เดิมทีหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่แล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนมอบม้าตัวนี้ให้นางเอาไว้ขี่เล่น ตอนนี้มันโดดงานนอนอยู่บนพื้น หลินซวงเอ๋อร์จึงรู้สึก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 387

    ทุกคมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์เบียดเสียดฝูงชนมาที่ตรงหน้าจื่อหลันจื่อหลันรู้สึกร้อนใจมาก พูดออกมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไรว่า: "กินแค่ซาลาเปาเนื้อแกะ และดื่มซุปบ๊วยเปรี้ยวไปครึ่งชาม"หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "เจ้าให้ข้าเข้าไปดูองค์หญิงได้ไหม?"จื่อหลันยังไม่ทันได้ตอบตกลง จ้าวชิงชิงก็เยาะเย้ยว่า: " หลินซวงเอ๋อร์! เจ้ามายุ่งวุ่นวายอะไร? พวกข้ายังทำอะไรไม่ได้เลย เจ้าจะมาดึงดันแก้ไขปัญหาไปเพื่ออะไร?"ในสายตาของจ้าวชิงชิง หลินซวงเอ๋อร์มาจากชนชั้นที่ต่ำต้อย แม้แต่ตัวอักษรก็อ่านไม่ออก และเป็นเศษสวะที่ไร้ค่าคนหนึ่ง!อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พูดจบ เสียงที่อดกลั้นความเจ็บปวดของฮุ่ยอี๋ก็ดังมาจากในกระโจม: " จื่อหลัน... ให้นางเข้ามา!"เมื่อได้รับอนุญาตจากฮุ่ยอี๋ ก็ไม่มีใครกล้าห้ามนางอีกจื่อหลันเปิดม่านกระโจม เชิญหลินซวงเอ๋อร์เข้าไปในกระโจมทุกคนก็อยากจะเข้าไปดูสถานการณ์เช่นกัน แต่จื่อหลันให้พวกนางอยู่ข้างนอกทั้งหมด: "องค์หญิงอนุญาตให้นางเข้าไปเท่านั้น พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกเถิด"ภายในกระโจม ฮุ่ยอี๋นอนอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว หน้าผากเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 388

    เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาจากกระโจม ทุกคนก็รีบเดินไปข้างหน้าแล้วถามว่า "องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "องค์หญิงแค่ปวดท้องเพราะกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็นเข้าไป ข้าจะไปหาสมุนไพรมาให้นางดื่มก็คงจะไม่เป็นไรแล้ว"จ้าวชิงชิงเยาะเย้ย: "เจ้าเนี่ยนะ? เจ้าหาสมุนไพรเป็นด้วยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองนาง ด้วยนัยน์ตาที่ไม่ต่ำต้อยไม่หยิ่งผยอง: " ใช่แล้ว ท่านหญิงมีปัญหาอะไรหรือ? "ความเหยียดหยามในดวงตาของจ้าวชิงชิงเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น: "มีปัญหาแน่นอน! คนที่นอนอยู่ข้างในคือองค์หญิง เจ้าไม่ใช่แพทย์ เหตุใดถึงกล้าหาสมุนไพรให้องค์หญิง?"หลินซวงเอ๋อร์สบตากับนางตรงๆ ด้วยนัยน์ตาที่สงบนิ่ง และกล่าวด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามว่า: " ถ้าเจ้าขัดขวางข้า แล้วทำให้องค์หญิงมีอาการที่หนักขึ้น เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่? "จ้าวชิงชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่านางจะมีวาจาที่คมคายเช่นนี้ จึงพูดอย่างเกรี้ยวโกรธทันที: " ข้าก็คำนึงถึงองค์หญิงเช่นกัน นางร่างกายอ่อนแอเปราะบาง ไม่ใช่ใครก็สามารถให้ยาแก่นางได้! ถ้ามีอะไรผิดพลาด เจ้าจะทำอย่างไร? "ภายในกระโจม มีเสียงที่อดกลั

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 389

    ตรงกลางบริเวณที่พืชน้ำเจริญเติบโต มีดอกไม้สีฟ้าเล็กๆสองสามดอกกระจัดกระจายอยู่หลินซวงเอ๋อร์มีสีหน้าที่ดีใจ รีบแหวกพืชน้ำออก แล้วขุดลงไปตามก้านของดอกไม้เล็กๆ และพบว่ามี " หยวนหู " อยู่ในนั้นจริงๆตอนเด็กเมื่อนางท้องไส้ปั่นป่วน ท่านพ่อของนางมักจะไปที่แม่น้ำเพื่อหาสมุนไพรนี้ให้นางอยู่เสมอหยวนหูมีฤทธิ์ที่เผ็ดร้อน และมีฤทธิ์ที่อบอุ่น มันมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากภาวะลมปราณไหลเวียนติดขัดและภาวะที่มีเลือดคั่งอยู่ภายในแม้ว่าหลินซวงเอ๋อร์จะเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ร่างกายของนางเปราะปรางกว่าองค์หญิงเสียอีก ตั้งแต่เล็กจนโต นางเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ ต้องอาศัยการรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งนางอายุเจ็ดขวบท้องของนางก็เปราะบางเช่นกัน ถ้ากินอาหารดิบหรืออาหารที่มีฤทธิ์เย็นจะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ง่ายเนื่องจากนางมีร่างกายที่เปราะบาง ท่านพ่อของนางจึงหาหมอที่มีชื่อเสียงมาให้นาง นางจึงเริ่มรู้จักสมุนไพรนับร้อยชนิด และปรุงยาประเภทต่างๆได้ เดิมทีนางก็เป็นแค่ชาวไร่ชาวสวน แต่สถานการณ์กลับบีบบังคับให้เข้าสู่เส้นทางแห่งการแพทย์ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์ติดตามท่านพ่อของนาง เนื่องจากได

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 390

    หลินซวงเอ๋อร์รับยาต้มที่จื่อหลันส่งมาให้ คนด้วยช้อนแล้ว กล่าวว่า: "องค์หญิง ดื่มยาต้มนี้เสีย แล้วเจ้าก็จะไม่ปวดท้องแล้ว"ในเวลานั้น ฮุ่ยอี๋กลับมามีสติบ้างแล้ว นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองดูยาต้มที่อยู่ในมือของหลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่งน้ำยาต้มดูไปแล้วดำมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นฉุน ดูเหมือนจะกลืนลงไปยากมากฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า " เจ้าแน่ใจหรือว่า คนสามารถดื่มได้? "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ดื่มได้แน่นอน ตอนที่ข้าปวดท้องตอนเด็ก ก็ดื่มยาอันนี้ ยานี้ออกฤทธิ์เร็ว ทางที่ดีที่สุดควรจะดื่มในขณะที่มันยังร้อนอยู่ "ฮุ่ยอี๋ยังคงขมวดคิ้วอันที่จริง การที่หลินซวงเอ๋อร์หยิกนางเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ท้องของนางทุเลาลงมากแล้ว บางทีถ้าอดทนอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เจ็บแล้วบาดแผลที่หายแล้วเรามักจะลืมว่าเราเคยเจ็บ ฮุ่ยอี๋ก็เช่นเดียวกันหลินซวงเอ๋อร์มองความคิดของนางออกได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า: " ถ้าองค์หญิงไม่ดื่ม อีกสักพักองค์หญิงจะปวดท้องรุนแรงมากขึ้น เมื่อสักครู่นี้ข้าฉันแค่กดจุดลมปราณ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้ท่านเฉยๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่เป็นไรแล้ว "ในเวลานี้ จื่อหลันกล่าวว่า: "องค์ห

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 391

    ฮุ่ยอี๋ถือชามยาเอาไว้ ขมวดคิ้วมองดูยาต้มสีดำปี๋ที่อยู่ในชาม ด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ยาที่ดีย่อมมีรสขม หากองค์หญิงไม่อยากทนทุกข์ ก็ดื่มให้หมดภายในคราวเดียว"เดิมทีจื่อหลันอยากจะช่วยเกลี้ยกล่อมด้วย แต่คิดไม่ถึงว่า ฮุ่ยอี๋จะยกชามยาเสียแต่โดยดี จากนั้นก็ดื่มยาที่อยู่ในชามหมดภายในรวดเดียวจื่อหลันตกใจมากองค์หญิงที่มีนิสัยแปลกๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คิดไม่ถึงว่าจะเชื่อฟังหลินซวงเอ๋อร์?หลังจากยาหนึ่งชามลงไปในท้อง ฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกทั้งขมทั้งฝาด นางอยากกินของหวาน พุทราหวานสักลูกก็ยังดีนางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลินซวงเอ๋อร์ก็ยัดอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จักเข้าไปในปากของนาง“ถ้ารู้สึกว่ามันขม แค่เคี้ยวมัน เคี้ยวมันก็จะไม่ขมแล้ว” นัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยรอยยิ้มนัยน์ตาของนางสดใส ราวกับดวงจันทร์บนท้องนภา ทั้งสุกสกาวทั้งสะอาด ทันใดนั้นฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกว่า หลินซวงเอ๋อร์หน้าตาดีมากจริงๆ ความงามของนางไม่ทำให้คนรู้สึกกดดัน โครงหน้าก็ละมุนนุ่มนวล ใครที่ได้พบเห็นก็จะต้องชื่นชอบกันทั้งนั้นฮุ่ยอี๋จำไม่ได้ว่า เหตุใดตอนนั้นถึงอยากจะเกลียดนางแต่ตอนนี้ นางดูเหมือนจะเกลียดนางไม่ลง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 392

    ในเวลานี้ จื่อหลันเปิดม่านแล้วเดินออกมาจ้าวชิงชิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า: "องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง? ร่างกายดีขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง?"จื่อหลันมองนางอย่างมีนัยความหมาย นับตั้งแต่ที่ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงพูด จื่อหลันก็รู้ว่าจ้าวชิงชิงเป็นคนที่ภายนอกภายในไม่เหมือนกัน ตอนนี้จึงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนาง“ ท่านหญิงเป็นห่วงองค์หญิงจริงๆ รือว่ามีจุดประสงค์อื่น?” คำพูดของจื่อหลันมีนัยความหมายอื่นแอบแฝงอยู่จ้าวชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย: "เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าก็ต้องอยากให้องค์หญิงหายสิ หรือว่าหลินซวงเอ๋อร์นังชั้นต่ำคนนั้น ให้องค์หญิงกินอะไรมั่วซั่ว จนอาการแย่ลงแล้ว?"“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ พอองค์จักรพรรดิกลับมาแล้ว ข้าจะรายงานความจริงตามความเป็นจริง และให้องค์จักรพรรดิลงโทษนางเสีย!”สิ่งที่จ้าวชิงชิงให้ความสนใจเป็นอันดับแรกไม่ใช่อาการของฮุ่ยอี๋ แต่จะยัดเยียดความผิดให้หลินซวงเอ๋อร์อย่างไรท่าทีของนางดูน่าเกลียดเกินไป มิน่าล่ะตอนนี้องค์หญิงถึงไม่ต้องการพบนางจื่อหลันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: " ข้าน้อยอยากจะแนะนำท่านหญิงในเรื่องของวาจา อย่าเอาแต่พูดว่านงชั้นต่ำอย่างนั้น นังชั้นต่ำอย่างนี้เพื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 393

    จ้าวชิงชิงไม่ยอมจำนนหลายปีแล้ว ที่นางเข้าออกพระราชวังอยู่บ่อยครั้ง เพื่อพยายามทำให้ฮุ่ยอี๋พึงพอใจ นางไม่เคยขัดขืนนางเลย คำขอร้องใดๆของฮุ่ยอี๋ นางก็พยายามสนองความต้องการอย่างเต็มที่ คอยอยู่ข้างกายนาง ราวกับว่าเป็นสุนัขที่ว่านอนสอนง่ายตัวหนึ่ง แม้แต่สถานะท่านหญิง ก็เป็นฮุ่ยอี๋ที่ทูลขอองค์จักรพรรดิแต่งตั้งให้นางแต่ตอนนี้ นางวาดเส้นแบ่งพรรคกับนางอย่างโจ่งแจ้ง และกลายเป็นร่มป้องกันภัยให้หลินซวงเอ๋อร์จ้าวชิงชิงจึงโกรธจนมือไม้สั่นความพยายามที่สั่งสมมาตั้งหลายปี หายวับไปอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าฮุ่ยอี๋จะไม่นึกความดีของนางเลย!ฮุ่ยอี๋โบกไม้โบกมือ บอกให้ทุกคนสลายตัว: "แยกย้ายกันไปได้แล้ว มาล้อมรอบข้าอยู่ที่นี่ทำไม? ตอนนี้ไม่มีละครอะไรให้พวกเจ้าดูอีกแล้ว ที่ไม่ยอมไปเพราะจะรอให้ถูดด่าก่อนใช่ไหม?"ฮุ่ยอี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อมองดูใบหน้าที่จอมปลอมๆของคนกลุ่มนี้นางก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากตอนที่นางเจ็บปวด คนเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เลยสักคนตอนนี้นางดีขึ้นแล้ว ต่างก็พากันมาประสบเอาใจทีละคน! การปลอบใจที่เสแสร้ง ช่างจอมปลอมสิ้นดี!ทุกคนมีสีหน้าที่ดูเคอะเขินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 341

    ฮุ่ยอี๋ยืนอยู่กับที่ สายตาจับจ้องไปที่หลินซวงเอ๋อร์ในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนหลังม้าอยู่ลูกม้าไม่ได้สูงมากนัก แต่ท้องของมันนูนมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่มีที่วางเท้าเลย แม้จะปีนขึ้นไปสองครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปได้นางยืนอยู่กับที่อย่างจนใจ เอามือวางบนสะเอว หายใจเหนื่อยหอบแล้วมองดูลูกม้า ราวกับว่ากำลังแข่งขันกับม้าอยู่ม้าสะบัดหางไปมา ราวกับตั้งใจแกล้งนาง จากนั้นก็กางขาออกแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็วหลินซวงเอ๋อร์ตามหลังมันไป และวิ่งไล่ตามไม่หยุดลูกม้าวิ่งเร็วเกินไป หลินซวงเอ๋อร์จึงตามไม่ทัน ดังนั้นจึงสะดุดล้มลงกับพื้นนางลุกขึ้น ตบเศษหญ้าที่อยู่บนเข่าออก แล้ววิ่งตามมันไปอีกครั้งในที่สุดลูกม้าก็หยุดวิ่ง ฮุ่ยอี๋คิดว่าหลินซวงเอ๋อร์จะทุบตีมันอย่างแรง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะทำแค่บิดหูของมัน แล้วพึมพำอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ฮุ่ยอี๋มองดูจากระยะไกล และรู้สึกขบขันกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่อยู่ตรงหน้านางช่างโง่จริงๆ ม้าตัวเล็กขนาดนั้นยังควบคุมไม่ได้เลยในเวลานี้ น่าเสียดายที่จ้าวชิงชิงมายืนอยู่ตรงหน้านางเข้าพอดี ทำให้บดบังสายตาของนางฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status