แชร์

บทที่4 ไม่ให้ไก่

ผู้เขียน: Ainthira06
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-09 12:41:57

กัวเหม่ยอิงอ้าปากหาวระหว่างเช็ดผมหลังจากชำระร่างกายเสร็จ เมื่อเช้าเธอตื่นเช้าเกินไป ตอนนี้ก็เลยง่วงขึ้นมา แต่งตัวเสร็จก็ดูลูกสาวครู่หนึ่งจากนั้นจึงเดินออกไปหาสะใภ้รองที่ล้างเห็ดรอ

“เหลืออีกเยอะไหม” กัวเหม่ยอิงถามน้องสะใภ้

“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ แต่หน่อไม้ฉันยังไม่ได้ทำ” สะใภ้รองตอบพลางชี้ไปที่หน่อไม้ในตะกร้า

“ปลาล่ะ”

“ฉันแช่น้ำแล้วค่ะ” สะใภ้รองตอบพร้อมกับชี้ไปที่ถังข้างโอ่ง

กัวเหม่ยอิงเลิกคิ้ว เธอไม่ได้ใส่น้ำให้ปลาตั้งแต่แรกแต่ทำไมปลาถึงยังมีชีวิตอยู่? หากจำไม่ผิดปลาพวกนี้ขาดน้ำได้ไม่นานนี่ ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็เดินไปดูปลาในถัง ข้าง ๆ ถังยังมีทั้งกุ้งแล้วก็ปูแยกอีก

“เสียดายที่ไม่มีปลาไหล” กัวเหม่ยอิงบ่น เธอจำได้ว่าในนิยายหลายเรื่องจะนำปลาไหลไปตุ๋นบำรุงร่างกาย แต่ยังดีที่ได้ปลาหนีชิวมาอยู่บ้าง

“คะ” สะใภ้รองหันมามอง

“ไม่มีอะไร” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวแล้วลุกไปดูไก่ฟ้าที่วางไว้ข้างเตาถ่านที่จุดไฟรอ

กัวเหม่ยอิงต้มน้ำให้เดือด พร้อมกับนำชามมาเตรียมไว้รอการถอนขนไก่ ยังดีที่ไก่พวกนี้มันตายแล้วไม่งั้นเธอคงจะไม่กล้าทำมัน ถึงแม้จะไม่เคยทำแต่ถ้าไม่ทำก็คงจะไม่มีอะไรกิน

“พี่เข้าไปหาคุณแม่หน่อยนะคะ คุณแม่มองหาพี่ตลอดเลย” สะใภ้รองบอก

“อือ” เพราะเธอไม่รู้จะทำตัวยังไงก็เลยไม่ได้เข้าไปดูแม่สามี แต่ก่อนนั้นกัวเหม่ยอิงจะเข้าไปคุยกับแม่สามีทุกวัน แม้จะคุยไม่กี่คำแต่ก็เข้าไปบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนป่วยได้ฟัง พอถิงถิงเข้ามาอยู่ในร่างเธอก็ไปให้เห็นหน้าแค่ครั้งเดียว

“ไก่พวกนี้คงจะเป็นพี่ใหญ่กัวให้มาสินะคะ” เพราะถ้าเป็นคนอื่นพวกเธอก็คงจะไม่ได้มัน

“ใช่”

บทสนทนาระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ดังขึ้นต่อเนื่องระหว่างล้างคราบดิน แล้วก็ทำความสะอาดของต่าง ๆ ที่ได้มาวันนี้ กัวเหม่ยอิงแล่เนื้อไก่สองตัวให้เหลือแต่กระดูก เนื้อไก่เธอนำไปหมักเค็มจะเอาไปตากแดดให้เนื้อแห้งจะได้เก็บไว้ได้

ส่วนกระดูกเธอนำมารวมกับไก่ที่เหลือ สับให้เป็นชิ้นแล้วนำไปตุ๋นรวมกับเกากี๋ในน้ำเดือด ตอนเย็นจะได้กินแกงไก่หอม ๆ บำรุงร่างกาย

พวกปลา กุ้งแล้วก็ปูที่ได้มากัวเหม่ยอิงขังไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยนำปลาตัวเล็กมาแล่ตากแดดเอาไว้ ส่วนปลาก็ค่อยตุ๋นรวมกันเป็นอาหารพรุ่งนี้ ส่วนผักหวานสะใภ้รองบอกแม่สามีชอบกินมาก เธอจึงจะผัดน้ำมันเย็นนี้ แล้วก็เอาไปต้มใส่เห็ดด้วยส่วนหนึ่ง มันเป็นเมนูที่เธอชอบมาก

กลิ่นไก่ตุ๋นเกากี๋หอมไปทั่วบริเวณบ้าน นาน ๆ ทีจะมีบ้านไหนทำกับข้าวที่มีเนื้อ จึงไม่แปลกที่จะมีคนมาเกาะรั้วดู และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนจากบ้านใหญ่สกุลหานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่

‘บ้านไหนทำอาหารจานเนื้อกันนะ!’ หญิงกลางวัยคน คนหนึ่งโพล่งถาม

‘โอ้ ป้าสะใภ้รองหาน ท่านไม่รู้หรือว่าบ้านสามของพวกท่านได้ไก่มา” คนที่เห็นพี่ใหญ่กัวยื่นไก่ให้กัวเหม่ยอิงพูดขึ้นด้วยความอิจฉา

ตาแก่ที่บ้านกับลูกชายของนางต่างไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ ทำให้พวกนางได้กินเนื้อแค่ตอนที่แจกจ่ายเท่านั้น

‘เนื้อ? ได้ยังไงกัน พวกนางไปซื้อมาหรือ!” เสียงแหลมสูงดังขึ้นด้วยความร้อนใจ

‘ฉันเห็นพี่ใหญ่กัวเอามาให้สะใภ้ใหญ่บ้านสาม ไม่เชื่อก็ถามบ้านจ้าวดู’ นางชี้ไปที่คนสกุลจ้าวที่อยู่บ้านข้าง ๆ ของบ้านสามสกุลหาน ถึงระยะจะบ้านจะห่างกันแต่ก็มองเห็นการกระทำอื่น ๆ

‘อกตัญญู อกตัญญู!’

เสียงข้างนอกยังดังต่อเนื่องแต่กัวเหมยอิงไม่ได้สนใจ แล้วก็ห้ามสะใภ้รองออกไปดูข้างนอก ถึงบ้านจะไม่มั่นคงจริง แต่เธอก็เชื่อว่าบ้านใหญ่ไม่กล้าพังเข้ามา ยังดีที่หลังบ้านนั้นมีรั้วสูงกั้นเกือบสองเมตรอีกรอบ คนข้างนอกก็เลยมองไม่เห็น

“ฉันว่าป้าสะใภ้รองต้องพาคนมาแน่ ๆ เลยค่ะ!” สะใภ้รองเอ่ยด้วยความร้อนใจ บ้านของพวกเธอมีเพียงคนป่วย เด็กและสตรีอ่อนแอสองคน จะสู้คนบ้านหานได้ยังไง

“ยังไงนางก็ไม่กล้าพังบ้านหรอก” กัวเหม่ยอิงส่ายหัว หากบ้านสามของพวกเธอถูกพังบ้านขึ้นมาจริง ๆ คนที่จะต้องเดือดร้อนก็คือบ้านใหญ่สกุลหานไม่ใช่บ้านพวกเธอ

กัวเหม่ยอิงจัดการทำความสะอาดในห้องครัว อะไรที่ควรเก็บและสามารถซ่อนได้เธอก็หาที่ซ่อน และเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่าบ้านหลังนี้มีที่ซ่อนของเต็มบ้าน! แม้แต่พื้นในห้องครัวก็สามารถซ่อนได้ ที่ไม่ได้ซ่อนก็คงจะเป็นไก่ตุ๋นเกากี๋ที่กำลังตุ๋นอยู่

พอจัดการเสร็จเธอจึงให้สะใภ้รองเข้าไปดูแม่สามีส่วนตัวเองเข้าห้องไปดูลูกสาวที่กำลังร้องไห้งอแง ไม่รู้ว่าไม่สบายตัวหรือสัมผัสไม่ได้ว่าไม่มีคนอยู่ใกล้

“โอ๋ ๆ เสี่ยวลู่น้อยตื่นแล้วหรอจ๊ะ” กัวเหม่ยอิงอุ้มลูกสาวขึ้นมาปลอบ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่อุ้มหล่อนก็เงียบเสียงลงอย่างน่าประหลาดใจ

“แอ้!”

“ช่างเลี้ยงง่ายจริง ๆ” กัวเหม่ยอิงหัวเราะ เสียดายที่นี่ไม่มีของเล่นหรือขวดนมให้ลูกสาวได้ดูดเล่นเธอจึงต้องเล่นกับลูกสาวเอง ถึงเธอจะเป็นแม่ของหล่อนแต่เธอก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กแบบนี้มาก่อน แต่ยังดีที่มีความทรงจำจากกัวเหม่ยอิงอยู่ และก็รู้ว่าหล่อนรักลูกสาวมาก

‘สะใภ้ใหญ่! สะใภ้รอง!’

เสียงตะโกนจากด้านนอกทำเอาหานเมิ่งลู่หรือเสี่ยวลู่น้อยของเธอสะดุ้ง กัวเหม่ยอิงรีบคว้าเอาร่างลูกสาวที่กำลังจะอ้าปากร้องขึ้นมาปลอบ

“โอ๋ ๆ หนูตกใจหรอจ๊ะ ไม่ต้องตกใจจ้ะ แค่เสียงนกเสียงกา” กัวเหม่ยอิงหันไปยังทิศทางของเสียงอย่างไม่พอใจ ลูกของเธอกำลังอารมณ์ดีแท้ ๆ

“เธอพาเสี่ยวลู่เข้าไปหาคุณแม่ก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

กัวเหม่ยอิงอุ้มลูกสาวตัวน้อยออกจากห้องก่อนจะส่งให้สะใภ้รองที่ออกมาจากห้องของแม่สามีเช่นกัน สะใภ้รองที่ไม่กล้าปฎิเสธพี่สะใภ้ก็ทำได้เพียงอุ้มหลานเข้าห้องไป ส่วนตัวกัวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้ออกไปเปิดประตูให้คนข้างนอก แต่เธอเข้าไปดูตุ๋นไก่ที่กำลังเคี่ยวได้ที่

‘มาเปิดประตูสิ!’

ตุ้บ! ตุ้บ!

‘เคาะแรง ๆ!’

‘เคาะจนกว่าพวกมันจะเปิด!’

‘บ้านใหญ่สกุลหานทำเกินไปแล้ว’

‘อย่ามายุ่ง! เจ้าเคาะแรง ๆ สิ!’

กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับเสียงข้างนอก และเนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านดิน พอมีคนเคาะบ้านแรง ๆ เศษดินแห้งที่ผุพังก็เริ่มหล่นลงมา กัวเหม่ยอิงถอนหายใจ เธอไม่มีทางเลือกเลยในเวลานี้

“ป้าสะใภ้ใหญ่มีอะไรหรือเปล่าคะ ตอนนี้เสี่ยวลู่กับคุณแม่กำลังพักผ่อน กรุณาอย่าส่งเสียงดังค่ะ” ถึงอยากจะตะโกนกลับว่าอย่าเสียมารยาทแต่เธอก็ทำไม่ได้

‘เปิดประตูสิ!’

“ฉันไม่ว่างค่ะ” กัวเหม่ยอิงยืนอยู่หลังประตูไม้ที่เหลืออีกนิดเดียวก็จะหัก

‘เธอทำอะไร? ได้ไก่มาไม่คิดจะเอาไปให้พวกฉันหรือยังไง!’

เมื่อกลางวันตอนนางถึงบ้านก็ถูกแม่สามีด่าที่ไม่สามารถหาผักหวานให้ได้ และยิ่งถูกด่าเพิ่มไปอีกที่เอาผักจากหลานสะใภ้ไม่ได้ และไม่นานมานี้น้องสะใภ้ของนางก็ไปบอกว่าบ้านสามได้ไก่จากบ้านกัวนางจึงยอมไม่ได้!

โดยปกติหากบ้านสามได้เนื้อสัตว์มาพวกนางแค่เปิดประตูเข้าไปเอาของก็ไม่มีใครกล้าว่า ยิ่งคนให้อย่างบ้านกัวก็ไม่มีใครกล้าปริปากไม่อย่างนั้นลูกสาวคนเล็กก็จะถูกสั่งสอน พวกนางจึงได้ใจ แต่วันนี้พวกมันกลับลงกลอนประตูเอาไว้อย่างรู้ทัน

“ไก่พวกนี้พี่ใหญ่ของฉันเป็นคนให้มา คงจะเอาให้บ้านใหญ่ไม่ได้หรอกค่ะ” กัวเหม่ยอิงตอบอย่างใจเย็นทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะด่ากลับไปแล้ว วันนี้เข้าป่าเหนื่อย ๆ ควรจะได้พักแต่กลับมีเรื่องวุ่นวายทั้งวัน

‘ใช่ ๆ ไก่พวกนี้พี่ใหญ่กัวเอาให้สะใภ้ใหญ่บ้านสาม’

‘บ้านใหญ่หานก็จริง ๆ’

‘ฉันเห็นพวกนางเอาของบ้านสามไปตลอด!’

‘ดีจริง ๆ ที่ครั้งนี้สะใภ้ใหญ่ไม่เอาให้’

‘หุบปาก!’

กัวเหม่ยอิงยกยิ้มมุมปาก ถึงบ้านใหญ่สกุลหานจะมีพวกเยอะแต่พวกเขาก็ไม่กล้าผลีผลามขนาดนั้น กฎตอนแยกบ้านยังมี ไหนจะคนในหมู่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านอีก อีกอย่างถึงคนสกุลหานจะเป็นแบบนี้แต่พวกเขายังหน้าบางยิ่ง

“ฉันทำน้ำแกงให้คุณแม่ไปหมดแล้วล่ะค่ะ หากป้าสะใภ้อยากได้ก็ลองไปขอซื้อจากพี่ชายฉันดู” กัวเหม่ยอิงว่าเสียงเรียบแล้วเดินหนีจากหน้าประตู

‘จะไปไหน!’

‘ออกมาให้ฉันคุยด้วยสิ!’

‘ไม่ได้ยินหรือยังไง’

‘บ้านสามช่างน่าสงสารจริง ๆ ”

‘บ้านใหญ่หานก็จริง ๆ คนป่วยกับเด็กก็พักอยู่ยังมากวนได้’

‘ใช่ ๆ’

‘กลับสิ! จะยืนอยู่ทำไม!’

เห็นทีบ้านหลังนี้คงจะอยู่ยากแล้ว ความปลอดภัยก็ไม่มีอะไรเลย ยิ่งไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยแล้วยิ่งยากไปใหญ่

“หล่อนหลับหรือ” กัวเหม่ยอิงเดินเข้าห้องแม่สามีแล้วเห็นเสี่ยวลู่นอนอยู่ข้าง ๆ

“ใช่ค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้า

“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” กัวเหม่ยอิงนั่งลงบนตั่งข้างเตียงเตาที่แม่สามีนอนอยู่

แม่สามีของเธอล้มป่วยไม่มีเรี่ยวแรงหลังจากพ่อสามีเสียไปแต่ก็ไม่ถึงกลับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ร่างกายส่วนบนยังขยับได้และก็มีอาการอ่อนแรงเท่านั้น

แม่สามีส่ายหัว“เธอไม่น่าไปมีปากมีเสียงกลับพวกเขา” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะรับเอาน้ำอุ่นที่กัวเหม่ยอิงยื่นให้ขึ้นจิบ

ที่พวกนางยังอยู่กันได้แบบนี้ก็เพราะบ้านใหญ่คิดว่าคุมพวกนางได้จึงไม่ลงมือทำอะไร แต่หากมีเรื่องกันแล้วพวกนางก็คงต้องระวังตัว

“ช่างเถอะค่ะ ของพวกนี้พี่ใหญ่ของฉันเอาให้ หากให้พวกเขาไปอีกเดี๋ยวรอบหลังเราจะไม่ได้” ใช่แล้ว ช่วงหลัง ๆ มานี้พวกนางจะได้เนื้อสัตว์เดือนละครั้ง และส่วนมากบ้านกัวจะปรุงแล้วจึงเอามาให้ ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงจะไม่ได้กิน

“ฉันน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่พวกเธอยังต้องอยู่อีกหลายปี” แม่หานถอนหายใจให้ลูกสะใภ้

ไม่รู้ว่าทำไมบ้านของพวกนางจึงมีแต่ปัญหา สามีของนางก็พลีชีพในการปฏิบัติหน้าที่ ยามนี้ลูกชายคนโตของนางก็พลีชีพไปอีกคนปล่อยให้เมียมาดูแลนางพร้อมกับลูกสาวที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน ไหนจะลูกสะใภ้คนรองที่ไม่ว่าใครจะบอกอะไรก็เชื่อฟังไปหมด หากเป็นคนอื่นยามนี้หล่อนคงจะกลับบ้านเดิมไปหาแต่งงานใหม่แล้ว ส่วนลูกชายคนเล็กก็ยังเรียนไม่จบ

นางแก่แล้วอีกไม่นานก็คงตายไป แต่ลูกสะใภ้ยังต้องอยู่ที่นี่ให้บ้านใหญ่กดขี่ นางไม่รู้ว่าต้องทำไงสะใภ้จึงจะหลุดพ้น หลานสาวก็ยังเล็ก

“พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ อย่างน้อยก็คงจะมาบีบให้เราส่งอาหารไปให้เหมือนเดิม” เพราะเวลานี้น้องรองของสามียังได้รับเงินเดือนจากกองทัพอยู่ ทางบ้านใหญ่สกุลหานจึงเข้ามาเอาส่วนแบ่งนี้ได้ แม้จะแยกบ้านกันแต่ยังไงพวกเธอก็ต้องส่งเงินไปให้พวกเขาทุกเดือน

“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น” แม่หานถอนหายใจอีกครั้ง

“แม่จะเอาอะไรไหมคะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าอำเภอ” กัวเหม่ยอิงที่คิดไว้แล้วเอ่ยถาม

“เธอจะเข้าอำเภอ?”

“ค่ะ ฉันจะไปซื้อนมผงมาให้เสี่ยวลู่น้อย จะให้หล่อนกินน้ำข้าวไปตลอดคงจะไม่โต อีกอย่างเราก็มีของกินไม่กี่อย่าง” กัวเหม่ยอิงอธิบาย  

“ต้องใช้เงินมากขนาดไหน?” แม่สามีถามพลางหันไปเลื่อนกำแพงข้างเตียงเตา

“คะ?”

“ฉันมีเงินไม่มาก แต่ก็พอจะใช้ซื้อของได้” แม่หานยื่นเงินในถุงมาให้ลูกสะใภ้คนโตที่กำลังตะลึงอยู่

บ้านใหญ่สกุลหานเอาไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมแม่สามีของเธอจึงมีเงินพวกนี้ได้กัน ในความทรงจำหลังจากแม่สามีล้มป่วยนางก็เอาเงินของบ้านทั้งหมดที่มีอยู่ร้อยกว่าหยวนให้เธอดูแล และให้นำไปใช้จ่าย อีกอย่างสะใภ้รองก็ไม่มีท่าทีตกใจเหมือนจะรู้เรื่องนี้แล้ว

“เงินเก็บพวกนี้เป็นเงินที่ฉันเก็บไว้แต่งเมียให้ลูกสาม” แม่หานบอกลูกสะใภ้ที่นั่งนิ่ง

นางไม่ใช่แม่ผัวเข้มงวดหรือแม่ผัวที่กดขี่ลูกสะใภ้ และก็ไม่เคยหวงเงินไว้ซื้ออาหารการกิน เพียงแต่จะเก็บบางส่วนไว้ให้เหล่าลูกชาย

และในยามนี้พวกนางก็ไม่ได้มีเงินหากไม่เอาออกไม่ใช้พวกนางก็จะได้ตายจริง ๆ อีกอย่างนมผงของหลานสาวก็มีราคาแพงพอสมควร

“ค่ะ” กัวเหม่ยอิงไม่ได้ปฎิเสธที่จะรับเงินมาถือ ยังไงเธอก็เป็นคนดูแลภายในบ้าน จึงไม่แปลกที่จะรับเอาเงินมา หากน้องสามจะแต่งภรรยา เธอค่อยเอาเงินที่มีมาใส่ให้เขาก็ได้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่5 หานเผยหนิง

    กัวเหม่ยอิงมองปากทางเข้าอำเภออย่างตื่นเต้น วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าอำเภอ แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นครั้งแรกเพราะกัวเหม่ยอิงคนก่อนก็เคยเข้ามาอยู่ในอำเภอเพราะมาเรียน แต่ถ้าถามถึงเธอ เธอเพิ่งเคยมาครั้งแรก“พี่สะใภ้จะไปสหกรณ์เลยไหมคะ” เป็นสะใภ้รองที่ถามขึ้นมา“เดี๋ยวพี่จะไปทำธุระก่อน อีกสักพักจะตามไปที่สหกรณ์” พี่ใหญ่กัวว่าเพราะกัวเหม่ยอิงอยากซื้อของไปตุนเอาไว้ก็เลยให้สะใภ้รองมาช่วย ส่วนพี่ใหญ่จะเข้าอำเภอพอดี พวกเธอจึงเช่าเกวียนคนในหมู่บ้านออกมาส่วนเสี่ยวลู่น้อยก็เป็นแม่กัวที่กัวเหม่ยอิงไปขอร้องให้มาช่วยเลี้ยงลูกสาวระหว่างเข้าอำเภอกับฝากดูแลแม่สามีด้วยซึ่งแม่กัวก็ไม่ปฎิเสธ“เราจะเดินดูรอบ ๆ ก่อน เดี๋ยวไปเจอกันที่สหกรณ์เลยก็ได้ค่ะ” ประโยคแรกบอกผู้เป็นน้องสะใภ้ ส่วนประโยคต่อมาเธอหันไปตอบพี่ชาย“ได้” พี่ใหญ่กัวพยักหน้าพร้อมกับหันไปลากเกวียนวัวเดินห่างออกไปกัวเหม่ยอิงหันมองรอบ ๆ ก่อนจะเดินนำสะใภ้รองเดินเข้าตัวอำเภอ เธอไม่ได้ตรงไปที่สหกรณ์เพราะอยากเดินดูที่อื่น ๆ อีกหลายปีถึงจะเปิดการซื้อขายแบบเสรี ที่นี่จึงไม่ได้มีอะไรมากยกเว้นร้านค้าของทางรัฐบาล“เราไปดูน้องชายสามกันไหมคะ” สะใภ้รองถามเมื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่6 มีแต่เรื่อง

    กัวเหม่ยอิงเดินดูอาหารแห้งในสหกรณ์ อาหารพวกนี้มีราคาต่ำกว่านมผงเป็นเท่าตัว หรือบางทีอาหารแห้ง 10 กว่าชั่งถึงจะพอค่านมผง 1 กระป๋องอาหารพวกนี้เป็นของจำเป็นสำหรับพวกเธอ กัวเหม่ยอิงจึงต้องซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่ง อย่างสาหร่ายแห้ง กัวเหม่ยอิงก็ซื้อไป 5 ชั่ง เกากี๋เพิ่มอีก 4 ชั่งเพราะที่บ้านยังเหลืออยู่ เหลือบไปเห็นฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งกัวเหม่ยอิงจึงหยิบมาอีกอย่างละ 10 ชั่ง“ของพวกนี้พี่จะซื้อจริง ๆ เหรอคะ” สะใภ้รองร้องถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยสาหร่ายแห้งกับเกากี๋หล่อนเข้าใจว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติในอาหารได้ดี และที่บ้านก็จะซื้อติดไว้แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมี แต่ฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งเป็นของที่ส่งมาจากมณฑลอื่นราคาจึงแพงกว่าของแห้งอื่น ๆ“ใช่ ฉันจะเอาไปบำรุงคุณแม่” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า อันที่จริงเธออยากจะได้หมึกแล้วก็กุ้งแห้งตัวโต ๆ เพิ่มอีก เพียงแต่ราคามันแพงเกินไป เธอยังไม่กล้าซื้อ จึงหยิบเอากุ้งแห้งตัวเล็ก ๆ มา 1 ชั่ง“ค่ะ”เพราะแม่สามีล้มป่วยในตอนนั้นพวกเธอไม่ได้พาไปหาหมอ หรือตามหมอมารักษาเพราะไม่มีเงินสักหยวน อย่าว่าแต่หยวนเลย สักเฟินก็ไม่มี ในความคิดของกัวเหม่ยอิงแม่สามีของ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่7 เอาเด็กไปคืนแม่

    “ไม่ได้!”เสียงตวาดของคุณย่าหานดังลั่นบ้านใหญ่เมื่อน้องชายสามเอ่ยบอกเรื่องราวทั้งหมดและยืนยันที่จะเลี้ยงลูกสาว ไม่ให้ส่งลูกสาวกลับบ้านแม่เดิมของหล่อนสำหรับคนสกุลหานนั้นพวกเขาถือตัวเป็นใหญ่เพราะมีสมาชิกในบ้านเยอะ รวมถึงบ้านเดิมของเหล่าสะใภ้อีก พวกเขาจึงคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตาไม่ควรทำอะไรให้เสื่อมเสีย แต่แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ หล่อนเป็นลูกสาวของผม” น้องชายสามกล่าวด้วยความไม่พอใจ ปกติเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าจะปฎิเสธใคร แต่เว้นคนสกุลหานเอาไว้ด้วยความที่เขาแทบจะเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านจึงถูกเลี้ยงมาอย่างดี และที่เขาเป็นผู้เป็นคนอยู่ก็เพราะถูกสอนจากมารดา เว้นคนสกุลหานที่เขาไม่ค่อยจะฟังมารดา บ้านก็แยกกันแล้วบ้านใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป“เจ้าสาม! นายลืมไปแล้วเหรอว่านายยังไม่ได้แต่งงานแต่นายกลับมีลูกกลับมา” คุณย่าหานพยายามโน้มน้าวหลานชายในบรรดาหลานชายของนางที่มาจากบ้านสาม คุณย่าหานเอ็นดูหานหรงอี้ที่สุด เพราะเขาเรียนในระดับที่สูงกว่าเหล่าหลานชายในบ้านของนางที่ได้เรียน และเขายังเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนสกุลหานได้ เพียงแต่วันนี้กลับทำให้นางโกรธมาก เมื่อหลานชายที่คิดว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่8 สัญญาการกู้ยืม

    กัวเหม่ยอิงเดินนำสะใภ้รองกับน้องชายคนเล็กของสามีไปยังบ้านเลขาธิการขอฃหมู่บ้าน ที่เธอพูดกับบ้านใหญ่ไปเธอไม่ได้แค่ขู่ เธอพูดจริงแล้วก็ทำจริง และระหว่างนั้นเธอก็แวะไปเอาเอกสารทั้งหมดที่มีไปด้วยโชคดีที่เลขาธิการหมู่บ้านทำธุระเสร็จแล้วก็เลยกลับมาดูแลหมู่บ้าน พรุ่งนี้ทุกคนก็จะต้องลงแปลงนาอีกครั้งเนื่องจากหยุดมาสามวันทุกอย่างก็เลยยุ่ง ๆ“เลขาธิการคะ”บริเวณที่กัวเหม่ยอิงมาเป็นกองผลิตของหมู่บ้าน จึงไม่แปลกหากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้าอาหาร ยุคนี้เป็นยุคข้าวยากหมากแพง คนในหมู่บ้านที่ไม่มีเงินซื้อหรืออดอยากต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบางครั้งพวกเขาก็จะหาทางขโมยอาหารของหน่วยผลิตแต่ละตำบลและหมู่บ้านหน่วยผลิตจะแยกออกเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านไหนมีคนเยอะก็แยกเป็น 1 หน่วย แต่ถ้าหมู่บ้านที่มีน้อยก็จะถูกจัดคู่กับหมู่บ้านข้างเคียงให้เป็น 1 หน่วย และหมู่บ้านของพวกเธอนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงไม่ต้องรวมกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จธัญพืชบางส่วนก็จะถูกส่งเข้ากองกลางของตำบล และเข้าเมืองต่อไปหากฤดูไหนได้ผลผลิตน้อยคนในหมู่บ้านต่างได้รับคงามเดือดร้อนกันทั่ว ลำพังผลผลิตน้อยมากแล้วยังต้องส่งเข้าก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่9 ที่ดินของพี่ใหญ่หานเซิน

    การที่คุณย่าหานตกใจจนเข่าอ่อนก็เป็นเหมือนกับการยืนยันว่าคุณย่าหานเอาโฉนดที่ดินของบ้านสามไปจริง ๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ได้ยินแม่สามีบอกว่าเป็นของลูกชายของนางก็ทำตัวไม่ยอมขึ้นมา แม่สามีของนางตั้งใจจะเอาให้หลานชาย ซึ่งคนนั้นก็คือลูกชายของนางและนางไม่ยอมให้มันหลุดมือไป“เดี๋ยวสิ! หากมันเป็นของหลานชายจริง มันก็ต้องอยู่กับพวกเธอสิ” ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ขนาดนี้แล้วป้าสะใภ้ใหญ่ก็คงจะไม่ยอมรับสินะคะ แต่อย่าลืมเรื่องเงินที่ยืมไปด้วยค่ะ” กัวเหม่ยอิงเปลี่ยนเรื่องให้ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเข้ามายุ่งลุงใหญ่มาเอาเงินไปมากกว่าห้าร้อยหยวนโดยที่พวกนางไม่รู้ก็ว่าแย่แล้ว นางที่มีลายมือการยืมเงินบนเอกสารก็ยิ่งมีชะงักติดหลัง แม่สามีของนางถึงจะไม่ได้ถือเงินเองแล้วแต่นางก็ต้องรับรู้เรื่องเงินที่เข้ามาและออกไป“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเธอไม่ได้โกหก อีกอย่างปู่ของเธอก็ตายไปแล้ว จะให้ไปปลุกสหายของปู่เธอขึ้นมาอีกคนก็คงจะไม่ได้” คุณย่าหานที่มีหลานสาวเข้ามาพยุงเอ่ยขึ้นนางผ่านโลกมานานกว่าหลานสะใภ้จึงปรับอาการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นชื่อของหลานชายแต่นางก็หาข้อโต้แย้งไม่ได้ ขนาดนางยังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่10 ช่องทาหาเงิน

    กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเลขาธิการของหมู่บ้านทำยังไงให้ได้เงินจากบ้านใหญ่คืนมา แต่เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนเอามาให้พวกเธอที่ตื่นมาทำกับข้าวมื้อเช้า ถึงแม้จำนวนเงินจะได้มาเพียง 1,000 หยวน แต่มันก็ทำให้พวกเธออยู่ได้อีกนาน เมื่อรวมกับเงินที่มีก็ถือว่ามากพอแล้ว“เดี๋ยวสาย ๆ ฉันจะออกไปดูที่ดิน” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่กำลังทุบไก่แห้ง“งั้นฉันจะดูแลเด็ก ๆ ก็แล้วกันค่ะ เมื่อวานคุณแม่อยู่กับหลานทั้งวันท่านคงอยากจะพัก” สะใภ้รองพยักหน้าอาหารมื้อเช้าของพวกเธอกัวเหม่ยอิงทำแกงจืดเนื้อไก่ให้ผู้เป็นแม่สามี ส่วนพวกเธอนั้นกัวเหม่ยอิงหุงข้าวแล้วนำไปผัดกับไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ“จริงสิ ให้น้องชายสามทำคอกไก่แล้วก็แปลงผักด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วค่อยให้ไปหาฟืน” กัวเหม่ยอิงว่าพลางยกหม้อแกงจืดลง“ได้ค่ะ พี่จะไปดูที่ดินตอนไหน”“กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวอากาศจะร้อน”สองสะใภ้ต่างช่วยกันทำกับข้าวมื้อเช้าของบ้าน ส่วนน้องชายสามนั้นไปหาบน้ำมาใส่โอ่งให้พวกเธอใช้เพราะน้ำเริ่มจะหมดแล้วกัวเหม่ยอิงเทน้ำในชามที่เทน้ำร้อนใส้ไว้เมื่อคืนทิ้ง นำชามไปล้างให้สะอาดแล้วก็นำมาลวกในน้ำร้อน จากนั้นนำไปคว่ำไว้ พอแห้งจึงจะเทน้ำต้มสุกเก็บไว้ จริง ๆ กัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่11 ซื้อไหเพิ่ม

    น้องชายสามกลับไปเรียนได้หลายวันแล้ว กลับไปพร้อมกับความหวังของกัวเหม่ยอิงที่อยากจะได้อิฐมาสร้างบ้านหลังใหม่ แม้ในใจของหานหรงอี้อยากจะปฎิเสธแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนดูแลคนในบ้าน จึงต้องพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สะใภ้รองห่อของกินให้น้องชายของสามีตามคำสั่งของพี่สะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ตากแห้ง เห็ดตากแห้ง และหน่อไม้ที่ต้มใส่ไหไว้ กัวเหม่ยอิงให้เขาเอาไปให้สหาย 1 ไห เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลหลานสาว พร้อมกับเงินที่ให้น้องชายของสามีไปใช้อีก 50 หยวน โดยที่กัวเหม่ยอิงบอกให้เขาใช้เต็มที่จนกว่าจะเรียนจบ และบางทีอาจต้องใช้เงินหาอิฐจำนวนมาก หากไม่พอค่อยกลับมาที่บ้านเล้าไก่ถูกซ่อมแซมจนแข็งแรงและทนทาน เธอเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าเชือกเท่านั้น จากนั้นจึงทำความสะอาดเล้าไก่ โดยนำมูลไก่ไปทำปุ๋ยใส่แปลงผัก ส่วนแปลงผักกัวเหม่ยอิงกลัวว่าจะไม่ทันหากให้น้องชายสามีเป็นคนทำ เธอจึงจ้างพี่ชายของเธอมาทำแปลงผักให้ใหม่ โดยให้วันละ 1 หยวน และทำอย่างอื่นอีกจึงใช้เวลาสองวัน กัวเหม่ยอิงจึงจ่ายเงินให้ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งแน่นอนว่าถูกปฎิเสธเพราะเขาต้องการช่วยน้องสาวเท่านั้น แต่กัวเหม่ยอิงรู้ว่าพี่ชายจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่12 คุยกับบ้านกัว

    กัวเหม่ยอิงใช้รถเข็นที่ให้พี่ชายทำขึ้นให้ในการเข็นไหครึ่งหนึ่งไปล้างในแม่น้ำ อันที่จริงมันก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่จะให้หอบไปทีละไหก็กลัวว่าจะเสียเวลาเพราะรถเข็นมีขนาดเล็กไหนจะจำนวนไหที่เยอะอีก กัวเหม่ยอิงจึงแบ่งครึ่งไปล้างสองรอบ โดยเธอใช้น้ำผสมขี้เถ้าที่ผสมไว้ล้างถ้วยชามกับกาบมะพร้าวในการขัดไห ขี้เถ้ามีฤทธิ์เป็นด่างช่วยลดคราบมันได้ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายจึงไม่มีใครมาใช้น้ำ น้ำในแม่ที่คนในหมู่บ้านใช้ทุกวันจึงใสมาก แต่หากเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานน้ำจะขุ่นเพราะคนในหมู่บ้านจะมาอาบน้ำและซักผ้าที่นี่ ใครบ้านอยู่ใกล้ก็ดีไปเพราะใครอาบน้ำก่อนก็จะได้อาบน้ำที่ใสกว่ากัวเหม่ยอิงล้างไหเสร็จก็คว่ำทิ้งไว้บนรถเข็น พอล้างครบก็เข็นกลับบ้าน จากนั้นก็เอาไปคว่ำทิ้งไว้ที่หลังบ้าน เวลาจะใช้ค่อยนำไปต้มฆ่าเชื้อในน้ำที่เดือดก็ใช้ได้แล้ว อันที่จริงในยุคนี้คนในหมู่บ้านต่างไม่มีขั้นตอนเยอะแบบนี้หรอก เพราะนอกจากเปลืองน้ำแล้ว ยังเปลืองฟืนอีก เธอทำแบบนี้อยู่สองรอบก็ล้างไหครบทั้งหมดสามสิบไห“ล้างเสร็จแล้วเหรอคะ ฉันว่าจะไปช่วยพอดี” สะใภ้รองที่เดินออกจากห้องแม่สามีถาม“อืม” กัวเหม่ยอิงพยักหน้ากัวเหม่ยอิงเดินเข้าครัวพร้อมก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่30 แฝดหงส์

    เพราะสะใภ้รองมีครรภ์ที่ใหญ่ผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ท้องแรกจะใหญ่มันก็ไม่ผิดปกติเท่าไร แต่เมื่อครรภ์ได้ 5 เดือน ท้องของสะใภ้รองกับเหมือนคนใกล้จะคลอดแล้ว กัวเหม่ยอิงจึงให้น้องชายรองพาสะใภ้รองเข้าไปพักในอำเภอ หากมีอะไรจะได้เข้าโรงพยาบาลง่าย ๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยโดยเฉพาะแม่กัวกับแม่หานที่ผ่านการมีลูกมากก่อน พวกนางไม่เคยเห็นคนที่ท้องได้ไม่กี่เดือน ท้องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน หากถามคนที่ไม่รู้ก็คงจะบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้วส่วนแม่หานนั้นตอนนี้กำลังฝึกเดินเพราะน้องชายสามขอร้อง เขาอยากให้แม่ของเขากลับมาเดินได้อีกครั้ง อยากให้แม่ของเขาออกไปเดินดูข้างนอกบ้างลูกเจี๊ยบที่เอามาเลี้ยงก็โตกันหมดแล้ว แต่เพราะที่บ้านเลี้ยงได้ 3 ตัว กัวเหม่ยอิงจึงจับเชือดจนตอนนี้มีไก่เหลืออยู่ 4 ตัว เธอจะเอาไว้ให้บำรุงสะใภ้รอง 1 ตัว ตอนคลอดลูก“สะใภ้รองจะเป็นยังไงบ้างนะ”แม่หานถามกัวเหม่ยอิงที่ยกกับข้าวมื้อกลางให้ ตอนนี้ก็เกือบสี่เดือนแล้วที่กัวเหม่ยอิงให้สะใภ้รองกับน้องชายรองเข้าไปอยู่ในอำเภอ“คงใกล้จะคลอดแล้วค่ะ วันก่อนที่น้องชายรองมาหาเขาบอกไม่เกินเดือนนี้จะคลอดแล้ว” กัวเหม่ยอิงตอบแม่กัวที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดขึ้น “ท้องส

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่29 กัวเหม่ยอิงโกรธพี่ชาย

    พี่ใหญ่กัวแบกตะกร้านำกัวเหม่ยอิงกับพี่รองกัวเข้าป่าตามที่ได้ตกลงกันแล้วเมื่อวาน เนื่องจากพี่ใหญ่กัวก็อยากจะลองเข้าป่านี้เหมือนกัน ทันทีที่กัวเหม่ยอิงบอกความต้องการเขาก็ตกลงทันทีก้าวแรกที่เดินเข้าไปในป่ามันก็ยังเหมือนเดิม บรรยากาศภายในป่าเงียบสงัดไม่มีแม้กระทั่งเสียงแมลงร้อง สร้างความระแวงให้แก่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัว ยกเว้นกัวเหม่ยอิงที่จากเดินอยู่กลางกลายเป็นเดิมนำหน้าสุด“น้องสาวห้าเดินระวังด้วย” พี่ใหญ่กัวบอกน้องสาวที่เดินนำไปแล้วกัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ฉันรู้จักทางนี้ค่ะ แต่ยังไม่เคยเห็นลำธารในป่านี้ ฉันอยากจะลองจับกุ้งที่นี่ดู” เธอบอกพี่ชายที่หันซ้ายหันขวา“ได้ยินเสียงน้ำอยู่ทางนั้น” พี่ใหญ่กัวชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง แต่กัวเหม่ยอิงกับพี่ชายรองมองหน้ากันเพราะไม่ได้ยินเสียงกัวเหม่ยอิงเดินตามพี่ใหญ่กัวไปยังทิศทางที่พี่ใหญ่กัวชี้ รั้งท้ายด้วยพี่รองกัวที่ดูแลความปลอดภัยให้น้องสาว เดินไปไม่ไกลพวกเขาก็เห็นลำธารที่มีน้ำใสจริง ๆ ใสกว่าน้ำที่ใช้ประจำซะอีก“มีปลาด้วย!” พี่รองกัวตะโกนด้วยความดีใจพวกเขาไปจับกุ้งเป็นเดือน ๆ แต่ไม่เคยเจอปลาเลย มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะมีคนไปหาปลาตลอด แต่พอเข้ามาใ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่28 ถูกจับตามอง

    ตั้งแต่ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่กัวเหม่ยอิงก็ทำอะไรได้สะดวกมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขาหาหน่อไม้มาต้มเก็บใส่ไห หรือบางทีก็ทำหน่อไม้ดอง ไหนจะทำกุ้งแห้งอีก โชคดีที่ผู้ชายบ้านหานกับบ้านกัวมีฝีมืองานไม้อยู่บ้าง การสร้างห้องเก็บไหจึงถูกสร้างขึ้นข้างบ้านเนื่องจากตอนนี้ยังไม่เปิดการค้าเสรีพวกเธอจึงไม่สามารถขายตรง ๆ ได้ แต่น้องชายรองนั้นจะออกบ้านตอนเช้ามืดเพื่อไปทำงานเขาจึงเอาไหกุ้งแห้งกับหน่อไม้ต้มไปขายได้ตอนนี้ที่บ้านมีจักรยาน 2 คัน ได้มาในราคา 350 กับคูปองเกือบ 20 ใบ ถ้าซื้อหนึ่งคันราคาจะอยู่ที่คันละ 200 หยวน กับคูปองอีก 10 ใบ และน้องชายสามเห็นว่าจักรยานมีสภาพดีจึงได้ตกลงที่จะซื้อสองคันอีกอย่างจักรยานหนึ่งคันน้องชายรองปั่นไปทำงานในอำเภอ ส่วนน้องชายสามก็ปั่นไปโรงเรียนในตำบลคันหนึ่ง หากพวกเธอในบ้านต้องการจะใช้จักรยานก็บอกน้องชายสาม เพราะเขาจะเอาจักรยานไว้ให้แล้วเดินไปโรงเรียนแทน“ค่อย ๆ จับนะคะแม่ ฉันคอยพยุงอยู่” กัวเหม่ยอิงบอกแม่สามีที่จับราวไม้ที่ถูกสั่งทำไว้โดยเฉพาะแม่หานลังเล แม้จะถูกสะใภ้ยืนยันว่าจะไม่เป็นอะไรแต่นางก็กลัว กลัวว่าจะเป็นภาระของทุกคนหนักกว่าเดิม ไม่ใช่ว่ามีใครพูดอะไรให

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่27 บ้านหลังใหม่

    การหาซื้อเนื้อหมูในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากมีเส้นสายมันก็จะต่างออกไป และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าตัวเองมีเส้นสายมากพอสมควรโดยเฉพาะน้องชายรองและน้องชายสาม“อีก 2 วัน เป็นฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของบ้าน ตอนนี้้เรามีกุ้ง มีปลา มีไก่ และมีผักแล้ว แต่ยังไม่มีหมู น้องชายรองกับน้องชายสามพอจะหาได้ไหม” กัวเหม่ยอิงถามอย่างไม่อ้อมค้อมอย่างที่รู้กันว่าตอนนี้พวกเธอขายของในตลาดมืด จึงไม่ต้องกลัวว่าสมาชิกในบ้านจะตกใจ และเพราะต้องขึ้นบ้านใหม่ อาหารที่ทำขึ้นต้องพอเลี้ยงแขก กัวเหม่ยอิงจึงต้องถามน้องชายรองส่ายหน้า “ผมไม่รู้จักใครเลยครับ แต่ช่วงนี้ผมติดภารกิจสำคัญครับ ลาไว้แล้ว 3 วัน ถ้ายังไม่ได้พรุ่งนี้ผมจะไปหาให้” เขาบอกก่อนจะหันไปถามน้องชาย “นายรู้จักคนเยอะพอจะมีไหม”“มีครับ แต่เราต้องไปถามก่อนเพราะมันไม่ต้องใช้คูปองและราคาสูง” น้องชายสามพยักหน้า เขาก็พอจะรู้จักคนนี้มีเนื้อหมู่อยู่กัวเหม่ยอิงยิ้ม “ดีเลย นายไม่ต้องไปสอนแล้วใช่ไหมสัปดาห์นี้ ฉันอยากได้เนื้อสัก 10 ชั่ง กระดูกด้วยก็ดีพอจะไปหาได้หรือเปล่า” ที่โรงเรียนเหมือนจะมีของหาย ทางโรงเรียนจึงประกาศหยุดการเรียนตลอดหนึ่งสัปดาห์ และคณะกรรมหน่วยผลิตของตำบลกำ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่26 สะใภ้รองตัดขาดบ้านเดิม

    กัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าช่วงนี้บ้านของพวกเธอถูกนินทาบ่อยมาก เมื่อมีคนไปเห็นน้องชายรองทำงานอยู่ในสถานีสักแห่งในอำเภอเพราะเข้าไปทำธุระ ยิ่งพอรู้ว่าน้องชายรองได้กลับไปทำงานเสียงนินทาก็ยิ่งกว้างไปจนถึงหมู่บ้านข้าง ๆ กันแล้วแต่ถึงจะนินทายังไงกัวเหม่ยอิงกับครอบครัวของสามีก็ไม่ได้ไปสนใจ พวกเธอพากันสนใจกิจการของบ้านมากกว่า ตอนนี้กุ้งแห้งมีรวม ๆ กันเกือบ 50 ไหแล้ว เพราะน้องชายรองเอาออกไปขายแค่วันละไห แต่ที่บ้านทำเพิ่มได้วันละไม่ต่ำกว่า 3 ไห กุ้งแห้งจึงมีเยอะมากตอนนี้ที่บ้านมีรายได้วันละ 5 หยวน จากการขายกุ้งแห้ง 1 ไห หรือบางวันก็ขายไหไปด้วยก็ได้กำไรอีก 1 หยวน ไหนจะเงินเดือนของน้องชายสามที่เป็นครูสอนเด็กประถม 10 หยวน และเงินเดือนของน้องชายรองอีกที่ได้มาถึงเดือนละ 80 หยวน แต่เงินเดือนที่ได้มาจะถูกหักเข้ากองกลางของบ้านเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งสามารถเก็บเอาไว้ได้เลย“สะใภ้รองบ้านเดิมของเธอมาหา” เสียงของพี่สาวใหญ่กัวร้องบอกหลังออกไปดูหน้าบ้านเมื่อมีคนมาร้องเรียกสะใภ้รองหันมองพี่สาวใหญ่กัวก่อนจะส่ายหน้าปฎิเสธที่จะคุยด้วย ไหนบอกว่ากลัวหล่อนจะไปสร้างปัญหาให้จึงให้เลิกติดต่อ แต่วันนี้พอสามีของหล

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่25 น้องชายรองมีปัญหา

    กัวเหม่ยอิงยืนมองกุ้งเกือบสิบตะกร้าด้วยความภูมิใจวันนี้เป็นวันแรกที่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัวมาช่วยเธอจับกุ้ง และเป็นวันแรกที่จับกุ้งได้เยอะที่สุด อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะช่วงบ่าย กัวเหม่ยอิงที่ปกติต้องไปจับกุ้งจึงเปลี่ยนมาแปรรูปกุ้งแทนต้องขอบคุณน้องชายรองที่แนะนำให้สร้างที่ตากกุ้งไว้เพิ่ม ไม่อย่างงั้นเธอคงจะหาที่ตากกุ้งไม่ได้ และดีที่ใช้เวลาตากกุ้งเพียงหนึ่งวันกุ้งก็แห้งให้แล้ว ต่างจากอนาคตที่ใช้เวลาหลายวัน“น้องชายรองไปแล้วเหรอ” กัวเหม่ยอิงถามสะใภ้รองที่เดิมตามหลังมาเหมือนว่าน้องชายรองจะได้รับการติดต่อจากสหายร่วมกองทัพของเขา ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ขอแค่เขาเอาของเข้าไปขายให้ตอนนี้เงินจากการขายกุ้งแห้งและหน่อไม้ต้มได้มาเกือบหนึ่งพันหยวน แต่มันยังไม่ได้หักค่าไห ค่าฟืน ค่าเกลือ และค่าแรงงานอีก แต่ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็นับจำนวนเงินนี้เป็นทุนสำหรับการค้าขายภายหน้าสะใภ้รองพยักหน้าแล้วนั่งลงหน้าเตาไฟเพราะหล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาช่วย “ใช่ค่ะ เห็นว่าสหายของเขาขึ้นมาหา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว” ถึ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่24 น้องชายสามมีงานทำ

    หลังจากที่น้องสะใภ้กลับบ้านเดิมได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหล่อนก็กลับมาพร้อมกับความเงียบ และปิดประตูห้องไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง แม้แต่น้องชายรองเองก็เข้าหน้าไม่ติด กับข้าววันนั้นจึงเป็นกัวเหม่ยอิงที่ทำและเธอก็ไม่ได้ถามหาสาเหตุจากสะใภ้รอง หากหล่อนอยากจะพูดหล่อนก็คงจะพูดเองนับจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วห้าวัน และการที่สตรีบ้านกัวขอหยุดงานในแปลงนาสร้างความฮือฮาในหมู่บ้านอีกรอบ อีกไม่นานก็จะได้รับผลผลิตแล้ว ทำไมอยู่ ๆ สตรีบ้านกัวก็หยุดงานไปดื้อ ๆ ? มันเป็นเรื่องที่หยุดพูดไม่ได้กันเลยทีเดียว อีกอย่างพวกเขาก็ได้ยินว่าคนบ้านกัวกำลังหาลูกเขยกับลูกสะใภ้ให้ลูกสาวกับลูกชายที่อายุมากแล้ว“สะใภ้รองขยับมาทางนี้” กัวเหม่ยอิงกวักมือเรียกน้องสะใภ้ที่หากุ้งฝั่งตรงข้ามเพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าสะใภ้รองจะคิดมากเกินไป จึงชวนหล่อนพร้อมกับน้องชายสามีทั้งสองออกมาจับกุ้งอีกครั้ง ไหน ๆ กุ้งแห้งในบ้านก็ลดลงไปมากแล้ว“พี่จับกุ้งเก่งมาก” สะใภ้รองชมหล่อนจับกุ้งได้เพียงสามตัวตั้งแต่มาถึง ต่างจะพี่สะใภ้ที่ตอนนี้จับได้มากกว่ายี่สิบตัวแล้วกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ก็เพราะฉันเก่งยังไงล่ะ” ต้องบอกว่ามีความสามารถพิเศษจะดีกว่า“ฉันเชื่อค่ะ”

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่23 จ้างเลี้ยงลูกสาว หลานสาว

    จะว่าไปแล้วชีวิตของกัวเหม่ยอิงในตอนนี้สบายมาก ทำอะไรก็ลงตัวไปซะทุกอย่าง แต่มันก็แลกมากับความเหนื่อยอย่างลงตัว“กุ้งผัดหน่อไม้ได้แล้วนะคะ” สะใภ้รองที่จัดการปิ่นโตเสร็จหันมาบอกกับกัวเหม่ยอิงเพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าสะใภ้รองน่าจะเหงามากเมื่ออยู่บ้านคนเดียว จึงจะเข้าไปคุยกับคนบ้านกัวตามที่คิดไว้กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ครบแล้วใช่ไหม” หากไม่ครบมันจะได้ไม่เสียเวลาต้องกลับมาเอา“ฉันดูให้แล้วค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้าวันนี้เป็นวันหยุดประจำเดือนของทุกคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แต่ทุกคนก็ยังได้หยุด เพราะในหนึ่งเดือนทุกคนจะได้หยุดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นวันหยุดพอดี กัวเหม่ยอิงจึงจะไปคุยด้วย อีกอย่างน้องชายสามก็ออกไปหาฟืนกับน้องชายรอง ที่ตากกุ้งแห้งมันก็เต็มด้วยกุ้ง วันนี้จึงยังไม่ไปหากัน“น้องสาวห้า” เป็นพี่สาวใหญ่ที่กวาดลานบ้านร้องทักกัวเหม่ยอิงกัวเหม่ยอิงหันไปมองแล้วยิ้ม “พี่สาวใหญ่ ทำอะไรกันคะ” เธอถามถึงแม้ว่าจะเห็นอยู่ว่าพี่สาวกำลังทำอะไร“กำลังกวาดลานบ้านน่ะไหน ๆ ก็วันหยุดแล้ว” พี่สาวใหญ่ตอบ “แล้วน้องสาวห้ามาทำอะไรที่นี่หรือมาดูบ้าน” ถ้ามาดูบ้านปกติน้องสาวของหล่อนไม่ได

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่22 กุ้งแห้ง

    กัวเหม่ยอิงแวะดูคนงานสร้างตอนช่วงสายของวันพร้อมกับส่งซาลาเปา จากนั้นก็ได้นำน้องชายรอง น้องชายสามเข้าป่าไปจับกุ้งที่เจอเมื่อวานหลังจากได้ลิ้มรสเมนูกุ้งฝีมือของสะใภ้รองทุกคนก็ชอบมันมาก น้องชายสามจึงขอไปจับกุ้งระหว่างรอหางาน แต่กัวเหม่ยอิงก็เลยเปลี่ยนให้พวกเขาไปจับกุ้งแทนที่จะไปหางานเธอได้นอนคิดทั้งคืนว่าหลังจากนี้พวกเธอจะทำอะไร ลำพังจะให้น้องชายสามออกไปทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายมันไม่พอแน่ ๆ แม้จะมีเงินเก็บ แต่จะให้น้องชายรองเข้าไปหางานในเมืองสะใภ้รองก็ไม่ยอมเพราะห่วงร่างกายของสามี ซึ่งกัวเหม่ยอิงเห็นด้วยจะให้สะใภ้รองไปก็ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่เพราะหล่อนไม่ได้เรียน ไหนจะต้องทำงานบ้านและดูแลแม่สามีอีกส่วนกัวเหม่ยอิงเธอต้องติดตามดูบ้านตลอด และต้องดูลูกสาวไปด้วย แล้วจู่ ๆ การทำกุ้งแห้งก็ผุดขึ้นมาให้หัวของเธอ ปกติพวกเธอก็มีกุ้งแห้งไว้ทำอาหารให้แม่สามีอยู่แล้วและมีราคาแพง หากเธอจะทำขายโดยที่ไม่ต้องใช้คูปองซื้อ และมีราคาถูกลงนิดนึงย่อมมีคนสนใจและเรื่องนี้กัวเหม่ยอิงก็ได้คุยกันเมื่อเช้านี้ซึ่งทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นน้องชายรองที่อยากจะขัดเพราะตัวเขาก็เป็นทหารมาก่อน ซึ่งรู้ว่าเรื่องขายของนั้นมันทำไม่ได้

DMCA.com Protection Status