แชร์

บทที่ 393

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-24 18:00:00
จ้าวชิงชิงไม่ยอมจำนน

หลายปีแล้ว ที่นางเข้าออกพระราชวังอยู่บ่อยครั้ง เพื่อพยายามทำให้ฮุ่ยอี๋พึงพอใจ นางไม่เคยขัดขืนนางเลย คำขอร้องใดๆของฮุ่ยอี๋ นางก็พยายามสนองความต้องการอย่างเต็มที่ คอยอยู่ข้างกายนาง ราวกับว่าเป็นสุนัขที่ว่านอนสอนง่ายตัวหนึ่ง แม้แต่สถานะท่านหญิง ก็เป็นฮุ่ยอี๋ที่ทูลขอองค์จักรพรรดิแต่งตั้งให้นาง

แต่ตอนนี้ นางวาดเส้นแบ่งพรรคกับนางอย่างโจ่งแจ้ง และกลายเป็นร่มป้องกันภัยให้หลินซวงเอ๋อร์

จ้าวชิงชิงจึงโกรธจนมือไม้สั่น

ความพยายามที่สั่งสมมาตั้งหลายปี หายวับไปอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าฮุ่ยอี๋จะไม่นึกความดีของนางเลย!

ฮุ่ยอี๋โบกไม้โบกมือ บอกให้ทุกคนสลายตัว: "แยกย้ายกันไปได้แล้ว มาล้อมรอบข้าอยู่ที่นี่ทำไม? ตอนนี้ไม่มีละครอะไรให้พวกเจ้าดูอีกแล้ว ที่ไม่ยอมไปเพราะจะรอให้ถูดด่าก่อนใช่ไหม?"

ฮุ่ยอี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อมองดูใบหน้าที่จอมปลอมๆของคนกลุ่มนี้นางก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก

ตอนที่นางเจ็บปวด คนเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เลยสักคน

ตอนนี้นางดีขึ้นแล้ว ต่างก็พากันมาประสบเอาใจทีละคน! การปลอบใจที่เสแสร้ง ช่างจอมปลอมสิ้นดี!

ทุกคนมีสีหน้าที่ดูเคอะเขินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 341

    ฮุ่ยอี๋ยืนอยู่กับที่ สายตาจับจ้องไปที่หลินซวงเอ๋อร์ในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์กำลังพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนหลังม้าอยู่ลูกม้าไม่ได้สูงมากนัก แต่ท้องของมันนูนมากขึ้น หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่มีที่วางเท้าเลย แม้จะปีนขึ้นไปสองครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปได้นางยืนอยู่กับที่อย่างจนใจ เอามือวางบนสะเอว หายใจเหนื่อยหอบแล้วมองดูลูกม้า ราวกับว่ากำลังแข่งขันกับม้าอยู่ม้าสะบัดหางไปมา ราวกับตั้งใจแกล้งนาง จากนั้นก็กางขาออกแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็วหลินซวงเอ๋อร์ตามหลังมันไป และวิ่งไล่ตามไม่หยุดลูกม้าวิ่งเร็วเกินไป หลินซวงเอ๋อร์จึงตามไม่ทัน ดังนั้นจึงสะดุดล้มลงกับพื้นนางลุกขึ้น ตบเศษหญ้าที่อยู่บนเข่าออก แล้ววิ่งตามมันไปอีกครั้งในที่สุดลูกม้าก็หยุดวิ่ง ฮุ่ยอี๋คิดว่าหลินซวงเอ๋อร์จะทุบตีมันอย่างแรง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะทำแค่บิดหูของมัน แล้วพึมพำอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ฮุ่ยอี๋มองดูจากระยะไกล และรู้สึกขบขันกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่อยู่ตรงหน้านางช่างโง่จริงๆ ม้าตัวเล็กขนาดนั้นยังควบคุมไม่ได้เลยในเวลานี้ น่าเสียดายที่จ้าวชิงชิงมายืนอยู่ตรงหน้านางเข้าพอดี ทำให้บดบังสายตาของนางฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 395

    ทิ้งให้จ้าวชิงชิงยืนอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว นางโกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัวนางคิดไม่ถึงว่า ฮุ่ยอี๋จะปกป้องหลินซวงเอ๋อร์ขนาดนี้ แม้กระทั่งโยงเรื่องนางกับฉีหมิงเข้าด้วยกัน ฮุ่ยอี๋ก็ยังคงช่วยพูดแทนหลินซวงเอ๋อร์!ฮุ่ยอี๋เดินไปข้างหน้าอย่างสูงส่งสง่างาม ไม่นานก็มาถึงที่ตรงหน้าหลินซวงเอ๋อร์ต่อหน้าคนอื่นๆ นางมักจะวางมาดเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง อยู่ต่อหน้าหลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น“เจ้าได้ม้าตัวนี้มาจากไหน?” ฮุ่ยอี๋ชี้ไปที่ลูกม้าที่หลินซวงเอ๋อร์กำลังจูงอยู่หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "สวามีเป็นคนมอบให้ข้าเอง"เมื่อสักครู่นี้ไม่ทันได้สังเกตเห็น ตอนที่มองจากระยะไกล คิดว่ามันเป็นแค่ม้าที่ทั้งเตี้ยทั้งดื้อรั้น แต่พอเข้ามาดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่า นี่เป็นม้าหนันจ้าวที่หายากจริงๆม้าตัวนี้มาจากหนันจ้าว มีนิสัยที่ซื่อสัตว์อ่อนโยน ตัวเล็กกะทัดรัด และรู้อัธยาศัยมนุษย์มากกว่าม้าธรรมดาเพียงแต่ว่าม้าตัวนี้หายาก ฮุ่ยอี๋เคยเห็นมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อสามปีที่แล้ว องค์รัชทายาทแห่งหนันจ้าวและองค์หญิงน้อยแห่งหนันจ้าวมาเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ม้าที่องค์หญิงน้อยขี่ก็คือม้าหนันจ้าวตัวนี้ฮุ่ยอี๋จได้ว่า ตอนที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 396

    ภายในพื้นที่ล่าสัตว์สายลมเบาๆพัดผ่านป่าโปร่งที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่างๆกัน พร้อมกับเสียงลูกธนูที่ดัง "ฟรึบฟรึบ" จำนวนนับไม่ถ้วน ใบไม้ร่วงหล่นลงเหมือนนักเต้นรำ พลิ้วไหวไปตามสายลมในอากาศ พร้อมกับความรู้สึกที่หนาวเย็นเล็กน้อยดวงอาทิตย์ในสารทฤดูส่องแสงเจิดจ้า ลมพัดไปไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ในป่ามีบรรยากาศที่อึมขรึมเหล่าบุรุษสวมชุดขี่ม้าที่รัดรูป แต่ละคนแบกธนูและแขวนถุงผ้าที่ใช้บรรจุเหยื่อไว้บนหลังม้าม้าวิ่งผ่านเส้นทางแคบๆในป่า ขบวนได้เคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ขณะที่สุนัขล่าเนื้อกำลังไล่ตามเป้าหมาย ก็มีกวางตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากในป่าเว่ยหวยซานดึงสายธนู และเล็งไปที่เป้าหมายพอได้โอกาสที่เหมาะสม เขาก็คลายนิ้ว ลูกธนูก็พุ่งออกไป แต่ตอนที่กำลังจะยิงโดนเป้าหมาย ก็ถูกลูกธนูอีกดอกหนึ่งยิงสกัดเอาไว้ลูกธนูถูกตัดตรงกลาง ทำให้ยิงเฉียดกวางไปเว่ยหวยซานมองดูกวางหลบหนีไปต่อหน้าต่อตา และหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาเดียวเขามองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความงุนงง และกล่าวว่า " ท่านอ๋องทำเช่นนี้ทำไมหรือ? ข้าเกือบจะยิงกวางตัวนั้นได้แล้วเชียว"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวอย่างสงบนิ่งว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 397

    จากนั้น นางก็ดึงลูกธนูดอกหนึ่งออกมาจากซองใส่ลูกธนู ดึงสายธนู หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเล็งไปที่กระต่ายตัวนั้น และพูดด้วยใบหน้าที่มั่นใจว่า: "เจ้าดูข้านะ ข้าจะแสดงฝีมือให้เจ้าเห็น!"ทันทีที่พูดจบ นางก็คลายนิ้ว ลูกศรก็พุ่งออกไปอย่างเฉเฉียงเอียงเอนหลินซวงเอ๋อร์มองดูด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก และเห็นว่าลูกธนูดอกนั้นถูกยิงออกไปเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น ไม่เพียงแต่ระยะทางไม่พอเท่านั้น แต่ทิศทางยังแตกต่างกันมากอีกด้วยกระต่ายยืนอยู่กับที่ นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระโดดจากไปฮุ่ยอี๋: "...."หลินซวงเอ๋อร์ "..."ทักษะการยิงธนูนี้ สู้จับมันด้วยมือเปล่าไม่ได้เลยฮุ่ยอี๋กระแอมสองครั้ง แล้วกล่าวว่า "อยู่บนม้ายากที่จะแสดงฝีมือ ข้าเปลี่ยนท่าก่อนนะ"ขณะที่พูด นางก็พลิกตัวลงมาจากหลังม้า พยายามยิงอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ยิงโดนต้นไม้ ก็ปักลงบนพื้น กล่าวโดยสรุปคือไม่มีธนูดอกไหนโดนเหยื่อเลยหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่ฮุ่ยอี๋ ด้วยสายตาที่มีนัยความหมายเล็กน้อยเมื่อสักครู่นี้ยังหัวเราะเยาะนางอยู่เลย แต่ตอนนี้ตนเองกลับเคอะเขินเสียเองแต่ว่า หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้หัวเราะเยาะนาง เพราะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 398

    เมื่อเห็นว่าฮุ่ยอี๋ไม่ยอมจำนน หลินซวงเอ๋อร์จึงพูดอีกครั้งว่า: " ทักษะการยิงธนูแบบสวามีของข้า ถึงเรียกว่าโดดเด่นกว่าผู้ใด ทักษะของเจ้า พูดได้แค่ว่าเพิ่งจะเรียนรู้วิธีการถือลูกธนูเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะบอกว่ายิงเก่งหรือยิงไม่เก่ง "เมื่อพูดถึงเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ก็มีใบหน้าที่ภูมิอกภูมิใจเมื่อเห็นว่านางเอาแต่พูดถึงเยี่ยเป่ยเฉิง ฮุ่ยอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เจ้าชอบท่านลุงมากขนาดนั้นเลยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์พูดอย่างไม่ลังเลว่า: "ชอบสิ ชอบที่สุดเลย"นางเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ ที่กระมิดกระเมี้ยน ในเรื่องนี้ ฮุ่ยอี๋ชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของนางมากฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: "ในเมื่อเจ้าชอบท่านลุงของข้า ก็ห้ามชอบฉีหมิงอีก! ต่อจากนี้ไป ห้ามไปพัวพันกับเขา เข้าใจไหม?"คำพูดนางแฝงไปด้วยคำเตือนอย่างชัดเจน หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่ฮุ่ยอี๋ และกล่าวว่า " ในเมื่อข้าเป็นคนของสวามี จะเข้าไปพัวพันกับชายอื่นได้อย่างไร? หาหสวามีของข้ารู้ คงไม่มีความสุขถ้าเขารู้ คงจะไม่มีความสุขแน่ "ฮุ่ยอี๋กล่าวว่า: " รู้ก็ดีแล้ว! ถ้าเจ้าโลภมากไม่รู้จักพอ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่! "หลินซวงเอ๋อร์กล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 341

    เมื่อเห็นว่านางหาข้อแก้ต่างอย่างร้อนใจ ฮุ่ยอี๋ก็ยิ้มพร้อมกล่าวว่า " ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้? "เดิมทีฮุ่ยอี๋เป็นคนที่ไม่ชอบพูด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พออยู่ต่อหน้าหลินซวงเอ๋อร์ นางก็ไม่สามารถกลั้นคำพูดเอาไว้ได้ และทำเหมือนว่าเป็นคนที่ชอบพูดมากในทางกลับกัน หลินซวงเอ๋อร์จะแค่ตอบคำถามเท่านั้น และไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "องค์หญิงโปรดอย่าล้อเล่นกับข้าเลย บางครั้งสวามีของข้าก็ดุร้ายกับข้ามากเช่นกัน บางครั้งข้าก็กลัวเขา..."หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าจะทำให้เขาโกรธ ถ้าเขาโกรธ หลินซวงเอ๋อร์จะไม่กล้าเข้าใกล้เขา แต่สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือ เรื่องบนเตียงของพวกเขาสองคนมากกว่า...แต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าบอกฮุ่ยอี๋ เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสองคนพูดคุยกันจนลืมดูทาง และค่อยๆเดินลึกเข้าไปในป่าเมื่อเห็นว่าค่ำแล้ว หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่ยอมเดินต่อไปขณะที่พวกนางเดินเข้าไป ได้เดินตามผ้าสีแดงนำทางตลอด แต่ดูเหมือนว่าสีแดงที่อยู่ข้างหน้าจะน้อยลงเรื่อยๆหลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าจะหลงทาง ดังนั้นจึงแนะนำให้กลับไปทางเดิมนางจึงพูดกับฮุ่ยอี๋ว่า: "นี่มันก็ค่ำมากแล้ว สวามีน่าจะกลับมาแล้ว พวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 400

    “ ซวงเอ๋อร์ ในป่าแห่งนี้จะมีสัตว์กินคนหรือไม่? ”“อีกสักพักเสด็จพ่อของข้าจะตามหาพวกเราเจอจริงๆใช่ไหม?”“ ซวงเอ๋อร์ เจ้าเข้ามาใกล้ๆข้าหน่อยได้ไหม ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย…”เสียงพร่ำบ่นของฮุ่ยอี๋ยังคงดังขึ้นที่ข้างหูไม่หยุดหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน แต่ก็ต้องกล่าวปลอบใจนางอย่างอดทนว่า: "ไม่มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายหรอก สวามีของข้าบอกว่า ในนี้ปล่อยแค่กระต่ายและไก่ฟ้าเท่านั้น สัตว์ป่าอื่นๆได้ถูกขับเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์หมดแล้ว "เมื่อได้ยินดังนี้ ฮุ่ยอี๋ก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่นางยังไม่ได้ผ่อนคลาย ก็เห็นตะขาบใหญ่ตัวหนึ่งที่อยู่บนพื้นคลานไปตามหลังเท้าของนาง“อร็าย!!!” ฮุ่ยอี๋ตกใจจนลุกขึ้นยืนทันที และกระโดดอยู่กับที่สองสามครั้ง“ตะขาบ! ตะขาบ!” ฮุ่ยอี๋ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ถกกระโปรงขึ้นแล้วถอยหลังกลับไปสองสามก้าวแก้วหูของหลินซวงเอ๋อร์แทบแตก นางลูบโคนหูแล้วลุกขึ้นยืน เหลือบมองตะขาบที่อยู่บนพื้น แล้วกล่าวว่า "เป็นเรื่องปกติที่จะมีตะขาบอยู่ในป่า"ฮุ่ยอี๋อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก: " เจ้าไม่กลัวหรือ? ถ้าเจ้าเก่งจริง ก็เอามันออกไปสิ... "ตะขาบที่น่าเกลียดแบบนี้ ใครบ้างจะไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 401

    ฮุ่ยอี๋มองแล้วรู้สึกขนหัวลุก: "รีบโยนมันทิ้งเร็ว!""อ้อ~"หลินซวงเอ๋อร์เอาแมงมุมโยนลงบนพื้นทันทีที่แมงมุมตกลงบนพื้น มันก็คลานไปทางฮุ่ยอี๋อีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ถึงได้ชอบฮุ่ยอี๋มากขนาดนี้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องสุดปอดของฮุ่ยอี๋“ มันมันมัน...มันมาอีกแล้ว... ซวงเอ๋อร์ เจ้ารีบห้ามมันเร็วเข้า เร็วเข้า เร็วเข้า!! ”“แคร็ก!” หลินซวงเอ๋อร์ได้ยินแล้วรู้สึกรำคาญ จึงเหยียบแมงมุมจนแหลกหลาญ“มันตายแล้ว” หลินซวงเอ๋อร์กะพริบตาแล้วมองฮุ่ยอี๋ ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรตอนนี้ฮุ่ยอี๋รู้สึกว่า ภายนอกกับภายในของหลินซวงเอ๋อร์ไม่เหมือนกันนางไม่เข้าใจว่า คนที่มีรูปลักษณ์ที่อ่อนช้อยแบบนี้ จะมีด้านที่ดุร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร...แต่ว่า หลังจากเผชิญกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้แล้ว ฮุ่ยอี๋ก็ไม่กล้านั่งบนพื้นมั่วซั่วอีก เพราะกลัวว่าจะมีงู แมลง หนู และมดอะไรโผล่ขึ้นมาอีกพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าในป่าเต็มไปด้วยความเงียบงัน คนที่ไปล่าสัตว์ก็คงจะกลับมาที่ค่ายแล้วหลินซวงเอ๋อร์ลูบท้อง ในท้องว่างเปล่า และรู้สึกหิวมาตั้งนานแล้วนางลุกขึ้น มองไปบริเวณรอบๆ ทันใดนั้นก็เดิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-24

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status