“ฉันก็บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้วไง คุณจะมาเอาอะไรอีก” เสียงที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธเอ่ยใส่ปลายสายทางโทรศัพท์ เธอบอกข้อมูลที่ฝั่งนั่นต้องการทั้งหมดแล้ว แล้วจะมาเอาอะไรกับเธออีก
“เธอมีสิทธิ์มาถามด้วยเหรอ” เสียงปลายสายส่งเสียงเยือกเย็นออกมา ร่างเล็กได้แต่สะดุ้งด้วยความตกใจ
“ชื่อของคุณฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร พี่ฉันอยู่ที่นั่นก็ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยไหม นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วขอให้ฉันได้คุยกับพี่หน่อยเถอะ”
“ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไรฉันจะให้เธอได้เจอกับพี่สาวของเธอเอง”
“แล้วต้องการข้อมูลอะไรอีก วันนี้ฉันก็บอกแล้วว่าได้ยินว่าเขาคนนั้นไปสืบทอดอะไรไม่รู้ วันนี้เขาไม่เข้ามา”
“หาทางเข้าห้องทำงานของมันให้ได้”
“ที่นี่มันเป็นแค่ผับ มันจะไปมีอะไร”
“เธอคิดว่ามันทำงานแค่ในผับที่แห่งนั้นเหรอนานา ถ้าไม่อยากให้พี่สาวเธอตายรีบหาข้อมูลมาซะ จะกี่เดือนกี่ปีฉันก็ไม่สนแค่เอามาให้ฉันให้ได้มากที่สุด แล้ววันนั้นพี่สาวของเธอจะเป็นอิสระ”
ปลายสายพูดเสร็จและก็ตัดสายทิ้งไป เธออยากจะถามคำถามตั้งมากมายแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะอีกฝั่งปิดทางเธอทั้งหมด
ร่างเล็กนอนบนเตียงและเอามือเกยหน้าผากไปด้วยความคิดไม่ตก เพราะนี่ผ่านมาหลายเดือนแล้วเธอยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จะมีก็แต่คนที่ทำงานไว้วางใจเธอ และเริ่มให้ทำงานโดยไม่จับตามองเธอเหมือนกับที่ผ่านมา
“ทำยังไงดีว่ะ แล้วจะไปเข้าห้องทำงานเขาได้ยังไง ลูกน้องก็เฝ้าตั้งหลายสิบคนแบบนั้น”
เธอบ่นพึมพำและดูนาฬิกาข้อมือที่ใกล้เวลาเริ่มงานแล้วจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำด้วยความขี้เกียจ และไม่รู้ว่าต้องทนกับสถานการณ์นี้ไปอีกนานแค่ไหน
มือเรียวหยิบบัตรประชาชนใบจริงของตัวเองเก็บเข้าลิ้นชักซ้อนไว้อย่างดี และหยิบบัตรปลอมที่คนที่จับตัวพี่สาวเธอไปส่งมาให้ที่ได้ปลอมแปลงอายุและสถานที่เกิดให้เธอพร้อมกับชื่อจริงที่ได้เปลี่ยนแปลงให้
ตามจริงเธออายุเพียงแค่ 18 ปี เท่านั้น จึงไม่สามารถเข้าไปทำงานสถานที่แห่งนั้นได้ ฝั่งที่ส่งให้เธอมาสืบข้อมูลจึงได้ปลอมแปลงข้อมูลเท็จให้เธอหลายอย่าง มีแค่ชื่อเล่นเท่านั้นที่เธอไม่เปลี่ยน เพราะไม่อยากโดนจับได้ว่าใช้ชื่อเล่นปลอมเวลาคนเรียกเธอจะได้รู้ตัว ขืนใช้ชื่อเล่นปลอมแล้วเธอไม่หันคงได้เกิดเรื่อง มีแต่ชื่อจริงสถานที่เกิดและอายุเท่านั้นที่ปลอม เธอจึงไม่ต้องกังวลอะไรถ้าอีกฝ่ายจับเธอได้ขึ้นมาก็แค่หนีออกไปให้ทันก็แค่นั้น
“ฮู่ว~~เป็นอีกวันแล้วสินะ เธอต้องทำได้นานา เธอไม่ใช่เด็กแต่เธอคือนานาอายุ 20 ปี ที่สวยและมั่นใจ ฉีกยิ้มโง่ ๆ เข้าไว้” เธอคุยกับตัวเองในกระจกและยิ้มกว้างแบบที่พยายามหัดทำมาหลายเดือนนี้
Red Rose
“นานา!” สาวร่างสวยเซ็กซี่เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มในมือถือชุดมาด้วย “เดี๋ยวใส่ชุดนี้นะ”
“หืม? เปลี่ยนยูนิฟอร์มใหม่เหรอคะพี่ก้อย” เธอมองชุดอย่างแปลกใจที่ดีเทลมันสวยแปลกตากว่าชุดที่เคยสวมใส่
“เปล่าหรอก แต่เธอได้ขึ้นไปทำชั้น 2 แทน”
“ชั้น 2 เหรอคะ” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ชั้นเดียว
“ใช่ที่นี่มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกเรียกว่าผับ ชั้นสองเป็นคลับ ส่วนชั้นสามเป็นเลานจ์”
“เออ..แล้วมันแตกต่างกันยังไงอะพี่” เพราะเธอไม่เคยเข้าสถานที่แบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่ว่าต้องมาสืบข้อมูลเธอคงไม่เหยียบเข้ามา จะมาเรียกผับ เรียกคลับ หรือเลานจ์เธอไม่รู้หรอกแค่เรียกตามคนอื่นไป
“ขึ้นไปเดี๋ยวเราก็รู้เองแหละ ชั้นสองต้องเป็นคนที่มีสมาชิกเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปได้ ส่วนชั้นสามบอสจะอยู่ข้างบนเป็นส่วนใหญ่เฉพาะ vip ที่บอสเชิญมาเท่านั้นถึงจะขึ้นไปเหยียบได้”
“แล้วทำไมนานาได้ขึ้นไปทำชั้น 2 ละค่ะ”
“พี่ยื่นเรื่องให้เองแหละ เห็นเราสวยและทำงานคล่องขึ้นไปทำข้างบนดีกว่าข้างล่างเยอะ ข้างล่างมีแต่คนไม่ได้คัดเกรด”
นานายืนคิดตามข้างล่างไม่ได้คัดเกรดแต่ที่เธอเห็นแต่ละคนหน้าตาดีและรวย ๆ กันทั้งนั้น ถ้าข้างบนคัดแล้วมันจะขนาดไหนได้อีก คนรวยทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ
เมื่อเธอเปลี่ยนชุดอะไรเรียบร้อยเสร็จก็เดินตามก้อยเข้ามาที่อาสาขึ้นมาส่งเธอ
"แล้วทำไมพี่ไม่ขึ้นมาทำข้างบนเหมือนกันละคะพี่ก้อย”
“พี่ชอบทำข้างล่างมากกว่า ที่นี่แขกเป๋าหนักก็จริงแต่พี่ชอบข้างล่างเพราะมันสนุกกว่า ไม่ใช่อะไรหรอกพี่ไม่อยากเจอบอส ฮ่า ฮ่า” เธอหัวเราะแห้ง ๆ นานาจึงยิ้มกว้าง
“คือพี่ก้อยจะบอกว่าชั้นนี้บอสจะขึ้นมาดูบ่อยเหรอคะ”
“ใช่ พอบอสตรวจชั้นแรกเสร็จ บอสมักจะขึ้นมานั่งดื่มที่นี่”
“แต่ความคิดนานานะคะ ที่นี่ดูเหมือนใหญ่กว่าและเพลงดูน่าสนุกกว่าข้างล่างนะ คนก็เยอะด้วย ไหนจะคนที่อยู่บนฟอร์เต้นอีก นานาว่าที่นี่มันค่อนข้างจะดูเกินตัวนานาไปนะคะ” เธอพูดกับลอบมองหน้าอีกฝ่าย เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดที่เธอถามข้อมูลมากมายเพราะสนใจบอสและที่แห่งนี้
“นานาทำได้แหละเชื่อพี่ ข้างล่างมีแต่คนโลคลาสที่นี่มีแต่ไฮโซ เชื่อพี่นานาต้องสนุกแน่ พี่ไปก่อนนะ” ก้อยยิ้มให้และเดินออกไป ส่วนเธอเดินเข้ามาในโซนพนักงานเห็นพนักงานหลายคนกำลังยืนบรีฟงานกันอยู่จึงเดินเข้าไปร่วมกลุ่มด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ เล็กน้อย ที่ทุกคนต่างยืนมองเธอ
“เรานานาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ใครอาสาจะเป็นคู่กับน้องนานาบ้าง”
“ผมเองครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ทางหญิงสาว
“โห~~น้องนานามาก็โชคดีได้โรมระดับซูเปอร์วีไอพี่ไปเป็นพี่เลี้ยงเลยนะ” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นและยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ใช่ ลองถามพนักงานคนอื่น ๆ ในนี่สิว่ามันเคยเป็นบัดดี้ให้ไหม”
“เออ...” ร่างบางไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่ยืนทำอะไรไม่ถูก เพราะทุกคนเอาแต่มองมาที่เธอ
“เราอายุเท่าไรเนี่ย ดูเด็กจัง” คนชื่อโรมเอ่ยถามและเดินเข้ามาใกล้
“เออ...20 ค่ะ” เธอเอ่ยพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนชื่อว่าโรมใกล้ ๆ คือเขาสูงมากและหล่อมากอีก และชุดที่เขาสวมใส่ก็ดูแตกต่างกับชุดของคนอื่น
คนอื่นสวมกั๊กแต่เขาไม่ต้องสวมอยู่ในชุดเสื้อเชิญสีขาวเปิดกระดุม 2-3 เม็ด จึงเผยให้เห็นหน้าอกที่ดูแล้วมีมัดกล้ามอยู่ไม่น้อย
“มองอะไร หึ” โรมหัวเราะ และดึงมือเรียวให้เข้ามารวมกลุ่ม
เธอแอบเหลือบมองเล็กน้อยจึงได้เห็นว่าผมเขาเป็นสีทองปนน้ำตาล มันยิ่งขับให้เขาดูขาวผ่องมากขึ้นเขาคงย้อมผมสินะแต่มันดูดีมากเลย
“หึ หึ” โรมหัวเราะในลำคอ ที่แอบเห็นว่าหญิงสาวแอบมองตน
----------------------------------------
นางเอกได้ขึ้นมาแล้วค่ะ แต่น้องไม่รู้เลยว่าหายนะมันรออยู่
“อะไรกันเนี่ยไหนบอกว่าเขาจะขึ้นมาที่นี่บ่อยๆ ไง” หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสีย เพราะนี่ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วเธอยังไม่เห็นคนที่ชื่อฟาริส บอสใหญ่ขึ้นมาที่นี่เลยสักครั้ง อยู่ข้างล่างเธอยังได้เห็น แต่ที่นี่ไม่เห็นมาเลยสักครั้งเดียว“นานาเราว่างไหม?”“ว่างค่ะพี่โรม”“พี่วานเอาเหล้ากับน้ำแข็งขึ้นไปให้บอสชั้นสามหน่อยได้ไหม”“ชั้นสามเหรอคะ” เธอเอ่ยอย่างประหลาดใจเพราะปกติโรมจะเป็นคนขึ้นไปเองทุกครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงวานให้เธอขึ้นไป“ใช่ วันนี้พี่ติดดูแลแขก Vip โต๊ะนั้น” เธอลองเหลือบมองดูก็รู้สึกคุ้นหน้าที่เคยเจอตอนที่อยู่ข้างล่าง ไหนบอกว่าคนที่เป็นสมาชิกถึงจะขึ้นมาได้ไง หรือคนกลุ่มนั้นจะรู้จักคนที่ชื่อฟาริส“อ้าวคุณนานานี่น่า” มีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเธอก่อนที่จะเดินไปเอาเครื่องดื่ม จึงมองหน้าโรมเพื่อขออนุญาตเข้าไปทักทาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวสวัสดีอย่างมีจริตและยิ้มแย้มให้“ผมไม่เห็นคุณข้างล่างที่แท้ขึ้นมาข้างบนนี่เอง” เสียงแพรวพราวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระหยิ่มใจ พร้อมกับเอ่ยคำหวานให้ “เหนื่อยไหมครับคุณนานานั่งด้วยกันสักครู่ไหม”“เออ...ไม่ดีกว่าค่ะ เพราะนานากำลังทำงานอยู่” อีตาบ้านี่เห็นกี่ครั้งก็ชอบหยอดคำหว
“คุณส่งฉันมาตายรึเปล่าเนี่ย คุณรู้ไหมไอ้มาเฟียโรคจิตนั้นมันฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาเลยรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่าคุณต้องการข้อมูลอะไรกันแน่”“หึ สาวน้อยใจเย็น ๆ มันไม่ฆ่าเธอหรอก เธอทำงานออกมาได้ด้วยดี ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็น่าประหลาดใจแล้วไม่ใช่เหรอ”“คุณเองก็บ้าไม่ต่างไปกับไอ้โรคจิตนั้นหรอก พี่สาวฉันล่ะ วันนี้ยังไงฉันก็ต้องได้คุย”“เฮ้อ ฉันให้คุยแล้วกลับไปทำงานให้มันได้เรื่องด้วยล่ะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนและเป่าหัวพี่สาวเธอ”“ไอ้เลว!!”“อยากให้พี่สาวเธอตายเร็ว ๆ ก็ปากเก่งอีกสิ แนนนี่ส่งเสียงให้น้องสาวเธอได้ยินหน่อยสิ”“นานา นานาน้องโอเคไหม” เสียงกระวนกระวายที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงส่งเสียงถาม“นานาโอเคค่ะพี่แนน แล้วพี่ล่ะมันได้ทำอะไรพี่ไหม”“ไม่ พี่โอเค ปล่อยนะ ขอให้ฉันคุยกับน้องอีกหน่อยเถอะ”“พี่แนน! พี่แนน! ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นานาจะช่วยพี่ออกมาเอง” เธอรีบบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวล เพราะรู้ดีว่าพี่สาวเธอจะคิดมากและคอยเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา“พี่น้องสมานฉันท์กันเหลือเกินนะ ฉันให้เวลาเธออีก 5 เดือน ถ้ายังไม่ได้ข้อมูลธุรกิจของมันทั้งหมด และแหล่งเก็บสินค้าของมันเธอเตรียมรับหัวพี่
“พี่โรม นานาต้องขึ้นไปชั้นสามอีกแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กเดินเข้ามาถามและทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ใช่ เรามีอะไรรึเปล่า” โรมแกล้งถามและลองสังเกตสีหน้าของหญิงสาวไปด้วย“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร นานาขอเอาเหล้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”“อืม แล้วคอยช่วยรินเหล้าให้บอสจนกว่าบอสจะสั่งให้ลงมานะ เพราะบอสไม่ชอบรินเหล้าเอง”“ค่ะพี่โรม”ขาเรียวเดินขึ้นมาชั้นสามด้วยอาการขาสั่นบอกตัวเองจะมากลัวไม่ได้เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบหาข้อมูลที่อีกฝั่งต้องการให้เร็วที่สุดที่จะหาได้ทางเดียวที่จะหาได้คงต้องเข้าหาบอสของที่นี่ซะแล้วมั้ง แต่จะเข้าหายังไงเพราะเขาน่ากลัวซะขนาดนั้นพอเธอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดจะเห็นใครตายเสียแล้วอีก“นานาขอรินเหล้าให้นะคะ” ฟาริสเงยหน้ามองใบหน้ารูปไข่ที่มีใบหน้าเล็กสมกับตัว ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่เอ่ยเสียงหวาน ๆ ออกมาจะทำยังไงกับเด็กน้อยตรงนี้ดี จับถลกหนังซะเลยดีไหม หรือจะเก็บเลี้ยงไว้ดูเล่นต่อไปสักระยะ เบื่อเมื่อไรค่อยจัดการ“เมธาของล็อตนี้สั่งจองเข้ามาเท่าไร” ฟาริสเอ่ยถามไม่นานร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวออกมาจากมุมมืด“ล็อตนี้สั่งมาเกือบเต็มโควตาแล้วครับ”“ส
“อีกแล้วเหรอพี่โรม แต่นานาติดลูกค้าอยู่นะคะ” หญิงสาวทำหน้าเสียเมื่อรู้ว่าต้องขึ้นไปข้างบนที่มีมาเฟียโรคจิตอยู่บนนั้น“ใช่บอสให้เราไปชงเหล้า ตรงนี้พี่เคลียร์เองรีบขึ้นไปเถอะบอสไม่ชอบรอนาน”เธอทำอะไรไม่ได้จึงต้องจำใจขึ้นไปอย่างจำยอม เปิดประตูเข้ามาเธอต้องเอามือปิดจมูกแทบไม่ทันเพราะกลิ่นคาวเลือดลอยมาเตะจมูกของเธอเข้าอย่างจังอย่าบอกนะว่าเขาฆ่าคนอีกแล้ว“ผมยอมแล้วครับ อย่าฆ่าผมเลย”“หึ คนที่สั่งมึงมาชื่ออะไร” เมธาคำรามถามเสียงลอดไรฟัน ที่ใบหน้าและมือมีแต่เลือดสาดกระเซ็นใส่“เข้ามาสิ” มาเฟียหนุ่มกวักมือเรียกเมื่อเห็นหญิงสาวยืนนิ่งไม่ยอมก้าวเข้ามา“คะ ค่ะบอส” เธอเอ่ยเสียงสั่นและเข้ามาชงเหล้าด้วยมืออันสั่นเทาร่างสูงเหยียดยิ้มและคว้าหญิงสาวเข้ามานั่งบนตัก ให้เธอเอาหลังพิงอกเขาเอาไว้ และใช้มือจับคางให้เธอมองไปที่ร่างของคนที่โดนซ้อมสภาพดูไม่ได้ เธอไม่รู้เลยว่าคนที่นอนอยู่นั้นยังมีลมหายใจอยู่ไหม จะมีแค่คนเดียวที่สภาพใบหน้าดูแทบไม่ได้ และโดนจับมัดกับเก้าอี้ที่กำลังโดนมาเฟียหนุ่มเค้นเอาความจริง“คุณโทมัสครับ คุณโทมัสสั่งพวกผมมา อย่าฆ่าผมเลยครับ”“จุ๊ ๆ ใจเย็น กูไม่ฆ่ามึงหรอก แต่บอกมาว่านายมึงอยู่
“คุณพี่การ์ดหนูจะเข้าไปทำงานค่ะมากันหนูเอาไว้ทำไม” นานาร้องโวยวายเมื่อเธอมาถึงที่ทำงานแต่เข้าไปไม่ได้เพราะการ์ดตรวจบัตรไม่ให้เข้าไป“รอก่อน” ชายร่างกำยำพูดสั้น ๆ และมองมาทางหญิงสาวด้วยใบหน้าที่ถมึงทึงน่ากลัวร่างเล็กได้แต่ยืนสั่นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักไปด้วยความหวาดกลัว เพราะกลัวฝั่งนี้จับได้ว่าเธอคือหนอนบ่อนไส้“ให้หนูรออะไรเดี๋ยวหนูไปทำงานสายแล้วโดนไล่ออกจะทำยังไงล่ะพี่” ถึงแม้จะกลัวแต่เธอยังทำใจดีสู้เสือถามออกไปอย่างไม่ยอมแพ้“ก็บอกให้รอก่อน น้องพูดไม่รู้เรื่องเหรอ” ครั้งนี้นานาเลือกที่จะเงียบและไม่ถามซอกแซกอีก เพราะสายตาของการ์ดมันน่ากลัวมาก“ตามมา” ไม่นานการ์ดอีกคนก็เดินมาหาเธอและเรียกให้เดินตามไปเขาจะพาฉันไปฆ่าหรือไงกันใจก็กลัวแต่ก็เลือกที่จะเดินตามออกไปเงียบ ๆ หลังร้าน ค่อยหาทางหนีเมื่อมีโอกาสดี ๆเธอเดินมาสักพักก็เห็นรถ BMW สีดำเงาวับขนาดอยู่ที่มืดยังรู้ว่ารถคันนี้สะอาดเอี่ยมขนาดไหน เขาคงไม่จับเธอไปฆ่าหรอกมั้ง เพราะรถมันดูดีเกินไปที่จะจับตัวเธอไปฆ่าหมกศพในรถ“ขึ้นไปบอสรอเธออยู่” เสียงแข็งกระด้างเอ่ยบอกและผลักร่างบางเข้าไป ผลักเพียงนิดเดียวคนตัวเล็ก ๆ อย่างเธอหน้าก็แทบคะมำ“เห
นานายืนงงอึ้งกับภาพตรงหน้าเพราะที่นี่มันคือโกดังสินค้าที่เธอต้องการจะรู้ แต่วันนี้โชคเข้าข้างรึไงกันเพราะมันโผล่มาให้เห็นตรงหน้า“เออ บะ บอสค่ะที่มันคือ” เธอลองหยั่งเชิงถามถึงแม้จะรู้อาชีพของเขาคืออะไรก็ตาม แต่เพราะไม่อยากตายไวเลยทำเป็นไม่รู้เรื่องเป็นเด็กใสซื่อดีที่สุด เพราะเขาบอกแล้วเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ดังนั้นเธอจะเป็นหญ้าอ่อนให้เขาเอง“ที่ทำงานฉันไง” เสียงเย็นตอบกลับและนำเดินเข้าไป“ที่ทำงานงานบอสไม่ใช่ที่ผับเหรอคะ”“เธอคิดว่าฉันจะมีแค่งานนั้นงานเดียวรึไง ทำอันนั้นแค่อันเดียวคิดว่าฉันจะรวยแบบนี้รึสาวน้อย” มาเฟียหนุ่มหันมาพูดและหัวเราะในลำคอ“บอสทำอาชีพอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าข้างในเป็นยาบ้า”“มั้ง หึ หึ”โรคจิต! มันเป็นเสียงหัวเราะที่โรคจิตมาก รู้สึกไม่ดีจนอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เหลือเกิน สัญชาตญาณมันบอกเธอว่าถ้าเขาเปิดประตูโกดังนั้นชีวิตของเธอคงไม่มีอีกแล้วครืด~~~~“บอสค่ะ!” เธอวิ่งเข้ามาและจับชายสูทของเขาเอาไว้ แต่มือแกร่งเลื่อนเปิดประตูโกดังสินค้าแล้วเรียบร้อยและในนั้นเห็นแล้วมันชวนให้น่าอ้วกเหลือเกิน เพราะสภาพคนที่นอนสะบักสะบอมอยู่เบื้องหน้ามันช่างน่ารันทด ครั้งนี้เธอ
ร่างแบบบางนั่งหายใจเหนื่อยหอบที่เธอนั่งหายใจแบบนี้เพราะกำลังควบคุมสติของตัวเอง สถานการณ์ก่อนหน้าที่มาเฟียหนุ่มได้จัดการพวกผู้ชายพวกนั้นเสร็จเขาก็เอ่ยปากไล่ให้เธอขึ้นมานอนในนี้เป็นห้องรับรองแขกที่ได้ยินคนอื่นพูดมาว่าที่นี้เป็นแค่บ้านพักที่เอาไว้ใช้เมื่อมาทำงานที่โกดังแห่งนี้เท่านั้น บ้านจริง ๆ ของเขาจะอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ที่ไหนตอนนี้เธอก็ไม่คิดที่อยากจะไปไหน ๆ วันนี้เธอก็มาที่โกดังตามที่ใจเธอเคยอยากมาแล้วกะจะรอเวลาให้ดึกมากกว่านี้เสียก่อน แล้วเธอจะเข้าไปสำรวจหาข้อมูลที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายและมาเฟียนั้นมีธุรกิจอะไรบ้างวันนี้เธอต้องรวบรวมเอามาทั้งหมดให้ได้ เพราะเธออยากไปให้พ้นจากสถานที่อันตรายแห่งนี้เต็มทน ยิ่งอยู่ห่างจากเขาได้เท่าไรชีวิตของเธอยิ่งปลอดภัยขึ้นเท่านั้นเวลาตีสองกว่า ๆ ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงและแอบย่องออกมาอย่างเงียบเฉียบที่สุด เธอมองซ้ายมองขวาเมื่อปลอดภัยจึงรีบเดินย่องออกมาท่ามกลางความเงียบเชียบที่สุดเธอเดินเข้ามาในโกดังท้ายสุดเพราะในนี้มีหลายโกดังมาก แต่โกดังนี้เธอเข้ามากลับไม่มีอะไรมีแต่ความว่างเปล่าเธอจึงรีบเดินออกมา ตอนแรกกะจะเอามือถือมาถ่ายรูปแต่เธอไม่รู
“หึ หึ I caught you สาวน้อย” เสียงหัวเราะในลำคอและสายตาที่ว่างเปล่าจดจ้องมาทางเธอเนื้อตัวของหญิงสาวเย็นเฉียบและแน่นิ่งไม่ฉับพลัน จบแล้วสินะชะตาชีวิตของเธอ เขาจะทรมานเธอรูปแบบไหนเธอไม่อาจรู้ ขอให้ตายไว ๆ ก็แล้วกันจะได้ทรมานน้อยลง“อยากได้ก็เอาไปสิ เอาไปให้นายของเธอ” มาเฟียหนุ่มยิ้ม และเอากระดาษยัดใส่มือของหญิงสาว และลูบที่ใบหน้าสวยก่อนจะพูดบางอย่างออกมาทำให้หญิงสาวแทบสิ้นสติ“ถ้าเธอคิดว่าจะมีลมหายใจออกไปได้อะนะ สาวน้อย”เท่านั้นแหละสาวน้อยตรงหน้าของเขาที่พยายามทำเป็นแข็งแกร่งมาตั้งแต่แรกปล่อยร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสารฟาริสนั่งมองและจุดบุหรี่สูบไปด้วยทุกครั้งที่เขาฆ่าคนและเธอเห็น แต่เด็กน้อยตรงหน้าก็ไม่ร้องไห้ให้เห็นน้ำตา แต่นี่กลับปล่อยร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กน้อยที่น่าสงสารคนหนึ่ง“ทำไมกลัวตายเหรอถึงร้องไห้” เขาถามและฉีกยิ้ม เพราะยิ่งเห็นน้ำตาของหญิงสาวเลือดลมเขายิ่งสูบฉีด“ไม่ หนูไม่กลัวตาย แต่หนูกลัวพี่สาวหนูตาย ฮื่อ”มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มเมื่อได้ยินหญิงสาวแทนตัวเองว่าหนูคงไม่อยากปิดบังแล้วสินะว่าตัวเองยังเป็นเพียงแค่เด็ก“ทำไมพี่สาวของเธอต้องตายด้วยล่ะ” เขาถามอย่างใจเย็น แต่หญิงสา
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ
สวบ!! ตับ ตับ!!“อ๊า เฮียแรงอีก”เสียงครางและเสียงร้องให้เขากระแทกใส่เธอแรง ๆ ดังผสมปนเปกัน เสียงหญิงสาวเหนื่อยหอบแต่เธอยังต้องการอีก เหมือนกับฝ่ายชายที่ยังตักตวงความสุขจากร่างบางยังไม่อิ่ม“จัดให้ทูนหัว ต่อให้หนูไม่ขอเฮียก็จัดให้อยู่แล้วคนดี”ตับ ตับ ตับ!!“อ๊า ดีมากเฮีย แรงอีก หนูชอบ” ร่างเล็กที่นั่งให้กระแทกจากข้างบนเอ่ยบอก และเข้ามาบดจูบอย่างเร่าร้อนตามอารมณ์ร่างหนากอดเอวคอดแน่นดันแก่นกายเข้าออกรัวแรงดัง ตับ ตับ จนแก้มก้นทั้งสองข้างร่างเล็กสั่นพั่บ พั่บ ตามแรง เขาชอบทุกการสัมผัสจากหญิงสาว เขาชอบเหลือเกิน มันนุ่มและอุ่นแถมตอดรัดถึงใจอีกต่างหาก“เบบี้ อ๊า จูบเฮียอีก” ฟาริสบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เข่าสองข้างตั้งชันและกระทุ้งแก่นกายเข้าออกถี่รั่วเมื่อเสียวไม่ไหวแล้วจึงลุกขึ้นและอุ้มหญิงสาวกระแทกกลางห้อง ร่างเล็กกอดรัดคอหนาแน่น เมื่อเธอโดนเขาโอบรัดและตอกแก่นกายเข้าออกถี่รัว เธอเสียวจนต้องร้องออกมาดังลั่น นาทีนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้ยิน เธอไม่สนอะไรแล้วขอเพียงแค่มีเธอและผู้ชายคนคนนี้ก็เพียงพอ“กรี๊ด! เฮีย หนูจะเสร็จแล้ว” เสียงแหบแห้งร้องบอกและอยู่รัดแน่นฟาริสรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัด
3 ปีต่อมาเสียงผู้คนพูดให้ขวักไขว่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้เป็นงานแต่งที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นวันของฉันตอนนี้ฉันกำลังนั่งใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อน และญาติ ๆ ของเฮียฟาริสฉันมองญาติแต่ละคนของเขาที่งานดีไม่แพ้กัน ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นมาเฟียเหมือนกัน คนที่ฉันเพิ่งมารู้จักเลยก็มีราฟาเอลกับโอลาฟเฮียฟาริสบอกว่าทั้งสองคนเป็นลูกของน้าสาวน้องสาวของพ่อ และสืบต่อธุรกิจจากตนอีกทางฝั่งหนึ่งจึงไม่ค่อยได้เห็นค่าหน้าค่าตาเท่าไร และวันนี้ขึ้นมาได้เพราะงานแต่งของฉันกับเฮีย“พวกมึงเดินมาเร็ว ๆ สิวะ พี่สะใภ้กูนั่งรอนานแล้วนะ”ชิเอลตะโกนเรียกให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้ามาถ่ายรูป ทุกคนต่างยืนห้อมล้อมเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่ด้านหลัง แต่ละคนใส่ชุดสูทสีดำส่วนเจ้าบ่าวใส่ชุดทักซิโด้สีครีมออกขาวที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวชุดเจ้าสาวของเธอเป็นแบบเกาะอกที่แหวกขาสูงช่วงหน้า ส่วนผมเธอปล่อยม้วนสยายลงมาอย่างสวยงาม เพราะด้วยชุดที่แหวกสูงเธอเลยนั่งไขว่ห้าง และมันไปถูกใจมาเฟียร้ายที่เลื่อนสถานะเป็นสามีของเธอเข้าอย่างจัง และเธองงที่เขาส่งไฟเช็กมาให้“เฮียส่งไฟเช็กมาให้ทำไม” เธอถามอย่างงง ๆ“เมื
“โอ๊ย! นานา แหวนเพชรเธอมันทิ่มตาฉัน” บีเอ่ยแกล้งเพราะแหวนเพชรเม็ดใหญ่มันวิบวับแยงตาเหลือเกิน“ทำใจหน่อยนะ เพื่อนมีคนจองแล้วก็เงี่ยแหละ”“จะบอกว่าเพื่อนสวยว่างั้นเถอะ” บีทำหน้าแหวะ นานาจึงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน“งานแต่งเธอ เธอต้องเอาการ์ดเชิญมาให้ฉันเป็นคนแรกนะนานา”“แน่นอน เพราะฉันต้องได้เงินใส่ซองจากเธอเป็นคนแรก”“ฉันจะใส่ให้หนัก ๆ เลย ยัยกะเปี๊ยกของฉัน” บีแกล้งหยิกแก้ม และสักพักต้องหน้ามุ่ยขึ้นมาเมื่อเจย์เดินเอาหนังสือเข้ามาตีที่หัว“ไอ้เจย์ หงุดหงิดโว้ย ไม่โดนด่าสักวันมันกินข้าวไม่อร่อยใช่ไหม หัวฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ มันหนักหัวแกรึไงฮะ”“ใช่หนักมากจะทำไม” เจย์ทำหน้าทะเล้นและทั้งคู่วิ่งไล่จับกันไปมา นานาหัวเราะและต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนมองอยู่และส่งยิ้มมาให้เธอแต่ไกล“เฮียฟาริสขา” เธอเรียกเสียงหวานและรีบวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึง และอ้อนเอาหน้าซบที่อกกว้าง“จุ๊บ สวยจัง” ฟาริสจับมือเรียวขึ้นมาจูบและเอ่ยชมแหวนเพชรเม็ดโตที่เขาซื้อให้เธอใส่เป็นการจองว่าเขาคือสามีเธอในอนาคตด้วยความปลาบปลื้มใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของมือเรียวงามคนนี้ มือเธอเหมาะกับเพ