อารมณ์ขันร้ายกาจของจ้าวเล่อซีใครต่างรู้ดี โดยเฉพาะอาเฟยที่อยู่ใกล้ชิดมาตั้งแต่เขาแบเบาะ “ม่านเจิ้นถูกภรรยาที่มาจากสกุลใหญ่โขกสับและวาง อำนาจอยู่เหนือเขาเสมอ แต่เขาก็รักฮูหยินมิน้อยทั้งที่รู้ว่านางไม่ใช่ธิดาของตน แต่การที่เขาตั้งใจผลักไสนางให้เอี๊ยะถังและสร้างข่าวให้ฮูหยินมัวหมองจนนางไม่อาจเข้าคัดเลือกเป็นนางกำนัล ก็ดูเหมือนมีสิ่งที่น่าสงสัยมิน้อย”คราวนี้หลิวฟ่านเป็นผู้เอ่ย นางรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้เพราะเคยเห็นม่านซือซือมาซื้อของที่ร้านขายยานางอยู่บ้าง และหลายครั้งอีกฝ่ายมีเงินไม่พอก็เป็นนางที่สั่งให้คนในร้านจัดหาให้ กระทั่งม่านซือซือเริ่มคบหาเอี๊ยะถังอย่างลับๆ หลิวฟ่านก็รู้ว่าม่านซือซือคงต้องการผู้ชายสักคนเป็นหลักยึด เพื่อให้นางไม่ต้องถูกแม่ใหญ่ส่งตัวไปเป็นอนุของตาเฒ่าหื่นกามที่ไหน‘เจ้าคิดว่าใครบีบบังคับให้เขาทำเรื่องนี้’ จ้าวเล่อซีหันไปทางหลิวฟ่าน“ตามที่หม่อมฉันตรองดูแล้ว ม่านเจิ้นมิได้ถูกใครบังคับ เขาเพียงแค่เซ่อซ่าและเชื่อคนง่ายไปสักหน่อย กล่องไม้ของเซี่ยอี๋ได้ถูกสับเปลี่ยนก่อนมอบให้ฮูหยินโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาก็คงได้ยินกิตติศัพท์ของมเหสีอี้เหอว่าเ
นางจิ้งจอกเริงสวาท จ้าวเทียนฉางมองพรมขนจิ้งจอก ที่ถูกส่งเข้ามาในห้องบรรทมของตน คราแรกเขาประหลาดใจเมื่อเหล่าขันทีซึ่งดูแลตำหนักนี้บอกว่าเป็นของขวัญจากคณะทูตต่างแดนที่มาค้าขายกับแคว้นชิง และขุนนางในกองคลังมีความประสงค์อยากถวายพรมเลอค่านี้กับเขา ทั้งที่เมื่อก่อนพวกมันล้วนมองข้ามหัวเขาไปเสียหมดกระนั้นเรื่องสำคัญไม่ได้เกี่ยวกับที่มาของพรม หากเป็นสตรีที่ซ่อนกายอยู่ข้างในมากกว่าเมื่อพรมถูกคลี่ออก สตรีรูปร่างสมส่วนจึงปรากฏให้เขาเห็น นางมิใช่หญิงงามหากเทียบกับเหล่านางสนมที่เขาเคยพบ ทว่าหญิงผู้นี้โดดเด่น ท่าทางปราดเปรียว อีกทั้งยังซ่อนความลึกลับเย้ายวนอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากสนมนางใดสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจนไม่อาจไล่ตะเพิดนางออกจากห้อง เพราะเมื่อเผยกายออกจากพรมหนังแกะหนานุ่มนั้น สตรีนางนี้ไม่ได้ไว้ผมยาวสลวย เมื่อเปิดผ้าคลุมศีรษะเขาเห็นว่านางโกนผมจนเกลี้ยงประหนึ่งนักพรตหญิง หรือนางชีจากสำนักบนภูเขาสูง“หลิวฟ่าน...”เขาจดจำนางได้ นางผู้นี้รับใช้อยู่ในตำหนักของเขาเมื่อสองสามเดือนก่อน จู่ๆ นางหายตัวไป เขาเคยอยากตามหานาง แต่เป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าวอาเฟยมักลอบเข้ามาหาเขาและสร้างเรื่องมากมา
ภรรยาอยู่บน ท่านพี่อยู่ข้างล่าง ม่านซือซือมีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิเทียนฉางแต่งตั้งกุ้ยเฟยคนใหม่ นางจึงสั่งให้ห้องครัวทำอาหารเลี้ยงคนทั้งตำหนัก ทุกอย่างล้วนเป็นของดี มีสุราและการขับร้องเพลงด้วย“นางได้รับตำแหน่งกุ้ยเฟยฟ่านจิง!” เหม่ยหลานเอ่ยถึงหลิวฟ่าน ยามนี้นางได้ถือตราหงส์ในวังหลัง มีอำนาจเหนือมเหสีอี้เหอขั้นหนึ่ง“โอ้ ชื่อนี้เหมาะสมกับหลิวฟ่านเหลือเกิน”“นางเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเทียนฉาง อีกทั้งอาเฟยก็อยู่รับใช้ที่ตำหนักในด้วย”ได้ยินเหม่ยหลานกล่าวเช่นนั้น ม่านซือซืออดหน้าแดงไม่ได้ด้วยรู้ความหมายของประโยคดังกล่าวดี“สามคน...เฮ้อ ข้าอยากเตือนอยู่หรอก แต่สุดท้ายทั้งหลิวฟ่านและอาเฟยต่างเป็นผู้เลือกชีวิตของตน”“แล้วรัชทายาทเล่า ไม่ได้ออกความเห็นใดหรือ”เหม่ยหลานมองม่านซือซือ ก่อนหัวเราะอย่างขบขัน“ฮูหยิน นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดย่อมต้องเป็นรัชทายาทเล่อซี!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนตั้งท้องจึงหัวเราะตามแม่นมหลาน สามีนางช่างเป็นจอมบงการทุกสิ่งโดยแท้ กระทั่งเรื่องจับคู่ หรือใครจะอยู่บนอยู่ล่าง แม้แต่...แทรกระหว่างกลางในยามอุ่นเตียง องค์ชาย
ทาสสวาทอสรพิษ ณ ป่าช้าไร้ญาติทางทิศใต้ของเมืองหลวง ร่างของสตรีนางหนึ่งถูกใส่ไว้ในโลงไม้ สีหน้านางซีดเผือดริมฝีปากเป็นสีคล้ำ บริเวณลำคอมีรอยเชือกซึ่งนางผูกคอตนกับขื่อของเรือนในคราแรกนั้น เหล่าคนงานที่จัดการศพอยากเร่งฝังศพเพื่อจะได้เสร็จงานให้ไวแล้วรีบไปรับเงินส่วนที่เหลือ แต่ทหารที่คุมคนงานมาที่นี่รวมถึงสัปเหร่อต่างซุบซิบกันว่า หญิงคิดสั้นนางนี้เป็นสาวงามต่างแคว้น มีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวของจักรพรรดินี อีกทั้งร่างกายยังบริสุทธิ์ไร้ราคี เมื่อรู้เช่นนี้ใครเล่าอยากจะทิ้งเนื้อหงส์ไว้ในโลงไม้ อย่างน้อยได้เพลินด้วยตาและลิ้มรสสักนิดก็ยังดี“คุณหนูของเจ้ากรมการปกครองบอกว่านางทำเสน่ห์และเล่นคุณไสยฯ เช่นนี้ข้าเลยอยากลองแทรกหนอนเข้าไปข้างในกลีบคับๆ นั่น อยากรู้จริงว่านางจะเด็ดดวงหรือไม่”“เจ้าไม่กลัวรึ ร่างของนางอาจมีตะขาบหรือพิษแทรกซึมอยู่ก็ได้ และยังเป็นศพตายโหงด้วย!”“ฮ่าๆๆ ยิ่งดี ยิ่งเฮี้ยน ยิ่งน่ากลัว ข้ายิ่งพึงใจ”“ช่างวิปริตโดยแท้พี่ชาย”เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยเช่นนั้นแล้วโลงศพจึงไม่ได้ถูกนำลงฝัง มันถูกเปิดออกจึงเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวเหยาที่นอนนิ่งๆ มองเผินๆ ดูราวกับสตรีที่หลับใหลเพียงเท่านั้น
เล่ห์ร้ายสตรีเรือนโอสถม่านซือซือถูกคุมตัวขึ้นรถม้า นางห่วงทั้งเหม่ยหลานและฝูเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้างในรถม้ามีเพียงนางคนเดียว ถึงไม่ได้ถูกมัดมือหรือปิดปากแต่นางไม่อาจหลบหนี ด้วยมีทหารจากกรมการปกครองและคนสกุลเตียวคุมอยู่ อีกทั้งคำพูดของเตียวจื่อก่อนส่งนางขึ้นรถม้าแจ้งชัดว่าม่านซือซือตกที่นั่งลำบากแล้ว“ระวังตัวเอาไว้ ความผิดที่เจ้าก่อมิอาจหนีพ้น ตอนนี้บิดาเจ้าสารภาพหมดเปลือก ได้รับโทษถูกส่งตัวไปยังเมืองทางใต้ ไปเป็นนักโทษสร้างกำแพงเมืองที่นั่น แต่น่าเสียดาย ระหว่างทางมีโจรร้ายดักปล้นขบวน พวกมันส่งม่านเจิ้นไปรอที่ประตูนรกแล้ว ส่วนเจ้าก่อนที่จะตายตามเขาข้าคิดว่าคงต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสาหัส เริ่มจากถูกผ่าท้องควักลูกน้อยออกมาดูโลกก่อนดีหรือไม่ โอ้... แต่ช้าก่อน ข้าลืมเสียสนิทเจ้าเป็นมนุษย์โอสถ เช่นนั้นต้องจับยัดใส่แจกันยักษ์หรือไหเหล้า ขุนจนอ้วนให้น่าเกลียด จากนั้นจึงกรีดเลือดควักหัวใจให้รัชทายาทกิน!”ม่านซือซือตัวแข็งทื่อ นางหวาดผวากับคำพูดอีกฝ่าย หากเตียวจื่อรู้หลายสิ่งเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าคำพูดนางอาจมีเค้าความจริง“คุณหนูเตียว ทะ ท่านกำลังสร
ม่านซือซือสะลึมสะลือตั้งแต่ถูกจับขึ้นรถม้า พอการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดลง นางจึงนั่งนิ่งคอยฟังเสียงรอบตัวด้านนอก และคนตั้งครรภ์ใจชื้นขึ้นเมื่อนางเป่าปาก เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขรม นางมั่นใจว่าสุนัขสองตัวที่นางดูแลไว้กำลังตามนางมา ทว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน เหตุใดจะรับมือมนุษย์ได้ อีกทั้งตัวหนึ่งยังได้รับบาดเจ็บ“อย่าให้นางกับพวกเดรัจฉานหนีรอด”เสียงดังกล่าวดังเข้ามาในรถม้า ม่านซือซือไม่ได้มีวิทยายุทธ์ย่อมต้องกลัวตายเป็นธรรมดาและการต่อสู้ยังดุเดือดมาก ม่านซือซือไม่รู้ว่าผู้ใดมาช่วยนาง แต่ภาวนาขอให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด กระทั่งคนของสกุลเตียวเปิดประตูรถม้าเข้ามา คราแรกนางไม่ได้ตกใจสักเท่าใด แต่หลังจากนั้นผู้ที่หัวเราะด้วยเสียงบ้าคลั่งก็เผยตัว เขาคือมู่จิ้น!“ข้านึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าอีก โอกาสดีๆ เช่นนี้ต้องยอมรับว่าคุณหนูเตียวทำให้ข้าได้เล่นสนุกกับจ้าวฮูหยินอย่างถูกเวลา”“องค์ชาย ท่านเป็นคนบัดซบโดยแท้ ทำเรื่องชั่วช้าได้ตลอดเวลา คิดหรือว่าจะทำให้ข้ากลัว”“ฮ่าๆๆ เจ้าอาจเป็นสตรีเก่งกล้า แต่จ้าวเล่อซีมันขี้ขลาดโดยเฉพาะยามเห็นเมียของมันถูกข้ารังแก!”“อย่าคิดว่าท่านจะหักหาญใช้กำลังข่มเหงน
ม่านซือซือไม่ได้มองสิ่งรอบกายเนื่องจากต้องซ่อนตัว และถูกพาหลบเพื่อขึ้นรถม้าคันใหม่ซึ่งมีหน่วยคุ้มกันที่เข้มแข็ง ทว่าถึงจะมีกำลังเตรียมพร้อม แต่คนของสกุลเตียวก็มีกลุ่มที่เข้ามาเสริมไม่ขาด อีกทั้งฝ่ายนั้นมิใช่มือสังหารหากเป็นทหารที่ออกรบเป็นประจำ มีกลยุทธ์ที่แยบยล คนพวกนั้นคือทหารของถานปิง!เอี๊ยะถังหนาวจับไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่กลัวพวกหมาหมู่ แต่กลัวที่สุดคือพวกที่ฉลาดมีไหวพริบ และทหารสกุลถานก็เป็นพวกที่มีฝีมือยากหาใครเทียบได้เสียงแตรเขาสัตว์ดังต่อๆ กันพร้อมธนูที่พุ่งมาราวกับห่าฝนมือปราบหนุ่มใช้ดาบในมือกวัดแกว่งพร้อมออกคำสั่งให้รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด สุดท้ายแทนที่จะช่วยเหลือม่านซือซือได้สมใจ กลายเป็นว่าเขาติดกับดักอยู่ตรงกลางกลุ่มของคนสกุลเตียวและทหารของถานปิง “วางอาวุธเสีย พวกเราไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้า” เสียงผู้ที่อำพรางตัวเอ่ยขึ้น“ฮ่าๆๆ พวกหมาหมู่ คิดชั่วกับผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ อย่างไรก็ชิงตัวจ้าวฮูหยินไปไม่ได้”“กล่าวเช่นนั้น เจ้าก็ไม่สมควรมีลมหายใจแล้ว”“ฮ่าๆๆ หากแน่จริงก็ข้ามศพข้าไปก่อน”คนที่ซ่อนตัวอยู่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม
ม่านซือซือตื่นขึ้นในช่วงรุ่งสาง นางไอติดกันหลายครั้ง และพบว่าคนที่ยกจอกน้ำชาให้นางคือสามี แต่หลังจากหายคอแห้ง นางต้องตกใจเป็นอย่างมาก จ้าวเล่อซีได้แผลหลายที่ และนางเห็นว่าเขาบาดเจ็บหนัก แต่ยังทนฝืนนั่งเฝ้านางข้างเตียงไม่ห่างไปไหน“ท่านพี่... ภรรยาช่างเป็นสตรีที่นำแต่เรื่องเลวร้ายมาให้ท่านอยู่เสมอ”จ้าวเล่อซีไม่ได้เอ่ยคำใด เขาจุมพิตที่หลังมือนาง ก่อนนำมาวางไว้ที่หน้าอกของตน“ข้าจะไม่อ่อนแอและร้องไห้อีก” ม่านซือซือบอกกับชายหนุ่ม และนางตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ ทว่าความตั้งใจของนางคงต้องออกแรงมากอยู่สักหน่อย เพราะหลังจากนั้นอาการของจ้าวเล่อซีก็หนักขึ้นมากเขายิ้มให้ผู้เป็นภรรยาและพยายามบังคับเสียงอันประหลาดแสนน่ากลัวของตน และเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก“คลอดบุตรชายให้ข้า ชาตินี้บุรุษแซ่จ้าวก็ตายตาหลับแล้ว”ม่านซือซือสั่นผวาทั้งร่าง นางไม่รู้ว่าจ้าวเล่อซีคิดอย่างไรถึงได้เอ่ยเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนั้น แต่มันก็เป็นความจริง พอนางลุกเดินได้ตามปกติ กลับกลายเป็นว่าจ้าวเล่อซีไม่ได้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกเลยสามวันผ่านไป ม่านซือซือก็ซูบผอมลง นางนั่งไม่ติด เดินวนไปมาในเรือนหลังเล็กแห่งนั้น กระทั่งเห็นหน้าข
แก้เผ็ดสามี จ้าวเล่อซีนิ่งขรึมตลอดระยะเวลา ที่เดินทางมาหานางอันเป็นที่รัก สงครามทำให้เขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ในสนามรบ แต่การศึกและต้องห้ำหั่นหลายคนที่เขารู้จักจนเสียเลือดเสียเนื้อ แล้วส่งลูกเมียคนเหล่านั้นไปใช้ชีวิตในพื้นที่ทุรกันดาร ทำให้จ้าวเล่อซีมีความเครียดสะสม บางคืนเขาฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็เหม่อลอย เมื่อเขานึกถึงคำพูดของถานปิง อีกฝ่ายถูกปลูกฝังว่าห้ามรักสตรีนางใด นอกจากนั้นเขาจะมีบุตรไม่ได้เนื่องจากพิษที่อยู่ในร่างกายเขาอาจส่งผลถึงทายาท แต่หลายสิ่งที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายมันคือคำลวง!ยามนี้ เบื้องหน้าเขาคือเด็กทารกร่างอวบผิวขาวอมชมพูที่ใบหน้างดงามดั่งมารดา หากมีแท่งหยกน้อยๆ อันประจักษ์แจ้งต่อทุกสายตาว่าเขาสมชายชาตรี ซึ่งทำให้เขาอดภูมิใจไม่ได้เมื่ออ๋องน้อยเห็นหน้าเขาก็ร้อง ร้องเสียงดังราวกับกลัว คนแปลกหน้า ม่านซือซือทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ เรื่องที่นางกังวลใจนับว่ามีความคิดโง่เขลา“คราแรกภรรยากลัวเหลือเกิน... เมื่อคลอดอ๋องน้อย เขาไม่มีเสียงร้องสักแอะ”ม่านซือซือเอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น หัวใจนางหล่นหายและคิดว่าคงเป็นบาปกรรมของตน ถึง
เมื่อเหม่ยหลานเอ่ยจบ นายกองและแม่ทัพหลายคนก็รู้สึกตัวว่ามีอาวุธแหลมคมจ่อที่ลำคอพวกเขา ซึ่งทหารเหล่านี้ไม่ทันเฉลียวใจด้วยซ้ำว่ามีมือสังหารลอบปะปนเข้ามาในกลุ่มของพวกตนตั้งแต่เมื่อใด “พวกเจ้าใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้ คิดหรือว่าจะเอาชนะกองกำลังอันแข็งแกร่งของข้าได้” แม่ทัพถานปิงเอ่ย และคนที่ตอบคือบุรุษที่องอาจสง่างามแต่แรกจ้าวเล่อซีไม่ได้ต้องการบีบบังคับถานปิง อย่างไรอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นตาของเขา ทว่าอีกด้านหนึ่งที่เขารับรู้ ชายสูงวัยผมหงอกผู้จับดาบฆ่าคนมาชั่วชีวิตมีจิตใจอำมหิต ฆ่าได้แม้กระทั่งภรรยาและลูกของตน รวมถึงพยายามหลอกใช้เขาเรื่อยมา และเขาในยามนั้น เพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องแสร้งตกเป็นเครื่องมือของอีกฝ่าย เป็นองค์ชายใบ้ผู้คลั่งรักบ้าตัณหา กระทั่งเขาได้พบกับมารดาฝูเอ๋อร์ นางเป็นสตรีที่ควรมีชีวิตสุขสบายได้เป็นฮูหยินของบุรุษที่คู่ควรกับนาง ทว่านางถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์สัตตบงกชในช่วงที่กำลังเดินทางไปเป็นเจ้าสาวของสกุลคหบดี‘ท่านตา... กำแพงเมืองนี้ บิดาข้าต้องสังเวยชีวิต ถูกแยกร่างและเสียบศีรษะประจานให้เสื่อมเสียเกียรติ’“ฮ่าๆๆ แล้วอย่างไร คนที่ทำก็คือเกากงกงกับนางแพศยาอี้เหอ”‘แต่แรกหลาน
มีชีวิตอยู่มิสู้ตายทัพหน้าของสกุลถานบุกเข้าเมืองหลวง ตามแผนลวงของจ้าวเล่อซีทว่าก่อนถึงเมืองหลวง เขาต้องผ่านเมืองอันสำคัญที่เป็นต้นทางการค้าเสียก่อน ทว่าเมื่อถึงประตูเมืองนี้กลับพบเพียงความเงียบสงัดผิดปกติ กำแพงสูงใหญ่ดูเหมือนภูเขาตั้งตระหง่านสีดำทะมึน“ตามที่ได้รับรายงาน รัชทายาทบาดเจ็บหนัก ตอนนี้กำลังรักษาตัว”“ข่าวเท็จหรือไม่”“จริงหรือลวงไม่แน่ชัด แต่เรื่องนี้ก็มีผู้พบเห็นว่าคนของเกากงกงได้วางแผนอย่างเหนือชั้นด้วยการลอบสังหารรัชทายาท ฝ่ายนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียงสิบสองปี ปลอมตัวปะปนเป็นชาวบ้านประสบเหตุจากภัยสงคราม เมื่อเข้าถึงตัวอีกฝ่ายก็ใช้มีดสั้นแทงเข้าไปที่เหนือหน้าอกของรัชทายาทพอดี”สิ่งที่แม่ทัพที่เป็นลูกหลานของคนสกุลถานเอ่ยขึ้นมีพยานเห็นเหตุการณ์หลายคน หลังเกิดเรื่อง จ้าวเล่อซีถูกนำตัวออกจากจุดเกิดเหตุ ข่าวดังกล่าวทำให้ทหารใต้การบังคับบัญชาของเขาเสียขวัญมิน้อย“เกากงกงช่างเป็นคนชั่วเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อก่อนมันกับข้าก็ชิงดีชิงเด่นกันตลอดมา มันซ่องสุมกองกำลังอำมหิตเอาไว้มากมาย ในขณะที่ข้ามีเรือนสาวใช้สิบสองหลัง ตัวมันก็จับเด็กชายมาตอนแล้วสอนวรยุทธ์ แล้วนำตัวปะปนเข้าไปรับใช้ในว
เสียงร้องของม่านซือซือดังเป็นระยะ หลายคนเริ่มนั่งไม่ติดหวังกวงเหนื่อยที่สุด แต่โชคยังดีที่นางสลับให้คนอื่นเฝ้าคนใกล้คลอดบ้างกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบรุ่งสางของอีกวัน ขณะนั้นมีเสียงกลองรบ เสียงแตรเขาสัตว์ เสียงดังกล่าวดังอยู่ไม่ห่างจากเรือนลับของสำนักคุ้มภัยตี้หยงชุน“เสียงอันใดหรือป้าหวัง”หวังกวงพยายามฟังที่มาของเสียง นางอดที่จะเกิดความกลัวไม่ได้ แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกอย่างที่สุด“คงเป็นการส่งสัญญาณของทัพรัชทายาท เช่นนี้หมาย ความว่าอีกไม่ช้าย่อมต้องมีการปะทะครั้งใหญ่”“เป็นความจริงหรือ”“ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่ฮูหยินอย่าได้เป็นกังวล ศึกครั้งนี้อย่างไรฝ่ายเราก็ต้องกุมชัยชนะ และในไม่ช้าเขาจะก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่”ม่านซือซือดีใจนักหนา ด้วยไม่ต้องการให้สงครามยืดเยื้อ และนางหวังให้เป็นเช่นนั้น หากจ้าวเล่อซีมีชัยย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี“ท่านพี่... ซือซือและลูกน้อยจะรอท่านอยู่ที่นี่”นางว่าแล้วก็หลุดเสียงร้องติดๆ กัน เสียงนั้นไม่ดังมากแต่ก็สร้างทั้งความประหลาดใจและความตื้นตันใจต่อคนที่คอยช่วยม่านซือซือคลอดบุตร“ฮูหยิน!”หวังกวงร้องขึ้นแล้วรีบทำหน้าที่ของตนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะทั้งหัวเ
หลายวันที่ผ่านมา ม่านซือซือได้รับการต้อนรับอย่างดีในเรือนลับของตี้หยงชุน และเขาไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับนาง“อาการเป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนเจ้าใกล้จะคลอดมากขึ้นทุกที อย่าออกไปตากน้ำค้างเลย อีกทั้งไอเย็นที่พื้นใช่ว่าจะส่งผลดีต่อเด็กในครรภ์” ป้าหวังเตือน“ข้าแค่อยากเดินเล่นเท่านั้น หมู่นี้ไม่เห็นทั้งเสี่ยวเหยาและถิงอี้เลย”หวังกวงได้ยินม่านซือซือถามเช่นนั้น นางได้แต่ส่ายหน้า ด้วยหญิงสาวทั้งสองดูเหมือนจะรักการผจญภัยและการต่อสู้ ยามนี้กลุ่มแม่ทัพถานบุกเข้ามาใกล้เมืองหลวงและส่งคนเข้ามาหลายทิศทาง เพื่อจะหาพรรคพวกพร้อมบีบบังคับให้จ้าวเล่อซียอมจำนน ทว่าองค์ชายใบ้มีไม้เด็ดอยู่มากมาย อีกทั้งกองกำลังของตี้หยงชุนจากสำนักคุ้มภัยก็เป็นชาวยุทธ์ที่มีฝีมือหาตัวจับยาก และให้การสนับสนุนจ้าวเล่อซีอย่างเต็มที่“พวกนางปรารถนาเป็นจอมยุทธ์หญิงทั้งคู่ และบุรุษใดก็ทัดทานไม่ได้”ม่านซือซือเข้าใจสิ่งนี้ดี สตรีทั้งสองเป็นเช่นนี้ รักอิสระและอยากช่วยเหลือผู้คน“เสี่ยวเหยาบอกว่านางไม่อยากเห็นเด็กๆ และสตรีชาวบ้านต้องถูกคนชั่วข่มเหงในยามมีสงครามจึงออกไปช่วยเหลือพวกเขา เท่าที่นางพอจะมีกำลัง”“ประเสริฐนัก เป็นข้าคงขี้ขลาด แ
ม่านซือซือต้องตื่นกลางดึก หวังกวงมีสีหน้าเครียดจัด และนางออกคำสั่งบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนหันมาบอกสิ่งสำคัญกับคนตั้งครรภ์ “ฮูหยิน อดทนให้มากและดื่มยานี่เสีย จากนั้นข้าจะพาท่าน เดินทางทันที”“เดินทาง หมายความว่าอย่างไรป้าหวัง”“ที่นี่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว คนของแม่ทัพถานรู้ที่ซ่อนของเรา”ได้ยินคำพูดของหวังกวง ใจหล่นหาย แต่จะให้แสดงความขลาดเขลาคงทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อม่านซือซือดื่มยาเสร็จนางจึงเตรียมตัวเพื่อหลบหนี ขณะเดียวกันความร้อนก็แผ่ขยายโอบคลุมรอบๆ ตัว“ไฟไหม้หรือ ใครกัน ใครทำเรื่องพวกนี้”“อย่าไปสนใจ เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้” หวังกวงว่าจบก็จับจูงมือม่านซือซือ จากนั้นทั้งคู่จึงหลบไปทางด้านหลังของเรือนไม้ และขึ้นรถม้าคันโตที่มีเหล่าองครักษ์ของจ้าวเล่อซีคุ้มกัน“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่ป้าหวัง”“เพียงแค่ไปถึงเขตของสกุลตี้...เราจะปลอดภัย และไม่ต้องห่วง รัชทายาทเตรียมการไว้ทุกอย่าง ฮูหยินจะไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย”“สกุลตี้...”หวังกวงกุมมือม่านซือซือและมอบพลังใจให้นาง“หลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องร้ายและดีเกิดขึ้นมากมาย ข้าเพียงแต่ไม่ได้เอ่ยให้ฮูหยินทราบ ทั้งนี้เพราะรัชทา
ข้าเลี้ยงลูก ท่านออกรบ ม่านซือซือรู้ว่าร่างกายของจ้าวเล่อซีไม่แข็งแรงดังเดิม แต่เขาเป็นบุรุษที่จิตใจห้าวหาญและเข้มแข็งเหนือผู้ใด เมื่อเขายืนยันว่าจะออกรบป้องกันทัพแม่ทัพถานที่กำลังจะบุกเข้าเมืองหลวง นางก็ไม่อาจรั้งเขาไว้“ภรรยาจะรอท่านอยู่ที่นี่”‘อย่าได้กังวลใจสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ท่านอาเทียนฉางของข้าไม่ใช่คนโง่ หลิวฟ่านก็มีกลุ่มพ่อค้าคอยสนับสนุนเสบียงมากมาย ในท้องพระคลังไม่มีสิ่งใดขาด ย่อมเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารยามออกรบ’คนอุ้มท้องไม่ได้ต้องการสร้างความกังวลใจให้สามี แต่นางหลุดปากไปว่า “แต่ฝ่ายนั้นคือแม่ทัพถาน”‘เพราะเป็นเขา ข้าจึงต้องออกรบด้วยตนเอง’ชายหนุ่มเอ่ยแล้วจึงจูบที่หน้าผากนาง ตามด้วยการกอดร่างม่านซือซือไว้ในอ้อมกอด‘ฮูหยิน ผอมไปหรือไม่’ม่านซือซืออยากหัวเราะทั้งน้ำตา หลายวันที่ผ่านมานางแย่งอาหารเขามากินเกือบทั้งหมด สิ่งใดที่หวังกวงทำพร้อมปรุงเป็นทั้งขนม ของว่าง และน้ำแกงที่มาจากเนื้อสัตว์หายาก เมื่อชายหนุ่มปฏิเสธไม่ต้องการบำรุงร่างกายก็เป็นม่านซือซือที่ทั้งเสียดายและไม่อยากให้หวังกวงกับทุกคนที่อดหลับอดนอนทำของเหล่านี้ต้องเสียกำลังใจ“หากภรรยากินมากกว่านี้ เกรงว่าท่านพี่คง
กุ้ยเฟยปีศาจกุ้ยเฟยฟ่านจิงผู้มีตราหงส์ในมือ เดินสำรวจพื้นที่สำคัญในวังหลัง ก่อนที่นางจะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นว่าตำหนักของมเหสีอี้เหอมีหญ้าและวัชพืชหนาตา ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉาแต่เดิมนางไม่ได้อยากเหยียบย่างเข้าไปด้วยซ้ำ แต่ได้ข่าวว่าคนที่อยู่ข้างในกำลังหาทางให้สกุลหลิวกระทำเรื่องชั่วบางอย่างเพื่อป้ายความผิดให้แก่นาง และดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเห็นชอบสิ่งนี้ด้วยน่าหัวร่อนัก คนพวกนี้ชอบกลับขาวให้เป็นดำ ทำเรื่องถูกให้เป็นผิด เช่นนี้นางยิ่งนึกสนุก ด้วยหลิวฟ่านหาใช่คนเดิม นางพร้อมที่จะชโลมทุกอย่างด้วยเลือด!“วางแผนสังหารบิดางั้นรึ...”อาเฟยพยักหน้าน้อยๆ เขาไม่อยากให้หลิวฟ่านสร้างกรรมใดอีก นางได้เป็นถึงกุ้ยเฟยในวันนี้ก็มีอำนาจพอแล้ว นอกจากนั้นควรสะสางเรื่องต่างๆ แต่พองาม มิใช่ระรานคนอื่นไปทั่ว“อย่าได้ทำสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ รวมถึงเรื่องที่เจ้ากำลังคิดอยู่ในใจ”“อี้เหอเป็นหนามทิ่มใจซือฝุมิใช่หรือ”“เคยเป็น แต่ตอนนี้นางหมดสิ้นเขี้ยวเล็บ ก็มิต่างจากหญิงชราที่หน้าตาไร้ความสวยงาม อยู่ไปก็เหมือนซากสัตว์ที่เน่าเหม็น เช่นนั้นข้ายังจะต้องทำสิ่งใดให้เปรอะเปื้อนมืออีก”“แต่ข้าไม่เห็นด้วย นางทำให้สตรีห
ม่านซือซือตื่นขึ้นในช่วงรุ่งสาง นางไอติดกันหลายครั้ง และพบว่าคนที่ยกจอกน้ำชาให้นางคือสามี แต่หลังจากหายคอแห้ง นางต้องตกใจเป็นอย่างมาก จ้าวเล่อซีได้แผลหลายที่ และนางเห็นว่าเขาบาดเจ็บหนัก แต่ยังทนฝืนนั่งเฝ้านางข้างเตียงไม่ห่างไปไหน“ท่านพี่... ภรรยาช่างเป็นสตรีที่นำแต่เรื่องเลวร้ายมาให้ท่านอยู่เสมอ”จ้าวเล่อซีไม่ได้เอ่ยคำใด เขาจุมพิตที่หลังมือนาง ก่อนนำมาวางไว้ที่หน้าอกของตน“ข้าจะไม่อ่อนแอและร้องไห้อีก” ม่านซือซือบอกกับชายหนุ่ม และนางตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ ทว่าความตั้งใจของนางคงต้องออกแรงมากอยู่สักหน่อย เพราะหลังจากนั้นอาการของจ้าวเล่อซีก็หนักขึ้นมากเขายิ้มให้ผู้เป็นภรรยาและพยายามบังคับเสียงอันประหลาดแสนน่ากลัวของตน และเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก“คลอดบุตรชายให้ข้า ชาตินี้บุรุษแซ่จ้าวก็ตายตาหลับแล้ว”ม่านซือซือสั่นผวาทั้งร่าง นางไม่รู้ว่าจ้าวเล่อซีคิดอย่างไรถึงได้เอ่ยเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนั้น แต่มันก็เป็นความจริง พอนางลุกเดินได้ตามปกติ กลับกลายเป็นว่าจ้าวเล่อซีไม่ได้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกเลยสามวันผ่านไป ม่านซือซือก็ซูบผอมลง นางนั่งไม่ติด เดินวนไปมาในเรือนหลังเล็กแห่งนั้น กระทั่งเห็นหน้าข