ณ อารามหลวงบนภูเขาสูง เป็นสถานที่ซึ่งคนในวังต้องมากลิ้งแตงโม และเล่นสนุกด้วยการปาแตงโมใส่กัน แต่ด้านหนึ่งของหอสูงที่มีแต่ความเงียบสงบเป็นส่วนที่ใช้สำหรับพักผ่อนของจ้าวเทียนฉาง ยามนั้นร่างผอมบางขององค์ชายน้อยสั่นเทาด้วยความตื่นตกใจ เขาไม่ควรเชื่อคำพูดยุยงของนางกำนัลผู้นั้น เขาไม่ควรเลย...หาไม่แล้วคงไม่ต้องรับรู้เรื่องชวนให้อึดอัดใจเยี่ยงนี้มู่จิ้นฉงนฉงายต่อสิ่งที่เขาเห็นด้วยสองตาจ้าวเทียนฉาง ผู้เป็นทั้งบิดาและจักรพรรดิแคว้นชิงกำลังทำเรื่องที่เขาไม่อาจอธิบายได้ แต่สองหูสองตาเขาเห็นภาพดังกล่าวแล้วได้แต่ยืนตัวแข็งค้าง“เสด็จพ่อ...” เสียงของมู่จิ้นไม่ได้หลุดลอดออกจากลำคอ ตัวเขาเย็นเยียบไปหมด ผิดแต่ที่เป้ากางเกงเขากลับพองขึ้น มันพองอย่างนี้ในตอนเช้าตรู่และเวลาที่เขาปวดเบา ทว่าอาการพองขยายทำให้แท่งหยกน้อยชี้ชัน อีกทั้งเขารู้สึกคันมากๆ ที่ปลายหัวหยักจ้าวเทียนฉางกำลังขึ้นคร่อมร่างขาวเนียนอยู่ อีกฝ่ายอ้าขากว้างและนั่งอยู่บนโต๊ะกลมๆ ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้อ่อนหวาน หากมันดังด้วยจริตเกินหญิง“ฝ่าบาท แทงลึกๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อม พร้อมให้พระองค์ตักตวงความสุขอย่างเต็มที่”แน่แล้ว คนที่
อดีตของหลิวฟ่าน หลิวฟ่านอยู่ในเรือนสุนัขด้วยความสุข นางคบหาสหายมามากมาย เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักของชาวเมืองกุ้ยโจว แต่พอได้อยู่ที่นี่ กลับรู้สึกว่าสุนัขป่าตัวโตของคฤหาสน์สัตตบงกชมีความเป็นมิตรมากกว่าคนที่เคยคบค้า กระนั้นพวกมันก็ดุกร้าว กัดศัตรูไม่เลือกหน้าตามนิสัยของสัตว์ป่าและเมื่อขึ้นชื่อว่าสัตว์เดรัจฉาน อย่างไรก็สมสู่ไม่เลือกที่ นอกจากการสมสู่เร่าร้อนรุนแรง พวกมันยังรักเจ้านายและพวกพ้องในแบบที่เรียกว่าตายแทนกันได้และลูกสาวเจ้าบ้านหลิวที่คนทั้งเมืองนิยมในความเก่งกล้าสามารถ นางเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างไร ต้นสายปลายเหตุนั้น หลิวฟ่านย่อมรู้ดีแก่ใจอดีต เทศกาลโคมไฟ เมืองกุ้ยโจวหลิวฟ่านวิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต นางตื่นตระหนกสุดขีด ภาพที่เห็นเมื่อครู่คือแขนข้างหนึ่งของชายรูปงามจากหอสังคีตถูกโยนมาหล่นตุ้บที่ปลายเท้านาง เขาเป็นคนที่นางจ้างมาดีดพิณและร้องเพลงขับกล่อมในเรือที่จอดอยู่กลางน้ำ ซึ่งนางจัดไว้สำหรับเริงสวาทค่ำคืนนี้ ทว่ากลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ด้วยไม่ทันได้ก้าวขึ้นเรือด้วยซ้ำ ก็มีผู้ร้ายโผล่มาขวางทางนางแล้วไล่ฆ่าคน ชวนให้ตื่นตระหนกยิ่งนักเมื่อเห็นภัยใกล้ตัว มือสังหารร
ม่านซือซืออยู่ในห้วงความฝัน เป็นฝันร้ายที่แสนน่ากลัว ทำให้นางหวีดร้องไม่หยุด ทว่าเหตุใดนางถึงไม่สะดุ้งตื่นเสียทีความเสียใจก่อขึ้นอย่างมหาศาล นางไม่คาดคิดว่าเอี๊ยะถังจะทำเรื่องเลวทรามต่อนางได้ เขารักนาง ปรารถนาดี และต้องการให้นางเป็นฮูหยินมิใช่หรอกหรือภาพต่างๆ ที่เขาเคยกระทำดีด้วยย้อนมาให้เห็น ก่อนจะเป็นภาพของเขาที่ใช้ท่อนเนื้อร้อนที่กลายร่างเป็นงูยักษ์เลื้อยรัดร่างกายนางและมันเป็นงูปีศาจมีสองหัวม่านซือซือดิ้นพล่าน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งถูกรัดหนักหน่วง งูปีศาจสีดำมันมีดวงตาสีแดง หัวหนึ่งเลื้อยพันรอบคอนางและกำลังขู่ฟ่อๆ อย่างน่ากลัว ส่วนหัวที่สองพันที่โคนขาและอ้าปากกว้าง เห็นลิ้นสองแฉกที่แลบเลีย ลิ้นที่ยาวๆ นั้นแสดงท่าคล้ายจะจู่โจมกลีบสวาทนางหญิงสาวขวัญหนีดีฝ่อ นางกลัว กลัวจนแทบสิ้นสติงูร้ายมันไม่หยุดเท่านั้น ในขณะที่ม่านซือซืออกสั่นขวัญแขวนหัวด้านบนก็บีบรัดลำคอนาง พลอยให้นางหายใจไม่ออกและต้องหวีดร้องลั่น เป็นตอนนั้นที่มันอาศัยโอกาสชั่วช้าพุ่งหัวดำอันใหญ่โตเข้ามาในโพรงปากนางม่านซือซือทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากการดิ้นรนขัดขืน และความอึดอัดคับแน่นในโพรงปากยังไม่หนักหนาเท่ากับกลีบสวาท ด
เป็นนางที่วางยาข้า ม่านซือซือพยายามไม่พูดกับใครในคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่ใช่เพราะนางรักสงบหรือไม่อยากสุงสิงผู้คน แต่เพราะนางรู้ว่าอาจก่อให้เกิดปัญหาบานปลายในภายหลังและเมื่ออยู่ที่นี่นานวันเข้า นางต้องพยายามทำความเข้าใจว่าจ้าวเล่อซีเป็นชายที่มักมาก และยังชอบบังคับให้นางร่วมรักอย่างเปิดเผย นอกจากนั้นดูเหมือนเขาจะหาทางกลั่นแกล้งนางให้เจ็บตัว เขาเป็นมารร้ายที่มาจากขุมนรกอย่างไม่ต้องสงสัย และหลังจากที่นางอุ่นเตียงกับเขาอย่างเร่าร้อนเมื่อสองวันก่อน ม่านซือซือมีอาการตัวร้อนจัด ก่อนจะมีระดู ทว่าเป็นระดูที่มีสีคล้ำราวกับสีน้ำหมึก และเหนืออื่นใดมันมีกลิ่นที่ชวนให้ม่านซือซือครั่นคร้ามใจ นางกลัวว่ามันจะทำร้ายร่างกายของตนระดูนั้นไหลออกมาราวๆ หนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนจะหายไป ทว่านางกลับรู้สึกไม่สบายตัว ร้อนๆ หนาวๆ ราวกับคนจับไข้นางพยายามจะต้มยาสมุนไพรเพื่อรักษาตนเอง ทว่าพิษ หอมหมื่นลี้ที่อยู่ในร่างกายมันประหลาด ด้วยสร้างภาพหลอนแปลกๆ ให้นาง อีกทั้งบางคราเกิดหน้ามืด และหลังจากนางดื่มยาเคี่ยวไปสี่ชามนางก็ได้ยินเสียงเหม่ยหลานพร้อมทาสหญิงอีกหลายคนร้องเรียกหญิงรับใช้ประจำเรือนต่างๆ ออกไปรวมตั
“ใคร... ใครเป็นคนวางยานางจนแทบจะเสียผู้เสียคนอย่างนี้” เหม่ยหลานถามย้ำอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครปริปากเอ่ย กระทั่งเหม่ยหลานชี้ไปยังซ่งถิงอี้“ถิงอี้ เป็นเจ้าหรือไม่”ซ่งถิงอี้ในวันนี้ไม่ค่อยมีปากมีเสียงนัก นางเป็นสตรีนับว่ารูปโฉม งามและสูงโปร่ง การถูกส่งตัวไปอยู่ที่เรือนม้าไม้คงกำราบความพยศนางลงไม่น้อย“แน่นอน ย่อมไม่ใช่ข้าหรอกแม่นมหลาน”“แล้วเจ้าคิดว่าเป็นใคร” เหม่ยหลานเอ่ยถามซ่งถิงอี้“คงจะเป็นคนที่เสียประโยชน์ หากคุณชายเอาแต่ขลุกอยู่ที่เรือนวิหค” “สามหาว คุณชายจะเข้าออกเรือนใด เจ้ามีสิทธิ์รู้เห็นรึ”“แต่ที่แน่ๆ ตั้งแต่ข้าก้าวเข้ามาในคฤหาสน์สัตตบงกช ข้าไม่เคยรับใช้คุณชายสักครั้ง!” ซ่งถิงอี้กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ และคำพูดของนางทำให้ม่านซือซือคิดเข้าข้างตัวเองว่าจ้าวเล่อซีพึงใจต่อนางเพียงใด“หึๆๆ นั่นเพราะ เจ้าไม่คู่ควร” เหม่ยหลานไม่อยากเสวนากับซ่งถิงอี้ นางจึงเดินไปสำรวจสาวใช้แต่ละเรือนทีละคน กระทั่งมาหยุดที่ม่านซือซือ“หรือจะเป็นเจ้า ซือซือ...”ม่านซือซือเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก ภายในร่างกายนางปั่นป่วนไปหมด ยามนั้นลำคอแห้งผาก มันเป็นผลจากยาที่นางเคี่ยวและใช้ดื่มเพื่อกำจัดพิษหอมหมื่นลี้“
การออกล่าสัตว์ของจักรพรรดิเทียนฉางและเหล่าขุนนางเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง บางคราเป็นการปล่อยให้เสือไล่กัดเชลยศึกที่จับตัวไว้ได้ แม้แต่การยิงธนูเพื่อปลิดชีวิตนักโทษคดีร้ายแรงก็เป็นที่ชื่นชอบของเขา “เฮ้อ ไหนว่าพวกเจ้ามีเรื่องบันเทิงใจกว่านี้ แต่เท่าที่เห็นมันก็แค่นักโทษไม่กี่คน เราอยากยิงหมี หรือไม่ก็จิ้งจอกขาว พวกเจ้าไม่มีปัญญาหามาให้หรืออย่างไร”“โอ้ ฝ่าบาท ของแบบนั้นต้องเสาะหาสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้ถึงจะมีแค่ทาสและเสือ แต่รับรองว่าพระองค์จะต้องพอพระทัยแน่ๆ”จักรพรรดิเทียนฉางไม่อยากสนใจคำพูดประจบของขุนนาง เขาลุกยืนแล้วขึ้นขี่ม้าออกไปพร้อมองครักษ์จำนวนหนึ่ง กระทั่งพบกับธรรมชาติร่มรื่น และเบื้องหน้าเห็นน้ำตกจากภูเขาสูง“เราอยากล้างหน้าสักหน่อย พวกเจ้าอย่าได้กวนใจ”สิ้นคำสั่ง องครักษ์ก็ถอยออกไปอารักขาอยู่ห่างๆจักรพรรดิหนุ่มหย่อนใจกับธรรมชาติและวักน้ำเย็นล้างหน้า ซึ่งเป็นตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงขับร้องเพลงเบาๆ เสียงดังกล่าวทุ้มนุ่ม หากเจือด้วยความสดใสมากล้นเมื่อได้ยินแล้วก็เหมือนต้องมนตร์สะกด เขาก้าวตามไป กระทั่งพบร่างขาวนวลเนียนที่ว่ายน้ำอยู่ ผิวน้ำใสจนแลเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่านั
“ฝ่าบาท แต่เมื่อครู่มันจะทำร้ายพระองค์”“จับตัวไปก็พอ!” จักรพรรดิหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม แต่อาเฟยอาศัยโอกาสที่มี จัดการองครักษ์คนดังกล่าวให้พ้นทาง ก่อนจะหมายมั่นทำตามคำสั่งของจ้าวเล่อซี“ใครส่งเจ้ามา อาเฟย”ขันทีหนุ่มปั้นสีหน้าเรียบเฉย ไม่ทันได้เอ่ยคำใดก็มีร่างสูงใหญ่ปรากฏ บุรุษผู้นั้นมีไอสังหารรุนแรง ซึ่งมันแผ่มาโอบคลุมร่างของจักรพรรดิเทียนฉางดวงตาเรียวเล็กจ้องมองอีกฝ่าย ละม้ายเห็นร่างพี่ชายของตนและกุ้ยเฟยผิงเสียนในคราเดียวกัน“เจ้าคือ!”จ้าวเล่อซีไม่ได้ตอบแต่มีอีกเสียงเอ่ยแทน มันเป็นเสียงอาเฟย“เขาคือคนที่ฝ่าบาทควรคืนบัลลังก์ให้อย่างไรเล่า”สิ้นคำพูดอาเฟย จ้าวเล่อซีก็สั่งให้คนจับตัวจักรพรรดิเทียนฉาง และทั้งที่เหมือนจะสำเร็จโดยง่าย แต่กลับกลายเป็นว่าโชคไม่เข้าข้างฝ่ายของจ้าวเล่อซี เมื่อจู่ๆ กลับมีเหล่าองครักษ์เสื้อแพรแอบซุ่มอยู่และโผล่ออกมาจ้าวเล่อซีมั่นใจว่าตนเองไม่มีไส้ศึกภายในเป็นแน่แท้ ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะอาของเขาเป็นคนขี้ขลาด ถึงได้มีคนคอยอารักขามากมายยอมตายแทน‘ท่านช่างเก่ง ช่างสรรหามดปลวกมาให้ข้าลับคมดาบ’จักรพรรดิเทียนฉางไม่เข้าใจภาษาใบ้ของหลานชาย เพียงแต่มองบุรุษหน้ากากขาวที่ท
กระต่ายน้อยจงอย่าขัดใจ ม่านซือซือตื่นนอน และคนที่อยู่ในห้องกับนางคือเหม่ยหลาน รวมถึงทาสหญิง และยังมีผู้คุมกฎบ้านหญิงสาวเตรียมอ้าปากเพื่อบอกความจริงให้ทุกคนเข้าใจ แต่เหม่ยหลานยกมือห้าม“ไม่ต้องพูดสิ่งใด ข้าเชื่อเจ้า และตอนนี้เรื่องของสาวใช้หอวิหคปล่อยเอาไว้ก่อนเถิด”“นางเป็นเช่นไรบ้างแม่นมหลาน”“นางหลับสบาย ไม่ทุกข์ร้อนอันใดอีก”เมื่อเหม่ยหลานเอ่ยเช่นนั้น ม่านซือซือก็เข้าใจว่าสตรีคนดังกล่าวจากโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดต้องถามไถ่อีก“ตัวเจ้าเล่า อาการดีขึ้นหรือไม่”“ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ข้าไม่ทราบได้ว่าเหตุใดถึงมีคนคิดร้ายต่อข้า”เหม่ยหลานหัวเราะออกมาน้อยๆ และตอบนาง “อย่างที่เสี่ยวเหยากล่าว เจ้าคือคนที่คุณชายพึงใจกว่าใคร และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นริษยา”“ข้าเพียงแต่อยากรับใช้คุณชาย ไม่คิดชิงดีชิงเด่นหรืออยากเป็นศัตรูใคร” ม่านซือซือเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ“หึๆๆ มันสายเกินไปแล้ว เมื่อเข้ามาที่นี่เจ้าก็ไม่อาจมีชีวิตเช่นเดิม ฉะนั้นอย่าได้ทำตัวเป็นคนเขลาหรือซื่อจนเกินเหตุ”หลังจากทุกคนกลับไป ม่านซือซือก็ง่วนอยู่กับการดูแลตนเอง และเตรียมตัวให้พร้อมหากจ้าวเล่อซีต้องการหลับนอนกับนา
ม่านซือซือไม่ได้มองสิ่งรอบกายเนื่องจากต้องซ่อนตัว และถูกพาหลบเพื่อขึ้นรถม้าคันใหม่ซึ่งมีหน่วยคุ้มกันที่เข้มแข็ง ทว่าถึงจะมีกำลังเตรียมพร้อม แต่คนของสกุลเตียวก็มีกลุ่มที่เข้ามาเสริมไม่ขาด อีกทั้งฝ่ายนั้นมิใช่มือสังหารหากเป็นทหารที่ออกรบเป็นประจำ มีกลยุทธ์ที่แยบยล คนพวกนั้นคือทหารของถานปิง!เอี๊ยะถังหนาวจับไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่กลัวพวกหมาหมู่ แต่กลัวที่สุดคือพวกที่ฉลาดมีไหวพริบ และทหารสกุลถานก็เป็นพวกที่มีฝีมือยากหาใครเทียบได้เสียงแตรเขาสัตว์ดังต่อๆ กันพร้อมธนูที่พุ่งมาราวกับห่าฝนมือปราบหนุ่มใช้ดาบในมือกวัดแกว่งพร้อมออกคำสั่งให้รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด สุดท้ายแทนที่จะช่วยเหลือม่านซือซือได้สมใจ กลายเป็นว่าเขาติดกับดักอยู่ตรงกลางกลุ่มของคนสกุลเตียวและทหารของถานปิง “วางอาวุธเสีย พวกเราไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้า” เสียงผู้ที่อำพรางตัวเอ่ยขึ้น“ฮ่าๆๆ พวกหมาหมู่ คิดชั่วกับผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ อย่างไรก็ชิงตัวจ้าวฮูหยินไปไม่ได้”“กล่าวเช่นนั้น เจ้าก็ไม่สมควรมีลมหายใจแล้ว”“ฮ่าๆๆ หากแน่จริงก็ข้ามศพข้าไปก่อน”คนที่ซ่อนตัวอยู่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม
ม่านซือซือสะลึมสะลือตั้งแต่ถูกจับขึ้นรถม้า พอการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดลง นางจึงนั่งนิ่งคอยฟังเสียงรอบตัวด้านนอก และคนตั้งครรภ์ใจชื้นขึ้นเมื่อนางเป่าปาก เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขรม นางมั่นใจว่าสุนัขสองตัวที่นางดูแลไว้กำลังตามนางมา ทว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน เหตุใดจะรับมือมนุษย์ได้ อีกทั้งตัวหนึ่งยังได้รับบาดเจ็บ“อย่าให้นางกับพวกเดรัจฉานหนีรอด”เสียงดังกล่าวดังเข้ามาในรถม้า ม่านซือซือไม่ได้มีวิทยายุทธ์ย่อมต้องกลัวตายเป็นธรรมดาและการต่อสู้ยังดุเดือดมาก ม่านซือซือไม่รู้ว่าผู้ใดมาช่วยนาง แต่ภาวนาขอให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด กระทั่งคนของสกุลเตียวเปิดประตูรถม้าเข้ามา คราแรกนางไม่ได้ตกใจสักเท่าใด แต่หลังจากนั้นผู้ที่หัวเราะด้วยเสียงบ้าคลั่งก็เผยตัว เขาคือมู่จิ้น!“ข้านึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าอีก โอกาสดีๆ เช่นนี้ต้องยอมรับว่าคุณหนูเตียวทำให้ข้าได้เล่นสนุกกับจ้าวฮูหยินอย่างถูกเวลา”“องค์ชาย ท่านเป็นคนบัดซบโดยแท้ ทำเรื่องชั่วช้าได้ตลอดเวลา คิดหรือว่าจะทำให้ข้ากลัว”“ฮ่าๆๆ เจ้าอาจเป็นสตรีเก่งกล้า แต่จ้าวเล่อซีมันขี้ขลาดโดยเฉพาะยามเห็นเมียของมันถูกข้ารังแก!”“อย่าคิดว่าท่านจะหักหาญใช้กำลังข่มเหงน
เล่ห์ร้ายสตรีเรือนโอสถม่านซือซือถูกคุมตัวขึ้นรถม้า นางห่วงทั้งเหม่ยหลานและฝูเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้างในรถม้ามีเพียงนางคนเดียว ถึงไม่ได้ถูกมัดมือหรือปิดปากแต่นางไม่อาจหลบหนี ด้วยมีทหารจากกรมการปกครองและคนสกุลเตียวคุมอยู่ อีกทั้งคำพูดของเตียวจื่อก่อนส่งนางขึ้นรถม้าแจ้งชัดว่าม่านซือซือตกที่นั่งลำบากแล้ว“ระวังตัวเอาไว้ ความผิดที่เจ้าก่อมิอาจหนีพ้น ตอนนี้บิดาเจ้าสารภาพหมดเปลือก ได้รับโทษถูกส่งตัวไปยังเมืองทางใต้ ไปเป็นนักโทษสร้างกำแพงเมืองที่นั่น แต่น่าเสียดาย ระหว่างทางมีโจรร้ายดักปล้นขบวน พวกมันส่งม่านเจิ้นไปรอที่ประตูนรกแล้ว ส่วนเจ้าก่อนที่จะตายตามเขาข้าคิดว่าคงต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสาหัส เริ่มจากถูกผ่าท้องควักลูกน้อยออกมาดูโลกก่อนดีหรือไม่ โอ้... แต่ช้าก่อน ข้าลืมเสียสนิทเจ้าเป็นมนุษย์โอสถ เช่นนั้นต้องจับยัดใส่แจกันยักษ์หรือไหเหล้า ขุนจนอ้วนให้น่าเกลียด จากนั้นจึงกรีดเลือดควักหัวใจให้รัชทายาทกิน!”ม่านซือซือตัวแข็งทื่อ นางหวาดผวากับคำพูดอีกฝ่าย หากเตียวจื่อรู้หลายสิ่งเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าคำพูดนางอาจมีเค้าความจริง“คุณหนูเตียว ทะ ท่านกำลังสร
ทาสสวาทอสรพิษ ณ ป่าช้าไร้ญาติทางทิศใต้ของเมืองหลวง ร่างของสตรีนางหนึ่งถูกใส่ไว้ในโลงไม้ สีหน้านางซีดเผือดริมฝีปากเป็นสีคล้ำ บริเวณลำคอมีรอยเชือกซึ่งนางผูกคอตนกับขื่อของเรือนในคราแรกนั้น เหล่าคนงานที่จัดการศพอยากเร่งฝังศพเพื่อจะได้เสร็จงานให้ไวแล้วรีบไปรับเงินส่วนที่เหลือ แต่ทหารที่คุมคนงานมาที่นี่รวมถึงสัปเหร่อต่างซุบซิบกันว่า หญิงคิดสั้นนางนี้เป็นสาวงามต่างแคว้น มีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวของจักรพรรดินี อีกทั้งร่างกายยังบริสุทธิ์ไร้ราคี เมื่อรู้เช่นนี้ใครเล่าอยากจะทิ้งเนื้อหงส์ไว้ในโลงไม้ อย่างน้อยได้เพลินด้วยตาและลิ้มรสสักนิดก็ยังดี“คุณหนูของเจ้ากรมการปกครองบอกว่านางทำเสน่ห์และเล่นคุณไสยฯ เช่นนี้ข้าเลยอยากลองแทรกหนอนเข้าไปข้างในกลีบคับๆ นั่น อยากรู้จริงว่านางจะเด็ดดวงหรือไม่”“เจ้าไม่กลัวรึ ร่างของนางอาจมีตะขาบหรือพิษแทรกซึมอยู่ก็ได้ และยังเป็นศพตายโหงด้วย!”“ฮ่าๆๆ ยิ่งดี ยิ่งเฮี้ยน ยิ่งน่ากลัว ข้ายิ่งพึงใจ”“ช่างวิปริตโดยแท้พี่ชาย”เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยเช่นนั้นแล้วโลงศพจึงไม่ได้ถูกนำลงฝัง มันถูกเปิดออกจึงเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวเหยาที่นอนนิ่งๆ มองเผินๆ ดูราวกับสตรีที่หลับใหลเพียงเท่านั้น
ภรรยาอยู่บน ท่านพี่อยู่ข้างล่าง ม่านซือซือมีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิเทียนฉางแต่งตั้งกุ้ยเฟยคนใหม่ นางจึงสั่งให้ห้องครัวทำอาหารเลี้ยงคนทั้งตำหนัก ทุกอย่างล้วนเป็นของดี มีสุราและการขับร้องเพลงด้วย“นางได้รับตำแหน่งกุ้ยเฟยฟ่านจิง!” เหม่ยหลานเอ่ยถึงหลิวฟ่าน ยามนี้นางได้ถือตราหงส์ในวังหลัง มีอำนาจเหนือมเหสีอี้เหอขั้นหนึ่ง“โอ้ ชื่อนี้เหมาะสมกับหลิวฟ่านเหลือเกิน”“นางเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเทียนฉาง อีกทั้งอาเฟยก็อยู่รับใช้ที่ตำหนักในด้วย”ได้ยินเหม่ยหลานกล่าวเช่นนั้น ม่านซือซืออดหน้าแดงไม่ได้ด้วยรู้ความหมายของประโยคดังกล่าวดี“สามคน...เฮ้อ ข้าอยากเตือนอยู่หรอก แต่สุดท้ายทั้งหลิวฟ่านและอาเฟยต่างเป็นผู้เลือกชีวิตของตน”“แล้วรัชทายาทเล่า ไม่ได้ออกความเห็นใดหรือ”เหม่ยหลานมองม่านซือซือ ก่อนหัวเราะอย่างขบขัน“ฮูหยิน นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดย่อมต้องเป็นรัชทายาทเล่อซี!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนตั้งท้องจึงหัวเราะตามแม่นมหลาน สามีนางช่างเป็นจอมบงการทุกสิ่งโดยแท้ กระทั่งเรื่องจับคู่ หรือใครจะอยู่บนอยู่ล่าง แม้แต่...แทรกระหว่างกลางในยามอุ่นเตียง องค์ชาย
นางจิ้งจอกเริงสวาท จ้าวเทียนฉางมองพรมขนจิ้งจอก ที่ถูกส่งเข้ามาในห้องบรรทมของตน คราแรกเขาประหลาดใจเมื่อเหล่าขันทีซึ่งดูแลตำหนักนี้บอกว่าเป็นของขวัญจากคณะทูตต่างแดนที่มาค้าขายกับแคว้นชิง และขุนนางในกองคลังมีความประสงค์อยากถวายพรมเลอค่านี้กับเขา ทั้งที่เมื่อก่อนพวกมันล้วนมองข้ามหัวเขาไปเสียหมดกระนั้นเรื่องสำคัญไม่ได้เกี่ยวกับที่มาของพรม หากเป็นสตรีที่ซ่อนกายอยู่ข้างในมากกว่าเมื่อพรมถูกคลี่ออก สตรีรูปร่างสมส่วนจึงปรากฏให้เขาเห็น นางมิใช่หญิงงามหากเทียบกับเหล่านางสนมที่เขาเคยพบ ทว่าหญิงผู้นี้โดดเด่น ท่าทางปราดเปรียว อีกทั้งยังซ่อนความลึกลับเย้ายวนอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากสนมนางใดสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจนไม่อาจไล่ตะเพิดนางออกจากห้อง เพราะเมื่อเผยกายออกจากพรมหนังแกะหนานุ่มนั้น สตรีนางนี้ไม่ได้ไว้ผมยาวสลวย เมื่อเปิดผ้าคลุมศีรษะเขาเห็นว่านางโกนผมจนเกลี้ยงประหนึ่งนักพรตหญิง หรือนางชีจากสำนักบนภูเขาสูง“หลิวฟ่าน...”เขาจดจำนางได้ นางผู้นี้รับใช้อยู่ในตำหนักของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน จู่ๆ นางหายตัวไป เขาเคยอยากตามหานาง แต่เป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าวอาเฟยมักลอบเข้ามาหาเขาและสร้างเรื่องมากมา
อารมณ์ขันร้ายกาจของจ้าวเล่อซีใครต่างรู้ดี โดยเฉพาะอาเฟยที่อยู่ใกล้ชิดมาตั้งแต่เขาแบเบาะ “ม่านเจิ้นถูกภรรยาที่มาจากสกุลใหญ่โขกสับและวาง อำนาจอยู่เหนือเขาเสมอ แต่เขาก็รักฮูหยินมิน้อยทั้งที่รู้ว่านางไม่ใช่ธิดาของตน แต่การที่เขาตั้งใจผลักไสนางให้เอี๊ยะถังและสร้างข่าวให้ฮูหยินมัวหมองจนนางไม่อาจเข้าคัดเลือกเป็นนางกำนัล ก็ดูเหมือนมีสิ่งที่น่าสงสัยมิน้อย”คราวนี้หลิวฟ่านเป็นผู้เอ่ย นางรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้เพราะเคยเห็นม่านซือซือมาซื้อของที่ร้านขายยานางอยู่บ้าง และหลายครั้งอีกฝ่ายมีเงินไม่พอก็เป็นนางที่สั่งให้คนในร้านจัดหาให้ กระทั่งม่านซือซือเริ่มคบหาเอี๊ยะถังอย่างลับๆ หลิวฟ่านก็รู้ว่าม่านซือซือคงต้องการผู้ชายสักคนเป็นหลักยึด เพื่อให้นางไม่ต้องถูกแม่ใหญ่ส่งตัวไปเป็นอนุของตาเฒ่าหื่นกามที่ไหน‘เจ้าคิดว่าใครบีบบังคับให้เขาทำเรื่องนี้’ จ้าวเล่อซีหันไปทางหลิวฟ่าน“ตามที่หม่อมฉันตรองดูแล้ว ม่านเจิ้นมิได้ถูกใครบังคับ เขาเพียงแค่เซ่อซ่าและเชื่อคนง่ายไปสักหน่อย กล่องไม้ของเซี่ยอี๋ได้ถูกสับเปลี่ยนก่อนมอบให้ฮูหยินโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาก็คงได้ยินกิตติศัพท์ของมเหสีอี้เหอว่าเ
ภายในคุกของศาลไท่หยาง บรรยากาศอึมครึมอยู่มาก และทั้งที่เป็นคุกประจำแคว้นและขังเฉพาะขุนนาง ทว่ากลับดูทรุดโทรมไม่ได้รับการดูแลรักษาให้ดีม่านซือซือก้าวลึกไปข้างใน คราแรกจ้าวเล่อซีจะเข้ามาเป็นเพื่อนด้วยแต่นางปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าอยากพูดคุยกับบิดาอย่างเป็นส่วนตัวและกลัวว่าม่านเจิ้นจะอึดอัดด้วยบิดาเป็นคนถือหน้าตาตนเองเป็นสำคัญ อีกอย่างนางยังกระอักกระอ่วนใจในสถานการณ์ซึ่งบิดาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชื่อเสียงจ้าวเล่อซีด่างพร้อยเมื่อพ่อลูกได้พบหน้า ม่านเจิ้นก็แสดงความละอายใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ “พ่อไม่เคยคิดร้ายต่อเจ้า ซือเอ๋อร์อย่าได้เชื่อคนอื่น พ่อรักเจ้าตลอดมา และหวังจะให้เจ้าพบกับความสุข”ม่านซือซือไม่เคยสงสัยในตัวบิดา และเขาตกเป็นเครื่อง มือของคนชั่ว ทว่าคนชั่วนั้นคือผู้ใด อีกทั้งเจ้าเมืองกุ้ยโจวมาเกี่ยวข้องกับการที่นางจะได้เป็นพระชายาของจ้าวเล่อซีตั้งแต่เมื่อไหร่“อยู่ที่นี่ท่านพ่อสะดวกสบายหรือไม่ มีเรื่องใดที่อยากให้ข้าช่วยจงบอกเถิด”ม่านเจิ้นส่ายหน้าช้าๆ เขาไม่รู้ว่าตนจะหลุดพ้นจากกรงขังได้หรือไม่ ใจหนึ่งก็กลัวแต่อีกใจห่วงคนข้างหลัง“คนที่คิดแค้นต่อรัชทายาทมุ่งร้ายต่อเจ้า พวกเขารู้ว่า
สตรีที่เคียงคู่มังกร จ้าวเล่อซีไปพบเสี่ยวเหยาที่เรือนของนาง เมื่อได้เห็นบุรุษที่สวมหน้ากากขาวผู้มีเรือนกายสูงใหญ่ เสี่ยวเหยาก็มีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย“ทะ ท่านพี่...”“สามหาว เจ้ามีสิทธิ์เรียกรัชทายาทเช่นนั้นรึ!” อาเฟยตวาดใส่เสี่ยวเหยา และนางรีบยกมือปาดน้ำตาที่นองหน้าก่อนเอ่ยเสียงสั่นๆ“รัชทายาทเล่อซี”“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องพึงระลึกไว้ รัชทายาทสูงส่งเพียงใด และเจ้าเป็นเพียงสาวใช้ในเรือน ได้รับการดูแลถึงเพียงนี้ก็นับว่าโชคดี อย่าได้ก่อเรื่องใดอีก มิเช่นนั้น ผ้าขาวหรือจอกสุราเจ้าก็จะไม่ได้รับ แต่เป็นการถูกตัดลิ้น เลาะฟัน แล้วตัดเส้นเอ็นแทน แน่นอนเจ้าจะไม่ตายในทันที แต่จะทุกข์ทรมานนานแสนนานจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”เสี่ยวเหยาพรั่นพรึงต่อคำพูดอาเฟย นางรู้เรื่องนี้ดี ด้วยที่แคว้นของนางมีวิธีทรมานคนสารพัด การที่นางมาเป็นสาวใช้ของจ้าวเล่อซีคือคำสั่งมารดาซึ่งหวังจะผูกไมตรีต่อชายหนุ่ม ทว่านางไร้วาสนา จ้าวเล่อซีไม่เคยชายตาแลนาง มิหนำซ้ำเขายังปล่อยนางทิ้งๆ ขว้าง ๆ ความสาวที่มีนับวันยิ่งโรยราลง เช่นนี้นางมีชีวิตอยู่ก็เหมือนดอกไม้ที่ขาดน้ำ นับวันยิ่งเหี่ยวเฉา มินานคงแห้งตายไป“เสี่ยวเหยามีชีวิตอยู่เพื่อรั