เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
แกร๊ก!!“เธอนี่เองสินะหนอนบ่อนไส้” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดเฮือก!!“คะ คุณฟาริส”“วิ่งสิ ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าเธอ ก็รีบวิ่งออกไปซะ” เสียงเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยความสนุกเอ่ยบอก และกอดอกมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“แฮ่ก แฮ่ก!!” ขาเรียววิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ถึงแม้จะวิ่งให้สุดแรงยังไงยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมาจากข้างหลังอย่างใจเย็นไม่ห่างตึก ตึก!!“ฮ่า ฮ่า วิ่งเร็วๆ สิ วิ่งอีก” เสียงหัวเราะที่ได้ยินมันช่างน่ากลัวเสียดแทงไปยันข้างในใจจนขนแขนลุกไปด้วยความเสียวสันหลัง“แฮ่ก แฮ่ก ไม่นะ ไม่ จะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้” เสียงหายใจเหนื่อยหอบและพยายามวิ่งสุดแรงในท่ามกลางความมืด ตลอดทางที่วิ่งมาเธอชนอะไรไม่รู้ต่ออะไรมาตลอดทาง แต่ไม่คิดจะหยุดเพราะรู้อะไรมันน่ากลัวกว่าและสิ่งที่กำลังตามมานั่นมันน่ากลัวจนแทบอยากร้องไห้ให้สิ้นสติ“ฮ่า ฮ่า ซ่อนให้ดีล่ะ” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะและเสียงผิวปากมาตลอดทาง“แฮ่ก แฮ่ก ตรงนั้น” ขาเรียวเล็กรีบวิ่งไปตรงจุดมุมมืดที่แทบมองอะไรไม่เห็นถ้าไม่สังเกตให้ดี ๆ มันเป็นซอกเล็ก ๆ ที่ตัวเธอสามารถเข้าไป
“นายครับวันนี้จะสัมภาษณ์พนักงานเองเลยไหมครับ”ดวงตาสีนิลละจากเอกสารกองโตตรงหน้าหันมาดูลูกน้องคนสนิท เพราะวันนี้มีการสัมภาษณ์พนักงานใหม่ ที่เขาได้คัดคนเก่าออกเพราะทำงานไม่ได้เรื่องทิ้งไปเกือบทั้งชุด“เรื่องแค่นี้นายจัดการเองเถอะ” เสียงนิ่งเย็นชาบอกเพียงเท่านั้นและจัดการเอกสารกองโตตรงหน้าต่อ“ครับนาย ผมจะเข้มงวดและเลือกคนที่คุณสมบัติเพียบพร้อมที่สุดครับ”“อืม” เสียงนิ่งขานรับในลำคออย่างไม่ได้สนใจ เพราะเป็นแค่แผนกเล็ก ๆ ที่ต้องการพนักงานเสิร์ฟ 5 ตำแหน่งเพียงเท่านั้น“ผมขอตัวก่อนนะครับ”“และ...อย่าลืมคัดเอาคนที่หน้าตาดี ๆ เข้ามาด้วยล่ะ”“ครับผมจำได้ขึ้นใจเลย”เมธาลูกน้องคนสนิทพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เพราะรู้นิสัยเจ้านายดีว่าชอบอะไรแบบไหน และต้องการคนที่หน้าตาดูดีและทำงานได้เก่ง ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวแต่หน้าตาไม่ได้เพราะเขานั้นต้องเอาไว้ใช้เรียกแขก ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ที่เรียกว่า Red Rose จึงเป็นสวรรค์สำหรับพวกเหล่าคนดังที่มีอันจะกินจะเข้ามาปล่อยเนื้อปล่อยใจไปกับคลับแห่งนี้ทุกค่ำคืน“ฉันผ่านเข้าทำงานแล้ว” เสียงร้อนรนเอ่ยพูดในโทรศัพท์พร้อมกับเดินกระสับกระส่ายไปมา “ปล่อยพี่สาวฉันไปได้แ
“เด็กใหม่เหรอครับ” นานามองร่างสูงของลูกค้าคนหนึ่งที่นั่งยิ้มมาให้ตนอย่างไม่คิดปิดบังความต้องการ“ใช่ค่ะเป็นเด็กใหม่ค่ะ” เธอตอบรับอย่างมีมารยาทและส่งยิ้มให้“คนสวยชื่อนานาเหรอครับ”“ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างนอบน้อมเขาคงเห็นป้ายชื่อของเธอ เห็นแล้วยังจะถามไม่หยุด หน้าหล่อก็จริงแต่สันดานปลาไหลเลื้อยไม่หยุด“มึงหยุดสำส่อนสักทีสิวะ จะพากูเสียชื่อไปด้วย” หนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าอีกคนเอ่ยขึ้น ดูเหมือนคนนี้จะปกติที่สุดแล้วมั้ง นานาคิดในใจและรีบรินเหล้าให้เสร็จไว ๆ“ก็แหย่เล่นทำหน้าเบื่อโลกไปได้ เห็นเซ็งเลยชวนออกมา แต่ดูหน้าพี่เหมือนจะเซ็งมากกว่าเดิมอีกนะ”เธอดูการหยอกล่ออย่างสนิทสนมของพวกเขาสองคนคงเป็นพี่น้องกันสินะ“ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกนานาได้นะคะ” เธอยิ้มให้อย่างมีจริตและเดินไปที่โต๊ะอื่นต่อ“ร้านนี้มีแต่คนสวย ๆ โว้ย มันดีต่อใจจริง ๆ” ชิเอลพูดเสียงกระหยิ่มได้ใจ แต่หน้าต้องเกือบคว่ำเมื่อโดนฝ่ามือของเวกัสตบเข้ามาอย่างจัง“ทำเป็นเล่นไอ้หอกหัก แม่ดอกกุหลาบมึงมานู่นแล้ว” เวกัสบุ้ยหน้าให้ดูเมื่อเห็นหญิงสาวร่างสวยหุ่นเซ็กซี่เดินเข้ามา“โห~แม่นางโฉมยงคืนนี้คงต้องโดนจัดแล้วล่ะ” ชิเอลพูดพร้อมกับแสย
“ฉันก็บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้วไง คุณจะมาเอาอะไรอีก” เสียงที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธเอ่ยใส่ปลายสายทางโทรศัพท์ เธอบอกข้อมูลที่ฝั่งนั่นต้องการทั้งหมดแล้ว แล้วจะมาเอาอะไรกับเธออีก“เธอมีสิทธิ์มาถามด้วยเหรอ” เสียงปลายสายส่งเสียงเยือกเย็นออกมา ร่างเล็กได้แต่สะดุ้งด้วยความตกใจ“ชื่อของคุณฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร พี่ฉันอยู่ที่นั่นก็ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยไหม นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วขอให้ฉันได้คุยกับพี่หน่อยเถอะ”“ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไรฉันจะให้เธอได้เจอกับพี่สาวของเธอเอง”“แล้วต้องการข้อมูลอะไรอีก วันนี้ฉันก็บอกแล้วว่าได้ยินว่าเขาคนนั้นไปสืบทอดอะไรไม่รู้ วันนี้เขาไม่เข้ามา”“หาทางเข้าห้องทำงานของมันให้ได้”“ที่นี่มันเป็นแค่ผับ มันจะไปมีอะไร”“เธอคิดว่ามันทำงานแค่ในผับที่แห่งนั้นเหรอนานา ถ้าไม่อยากให้พี่สาวเธอตายรีบหาข้อมูลมาซะ จะกี่เดือนกี่ปีฉันก็ไม่สนแค่เอามาให้ฉันให้ได้มากที่สุด แล้ววันนั้นพี่สาวของเธอจะเป็นอิสระ”ปลายสายพูดเสร็จและก็ตัดสายทิ้งไป เธออยากจะถามคำถามตั้งมากมายแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะอีกฝั่งปิดทางเธอทั้งหมดร่างเล็กนอนบนเตียงและเอามือเกยหน้าผากไปด้วยความคิดไม่ตก เพราะนี่ผ่านมาหลายเด
“อะไรกันเนี่ยไหนบอกว่าเขาจะขึ้นมาที่นี่บ่อยๆ ไง” หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสีย เพราะนี่ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วเธอยังไม่เห็นคนที่ชื่อฟาริส บอสใหญ่ขึ้นมาที่นี่เลยสักครั้ง อยู่ข้างล่างเธอยังได้เห็น แต่ที่นี่ไม่เห็นมาเลยสักครั้งเดียว“นานาเราว่างไหม?”“ว่างค่ะพี่โรม”“พี่วานเอาเหล้ากับน้ำแข็งขึ้นไปให้บอสชั้นสามหน่อยได้ไหม”“ชั้นสามเหรอคะ” เธอเอ่ยอย่างประหลาดใจเพราะปกติโรมจะเป็นคนขึ้นไปเองทุกครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงวานให้เธอขึ้นไป“ใช่ วันนี้พี่ติดดูแลแขก Vip โต๊ะนั้น” เธอลองเหลือบมองดูก็รู้สึกคุ้นหน้าที่เคยเจอตอนที่อยู่ข้างล่าง ไหนบอกว่าคนที่เป็นสมาชิกถึงจะขึ้นมาได้ไง หรือคนกลุ่มนั้นจะรู้จักคนที่ชื่อฟาริส“อ้าวคุณนานานี่น่า” มีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเธอก่อนที่จะเดินไปเอาเครื่องดื่ม จึงมองหน้าโรมเพื่อขออนุญาตเข้าไปทักทาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวสวัสดีอย่างมีจริตและยิ้มแย้มให้“ผมไม่เห็นคุณข้างล่างที่แท้ขึ้นมาข้างบนนี่เอง” เสียงแพรวพราวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระหยิ่มใจ พร้อมกับเอ่ยคำหวานให้ “เหนื่อยไหมครับคุณนานานั่งด้วยกันสักครู่ไหม”“เออ...ไม่ดีกว่าค่ะ เพราะนานากำลังทำงานอยู่” อีตาบ้านี่เห็นกี่ครั้งก็ชอบหยอดคำหว
“คุณส่งฉันมาตายรึเปล่าเนี่ย คุณรู้ไหมไอ้มาเฟียโรคจิตนั้นมันฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาเลยรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่าคุณต้องการข้อมูลอะไรกันแน่”“หึ สาวน้อยใจเย็น ๆ มันไม่ฆ่าเธอหรอก เธอทำงานออกมาได้ด้วยดี ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็น่าประหลาดใจแล้วไม่ใช่เหรอ”“คุณเองก็บ้าไม่ต่างไปกับไอ้โรคจิตนั้นหรอก พี่สาวฉันล่ะ วันนี้ยังไงฉันก็ต้องได้คุย”“เฮ้อ ฉันให้คุยแล้วกลับไปทำงานให้มันได้เรื่องด้วยล่ะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนและเป่าหัวพี่สาวเธอ”“ไอ้เลว!!”“อยากให้พี่สาวเธอตายเร็ว ๆ ก็ปากเก่งอีกสิ แนนนี่ส่งเสียงให้น้องสาวเธอได้ยินหน่อยสิ”“นานา นานาน้องโอเคไหม” เสียงกระวนกระวายที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงส่งเสียงถาม“นานาโอเคค่ะพี่แนน แล้วพี่ล่ะมันได้ทำอะไรพี่ไหม”“ไม่ พี่โอเค ปล่อยนะ ขอให้ฉันคุยกับน้องอีกหน่อยเถอะ”“พี่แนน! พี่แนน! ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นานาจะช่วยพี่ออกมาเอง” เธอรีบบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวล เพราะรู้ดีว่าพี่สาวเธอจะคิดมากและคอยเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา“พี่น้องสมานฉันท์กันเหลือเกินนะ ฉันให้เวลาเธออีก 5 เดือน ถ้ายังไม่ได้ข้อมูลธุรกิจของมันทั้งหมด และแหล่งเก็บสินค้าของมันเธอเตรียมรับหัวพี่
“พี่โรม นานาต้องขึ้นไปชั้นสามอีกแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กเดินเข้ามาถามและทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ใช่ เรามีอะไรรึเปล่า” โรมแกล้งถามและลองสังเกตสีหน้าของหญิงสาวไปด้วย“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร นานาขอเอาเหล้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”“อืม แล้วคอยช่วยรินเหล้าให้บอสจนกว่าบอสจะสั่งให้ลงมานะ เพราะบอสไม่ชอบรินเหล้าเอง”“ค่ะพี่โรม”ขาเรียวเดินขึ้นมาชั้นสามด้วยอาการขาสั่นบอกตัวเองจะมากลัวไม่ได้เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบหาข้อมูลที่อีกฝั่งต้องการให้เร็วที่สุดที่จะหาได้ทางเดียวที่จะหาได้คงต้องเข้าหาบอสของที่นี่ซะแล้วมั้ง แต่จะเข้าหายังไงเพราะเขาน่ากลัวซะขนาดนั้นพอเธอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดจะเห็นใครตายเสียแล้วอีก“นานาขอรินเหล้าให้นะคะ” ฟาริสเงยหน้ามองใบหน้ารูปไข่ที่มีใบหน้าเล็กสมกับตัว ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่เอ่ยเสียงหวาน ๆ ออกมาจะทำยังไงกับเด็กน้อยตรงนี้ดี จับถลกหนังซะเลยดีไหม หรือจะเก็บเลี้ยงไว้ดูเล่นต่อไปสักระยะ เบื่อเมื่อไรค่อยจัดการ“เมธาของล็อตนี้สั่งจองเข้ามาเท่าไร” ฟาริสเอ่ยถามไม่นานร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวออกมาจากมุมมืด“ล็อตนี้สั่งมาเกือบเต็มโควตาแล้วครับ”“ส
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ
สวบ!! ตับ ตับ!!“อ๊า เฮียแรงอีก”เสียงครางและเสียงร้องให้เขากระแทกใส่เธอแรง ๆ ดังผสมปนเปกัน เสียงหญิงสาวเหนื่อยหอบแต่เธอยังต้องการอีก เหมือนกับฝ่ายชายที่ยังตักตวงความสุขจากร่างบางยังไม่อิ่ม“จัดให้ทูนหัว ต่อให้หนูไม่ขอเฮียก็จัดให้อยู่แล้วคนดี”ตับ ตับ ตับ!!“อ๊า ดีมากเฮีย แรงอีก หนูชอบ” ร่างเล็กที่นั่งให้กระแทกจากข้างบนเอ่ยบอก และเข้ามาบดจูบอย่างเร่าร้อนตามอารมณ์ร่างหนากอดเอวคอดแน่นดันแก่นกายเข้าออกรัวแรงดัง ตับ ตับ จนแก้มก้นทั้งสองข้างร่างเล็กสั่นพั่บ พั่บ ตามแรง เขาชอบทุกการสัมผัสจากหญิงสาว เขาชอบเหลือเกิน มันนุ่มและอุ่นแถมตอดรัดถึงใจอีกต่างหาก“เบบี้ อ๊า จูบเฮียอีก” ฟาริสบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เข่าสองข้างตั้งชันและกระทุ้งแก่นกายเข้าออกถี่รั่วเมื่อเสียวไม่ไหวแล้วจึงลุกขึ้นและอุ้มหญิงสาวกระแทกกลางห้อง ร่างเล็กกอดรัดคอหนาแน่น เมื่อเธอโดนเขาโอบรัดและตอกแก่นกายเข้าออกถี่รัว เธอเสียวจนต้องร้องออกมาดังลั่น นาทีนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้ยิน เธอไม่สนอะไรแล้วขอเพียงแค่มีเธอและผู้ชายคนคนนี้ก็เพียงพอ“กรี๊ด! เฮีย หนูจะเสร็จแล้ว” เสียงแหบแห้งร้องบอกและอยู่รัดแน่นฟาริสรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัด
3 ปีต่อมาเสียงผู้คนพูดให้ขวักไขว่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้เป็นงานแต่งที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นวันของฉันตอนนี้ฉันกำลังนั่งใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อน และญาติ ๆ ของเฮียฟาริสฉันมองญาติแต่ละคนของเขาที่งานดีไม่แพ้กัน ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นมาเฟียเหมือนกัน คนที่ฉันเพิ่งมารู้จักเลยก็มีราฟาเอลกับโอลาฟเฮียฟาริสบอกว่าทั้งสองคนเป็นลูกของน้าสาวน้องสาวของพ่อ และสืบต่อธุรกิจจากตนอีกทางฝั่งหนึ่งจึงไม่ค่อยได้เห็นค่าหน้าค่าตาเท่าไร และวันนี้ขึ้นมาได้เพราะงานแต่งของฉันกับเฮีย“พวกมึงเดินมาเร็ว ๆ สิวะ พี่สะใภ้กูนั่งรอนานแล้วนะ”ชิเอลตะโกนเรียกให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้ามาถ่ายรูป ทุกคนต่างยืนห้อมล้อมเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่ด้านหลัง แต่ละคนใส่ชุดสูทสีดำส่วนเจ้าบ่าวใส่ชุดทักซิโด้สีครีมออกขาวที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวชุดเจ้าสาวของเธอเป็นแบบเกาะอกที่แหวกขาสูงช่วงหน้า ส่วนผมเธอปล่อยม้วนสยายลงมาอย่างสวยงาม เพราะด้วยชุดที่แหวกสูงเธอเลยนั่งไขว่ห้าง และมันไปถูกใจมาเฟียร้ายที่เลื่อนสถานะเป็นสามีของเธอเข้าอย่างจัง และเธองงที่เขาส่งไฟเช็กมาให้“เฮียส่งไฟเช็กมาให้ทำไม” เธอถามอย่างงง ๆ“เมื
“โอ๊ย! นานา แหวนเพชรเธอมันทิ่มตาฉัน” บีเอ่ยแกล้งเพราะแหวนเพชรเม็ดใหญ่มันวิบวับแยงตาเหลือเกิน“ทำใจหน่อยนะ เพื่อนมีคนจองแล้วก็เงี่ยแหละ”“จะบอกว่าเพื่อนสวยว่างั้นเถอะ” บีทำหน้าแหวะ นานาจึงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน“งานแต่งเธอ เธอต้องเอาการ์ดเชิญมาให้ฉันเป็นคนแรกนะนานา”“แน่นอน เพราะฉันต้องได้เงินใส่ซองจากเธอเป็นคนแรก”“ฉันจะใส่ให้หนัก ๆ เลย ยัยกะเปี๊ยกของฉัน” บีแกล้งหยิกแก้ม และสักพักต้องหน้ามุ่ยขึ้นมาเมื่อเจย์เดินเอาหนังสือเข้ามาตีที่หัว“ไอ้เจย์ หงุดหงิดโว้ย ไม่โดนด่าสักวันมันกินข้าวไม่อร่อยใช่ไหม หัวฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ มันหนักหัวแกรึไงฮะ”“ใช่หนักมากจะทำไม” เจย์ทำหน้าทะเล้นและทั้งคู่วิ่งไล่จับกันไปมา นานาหัวเราะและต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนมองอยู่และส่งยิ้มมาให้เธอแต่ไกล“เฮียฟาริสขา” เธอเรียกเสียงหวานและรีบวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึง และอ้อนเอาหน้าซบที่อกกว้าง“จุ๊บ สวยจัง” ฟาริสจับมือเรียวขึ้นมาจูบและเอ่ยชมแหวนเพชรเม็ดโตที่เขาซื้อให้เธอใส่เป็นการจองว่าเขาคือสามีเธอในอนาคตด้วยความปลาบปลื้มใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของมือเรียวงามคนนี้ มือเธอเหมาะกับเพ