Share

บทที่5 หานเผยหนิง

Author: Ainthira06
last update Last Updated: 2024-12-09 12:42:48

กัวเหม่ยอิงมองปากทางเข้าอำเภออย่างตื่นเต้น วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าอำเภอ แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นครั้งแรกเพราะกัวเหม่ยอิงคนก่อนก็เคยเข้ามาอยู่ในอำเภอเพราะมาเรียน แต่ถ้าถามถึงเธอ เธอเพิ่งเคยมาครั้งแรก

“พี่สะใภ้จะไปสหกรณ์เลยไหมคะ” เป็นสะใภ้รองที่ถามขึ้นมา

“เดี๋ยวพี่จะไปทำธุระก่อน อีกสักพักจะตามไปที่สหกรณ์” พี่ใหญ่กัวว่า

เพราะกัวเหม่ยอิงอยากซื้อของไปตุนเอาไว้ก็เลยให้สะใภ้รองมาช่วย ส่วนพี่ใหญ่จะเข้าอำเภอพอดี พวกเธอจึงเช่าเกวียนคนในหมู่บ้านออกมา

ส่วนเสี่ยวลู่น้อยก็เป็นแม่กัวที่กัวเหม่ยอิงไปขอร้องให้มาช่วยเลี้ยงลูกสาวระหว่างเข้าอำเภอกับฝากดูแลแม่สามีด้วยซึ่งแม่กัวก็ไม่ปฎิเสธ

“เราจะเดินดูรอบ ๆ ก่อน เดี๋ยวไปเจอกันที่สหกรณ์เลยก็ได้ค่ะ” ประโยคแรกบอกผู้เป็นน้องสะใภ้ ส่วนประโยคต่อมาเธอหันไปตอบพี่ชาย

“ได้” พี่ใหญ่กัวพยักหน้าพร้อมกับหันไปลากเกวียนวัวเดินห่างออกไป

กัวเหม่ยอิงหันมองรอบ ๆ ก่อนจะเดินนำสะใภ้รองเดินเข้าตัวอำเภอ เธอไม่ได้ตรงไปที่สหกรณ์เพราะอยากเดินดูที่อื่น ๆ อีกหลายปีถึงจะเปิดการซื้อขายแบบเสรี ที่นี่จึงไม่ได้มีอะไรมากยกเว้นร้านค้าของทางรัฐบาล

“เราไปดูน้องชายสามกันไหมคะ” สะใภ้รองถามเมื่อพวกเธอเดินถึงหน้าโรงเรียนมัธยมในอำเภอ

“ไปก็ได้ เดือนนี้เขายังไม่ได้กลับบ้านเลย” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

หานหรงอี้หรือน้องชายสามเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านสามสกุลหาน ปีนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมตอนปลายปีสุดท้าย เขาเรียนและพักอยู่ในเภอเพราะแม่หานไม่อยากให้ลูกชายตื่นเช้าและกลับบ้านดึกมันจะเหนื่อย จึงตัดปัญหาให้พักในตัวอำเภอแม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

น้องชายสามรับรู้ว่าพี่ใหญ่เสียแล้วผ่านพี่ใหญ่กัวที่อาสามาบอกให้ แต่เนื่องจากช่วงนี้จะมีการสอบจึงไม่สามารถกลับบ้านได้ และเขาก็ได้เงินใช้จ่ายในอำเภอเดือนละสิบหยวน เป็นเงินจำนวนมากสำหรับคนในหมู่บ้านธรรมดาอย่างพวกเธอ แต่มันเป็นเงินที่คนในเมืองใช้ทุกเดือน

โรงเรียนมัธยมในอำเภอไม่ใช่โรงเรียนประจำ ห้องพักสำหรับนักเรียนจึงต้องหาเช่าเอาเอง แต่ห้องพักของน้องชายสามอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน พวกเธอจึงสามารถเดินถึงเพียงไม่กี่นาที

‘แอ้ แอ้ ฮึก แงงงง’

กัวเหม่ยอิงกำลังง้างมือจะเคาะประตูแต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงเด็กร้อง เธอมองเลขห้องสลับกับมองหน้าน้องสะใภ้ก่อนจะพากันตกใจ

ในความทรงจำที่มี น้องชายสามยังไม่แต่งภรรยาเพราะเรียนยังไม่จบ และพักอยู่คนเดียวไม่ได้พักรวมกับใคร ทำไมถึงมีเสียงเด็กร้องได้?

‘โอ๋ ๆ เสี่ยวหนิงไม่ร้องนะ’ เสียงข้างในดังตะกุกตะกักพร้อมกับน้ำเสียงร้องรนของผู้ชายวัยแตกหนุ่ม

‘ฮึก แงง’

‘โอ๊ย เสียงเด็กเวรนี่ร้องอีกแล้ว!’

‘ฉันจะไม่ทนแล้วนะคะ!’

เสียงดังออกจากห้องข้าง ๆ พร้อมกับการเปิดประตูออกมายิ่งทำให้กัวเหม่ยอิงตกใจ ผู้ชายตรงหน้าของเธอมีร่างที่สูงใหญ่ข้างหลังยังมีผู้หญิงที่ทำหน้าไม่พอใจ

“มองอะไร!” หล่อนรีบเดินมาขวางกัวเหม่ยอิงที่มองสามีของหล่อน

ด้วยความที่ห้องพักมีหลายห้องและอยู่ติดกันจึงไม่แปลกเมื่อมีเสียงดังแล้วทุกคนจะออกมาดู แต่สำหรับที่นี่พวกเขาเริ่มไม่พอใจเมื่อมีเสียงเด็กร้อง ห้องพักที่นี่ส่วนมากจะเป็นนักเรียนที่มาเช่าอาศัยและเป็นคนวัยทำงาน ทุกคนจึงต้องการที่จะพักผ่อน

“เอ่อ…นี่ใช่ห้องของหานหรงอี้หรือเปล่าคะ” กัวเหม่ยอิงชี้ประตูห้องที่เธอยืนอยู่

“ใช่”

“หล่อนเป็นใคร เป็นเมียมันเหรอ ทำไมต้องเอาเด็กเวรมาไว้ที่นี่ด้วย!” หล่อนบ่นออกมาด้วยความรำคาญ หล่อนพักอยู่ที่นี่มาหลายเดือน ทุกวันมีเสียงโวกเวกโวยวายก็รำคาญจะแย่แล้ว สัปดาห์นี้ต้องมาทนฟังเสียงเด็กร้อง

“ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขาค่ะ ยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้” กัวเหม่ยอิงที่ประเมินสถานการณ์แล้วรีบก้มหัวขอโทษคนที่ออกมาดู

“ดี!” หล่อนว่าก่อนจะดึงแขนสามีเข้าห้องและปิดประตูเสียงดัง

“เธอเป็นพี่สะใภ้ของเขาใช่ไหม ช่วยเอาเด็กออกไปที พวกเราต้องการพักผ่อน”

“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าน้องชายหานจะเอาเด็กมาเลี้ยงทำไม แต่เสียงของหล่อนทำพวกเรานอนไม่หลับ”

“เอาเด็กออกไปด้วย ก่อนที่ฉันจะแจ้งเจ้าของห้อง”

“ค่ะ”

ก๊อก! ก๊อก!

“น้องชายสามเปิดประตูที”

กัวเหม่ยอิงหันไปเคาะประตูหลังทุกคนแยกย้ายกันและเสียงเด็กในห้องเงียบลง ใบหน้าของเธอยังมีสีหน้ากังวลปรากฏอยู่

“พะ…พี่สะใภ้!”

คนที่เดินมาเปิดประตูมีสีหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นเหล่าพี่สะใภ้ยืนอยู่หน้าประตู 

กัวเหม่ยอิงมองลอดประตูเข้าไปข้างในเห็นเด็กที่น่าจะอายุเท่าเสี่ยวลู่นอนอยู่ เธอถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่แคบ ที่บ้านก็ว่าไม่น่าอยู่แล้ว ที่นี่ยิ่งไม่น่าอยู่มากกว่า กลิ่นอับชื้นตีขึ้นจนเกือบจะอ้วก กัวเหม่ยอิงจึงยกแขนเสื้อขึนมาปิดแล้วเข้าไปอุ้มเด็กขึ้นมาดู

“เด็กคนนี้คือใคร” กัวเหม่ยอิงถามคนที่ยืนหลบสายตา “ไม่ได้ยินที่ถามหรือยังไง!”

“ละ…ลูก ผ ผมเอง” น้องชายสามหลับตาด้วยความกลัว

“เฮ้อ เรื่องราวมันเป็นยังไง” กัวเหม่ยอิงถอนหายใจ

เธอส่งเด็กไปให้สะใภ้รองอุ้มส่วนตัวเองก็หันมาถามน้องชายสามที่ไม่กล้าพูดอะไร ได้ความว่าปีที่แล้วมีการจัดงานเลี้ยงปีใหม่และเขาก็ไม่ได้กลับบ้าน เขาดื่มเหล้ากับสหายภาพก็ตัดไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้นอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนนั้นเขาไม่ได้รับผิดชอบเพราะหล่อนไม่ต้องการ

แต่แล้วไม่กี่เดือนต่อมาหล่อนก็มาบอกว่าท้องกับเขาและต้องการให้เขารับผิดชอบ หล่อนเป็นลูกสาวของหนึ่งในครูที่โรงเรียน หล่อนจบไปได้หลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ทำงานจึงมางานเลี้ยงของโรงเรียน ที่บ้านของหล่อนไม่มีใครต้องการเด็กเพราะอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนในเมือง

ทว่าหญิงสาวกลับดื้อรั้นที่จะเอาเด็กไว้จึงมีปัญหากับคนในครอบครัว สุดท้ายหล่อนก็ต้องย้ายมาอยู่กับเขา และที่เขาไม่ได้บอกคนในครอบครัวก็เพราะยังไม่กล้าสู้หน้าใคร จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมาหล่อนได้คลอดลูกสาว

ยิ่งทำให้บ้านของหล่อนไม่พอใจ มีลูกก่อนแต่งงานก็ว่าเสียหายมากแล้ว ยังจะคลอดเด็กหญิงไร้ประโยชน์มาอีก

หล่อนกับลูกกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมเพราะต้องอยู่ไฟ แม่ของหล่อนยังมีเยื่อใยอยู่บ้างจึงเป็นห่วงหล่อน แต่พอหมดช่วงอยู่ไฟหล่อนก็มาหาเขาประจำ จนกระทั่งเกิดข่าวร้ายกับพี่ชาย วันนั้นเขาจำได้ดี พี่ชายของพี่สะใภ้มาแจ้งว่าพี่ใหญ่พลีชีพไปแล้ว และพี่รองบาดเจ็บหนักน่าจะต้องออกจากทหาร

 วันนั้นเป็นวันที่เขาเสียใจแต่ยิ่งเสียใจหนักก็หล่อนเอาลูกสาวมาให้เขาเลี้ยง พร้อมกับบอกว่าอย่าติดต่อพวกหล่อนถ้ายังอยากจะเรียนให้จบอยู่ ซึ่งแม้พ่อของหล่อนจะเป็นเพียงคุณครู แต่ก็มีผลต่อการจบของเขาหากเขาไม่เชื่อฟัง

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ยังจะทำเหมือนเรื่องมันนิดเดียว!” กัวเหม่ยอิงโมโห

ยอมมีปัญหากับคนที่บ้านเพราะอยากจะเก็บเด็กเอาไว้ แต่พอน้องชายสามมีเรื่องกลับทิ้งเด็กไว้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่เพราะหล่อนต้องการจะมาเป็นน้องสะใภ้ของพวกเธอหรือจึงทำแบบนี้? ในโรงเรียนใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าบ้านของนักเรียนหานเป็นทหารหมดบ้าน

“กะ…ก็”

“ไหนบอกช่วงนี้มีสอบ ไม่ใช่ว่าต้องเลี้ยงเด็กแล้วไม่ไปสอบนะ!”

“สอบ! ผะ…ผมไปสอบอยู่นะ” น้องชายสามพยักหน้ารัว ๆ 

“แล้วนายเอาเวลาไหนไปเรียน”

“สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ของการสอบ ใครจะสอบวันไหนเวลาไหนก็ต้องไปแจ้งครู ผมเข้าสอบสลับกับให้สหายช่วยเลี้ยงเสี่ยวหนิงให้” น้องชายสามอธิบาย ยังดีที่เขามีสหายให้ปรึกษาและสหายของเขาก็ช่วยเลี้ยงลูกสาวตั้งแต่หล่อนมาอยู่ที่นี่

“สอบเสร็จหรือยัง”

“เสร็จแล้ว”

“มีเรียนอีกวันไหน” เพราะน้องชายสามเป็นคนบอกว่าเป็นสัปดาห์ของการสอบ คุณครูทุกคนในโรงเรียนต่างก็อยากให้เด็กตัวเองสอบผ่านมีคะแนนสูง ๆ การเรียนจึงละเลยไป และแทนที่ด้วยการติวข้อสอบ ส่วนใครที่สอบเสร็จก็เจอกันวันเรียนได้เลย แต่ส่วนมากทุกคนจะเลือกสอบวันละหนึ่งวิชาแต่ไม่เกินสามวิชา เพราะการสอบสำคัญจึงไม่ต้องการจะกดดันตัวเองมาก

“สัปดาห์หน้าครับ”

เป็นไปตามที่กัวเหม่ยอิงคิด หลายปีก่อนเธอก็สอบแบบนี้โดยสอบเพียงวันละสองวิชาเท่านั้น

“เก็บของของหล่อนให้หมด สัปดาห์นี้นายต้องกลับบ้าน”

น้องชายสามสอบเสร็จก็จริงแต่เขายังต้องไปเรียนต่อ ในวันที่ต้องไปเรียนใครจะดูแลลูกสาวให้เขากันล่ะ

 จะหวังพึ่งสหายก็คงไม่ได้เพราะเขาก็เรียนเช่นกัน จึงมีวิธีเดียวก็คือต้องเอาเด็กกลับบ้านด้วย

“ตะ…แต่”

“ไม่มีแต่ ฉันกับพี่สะใภ้รองของนายจะไปซื้อของ ระหว่างที่พวกฉันจะกลับมารับนายต้องเก็บของ เอาชุดนายไปด้วย ไปอยู่บ้านสักห้าวันแล้วค่อยกลับ” กัวเหม่ยอิงว่า

กัวเหม่ยอิงเดินออกจากห้องพักของน้องชายสามเพื่อกลับไปซื้อของที่สหกรณ์ ข้างหลังก็มีสะใภ้รองตามออกมา ตอนแรกเธอจะให้สะใภ้รองรออยู่ที่นี่ แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะถึงจะเป็นพี่สะใภ้กับน้องเขย แต่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นผู้ชายกับผู้หญิง หรือแม้แต่สามีภรรยายังต้องถือใบสมรสไปไหนมาไหนด้วยหากเดินทางไกล แม้แต่เดินจับมือก็ยังไม่ได้

“พี่สะใภ้ใหญ่จะทำยังไงคะ” สะใภ้รองคิดไม่ตก

การที่น้องชายสามของสามีมีลูกก่อนที่จะแต่งงานก็ว่าผิดประเพณีแล้ว การที่ไม่มีแม่ของลูกยิ่งแย่ไปใหญ่ เด็กคนนี้ควรจะมีพ่อแม่คอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่ต้องรอฟังเสียงนินทาของคนในหมู่บ้าน

“เราค่อยไปคุยที่บ้านอีกที” กัวเหม่ยอิงตอบ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เธอไม่สามารถตัดสินเองได้ จึงควรจะให้แม่สามีเป็นผู้ตัดสิน อีกอย่างเด็กคนนี้พวกเธอคงจะต้องเลี้ยงเอาไว้

กัวเหม่ยอิงเดินเข้าสหกรณ์ประจำอำเภอ ภายในสหกรณ์เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ของคนในหมู่บ้านที่นำมาขายให้กับกองผลิตอำเภอที่จะนำมาวางจำหน่ายที่สหกรณ์ สินค้าบางส่วนก็เป็นสินค้าต่างมณฑล

สิ่งแรกที่กัวเหม่ยอิงต้องการนั้นก็คือนมผงสำหรับเด็กแรกเกิด ตอนแรกเธอคิดที่จะซื้อไปเพียงพอสำหรับกินหนึ่งสัปดาห์

 วันหลังค่อยมาซื้อใหม่จะได้ไม่เป็นที่จับตาของคนในหมู่บ้าน แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะมีเด็กเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

“กระป๋องละ 5 หยวนเลยเหรอ” กัวเหม่ยอิงอุทานเบา ๆ นมผงพวกนี้นอกจากต้องใช้เงินแล้วยังต้องใช้คูปองอีก

“ถ้านมผงหมดล็อตนี้ทางสหกรณ์จะเอามาอีกทีคือสิ้นเดือนเลยนะคะ” พนักงานของสหกรณ์เดินเข้ามาบอกกัวเหม่ยอิงที่ลังเลจะซื้อ

วันนี้เพิ่งจะกลางเดือน แบบนี้แล้วหากเธอไม่ซื้อนมผงไปตุนเอาไว้ เธอก็จะไม่สามารถหาซื้อนมผงได้อีก จนกว่าจะขึ้นเดือนใหม่

“ถ้าหมดไม่ใช่ว่าต้องสั่งมาเพิ่มเหรอคะ” กัวเหม่ยอิงสงสัย เพราะนมผงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทางสหกรณ์กลับบอกว่าต้องรอหากต้องการจะมาซื้อ

“นมผงพวกนี้เราสั่งมาจากปักกิ่งค่ะ มันจึงต้องใช้เวลาในการขนส่ง และที่นี่ไม่ค่อยจะมีใครซื้อนมผงกันหรอกน่ะค่ะ” ค่านมผงทำให้พวกหล่อนได้กินข้าวหลายมื้อ พนักงานในโรงงานหรือร้านต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครจะซื้อนมผงให้ลูก ส่วนมากถ้าไม่ให้กินน้ำนมตัวเองก็จะกินน้ำข้าวแทน

และนมผงพวกนี้ก็อยู่มาเกือบจะสองเดือนแล้ว เหลืออีก 10 กระปุกจึงจะหมดในล็อตนี้ หล่อนที่เห็นคนในหมู่บ้านเข้ามาซื้อจึงรีบแนะนำ

“ขอบคุณค่ะ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

กัวเหม่ยอิงมองกระป๋องนมผงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจยกใส่ตะกร้าทั้ง 10 กระป๋อง แม้จะต้องใช้เงินเยอะมากแต่กัวเหม่ยอิงไม่ได้สนใจ เธอกลัวเด็กจะขาดสารอาหารมากกว่า

“เธออยากได้อะไรก็ไปเลือกเอาเถอะ” กัวเหม่ยอิงบอกน้องสะใภ้ที่ทำตัวเหมือนคนติดตามของเธอ

“ฉันไม่ต้องการจะซื้ออะไรค่ะ” หล่อนส่ายหัวปฎิเสธ

“ตามใจก็แล้วกัน”

Related chapters

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่6 มีแต่เรื่อง

    กัวเหม่ยอิงเดินดูอาหารแห้งในสหกรณ์ อาหารพวกนี้มีราคาต่ำกว่านมผงเป็นเท่าตัว หรือบางทีอาหารแห้ง 10 กว่าชั่งถึงจะพอค่านมผง 1 กระป๋องอาหารพวกนี้เป็นของจำเป็นสำหรับพวกเธอ กัวเหม่ยอิงจึงต้องซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่ง อย่างสาหร่ายแห้ง กัวเหม่ยอิงก็ซื้อไป 5 ชั่ง เกากี๋เพิ่มอีก 4 ชั่งเพราะที่บ้านยังเหลืออยู่ เหลือบไปเห็นฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งกัวเหม่ยอิงจึงหยิบมาอีกอย่างละ 10 ชั่ง“ของพวกนี้พี่จะซื้อจริง ๆ เหรอคะ” สะใภ้รองร้องถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยสาหร่ายแห้งกับเกากี๋หล่อนเข้าใจว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติในอาหารได้ดี และที่บ้านก็จะซื้อติดไว้แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมี แต่ฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งเป็นของที่ส่งมาจากมณฑลอื่นราคาจึงแพงกว่าของแห้งอื่น ๆ“ใช่ ฉันจะเอาไปบำรุงคุณแม่” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า อันที่จริงเธออยากจะได้หมึกแล้วก็กุ้งแห้งตัวโต ๆ เพิ่มอีก เพียงแต่ราคามันแพงเกินไป เธอยังไม่กล้าซื้อ จึงหยิบเอากุ้งแห้งตัวเล็ก ๆ มา 1 ชั่ง“ค่ะ”เพราะแม่สามีล้มป่วยในตอนนั้นพวกเธอไม่ได้พาไปหาหมอ หรือตามหมอมารักษาเพราะไม่มีเงินสักหยวน อย่าว่าแต่หยวนเลย สักเฟินก็ไม่มี ในความคิดของกัวเหม่ยอิงแม่สามีของ

    Last Updated : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่7 เอาเด็กไปคืนแม่

    “ไม่ได้!”เสียงตวาดของคุณย่าหานดังลั่นบ้านใหญ่เมื่อน้องชายสามเอ่ยบอกเรื่องราวทั้งหมดและยืนยันที่จะเลี้ยงลูกสาว ไม่ให้ส่งลูกสาวกลับบ้านแม่เดิมของหล่อนสำหรับคนสกุลหานนั้นพวกเขาถือตัวเป็นใหญ่เพราะมีสมาชิกในบ้านเยอะ รวมถึงบ้านเดิมของเหล่าสะใภ้อีก พวกเขาจึงคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตาไม่ควรทำอะไรให้เสื่อมเสีย แต่แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ หล่อนเป็นลูกสาวของผม” น้องชายสามกล่าวด้วยความไม่พอใจ ปกติเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าจะปฎิเสธใคร แต่เว้นคนสกุลหานเอาไว้ด้วยความที่เขาแทบจะเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านจึงถูกเลี้ยงมาอย่างดี และที่เขาเป็นผู้เป็นคนอยู่ก็เพราะถูกสอนจากมารดา เว้นคนสกุลหานที่เขาไม่ค่อยจะฟังมารดา บ้านก็แยกกันแล้วบ้านใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป“เจ้าสาม! นายลืมไปแล้วเหรอว่านายยังไม่ได้แต่งงานแต่นายกลับมีลูกกลับมา” คุณย่าหานพยายามโน้มน้าวหลานชายในบรรดาหลานชายของนางที่มาจากบ้านสาม คุณย่าหานเอ็นดูหานหรงอี้ที่สุด เพราะเขาเรียนในระดับที่สูงกว่าเหล่าหลานชายในบ้านของนางที่ได้เรียน และเขายังเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนสกุลหานได้ เพียงแต่วันนี้กลับทำให้นางโกรธมาก เมื่อหลานชายที่คิดว

    Last Updated : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่8 สัญญาการกู้ยืม

    กัวเหม่ยอิงเดินนำสะใภ้รองกับน้องชายคนเล็กของสามีไปยังบ้านเลขาธิการขอฃหมู่บ้าน ที่เธอพูดกับบ้านใหญ่ไปเธอไม่ได้แค่ขู่ เธอพูดจริงแล้วก็ทำจริง และระหว่างนั้นเธอก็แวะไปเอาเอกสารทั้งหมดที่มีไปด้วยโชคดีที่เลขาธิการหมู่บ้านทำธุระเสร็จแล้วก็เลยกลับมาดูแลหมู่บ้าน พรุ่งนี้ทุกคนก็จะต้องลงแปลงนาอีกครั้งเนื่องจากหยุดมาสามวันทุกอย่างก็เลยยุ่ง ๆ“เลขาธิการคะ”บริเวณที่กัวเหม่ยอิงมาเป็นกองผลิตของหมู่บ้าน จึงไม่แปลกหากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้าอาหาร ยุคนี้เป็นยุคข้าวยากหมากแพง คนในหมู่บ้านที่ไม่มีเงินซื้อหรืออดอยากต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบางครั้งพวกเขาก็จะหาทางขโมยอาหารของหน่วยผลิตแต่ละตำบลและหมู่บ้านหน่วยผลิตจะแยกออกเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านไหนมีคนเยอะก็แยกเป็น 1 หน่วย แต่ถ้าหมู่บ้านที่มีน้อยก็จะถูกจัดคู่กับหมู่บ้านข้างเคียงให้เป็น 1 หน่วย และหมู่บ้านของพวกเธอนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงไม่ต้องรวมกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จธัญพืชบางส่วนก็จะถูกส่งเข้ากองกลางของตำบล และเข้าเมืองต่อไปหากฤดูไหนได้ผลผลิตน้อยคนในหมู่บ้านต่างได้รับคงามเดือดร้อนกันทั่ว ลำพังผลผลิตน้อยมากแล้วยังต้องส่งเข้าก

    Last Updated : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่9 ที่ดินของพี่ใหญ่หานเซิน

    การที่คุณย่าหานตกใจจนเข่าอ่อนก็เป็นเหมือนกับการยืนยันว่าคุณย่าหานเอาโฉนดที่ดินของบ้านสามไปจริง ๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ได้ยินแม่สามีบอกว่าเป็นของลูกชายของนางก็ทำตัวไม่ยอมขึ้นมา แม่สามีของนางตั้งใจจะเอาให้หลานชาย ซึ่งคนนั้นก็คือลูกชายของนางและนางไม่ยอมให้มันหลุดมือไป“เดี๋ยวสิ! หากมันเป็นของหลานชายจริง มันก็ต้องอยู่กับพวกเธอสิ” ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ขนาดนี้แล้วป้าสะใภ้ใหญ่ก็คงจะไม่ยอมรับสินะคะ แต่อย่าลืมเรื่องเงินที่ยืมไปด้วยค่ะ” กัวเหม่ยอิงเปลี่ยนเรื่องให้ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเข้ามายุ่งลุงใหญ่มาเอาเงินไปมากกว่าห้าร้อยหยวนโดยที่พวกนางไม่รู้ก็ว่าแย่แล้ว นางที่มีลายมือการยืมเงินบนเอกสารก็ยิ่งมีชะงักติดหลัง แม่สามีของนางถึงจะไม่ได้ถือเงินเองแล้วแต่นางก็ต้องรับรู้เรื่องเงินที่เข้ามาและออกไป“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเธอไม่ได้โกหก อีกอย่างปู่ของเธอก็ตายไปแล้ว จะให้ไปปลุกสหายของปู่เธอขึ้นมาอีกคนก็คงจะไม่ได้” คุณย่าหานที่มีหลานสาวเข้ามาพยุงเอ่ยขึ้นนางผ่านโลกมานานกว่าหลานสะใภ้จึงปรับอาการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นชื่อของหลานชายแต่นางก็หาข้อโต้แย้งไม่ได้ ขนาดนางยังจ

    Last Updated : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่10 ช่องทาหาเงิน

    กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเลขาธิการของหมู่บ้านทำยังไงให้ได้เงินจากบ้านใหญ่คืนมา แต่เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนเอามาให้พวกเธอที่ตื่นมาทำกับข้าวมื้อเช้า ถึงแม้จำนวนเงินจะได้มาเพียง 1,000 หยวน แต่มันก็ทำให้พวกเธออยู่ได้อีกนาน เมื่อรวมกับเงินที่มีก็ถือว่ามากพอแล้ว“เดี๋ยวสาย ๆ ฉันจะออกไปดูที่ดิน” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่กำลังทุบไก่แห้ง“งั้นฉันจะดูแลเด็ก ๆ ก็แล้วกันค่ะ เมื่อวานคุณแม่อยู่กับหลานทั้งวันท่านคงอยากจะพัก” สะใภ้รองพยักหน้าอาหารมื้อเช้าของพวกเธอกัวเหม่ยอิงทำแกงจืดเนื้อไก่ให้ผู้เป็นแม่สามี ส่วนพวกเธอนั้นกัวเหม่ยอิงหุงข้าวแล้วนำไปผัดกับไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ“จริงสิ ให้น้องชายสามทำคอกไก่แล้วก็แปลงผักด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วค่อยให้ไปหาฟืน” กัวเหม่ยอิงว่าพลางยกหม้อแกงจืดลง“ได้ค่ะ พี่จะไปดูที่ดินตอนไหน”“กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวอากาศจะร้อน”สองสะใภ้ต่างช่วยกันทำกับข้าวมื้อเช้าของบ้าน ส่วนน้องชายสามนั้นไปหาบน้ำมาใส่โอ่งให้พวกเธอใช้เพราะน้ำเริ่มจะหมดแล้วกัวเหม่ยอิงเทน้ำในชามที่เทน้ำร้อนใส้ไว้เมื่อคืนทิ้ง นำชามไปล้างให้สะอาดแล้วก็นำมาลวกในน้ำร้อน จากนั้นนำไปคว่ำไว้ พอแห้งจึงจะเทน้ำต้มสุกเก็บไว้ จริง ๆ กัว

    Last Updated : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่11 ซื้อไหเพิ่ม

    น้องชายสามกลับไปเรียนได้หลายวันแล้ว กลับไปพร้อมกับความหวังของกัวเหม่ยอิงที่อยากจะได้อิฐมาสร้างบ้านหลังใหม่ แม้ในใจของหานหรงอี้อยากจะปฎิเสธแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนดูแลคนในบ้าน จึงต้องพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สะใภ้รองห่อของกินให้น้องชายของสามีตามคำสั่งของพี่สะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ตากแห้ง เห็ดตากแห้ง และหน่อไม้ที่ต้มใส่ไหไว้ กัวเหม่ยอิงให้เขาเอาไปให้สหาย 1 ไห เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลหลานสาว พร้อมกับเงินที่ให้น้องชายของสามีไปใช้อีก 50 หยวน โดยที่กัวเหม่ยอิงบอกให้เขาใช้เต็มที่จนกว่าจะเรียนจบ และบางทีอาจต้องใช้เงินหาอิฐจำนวนมาก หากไม่พอค่อยกลับมาที่บ้านเล้าไก่ถูกซ่อมแซมจนแข็งแรงและทนทาน เธอเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าเชือกเท่านั้น จากนั้นจึงทำความสะอาดเล้าไก่ โดยนำมูลไก่ไปทำปุ๋ยใส่แปลงผัก ส่วนแปลงผักกัวเหม่ยอิงกลัวว่าจะไม่ทันหากให้น้องชายสามีเป็นคนทำ เธอจึงจ้างพี่ชายของเธอมาทำแปลงผักให้ใหม่ โดยให้วันละ 1 หยวน และทำอย่างอื่นอีกจึงใช้เวลาสองวัน กัวเหม่ยอิงจึงจ่ายเงินให้ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งแน่นอนว่าถูกปฎิเสธเพราะเขาต้องการช่วยน้องสาวเท่านั้น แต่กัวเหม่ยอิงรู้ว่าพี่ชายจะ

    Last Updated : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่12 คุยกับบ้านกัว

    กัวเหม่ยอิงใช้รถเข็นที่ให้พี่ชายทำขึ้นให้ในการเข็นไหครึ่งหนึ่งไปล้างในแม่น้ำ อันที่จริงมันก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่จะให้หอบไปทีละไหก็กลัวว่าจะเสียเวลาเพราะรถเข็นมีขนาดเล็กไหนจะจำนวนไหที่เยอะอีก กัวเหม่ยอิงจึงแบ่งครึ่งไปล้างสองรอบ โดยเธอใช้น้ำผสมขี้เถ้าที่ผสมไว้ล้างถ้วยชามกับกาบมะพร้าวในการขัดไห ขี้เถ้ามีฤทธิ์เป็นด่างช่วยลดคราบมันได้ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายจึงไม่มีใครมาใช้น้ำ น้ำในแม่ที่คนในหมู่บ้านใช้ทุกวันจึงใสมาก แต่หากเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานน้ำจะขุ่นเพราะคนในหมู่บ้านจะมาอาบน้ำและซักผ้าที่นี่ ใครบ้านอยู่ใกล้ก็ดีไปเพราะใครอาบน้ำก่อนก็จะได้อาบน้ำที่ใสกว่ากัวเหม่ยอิงล้างไหเสร็จก็คว่ำทิ้งไว้บนรถเข็น พอล้างครบก็เข็นกลับบ้าน จากนั้นก็เอาไปคว่ำทิ้งไว้ที่หลังบ้าน เวลาจะใช้ค่อยนำไปต้มฆ่าเชื้อในน้ำที่เดือดก็ใช้ได้แล้ว อันที่จริงในยุคนี้คนในหมู่บ้านต่างไม่มีขั้นตอนเยอะแบบนี้หรอก เพราะนอกจากเปลืองน้ำแล้ว ยังเปลืองฟืนอีก เธอทำแบบนี้อยู่สองรอบก็ล้างไหครบทั้งหมดสามสิบไห“ล้างเสร็จแล้วเหรอคะ ฉันว่าจะไปช่วยพอดี” สะใภ้รองที่เดินออกจากห้องแม่สามีถาม“อืม” กัวเหม่ยอิงพยักหน้ากัวเหม่ยอิงเดินเข้าครัวพร้อมก

    Last Updated : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่13 บ้านกัวตอบตกลง

    มีคนในหมู่บ้านที่มีเกวียนวัวจะเข้าอำเภอพอดี กัวเหม่ยอิงจึงขอติดไปด้วยพร้อมกับให้เงินไป 1 เหมา เป็นค่าเดินทาง ซึ่งเจ้าของเกวียนก็อนุญาตวันนี้กัวเหม่ยอิงจะเข้าอำเภอเพื่อไปซื้อของมาทำซาลาเปาพรุ่งนี้ เพราะบ้านกัวให้คำตกลงแล้วว่าจะมาถอนหญ้าให้เมื่อวันก่อน และที่พวกเขาต้องรอทำพรุ่งนี้เพราะเพิ่งทำเรื่องขอหยุดงานในแปลงเสร็จนอกจากค่าจ้างแล้วกัวเหม่ยอิงก็จะทำกับข้าวมื้อกลางวันให้บ้านกัวด้วย จริง ๆ เธอต้องการจะทำกับข้าวมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน แต่บ้านกัวไม่เห็นด้วยเพราะมันสิ้นเปลือง แต่สุดท้ายกัวเหม่ยอิงก็ได้ทำกับข้าวมื้อกลางวัน โดยที่บ้านกัวจะหาเนื้อมาให้“สะใภ้ใหญ่บ้านหาน ฉันจะกลับหมู่บ้านบ่ายสองให้มารอที่นี่” เจ้าของเกวียนวัวบอกกัวเหม่ยอิงพยักหน้าพลางกระชับถุงผ้าในอ้อมกอดแล้วเอ่ยตอบ “ได้ค่ะ ช่วงประมาณบ่ายโมงฉันจะมารอที่นี่”เมื่อเจ้าของเกวียนวัวห่างจากสายตาออกไปกัวเหม่ยอิงก็กำชับผ้าคลุมบนหัวแน่น พร้อมกับเดินเลี่ยงไปยังซอยเปลี่ยว วันนี้กัวเหม่ยอิงลองเอาหน่อไม้มาขายเพราะที่บ้านเริ่มจะไม่มีที่เก็บแล้วยามที่เฝ้าประตูทางเข้าตลาดมืดเดินเข้ามาขวางกัวเหม่ยอิงเอาไว้ กัวเหม่ยอิงจึงหยิบเงินให้เขา 1 เ

    Last Updated : 2024-12-17

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่54 ลิขิตฟ้า ชะตาสวรรค์

    ไข่เป็ดเป็นไข่ที่มีกลิ่นแรง เวลาทำอาหารถ้าไม่ใช่คนที่ทำอาหารเก่ง หรือรู้วิธีทำให้ไข่เป็ดไม่ให้มีกลิ่นคาวในยุคนี้หายากมาก บ้านไหนที่มีกำลังซื้อไข่กินก็จะเลือกซื้อไข่ไก่มากกว่าไข่เป็ดอย่างไข่เป็ดกับไข่ไก่ที่เอามาวางขายที่ร้าน กัวเหม่ยอิงถามคนในบ้านดูแล้ว มันถูกซื้อน้อยกว่าไข่ไก่เป็นครึ่ง อีกอย่างไข่เป็ดก็เหลือกลับบ้านทุกวัน เพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าเป็ดกับลูกเจี๊ยบจะฟักไข่ออกมาเป็นตัว ถ้าวันไหนขายไม่หมดก็ให้เอากลับมากินที่บ้าน อีกอย่างถ้าเก็บไว้มันก็จะผสมกับไข่ใหม่ ถ้าลูกค้าได้ไข่ที่ไม่ดีไปร้านก็จะเสียหายกัวเหม่ยอิงที่กลับมาอยู่บ้านหลายวันจึงแก้ปัญหาด้วยการที่ขายแค่ไข่ไก่ และนำไข่เป็ดที่ได้ในแต่ละวันออกมาทำไข่เค็ม บางส่วนก็นำไปทำอาหารกินในบ้านแต่ไข่ไก่ที่ร้านนั้นต้องบอกว่ามันขายดีมาก กัวเหม่ยอิงจึงเช่าที่ดินของบ้านกัวข้างบ้านในการสร้างเล้าแล้วเลี้ยงเป็ดกับไก่ โชคดีที่บ้านกัวได้เก็บเกี่ยวข้าวที่ทำหมดแล้วและปล่อยที่ดินว่างไว้ กัวเหม่ยอิงจึงขอเช่าที่ข้างบ้านปีละหนึ่งพันหยวน มันจะสามารถเลี้ยงไก่กับเป็นได้เป็นพัน ๆ ตัวซึ่งแน่นอนว่าตอนแรกบ้านกัวจะไม่รับเงินในส่วนนี้ แต่กัวเหม่ยอิงก็ได้อธิบา

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่53 เสื้อยืดมีลาย

    กัวเหม่ยอิงสอนมู่ลี่ มู่จี้ ทำบัญชีของร้าน เพราะเธอต้องกลับไปที่อำเภอจึงต้องให้สองสาวฝาแฝดเป็นคนจัดการในร้าน เธอต้องการขยายร้านให้มีหลายสาขาและขั้นตอนแรกเธอจึงต้องไว้ใจให้พนักงานเป็นคนดูแล และจะเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะเอาส่วนเรื่องหน้าร้านกลัวเหม่ยอิงไม่ได้เป็นห่วงแล้ว ทั้งสองรู้จักวิธีขาย และจัดการเวลาพักได้อย่างดีตลอดหนึ่งเดือนที่ได้เปิดร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ถูกพูดถึงไปทั่วมณฑล เวลากัวเหม่ยอิงไปสั่งซื้อเสื้อยืดจากร้านประจำ เธอก็ถูกเเจ้าของร้านแซวว่าตอนนี้ร้านของเธอไปได้ไกลกว่าหล่อนซะอีก ซึ่งเธอก็บอกว่าเป็นแค่ช่วงขาขึ้นและตอนนี้กัวเหม่ยอิงได้ย้ายที่พักแล้ว มันเป็นบ้านพักสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องโถง มันเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของคุณลี่หวานที่พอรู้ว่ากัวเหม่ยอิงหาบ้านก็ตื้อให้มาพักในบ้านเช่าของเขา โดยให้เหตุผลว่าไหน ๆ เธอก็จะกลับไปอยู่ที่อำเภอ แล้วเข้ามาพักในมณฑลเป็นบางครั้ง ก็เช่าบ้านเช่าเขาก็ได้ โดยที่เช่าเดือนละ 100 หยวน ซึ่งมันถูกมากหากเทียบกับคนอื่นที่เช่า เพราะบ้านเช่าแบบนี้เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 200 หยวนซึ่งกัวเหม่ยอิงจะกลับบ้านพรุ่งนี้ วันนี

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่52 ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่

    ภายในตัวร้านเป็นร้านขนาดเล็กแต่พอเอาของที่อยู่ภายในร้านออก มันก็กว้างแทบจะพอ ๆ กับร้านขายของหานอีเลย ซึ่งกว่าจะใช้เวลาทำความสะอาดและต่อเติมมันก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ระหว่างที่รอร้านต่อเติมเสร็จกัวเหม่ยอิงก็แวะไปดูเสื้อที่สั่งตัดเย็บด้วย จากที่ตอนแรกมันจะได้วันละไม่ถึงห้าสิบตัว แต่พอกัวเหม่ยอิงให้ตัวละ 2 หยวน ทุกคนจึงเร่งฝีมือทำให้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เสื้อยืดที่ได้ส่งไปให้โรงตัดเย็บก็ปักเสร็จพอดี กัวเหม่ยอิงจึงให้ผู้หญิงในโรงตัดเย็บที่ฝีมือดีออกแบบลายเสื้อผ้าให้ส่วนสองสาวฝาแฝดมู่กัวเหม่ยอิงได้ทดสอบความรู้ของพวกเธอไป พวกเธอมีความรู้และรู้จักตัวหนังสือเยอะพอสมควร ตลอดหนึ่งสัปดาห์กัวเหม่ยอิงจึงได้บอกระบบของร้านว่าควรจะทำยังไง เวลาขายเสื้อได้ต้องจดยังไงซึ่งกัวเหม่ยอิงไม่ได้คาดหวังให้ร้านเสื้อผ้าของเธอเป็นร้านใหญ่ที่สุดในมณฑล แต่เธอคาดหวังว่าร้านจะเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะมณฑลนี้ หรือมณฑลไหน“เธอจดผิดนะมู่ลี่ มันต้องขีดสีขาวสองตัว สีดำสามตัว ไม่ใช่สีขาวสาม สีดำสอง” กัวเหม่ยอิงชี้จุดผิดให้หล่อนดูกำหนดเปิดร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ ที่ย่อมาจากหานเมิ่งลู่ลูกสาวของเธอคืออีกสองวันข้างหน้า วันนี้

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่51 ได้ร้านเช่าแล้ว

    ก่อนที่จะไปหาเช่าสถานที่เปิดร้านเสื้อผ้า กัวเหม่ยอิงก็ได้เข้าไปสั่งซื้อเสื้อยืดจากร้านประจำ รอบนี้กัวเหม่ยอิงสั่งซื้อแค่จำนวน 500 ตัว โดยที่แยกเป็นสีดำ สีขาวสีละ 250 ตัว ที่เธอสั่งมาแค่ 500 ตัว ก็เพราะตอนนี้เธอยังอยู่ที่โรงแรม ร้านที่จะเปิดขายเสื้อผ้าก็ยังไม่มี จึงไม่อยากรบกวนทางโรงแรมมากนักเนื่องจากเธอได้รบกวนคุณลี่หวานมา 2 วันติด วันนี้จึงไม่ได้ให้เขามาช่วยหาร้านเช่าขายเสื้อ แต่เธอได้ฝากเสื้อยืดทั้งหมดให้คุณลี่หวานไปให้โรงตัดเย็บแล้วส่วนวันนี้หลังจากกินข้าวมื้อเช้าในห้องเสร็จกัวเหม่ยอิงกับพี่ใหญ่กัวก็เปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกไปหาร้านเช่ากัน โชคดีที่โรงแรมไม่ได้ห่างย่านการค้ามากกัวเหม่ยอิงไม่ได้เจาะจงว่าร้านขายเสื้อจะเป็นตึกหรือเป็นร้านเล็ก ๆ เธอขอแค่ให้เป็นร้านที่ไม่ได้แออัดมาก และเป็นร้านที่โดดเด่นหรือไม่ก็เป็นที่สังเกตได้ง่ายของเหล่าลูกค้า“พี่ถามคุณลี่แล้ว เขาบอกห้องเช่าจะถูกกว่าตึกเกือบครึ่งหนึ่งเลย ถึงจะเล็กกว่ามาก แแต่เขาก็แนะนำให้เช่าห้องเช่าในย่านการค้า แล้วเขาก็บอกอีกว่าให้ทำสัญญาเช่าสักปี สองปี ไม่ต้องเช่านานแต่ก็ไม่เช่าน้อยไป เพราะถ้าเราขายดีแล้วเจ้าของที่จะไม่ให้เราขายต

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่50 โรงตัดเย็บสมาคมแม่บ้าน

    คุณลี่หวานพากัวเหม่ยอิงขับรถวนหาโรงงาน7-8โรงงานแล้ว บางโรงงานมันก็ดี แต่สำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วคุณภาพมันไม่ได้เลย บางโรงงานเก็บรายละเอียดตั้งแต่ใหญ่จนเล็ก แต่ผ้าที่ใช้ขาดคุณภาพ บางโรงงานผ้าคุณภาพดีแต่การปักเย็บไม่ละเอียดกัวเหม่ยอิงไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสามารถหาโรงงานตัดเย็บได้ตั้งแต่วันแรก แต่เธอก็อยากได้สักโรงงานมาจดเอาไว้ก่อน ไม่มีโรงงานไหนที่ถูกใจกัวเหม่ยอิงเลย ไม่ว่าจะเป็นโรงงามขนาดใหญ่ โรงงานขนาดกลาง และโรงงานขนาดเล็กกัวเหม่ยอิงไม่ว่าอะไรหากเสื้อผ้าของเธอจะมาจากโรงงานขนาดเล็ก แต่ขอให้ผ้ามีคุณภาพและสามารถตัดเย็บได้ตามที่เธอต้องการก็พอ“อันที่จริงผมว่าจะพาไปดูกลุ่มแม่บ้านแต่คงจะไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะพาไปใหม่นะครับ” คุณลี่หวานขับรถมาส่งสองพี่น้องบ้านกัวที่หน้าโรงแรมกัวเหม่ยอิงพยักหน้าเบา ๆ “จะไม่รบกวนใช่ไหมคะ” วันนี้เธอก็รบกวนเขาทั้งวันแล้วคุณลี่หวานโบกมือปฎิเสธ “รบกวนอะไรกันครับผมเต็มใจ อีกอย่างพรุ่งนี้ร้านขายผลไม้ผมหยุดพอดี” เขาตอบ ถึงแม้จะต้องเข้าไปดูบัญชีแต่เขาก็สามารถตรวจตอนเย็นได้“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”กัวเหม่ยอิงว่าพลางลงจากรถ ตามด้วยพี่ใหญ่กัวที่แทบจะหลับแล้ว เนื่อ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่49 หาโรงงานตัดเย็บ

    ผักกาด ต้นหอม หัวไชเท้า และแครอทถูกตัดและขุดขึ้นมาหลังจากมันโตเต็มที่แล้ว จากนั้นก็นำไปล้างให้สะอาดเรียบร้อยก่อนจะถูกนำไปแช่ในน้ำเกลือ ผักรอบนี้ที่เก็บขึ้นมากัวเหม่ยอิงทำกิมจิทั้งหมด เพราะผักดองมันเหลือเก็บไว้อยู่ส่วนแปลงผักที่ว่างกัวเหม่ยอิงก็จัดการบำรุงดินอยู่สามวันถึงจะให้ลงเมล็ดผักรอบใหม่ และเน้นไปที่ผักกาดเอาไว้ทำกิมจิและวันนี้ก็เป็นวันที่กัวเหม่ยอิงกับพี่ใหญ่กัวจะเข้ามณฑลโดยที่จะเข้าแบบไม่มีกำหนดกลับ เนื่องจากจะหาโรงงานเย็บลวดลายเสื้อ ไหนจะหาเช่าขายเสื้อของเธออีกโดยเงินเก็บของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมามีมากถึงหนึ่งหมื่นกว่าหยวน จำนวนเงินนี้รวมกับที่เธอมีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่รวมเงินส่วนแบ่งทุกเดือนของลูกสาวหรือเงินที่ผู้ใหญ่ให้ในวันสำคัญของหล่อน อันนั้นกัวเหม่ยอิงก็แยกไว้อีกส่วน ไว้หล่อนโตจนบริหารเงินเองได้ถึงจะเอาคืนให้“เดี๋ยวฉันตามไปค่ะ”กัวเหม่ยอิงบอกกับพนักงานร้านขายผลไม้ร้านประจำที่เธอซื้อบ่อย ๆ ทันทีที่พวกเธอเข้ามาในตัวมณฑล หล่อนก็วิ่งมาบอกอย่างรู้งาน และมันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเธอเข้ามาคุณลี่หวานหรือเจ้าของร้านผมไม้จะให้พนักงานในร้านมาเชิญกัวเหม่ยอิงไปกินข้าวด้วยท

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่48 ร้านเสื้อผ้าหานเอ้อร์

    กิมจิถูกเปิดชิมหลังทำการเก็บไว้ถึงสองอาทิตย์ สำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วกลิ่นมันแปลกมาก ซึ่งตอนแรกเธอคิดว่ามันจะกินไม่ได้ แต่เพราะได้ทำแล้วจะทิ้งก็เสียดายของ จึงตักขึ้นชิมดู และต่อให้มีกลิ่นที่แปลก รสชาติที่ไม่คุ้นลิ้น แต่มันก็ยังสามารถกินได้เพราะมันไม่เน่าเลยสิ่งแรกที่กัวเหม่ยอิงจะทำคือการทอดใส่ไข่ไก่ ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร กัวเหม่ยอิงจึงหั่นกิมจิผักกาดออกเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นก็นำไปใส่ไข่ไก่ที่ตีไว้แล้ว กัวเหม่ยอิงไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่ม เพราะอยากรู้รสชาติว่ามันจะเป็นยังไงส่วนกิมจิผักกาดที่เหลือก็ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเหมือนกัน เธอตักใส่จานไว้ มันเป็นเครื่องเคียงอาหารมื้อเช้าของวันนี้ โดยมีข้าวต้มปลาเป็นอาหารจานหลัก ส่วนกิมจิแครอทกับหัวไชเท้าหั่นฝอยกัวเหม่ยอิงชิมแล้วรสชาติมันถูกปากจึงนำไปผัดใส่น้ำมันพริกให้กลิ่นหอม“ผักดองเหรอครับ” เป็นหลี่หม่าฮัวที่ถามขึ้นมาเมื่อเคี้ยวถูกผักกาดในไข่แต่มันมีรสชาติที่ไม่คุ้นลิ้นกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “มันเป็นผักดองแบบใหม่ ฉันพึ่งทดลองทำขึ้นมาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว รสชาติเป็นยังไงบ้าง” ยอมรับว่าไข่เจียวกิมจิผักกาดมันถูกปากอยู่บ้าง แต่กัวเหม่ยอิงสนใจกิมจิแครอท

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่47 พี่สาวใหญ่เป็นพนักงาน

    หลังจากแช่ผักไว้ครบ 2 ชั่วโมง กัวเหม่ยอิงก็นำผักกาดที่แช่ไว้มาใส่ชามที่เตรียมไว้ผสม ส่วนแครอทกับหัวไช้ท้าหั่นฝอยถูกแยกไว้อีกชาม เพราะกัวเหม่ยอิงแยกทำนอกจากผักยังมีเครื่องปรุงที่กัวเหม่ยอิงได้เตรียมไว้นั่นก็คือ แป้งข้าวเจ้า พริกป่นที่คั่วเก็บไว้ น้ำตาล เกลือ ขิงกับกระเทียมที่สับละเอียดต้มน้ำเปล่าด้วยไฟกลาง พร้อมกับเทแป้งข้าวเจ้าลงไปคนให้ละลายจนน้ำเริ่มข้น แล้วยกลงจากเตาเทใส่ชามเปล่าปรุงรสด้วยเกลือ พริก น้ำตาล คนผสมจนเข้ากันแล้วเทลงชามผัดกาด เติมขิง กระเทียมสับและต้นหอมลงไปนวดให้ผักกาดและเครื่องปรุงเข้ากัน กัวเหม่ยอิงก็เก็บใส่โหลแก้วที่ถูกทำความสะอาดแล้วส่วนแครอทกับหัวไชเท้าหั่นฝอยกัวเหม่ยอิงก็ทำเหมือนกันเพียงแค่ไม่ได้ใส่ต้นหอม เพราะเธอใส่ผักกาดขาวไปหมดไม่รู้ว่ากิมจิที่เธอลงมือทำครั้งแรกโดยที่ไม่เคยกินจะสำเร็จหรือเปล่า เพราะพริกที่ใช้ทำเป็นพริกจีน ไม่ใช่พริกแบบที่ใช้ทำกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บเอาไว้ในโหล รอดูอีก 2-4 สัปดาห์ว่ามันจะกินได้ไหมหลังจากทำกิมจิเสร็จ หน้าที่ของกัวเหม่ยอิงก็ต้องล้างทำความสะอาด แล้วไปช่วยผู้เป็นพี่สาวฝานกล้วยที่จะนำไปตากแดด รอทอดใส่โหลวางขาย ซึ่งตอนนี้กั

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่46 กิมจิ

    บ้านสามสกุลหานลอยตัวเหนือข่าวที่บ้านใหญ่เอาที่ดินไปขาย แม้ภายหลังจะมีผู้อาวุโสของหมู่บ้านเข้ามาสอบถาม พวกเธอก็ตอบแค่ที่รู้เท่านั้น และปฎิเสธที่จะขายที่ดินต่อ เนื่องจากจะยกให้น้องชายสาม“เธออยู่พอดีเลย มานี่หน่อย”กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่ยืนนิ่ง จากนั้นก็เอากระดาษที่เอามาจากในอำเภอออกจากกระเป๋าผ้ากับเสื้อยืดสีขาวและสีดำอย่างละตัว “นี่เป็นลวดลายที่ฉันต้องการเย็บลายแบบนี้ เธอสามารถทำได้ไหม ลายไหนก็ได้ใน 5 ลายนี้ หรือถ้าไม่เข้าใจก็สามารถอ่านรายละเอียดได้” กัวเหม่ยอิงอธิบายเมื่อพาสะใภ้รองเข้าห้องตัดเย็บผ้าของบ้านสะใภ้รองนั่งลงประจำเก้าอี้ที่หล่อนเข้ามาบ่อย ๆ ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาดู มันเป็นรูปลวดลายที่พี่สะใภ้อยากให้เย็บเพิ่มเติมในเสื้อยืด พร้อมกับรายละเอียดอย่างชัดเจน และยังดีที่หล่อนอ่านหนังสือได้แล้ว มันจึงไม่ใช่ปัญหา“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะถูกใจพี่ไหมเพราะฉันไม่เคยทำเสื้อยืด อีกอย่างเสื้อยืดสีดำคงจะมีแค่ด้ายสีขาวที่ใช้ได้” เพราะถ้าใช้สีอื่นมันจะไม่เข้ากัน“ได้ แล้วก็ไม่ต้องเร่งเย็บก็ได้” กัวเหม่ยอิงบอกเธอสั่งให้พี่ชายทำราวไม้กับไม้แขวนเสื้อให้ก่อนที่จะเปิดร้าน เวลาขายเสื้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status