แชร์

บทที่8 สัญญาการกู้ยืม

ผู้เขียน: Ainthira06
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-16 15:43:27

กัวเหม่ยอิงเดินนำสะใภ้รองกับน้องชายคนเล็กของสามีไปยังบ้านเลขาธิการขอฃหมู่บ้าน ที่เธอพูดกับบ้านใหญ่ไปเธอไม่ได้แค่ขู่ เธอพูดจริงแล้วก็ทำจริง และระหว่างนั้นเธอก็แวะไปเอาเอกสารทั้งหมดที่มีไปด้วย

โชคดีที่เลขาธิการหมู่บ้านทำธุระเสร็จแล้วก็เลยกลับมาดูแลหมู่บ้าน พรุ่งนี้ทุกคนก็จะต้องลงแปลงนาอีกครั้งเนื่องจากหยุดมาสามวันทุกอย่างก็เลยยุ่ง ๆ

“เลขาธิการคะ”

บริเวณที่กัวเหม่ยอิงมาเป็นกองผลิตของหมู่บ้าน จึงไม่แปลกหากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้าอาหาร ยุคนี้เป็นยุคข้าวยากหมากแพง คนในหมู่บ้านที่ไม่มีเงินซื้อหรืออดอยากต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

บางครั้งพวกเขาก็จะหาทางขโมยอาหารของหน่วยผลิตแต่ละตำบลและหมู่บ้าน

หน่วยผลิตจะแยกออกเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านไหนมีคนเยอะก็แยกเป็น 1 หน่วย แต่ถ้าหมู่บ้านที่มีน้อยก็จะถูกจัดคู่กับหมู่บ้านข้างเคียงให้เป็น 1 หน่วย และหมู่บ้านของพวกเธอนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงไม่ต้องรวมกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จธัญพืชบางส่วนก็จะถูกส่งเข้ากองกลางของตำบล และเข้าเมืองต่อไป

หากฤดูไหนได้ผลผลิตน้อยคนในหมู่บ้านต่างได้รับคงามเดือดร้อนกันทั่ว ลำพังผลผลิตน้อยมากแล้วยังต้องส่งเข้ากองกลางอีก

“อ้าว ว่ายังไงล่ะสะใภ้ใหญ่บ้านหาน พวกเธอพากันมาทำอะไรที่นี่” เลขาธิการของหมู่บ้านทัก

เลขาธิการของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ชายวัยกลางคนแล้ว อีกทั้งยังเป็นสหายของพ่อสามีอีก

เพราะแบบนี้แล้วกัวเหม่ยอิงจึงไว้ใจเขาเรื่องสัญญาที่มีชื่อลงนามเป็นพยาน

คนในหมู่บ้านที่อยู่รอบข้างต่างเดินเข้ามามุงอย่างอยากรู้อยากเห็น หากเป็นวันปกติพวกเขาคงจะมาออกันแบบนี้ไม่ได้หรอก แต่วันนี้เป็นวันหยุดเลขาธิการหมู่บ้านจึงไม่สามารถห้ามใครได้

“ฉันมาคุยเรื่องสัญญาแยกบ้านของบ้านสามกับบ้านใหญ่ค่ะ” กัวเหม่ยอิงปรายตามองน้องชายสามีเล็กน้อยแล้วหันกับมาคุยกับผู้อวุโสในหมู่บ้าน

“หื้ม พวกเจ้ามีเรื่องกันรึ!” 

แม้ตัวเขาจะเป็นสหายของพ่อสามีหล่อนแต่เขาก็เป็นเลขาธิการของหมู่บ้าน การจะทำอะไรจึงต้องมองฝั่งตรงข้ามด้วย

“ไหน ๆ เราก็ทำสัญญาตัดขาดกันมาหลายปีแล้ว ปีนี้สามีฉันตาย ลูกสาวก็ยังเล็ก” กัวเหม่ยอิงเกริ่น

ไม่ต้องพูดให้ขยายความเลขาธิการหมู่บ้านจึงสั่งให้คนไปตามบ้านใหญ่สกุลหานมาพบ จากนั้นก็หันไปรับเอกสารจากมือหลานสะใภ้ที่หอบมาด้วย เขาทำการเปิดอ่านสองฉบับก็ทำสีหน้าเรียบตึงแล้วเก็บเอกสารลง

เลขาธิการหมู่บ้านกล่าวเสียงเรียบ“เราจะคุยกันอีกที   

เอกสารพวกนี้เขาเห็นมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ว่าสหายเอาออกมาให้ดู แต่เขาก็ยังเป็นคนเซ็นเป็นพยานให้บ้านสามสกุลหานอีกด้วยว่าบ้านใหญ่ยืมเงินไป

เสียงไม่พอใจของป้าสะใภ้ใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่คนไปเรียกตัวมา นางกำลังจะกินข้าวแท้ ๆ แต่กลับเจอมารผจญ

“มีอะไร!”

“บ้านสามมาแจ้งว่าบ้านใหญ่สกุลหานยืมเงินไปแล้วไม่คืน” เพื่อต้องการจบทุกอย่างเร็ว ๆ เลขาธิการจึงไม่พูดอ้อมคอม

“เหลวไหล! บ้านใหญ่สกุลหานคือใคร? บ้านสามคือใคร” นางเชิ่ดหน้าขึ้น 

“นั่นสิบ้านใหญ่สกุลหานยืมเงินบ้านสามไปเสวยสุขหลายครั้งแล้ว วันนี้พวกท่านจึงต้องคืนให้กับพวกเรา” กัวเหม่ยอิงฉีกยิ้ม แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ยิ้มด้วย

คนรอบข้าวต่างซุบซิบเรื่องที่บ้านใหญ่จับฉวยของบ้านสามไป ไม่คิดว่านอกจากเอาของแล้วยังเอาเงินไปอีก มิน่าบ้านสามจึงไม่ค่อยมีเงิน ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายบ้านสามต่างเป็นทหารกัน

“อกตัญญู! อกตัญญู!”

ป้าสะใภ้หันมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนก ทุกคนรู้ได้อย่างไรว่าบ้านใหญ่มาเอาเงินจากบ้านสาม? ทุกครั้งที่นางไปเอาเงินมาก็ดึกมากแล้ว ทุกบ้านต่างปิดประตูนอน แต่ทำไมอยู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้

“นี่เป็นเอกสารลายมือทั้ง 92 ฉบับ เป็นเอกสารการกู้ยืมเงินอย่างถูกต้อง”

 เลขาธิการหมู่บ้านเดินไปหยิบซองเอกสารในตู้เอกสารของหมู่บ้านมายื่นให้คนในหมู่บ้านรอบ ๆ ดู

“เอกสาร? เอกสารอะไร!” ป้าสะใภ้ใหญ่ตะลึง แม้นางจะอ่านหนังสือไม่ได้แต่นางก็ไม่ได้ไปปั๊มลายมือมั่ว ๆ ยิ่งเป็นคนบ้านสามแล้ว แม่สามีกับพ่อสามีกำชับนางอย่างดีว่าห้ามทำเอกสารด้วย

ท่าทีลนลานของป้าสะใภ้ใหญ่ทำให้กัวเหม่ยอิงยกยิ้มริมฝีปาก เอกสารพวกนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ามีการกู้ยืมจริง โดยเฉพาะของลุงใหญ่ที่ยืมพ่อสามีไปแล้วห้าร้อยกว่าหยวน ซึ่งเขายืมทีละน้อยจนสะสมไปเป็นหลายร้อยหยวน และทุกครั้งที่ยืมไป เขาเอาไปดื่มเหล้าหมด แม้แต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่รู้ ที่กัวเหม่ยอิงรู้ก็เพราะพ่อสามีเคยเล่าให้ฟัง

“เอกสารนี้มีพยานทุกฉบับและเป็นผู้อวุโสหลายท่านที่ลงชื่อเป็นพยาน แต่บางคนไปประชุมไม่ได้อยู่ที่นี่ แบบนี้บ้านใหญ่หานจะเอายังไง” เลขาธิการหมู่บ้านถามคนเป็นพี่สะใภ้สหายด้วยน้ำเสียงงุนงนเล็กน้อย

เขาต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเอกสารที่เขาเป็นพยานนั้นมันไม่ได้ขาวสะอาด แต่เขาไม่รู้ว่าเอกสารอีกหลายฉบับทำไมถึงมีผู้อวุโสของหมู่บ้านเป็นพยานให้ด้วย? หากว่าสหายเขาเป็นคนทำเขาก็ไม่เชื่อเพราะสหายเขารอบครอบตลอด

“มะ…ไม่จริง” ป้าสะใภ้ใหญ่ส่ายหัวรัว ๆ

เลขาธิการไม่มีทางที่จะอ่านตัวหนังสือในเอกสารนั้นผิดแน่ แล้วเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

“ไปตามคุณย่าหานมา” เลขาธิการมาเอ่ยบอกผู้ช่วยข้างตัว

วันนี้แหละจะเป็นวันที่เขาจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของสหาย เพราะคณะกรรมการของหมู่บ้านไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว และมีหลายคนที่ถือหางบ้านใหญ่สกุลหาน เขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรพวกเขาได้ แม้แต่การจะดุก็ต้องมองหน้าผู้อวุโส แต่วันนี้ผู้อวุโสต่างขนกันเข้าเมืองหมด คาดว่าจะกลับมาถึงกลางดึก

กัวเหม่ยอิงกระซิบกระซาบกับสะใภ้รองอย่างเบา ๆ คนในหมู่บ้านที่ยืนอยู่ด้านต่างชะโงกหน้ามาฟังคำที่สองสะใภ้คุยกัน

ดวงตาของสะใภ้รองเบิกโพลงอย่างยินดี วันนี้แหละจะเป็นวันนี้นางต้องได้รับเงินที่ถูกฉกไปของสามีกลับคืน 

ระหว่างที่รอคุณย่าหานเดินทางมาที่กองผลิต เลขาธิการของหมู่บ้านจึงยกกระดาษที่ว่าเป็นสัญญาการกู้ยืมขึ้นมาอ่านให้คนในหมู่บ้านรับฟัง

 ฉบับแรกที่เป็นสัญญาของหลายปีก่อนก็ยังมีอยู่ ในวันนั้นเป็นคุณปู่หานที่มายืมเงินไปให้ลูกชายคนโตเป็นจำนวน 20 หยวน

ฉบับที่เก้าเป็นคุณย่าหานที่ยืมเงินไป 10 หยวน เพื่อลูกชายคนรอง

ฉบับที่ยี่สิบเป็นคุณย่าหานที่มายืมเพราะลุงใหญ่อยากกินเนื้อ

ฉบับที่ยี่สิบสองป็นช่วงที่คุณย่าหานล้มป่วย จึงจำเป็นต้องใช้เงิน พวกเขาจึงมาเอาไปเกือบ 100 หยวน

“เลขาธิการมีอะไรถึงกลับต้องเรียกยายแก่คนนี้มา” นางที่กำลังจะนอนพักต้องรีบเดินเท้ามาที่กองผลิตเพราะเลขาธิการหมู่บ้านเรียก

“เนื่องจากบ้านสามสกุลหานมาแจ้งครับว่าบ้านใหญ่ยืมเงินไปและพวกเขาก็ต้องใช้เงิน” เป็นเลขาธิการตอบ

“ยืมเงิน? ยืมเงินใคร ฉันไม่เคยไปยืมเงินใคร!” คุณย่าหานตอบอย่างมั่นใจโดยที่ไม่หันไปมองลูกสะใภ้ที่กำลังจะร้องไห้

เลขาธิการหมู่บ้านยื่นเอกสารให้คุณย่าหานหนึ่งแผ่นแล้วกล่าว “เอกสารทุกอย่างถูกต้องทุกฉบับ”

คุณย่าหานไม่เข้าใจหนังสือนางจึงได้หันไปมองสะใภ้ที่ทำตัวสงบ

 สลับกับมองครอบครัวของลูกชายคนที่สามอย่างลังเล เกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้ของนางที่ทำตัวสงบได้?

“พวกมันทำเอกสารปลอม!” ป้าสะใภ้ใหญ่กัดฟันกระซิบแม่สามี 

“ฉันไม่เคยได้เซ็น!”

“แต่ที่เอกสารมีชื่อคุณแล้ว คุณประทับลายมือแล้วด้วย” เลขาธิการว่า

“ไม่จริง!”

“เรื่องนี้ผมจะทำการตรวจสอบอีกทีหากคณะกรรมการกลับมาแล้ว” เพราะพยานในเอกสารไม่อยู่สักคนทุกคนจึงต้องรอให้พวกเขากลับมาก่อน

คนรอบข้าวต่างซุบซิบเรื่องเอาของในบ้านสามไป ทุกคนต่างไม่มีใครว่าเพราะมันถือว่าเป็นเรื่องกตัญญู แต่เงินเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องประหยัดที่สุดไม่รู้ว่าบ้านใหญ่มาเอาไปมากแค่ไหนแล้ว

“ส่วนเรื่องแยกบ้าน” กัวเหม่ยอิงเปรยขึ้นมาช้า ๆ

“แล้วมีอะไรทำไมสะใภ้ใหญ่บ้านสามถึงต้องการมาคุยเรื่องการแยกบ้าน บ้านใหญ่กับบ้านสามแยกบ้านไปหลายปีแล้ว” เลขาธิการหมู่บ้านถามพลางไปหาเอกสารการแยกบ้าน เนื่องจากเขาไม่ใช่พยานในการแยกบ้านและไม่ใช่คนเขียนเอกสาร จึงต้องใช้เวลาในการค้นเอกสาร

คุณย่าหานตวัดสายตามองหลานสะใภ้อย่างไม่พอใจ นางไม่คิดว่าหล่อนจะกล้ามาฟ้องเลขาธิการของหมู่บ้าน บ้านสามยอมบ้านใหญ่ของนางมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงกล้าแข็งข้อขึ้นมาได้?

“ฉันอยากให้เลขาธิการบอกบ้านใหญ่น่ะค่ะว่าบ้านสามพวกเราแยกบ้านออกจากบ้านใหญ่แล้ว พวกเราไม่เกี่ยวข้องกัน แม้แต่ข่าวลืออะไรที่เกิดขึ้น” กัวเหม่ยอิงตอบ

“เหอะ หล่อนลืมไปหรือยังไงต่อให้แยกบ้านกันแล้วบ้านสามก็ยังใช้สกุลหานอยู่” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดขึ้นเมื่อทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องกู้เงินแล้ว

กัวเหม่ยอิงยิ้ม “หรือป้าสะใภ้ต้องการให้เราเปลี่ยนสกุลเหรอคะ แต่ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ได้เพราะสามีของฉันเป็นคนสกุลหาน” เธอหัวเราะ

“เธอต้องการอะไร” คุณย่าหานถามหลานสะใภ้

“ที่ดินสุดเขตหมู่บ้านใต้เขาเป็นที่ดินของสามีฉันค่ะ พ่อสามียกให้ลูกชายคนโตของเขา แต่คุณย่าไม่ยอมให้เราใช้ที่ดินพื้นนั้น”

ตอนนี้ที่ดินไม่สามารถซื้อขายได้ การที่จะบอกว่าพ่อสามีซื้อที่ดินผืนนั้นมันคงทำให้พวกเธอถูกจับตามอง แต่ที่ดินผืนนั้นมันติดกับบ้านสกุลกัวและพ่อสามียกให้ครอบครัวของเธอแล้ว เธอจึงต้องเรียกสิทธิ์คืนเพราะย่าสามีเอาโฉนดที่ดินไป

“เหลวไหล! ที่ดินผืนนั้นเป็นของอาเซิน” คุณย่าหานว่า

อาเซินหรือหานเซินเป็นหลานชายคนโตของคุณย่าหานจากลูกชายคนโต นางที่รักลูกชายคนนี้มากจึงรักหลานที่เกิดจากลูกชายสุดที่รัก นางได้โฉนดหลังจากลูกชายของนางเสียไปไม่ถึงเดือน และเรื่องนี้มีแต่นางที่รู้เพราะนางต้องการเก็บไว้ให้หลานชาย หากนางบอกคนในบ้านทุกคนจะแย่งกันนางจึงไม่ได้บอก

“คุณย่าลืมไปหรือเปล่าคะว่าก่อนที่จะเป็นของพ่อสามีมันเป็นของใครมาก่อน” ว่าจบกัวเหม่ยอิงก็ยิ้มให้เลขาธิการของหมู่บ้าน

ที่ดินซื้อขายไม่ได้ก็จริงแต่หากจ่ายเงินมากหน่อยก็ไม่มีปัญหา และที่ดินพื้นนี้แต่ก่อนเป็นของคนที่พ่อสามีเคยช่วยชีวิตเอาไว้หลังจากตกน้ำ เขาจึงขอบคุณพ่อสามีมาก และลูกชายของเขาจึงมารับผู้เป็นพ่อไปอยู่ด้วย พ่อสามีจึงขอซื้อที่ดินมา และมีเลขาธิการของหมู่บ้านเป็นพยานในครั้งนั้น

“ของใคร? มันเป็นที่ดินของสหายปู่สามีของเธอยังไงล่ะ เขายกให้กับปู่สามีของเธอก่อนที่จะจากไป” คุณย่าหานตอบ

จริง ๆ หากสหายของปู่สามีไม่มีลูกชายมันคงจะเนียนกว่านี้ และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าย่าสามีคงจะไม่ได้อ่านชื่อเจ้าของโฉนดเพราะอ่านไม่ออก

“คุณย่าตลกเกินไปแล้ว ชื่อเจ้าของโฉนดมันเป็นชื่อของสามีฉัน ไม่ใช่ของพี่ใหญ่หานเซิน” กัวเหม่ยอิงหัวเราะ

“นี่!” คุณย่าหานตกใจ นางไม่คิดว่าชื่อโฉนดจะเป็นของหลานชายจากบ้านสาม นางคิดว่าเป็นชื่อของลูกชายนาง นางคิดว่าหากคนถามก็จะตอบว่าซื้อไว้ให้ลูกชายคนที่สาม แต่เขาตายไปแล้วก็เลยยกให้หลานชายคนโตแทน ไม่คิดว่าจะเป็นชื่อของหลานชาย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่9 ที่ดินของพี่ใหญ่หานเซิน

    การที่คุณย่าหานตกใจจนเข่าอ่อนก็เป็นเหมือนกับการยืนยันว่าคุณย่าหานเอาโฉนดที่ดินของบ้านสามไปจริง ๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ได้ยินแม่สามีบอกว่าเป็นของลูกชายของนางก็ทำตัวไม่ยอมขึ้นมา แม่สามีของนางตั้งใจจะเอาให้หลานชาย ซึ่งคนนั้นก็คือลูกชายของนางและนางไม่ยอมให้มันหลุดมือไป“เดี๋ยวสิ! หากมันเป็นของหลานชายจริง มันก็ต้องอยู่กับพวกเธอสิ” ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ขนาดนี้แล้วป้าสะใภ้ใหญ่ก็คงจะไม่ยอมรับสินะคะ แต่อย่าลืมเรื่องเงินที่ยืมไปด้วยค่ะ” กัวเหม่ยอิงเปลี่ยนเรื่องให้ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเข้ามายุ่งลุงใหญ่มาเอาเงินไปมากกว่าห้าร้อยหยวนโดยที่พวกนางไม่รู้ก็ว่าแย่แล้ว นางที่มีลายมือการยืมเงินบนเอกสารก็ยิ่งมีชะงักติดหลัง แม่สามีของนางถึงจะไม่ได้ถือเงินเองแล้วแต่นางก็ต้องรับรู้เรื่องเงินที่เข้ามาและออกไป“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเธอไม่ได้โกหก อีกอย่างปู่ของเธอก็ตายไปแล้ว จะให้ไปปลุกสหายของปู่เธอขึ้นมาอีกคนก็คงจะไม่ได้” คุณย่าหานที่มีหลานสาวเข้ามาพยุงเอ่ยขึ้นนางผ่านโลกมานานกว่าหลานสะใภ้จึงปรับอาการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นชื่อของหลานชายแต่นางก็หาข้อโต้แย้งไม่ได้ ขนาดนางยังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่10 ช่องทาหาเงิน

    กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเลขาธิการของหมู่บ้านทำยังไงให้ได้เงินจากบ้านใหญ่คืนมา แต่เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนเอามาให้พวกเธอที่ตื่นมาทำกับข้าวมื้อเช้า ถึงแม้จำนวนเงินจะได้มาเพียง 1,000 หยวน แต่มันก็ทำให้พวกเธออยู่ได้อีกนาน เมื่อรวมกับเงินที่มีก็ถือว่ามากพอแล้ว“เดี๋ยวสาย ๆ ฉันจะออกไปดูที่ดิน” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่กำลังทุบไก่แห้ง“งั้นฉันจะดูแลเด็ก ๆ ก็แล้วกันค่ะ เมื่อวานคุณแม่อยู่กับหลานทั้งวันท่านคงอยากจะพัก” สะใภ้รองพยักหน้าอาหารมื้อเช้าของพวกเธอกัวเหม่ยอิงทำแกงจืดเนื้อไก่ให้ผู้เป็นแม่สามี ส่วนพวกเธอนั้นกัวเหม่ยอิงหุงข้าวแล้วนำไปผัดกับไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ“จริงสิ ให้น้องชายสามทำคอกไก่แล้วก็แปลงผักด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วค่อยให้ไปหาฟืน” กัวเหม่ยอิงว่าพลางยกหม้อแกงจืดลง“ได้ค่ะ พี่จะไปดูที่ดินตอนไหน”“กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวอากาศจะร้อน”สองสะใภ้ต่างช่วยกันทำกับข้าวมื้อเช้าของบ้าน ส่วนน้องชายสามนั้นไปหาบน้ำมาใส่โอ่งให้พวกเธอใช้เพราะน้ำเริ่มจะหมดแล้วกัวเหม่ยอิงเทน้ำในชามที่เทน้ำร้อนใส้ไว้เมื่อคืนทิ้ง นำชามไปล้างให้สะอาดแล้วก็นำมาลวกในน้ำร้อน จากนั้นนำไปคว่ำไว้ พอแห้งจึงจะเทน้ำต้มสุกเก็บไว้ จริง ๆ กัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่11 ซื้อไหเพิ่ม

    น้องชายสามกลับไปเรียนได้หลายวันแล้ว กลับไปพร้อมกับความหวังของกัวเหม่ยอิงที่อยากจะได้อิฐมาสร้างบ้านหลังใหม่ แม้ในใจของหานหรงอี้อยากจะปฎิเสธแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนดูแลคนในบ้าน จึงต้องพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สะใภ้รองห่อของกินให้น้องชายของสามีตามคำสั่งของพี่สะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ตากแห้ง เห็ดตากแห้ง และหน่อไม้ที่ต้มใส่ไหไว้ กัวเหม่ยอิงให้เขาเอาไปให้สหาย 1 ไห เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลหลานสาว พร้อมกับเงินที่ให้น้องชายของสามีไปใช้อีก 50 หยวน โดยที่กัวเหม่ยอิงบอกให้เขาใช้เต็มที่จนกว่าจะเรียนจบ และบางทีอาจต้องใช้เงินหาอิฐจำนวนมาก หากไม่พอค่อยกลับมาที่บ้านเล้าไก่ถูกซ่อมแซมจนแข็งแรงและทนทาน เธอเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าเชือกเท่านั้น จากนั้นจึงทำความสะอาดเล้าไก่ โดยนำมูลไก่ไปทำปุ๋ยใส่แปลงผัก ส่วนแปลงผักกัวเหม่ยอิงกลัวว่าจะไม่ทันหากให้น้องชายสามีเป็นคนทำ เธอจึงจ้างพี่ชายของเธอมาทำแปลงผักให้ใหม่ โดยให้วันละ 1 หยวน และทำอย่างอื่นอีกจึงใช้เวลาสองวัน กัวเหม่ยอิงจึงจ่ายเงินให้ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งแน่นอนว่าถูกปฎิเสธเพราะเขาต้องการช่วยน้องสาวเท่านั้น แต่กัวเหม่ยอิงรู้ว่าพี่ชายจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่12 คุยกับบ้านกัว

    กัวเหม่ยอิงใช้รถเข็นที่ให้พี่ชายทำขึ้นให้ในการเข็นไหครึ่งหนึ่งไปล้างในแม่น้ำ อันที่จริงมันก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่จะให้หอบไปทีละไหก็กลัวว่าจะเสียเวลาเพราะรถเข็นมีขนาดเล็กไหนจะจำนวนไหที่เยอะอีก กัวเหม่ยอิงจึงแบ่งครึ่งไปล้างสองรอบ โดยเธอใช้น้ำผสมขี้เถ้าที่ผสมไว้ล้างถ้วยชามกับกาบมะพร้าวในการขัดไห ขี้เถ้ามีฤทธิ์เป็นด่างช่วยลดคราบมันได้ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายจึงไม่มีใครมาใช้น้ำ น้ำในแม่ที่คนในหมู่บ้านใช้ทุกวันจึงใสมาก แต่หากเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานน้ำจะขุ่นเพราะคนในหมู่บ้านจะมาอาบน้ำและซักผ้าที่นี่ ใครบ้านอยู่ใกล้ก็ดีไปเพราะใครอาบน้ำก่อนก็จะได้อาบน้ำที่ใสกว่ากัวเหม่ยอิงล้างไหเสร็จก็คว่ำทิ้งไว้บนรถเข็น พอล้างครบก็เข็นกลับบ้าน จากนั้นก็เอาไปคว่ำทิ้งไว้ที่หลังบ้าน เวลาจะใช้ค่อยนำไปต้มฆ่าเชื้อในน้ำที่เดือดก็ใช้ได้แล้ว อันที่จริงในยุคนี้คนในหมู่บ้านต่างไม่มีขั้นตอนเยอะแบบนี้หรอก เพราะนอกจากเปลืองน้ำแล้ว ยังเปลืองฟืนอีก เธอทำแบบนี้อยู่สองรอบก็ล้างไหครบทั้งหมดสามสิบไห“ล้างเสร็จแล้วเหรอคะ ฉันว่าจะไปช่วยพอดี” สะใภ้รองที่เดินออกจากห้องแม่สามีถาม“อืม” กัวเหม่ยอิงพยักหน้ากัวเหม่ยอิงเดินเข้าครัวพร้อมก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่13 บ้านกัวตอบตกลง

    มีคนในหมู่บ้านที่มีเกวียนวัวจะเข้าอำเภอพอดี กัวเหม่ยอิงจึงขอติดไปด้วยพร้อมกับให้เงินไป 1 เหมา เป็นค่าเดินทาง ซึ่งเจ้าของเกวียนก็อนุญาตวันนี้กัวเหม่ยอิงจะเข้าอำเภอเพื่อไปซื้อของมาทำซาลาเปาพรุ่งนี้ เพราะบ้านกัวให้คำตกลงแล้วว่าจะมาถอนหญ้าให้เมื่อวันก่อน และที่พวกเขาต้องรอทำพรุ่งนี้เพราะเพิ่งทำเรื่องขอหยุดงานในแปลงเสร็จนอกจากค่าจ้างแล้วกัวเหม่ยอิงก็จะทำกับข้าวมื้อกลางวันให้บ้านกัวด้วย จริง ๆ เธอต้องการจะทำกับข้าวมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน แต่บ้านกัวไม่เห็นด้วยเพราะมันสิ้นเปลือง แต่สุดท้ายกัวเหม่ยอิงก็ได้ทำกับข้าวมื้อกลางวัน โดยที่บ้านกัวจะหาเนื้อมาให้“สะใภ้ใหญ่บ้านหาน ฉันจะกลับหมู่บ้านบ่ายสองให้มารอที่นี่” เจ้าของเกวียนวัวบอกกัวเหม่ยอิงพยักหน้าพลางกระชับถุงผ้าในอ้อมกอดแล้วเอ่ยตอบ “ได้ค่ะ ช่วงประมาณบ่ายโมงฉันจะมารอที่นี่”เมื่อเจ้าของเกวียนวัวห่างจากสายตาออกไปกัวเหม่ยอิงก็กำชับผ้าคลุมบนหัวแน่น พร้อมกับเดินเลี่ยงไปยังซอยเปลี่ยว วันนี้กัวเหม่ยอิงลองเอาหน่อไม้มาขายเพราะที่บ้านเริ่มจะไม่มีที่เก็บแล้วยามที่เฝ้าประตูทางเข้าตลาดมืดเดินเข้ามาขวางกัวเหม่ยอิงเอาไว้ กัวเหม่ยอิงจึงหยิบเงินให้เขา 1 เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่14 ไปหาน้องชายสาม

    ช่วงเช้ามืดก่อนฟ้าสางกัวเหม่ยอิงตื่นขึ้นมานึ่งซาลาเปา เพราะเธอทำไส้ไว้เมื่อคืนนี้พอตื่นมาจึงขึ้นรูปซาลาเปาแล้วนึ่งได้เลย ส่วนกับข้าวแม่สามีนั้นเธอจะทำทีหลังสุดเพราะใช้เวลาทำไม่นานหลังจากการเก็บเกี่ยวธัญพืชในครั้งนี้เสร็จ กัวเหม่ยอิงมีความคิดที่จะเอาไก่ตัวใหม่มาเลี้ยง โดยที่ไก่ในเล้าที่มีคงต้องฆ่าแล้วตากแห้งเอาไว้ ยังไงไก่พวกนี้ก็อยู่มาหลายปีแล้ว และโชคดีที่พอเธอให้กินอาหารดี ๆ มันก็ออกให้วันละหลายฟอง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็คงไม่เหมือนกับไก่ที่ยังสาวอยู่“ผัดฝักทองใส่ไข่ด้วยดีไหมคะ เมื่อวานพี่ใหญ่กัวเอามาให้” สะใภ้รองที่กำลังหั่นผักหันมาถามกัวเหม่ยอิงพยักหน้า “เดี๋ยวนึ่งซาลาเปาเสร็จแล้วก็ต้มโจ๊กให้คุณแม่ก่อน จากนั้นค่อยผัดฟักทอง ผัดเยอะหน่อยนะ มื้อกลางวันฉันจะเอาไปให้บ้านกัว”แม้จะเป็นเช้ามืดแต่ตอนนี้คนบ้านกัวคงจะลงมือถอนหญ้ากันแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะตื่นเช้าออกไปทำงาน ยิ่งช่วงเก็บเกี่ยวทุกคนยิ่งตื่นเช้ากันมาก และยิ่งถอนหญ้าใกล้บ้านกัวพวกเข้าจึงรีบเข้าไปถอน ซึ่งกว่าเธอจะไปถึงทุกคนคงจะถอนได้เยอะแล้ว“ผลไม้ที่ซื้อมาเมื่อวานล่ะคะ” สะใภ้รองไม่ใช่คนโง่ การที่พี่สะใภ้ของหล่อนซื้อผลไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่15 หน้าคุ้น ๆ

    กัวเหม่ยอิงมองรอบ ๆ ตัว ในสถานที่ที่ไฉ่หูอ้ายพามา น่าจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์การก่อสร้าง เพราะนอกจากอิฐแล้วที่นี่ยังมีเหล็ก ไม้ เสา ดินและหินอีกมากมาย ซึ่งมันพร้อมที่จะใช้สร้างบ้านได้เลย แต่ไม่รู้ว่าของพวกนี้มีคนจองไปหรือยัง“ที่นี่ปลอดภัยใช่ไหม” กัวเหม่ยอิงกระซิบถามน้องชายสาม เพราะที่นี่มันเงียบมากแม้จะเป็นวันหยุดเธอจึงระแวงไปบ้างน้องชายสายพนักหน้า “ปลอดภัยครับ ผมมาที่นี่บ่อย ๆ อาจจะเพราะเป็นวันหยุดที่ไม่มีคนทำงานเลยมันจึงเงียบ”ด้วยความที่กำแพงสูงถึงสองเมตรและมีประตูที่แน่นหนา วันหยุดของคนงานที่นี่จึงไม่จำเป็นที่ต้องจะเฝ้า ที่พ่อของสหายเขาอยู่ที่นี่ก็เพราะเขาเป็นหัวหน้าคนงานจึงต้องอยู่ดูเอกสารต่าง ๆ และบางครั้งเขากับสหายก็ได้เข้ามาช่วยกัวเหม่ยอิงพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างใน เมื่อไฉ่หูอ้ายเดินออกมากวักมือเรียกให้เข้าไปข้างใน“สวัสดีครับคุณผู้หญิง” เป็นชายวัยกลางคนที่เอ่ยทักพวกเธอก่อน คนนี้คงจะเป็นพ่อของไฉ่หูอ้ายเพราะมีใบหน้าคล้ายคลึงกันบ้าง“สวัสดีค่ะหัวหน้าไฉ่” กัวเหม่ยอิงตอบหัวหน้าไฉ่ยื่นกระดาษให้กัวเหม่ยอิงอ่านมัน “หูอ้ายบอกผมว่าพี่สะใภ้ของหรงอี้ต้องการอิฐจึงต้องการให้ผมเก็บอิฐไว้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่16 แม่ม่ายลู่

    บ้านกัวใช้เวลาถอนหญ้าและเก็บกวาดซากต่าง ๆ ในเขตที่ดินจนสะอาดเป็นเวลาเกือบสิบวัน และวันนี้พวกเขาจะทำคอกเลี้ยงสัตว์ให้ใหม่ ไม่ใช่ว่ามันพังแต่มันมีรูอยู่บ้างจึงจะทำให้ และบอกว่าวันนี้ไม่รับค่าจ้างซึ่งสมาชิกบ้านกัวมีกันอยู่หกคน กลัวเหม่ยอิงจึงนับค่าจ้างให้วันละ 1 หยวน และเมื่อคิดว่ายังไงก็จะสิบวันแล้วก็เลยจะให้ 10 หยวนต่อคนเป็นค่าจ้าง สรุปก็คือค่าจ้างทั้งหมด 60 หยวนและแน่นอนว่าบ้านกัวคิดว่าลูกสาวจะให้ค่าจ้างวันละ 1 เหมา จึงไม่ได้คุยเรื่องราคาตั้งแต่แรก และตลอดระยะที่ทำงานให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านส่วนมากแม่กัวจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่สามีของเธอ และกัวเหม่ยอิงกับสะใภ้รองก็พากันออกไปช่วยทุกคนทำงาน อย่างเช่นวันนี้ที่แม่กัวต้องไปเลี้ยงลูกสาวให้เธอและอยู่เป็นเพื่อนแม่สามี“ฉันว่าพี่รองต้องขยับมาอีกตรงนี้” กัวเหม่ยอิงชี้มือให้พี่ชายรองของเธอขยับไม้ตามที่เธอต้องการพี่ชายรองมองแล้วถาม “พี่ว่ามันใหญ่เกินไปไหมน้องสาวห้า” ตอนนี้พวกเขากำลังล้อมพื้นที่แปลงผักไว้ จึงต้องใช้ไม้สักไว้รอบ ๆกัวเหม่ยอิงส่ายหัว “มันไม่ใหญ่ค่ะ กำลังพอดีแล้ว” เธอตอบเนื่องจากยังไม่สร้างบ้านและยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่กัวเหม่ยอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่30 แฝดหงส์

    เพราะสะใภ้รองมีครรภ์ที่ใหญ่ผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ท้องแรกจะใหญ่มันก็ไม่ผิดปกติเท่าไร แต่เมื่อครรภ์ได้ 5 เดือน ท้องของสะใภ้รองกับเหมือนคนใกล้จะคลอดแล้ว กัวเหม่ยอิงจึงให้น้องชายรองพาสะใภ้รองเข้าไปพักในอำเภอ หากมีอะไรจะได้เข้าโรงพยาบาลง่าย ๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยโดยเฉพาะแม่กัวกับแม่หานที่ผ่านการมีลูกมากก่อน พวกนางไม่เคยเห็นคนที่ท้องได้ไม่กี่เดือน ท้องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน หากถามคนที่ไม่รู้ก็คงจะบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้วส่วนแม่หานนั้นตอนนี้กำลังฝึกเดินเพราะน้องชายสามขอร้อง เขาอยากให้แม่ของเขากลับมาเดินได้อีกครั้ง อยากให้แม่ของเขาออกไปเดินดูข้างนอกบ้างลูกเจี๊ยบที่เอามาเลี้ยงก็โตกันหมดแล้ว แต่เพราะที่บ้านเลี้ยงได้ 3 ตัว กัวเหม่ยอิงจึงจับเชือดจนตอนนี้มีไก่เหลืออยู่ 4 ตัว เธอจะเอาไว้ให้บำรุงสะใภ้รอง 1 ตัว ตอนคลอดลูก“สะใภ้รองจะเป็นยังไงบ้างนะ”แม่หานถามกัวเหม่ยอิงที่ยกกับข้าวมื้อกลางให้ ตอนนี้ก็เกือบสี่เดือนแล้วที่กัวเหม่ยอิงให้สะใภ้รองกับน้องชายรองเข้าไปอยู่ในอำเภอ“คงใกล้จะคลอดแล้วค่ะ วันก่อนที่น้องชายรองมาหาเขาบอกไม่เกินเดือนนี้จะคลอดแล้ว” กัวเหม่ยอิงตอบแม่กัวที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดขึ้น “ท้องส

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่29 กัวเหม่ยอิงโกรธพี่ชาย

    พี่ใหญ่กัวแบกตะกร้านำกัวเหม่ยอิงกับพี่รองกัวเข้าป่าตามที่ได้ตกลงกันแล้วเมื่อวาน เนื่องจากพี่ใหญ่กัวก็อยากจะลองเข้าป่านี้เหมือนกัน ทันทีที่กัวเหม่ยอิงบอกความต้องการเขาก็ตกลงทันทีก้าวแรกที่เดินเข้าไปในป่ามันก็ยังเหมือนเดิม บรรยากาศภายในป่าเงียบสงัดไม่มีแม้กระทั่งเสียงแมลงร้อง สร้างความระแวงให้แก่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัว ยกเว้นกัวเหม่ยอิงที่จากเดินอยู่กลางกลายเป็นเดิมนำหน้าสุด“น้องสาวห้าเดินระวังด้วย” พี่ใหญ่กัวบอกน้องสาวที่เดินนำไปแล้วกัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ฉันรู้จักทางนี้ค่ะ แต่ยังไม่เคยเห็นลำธารในป่านี้ ฉันอยากจะลองจับกุ้งที่นี่ดู” เธอบอกพี่ชายที่หันซ้ายหันขวา“ได้ยินเสียงน้ำอยู่ทางนั้น” พี่ใหญ่กัวชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง แต่กัวเหม่ยอิงกับพี่ชายรองมองหน้ากันเพราะไม่ได้ยินเสียงกัวเหม่ยอิงเดินตามพี่ใหญ่กัวไปยังทิศทางที่พี่ใหญ่กัวชี้ รั้งท้ายด้วยพี่รองกัวที่ดูแลความปลอดภัยให้น้องสาว เดินไปไม่ไกลพวกเขาก็เห็นลำธารที่มีน้ำใสจริง ๆ ใสกว่าน้ำที่ใช้ประจำซะอีก“มีปลาด้วย!” พี่รองกัวตะโกนด้วยความดีใจพวกเขาไปจับกุ้งเป็นเดือน ๆ แต่ไม่เคยเจอปลาเลย มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะมีคนไปหาปลาตลอด แต่พอเข้ามาใ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่28 ถูกจับตามอง

    ตั้งแต่ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่กัวเหม่ยอิงก็ทำอะไรได้สะดวกมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขาหาหน่อไม้มาต้มเก็บใส่ไห หรือบางทีก็ทำหน่อไม้ดอง ไหนจะทำกุ้งแห้งอีก โชคดีที่ผู้ชายบ้านหานกับบ้านกัวมีฝีมืองานไม้อยู่บ้าง การสร้างห้องเก็บไหจึงถูกสร้างขึ้นข้างบ้านเนื่องจากตอนนี้ยังไม่เปิดการค้าเสรีพวกเธอจึงไม่สามารถขายตรง ๆ ได้ แต่น้องชายรองนั้นจะออกบ้านตอนเช้ามืดเพื่อไปทำงานเขาจึงเอาไหกุ้งแห้งกับหน่อไม้ต้มไปขายได้ตอนนี้ที่บ้านมีจักรยาน 2 คัน ได้มาในราคา 350 กับคูปองเกือบ 20 ใบ ถ้าซื้อหนึ่งคันราคาจะอยู่ที่คันละ 200 หยวน กับคูปองอีก 10 ใบ และน้องชายสามเห็นว่าจักรยานมีสภาพดีจึงได้ตกลงที่จะซื้อสองคันอีกอย่างจักรยานหนึ่งคันน้องชายรองปั่นไปทำงานในอำเภอ ส่วนน้องชายสามก็ปั่นไปโรงเรียนในตำบลคันหนึ่ง หากพวกเธอในบ้านต้องการจะใช้จักรยานก็บอกน้องชายสาม เพราะเขาจะเอาจักรยานไว้ให้แล้วเดินไปโรงเรียนแทน“ค่อย ๆ จับนะคะแม่ ฉันคอยพยุงอยู่” กัวเหม่ยอิงบอกแม่สามีที่จับราวไม้ที่ถูกสั่งทำไว้โดยเฉพาะแม่หานลังเล แม้จะถูกสะใภ้ยืนยันว่าจะไม่เป็นอะไรแต่นางก็กลัว กลัวว่าจะเป็นภาระของทุกคนหนักกว่าเดิม ไม่ใช่ว่ามีใครพูดอะไรให

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่27 บ้านหลังใหม่

    การหาซื้อเนื้อหมูในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากมีเส้นสายมันก็จะต่างออกไป และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าตัวเองมีเส้นสายมากพอสมควรโดยเฉพาะน้องชายรองและน้องชายสาม“อีก 2 วัน เป็นฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของบ้าน ตอนนี้้เรามีกุ้ง มีปลา มีไก่ และมีผักแล้ว แต่ยังไม่มีหมู น้องชายรองกับน้องชายสามพอจะหาได้ไหม” กัวเหม่ยอิงถามอย่างไม่อ้อมค้อมอย่างที่รู้กันว่าตอนนี้พวกเธอขายของในตลาดมืด จึงไม่ต้องกลัวว่าสมาชิกในบ้านจะตกใจ และเพราะต้องขึ้นบ้านใหม่ อาหารที่ทำขึ้นต้องพอเลี้ยงแขก กัวเหม่ยอิงจึงต้องถามน้องชายรองส่ายหน้า “ผมไม่รู้จักใครเลยครับ แต่ช่วงนี้ผมติดภารกิจสำคัญครับ ลาไว้แล้ว 3 วัน ถ้ายังไม่ได้พรุ่งนี้ผมจะไปหาให้” เขาบอกก่อนจะหันไปถามน้องชาย “นายรู้จักคนเยอะพอจะมีไหม”“มีครับ แต่เราต้องไปถามก่อนเพราะมันไม่ต้องใช้คูปองและราคาสูง” น้องชายสามพยักหน้า เขาก็พอจะรู้จักคนนี้มีเนื้อหมู่อยู่กัวเหม่ยอิงยิ้ม “ดีเลย นายไม่ต้องไปสอนแล้วใช่ไหมสัปดาห์นี้ ฉันอยากได้เนื้อสัก 10 ชั่ง กระดูกด้วยก็ดีพอจะไปหาได้หรือเปล่า” ที่โรงเรียนเหมือนจะมีของหาย ทางโรงเรียนจึงประกาศหยุดการเรียนตลอดหนึ่งสัปดาห์ และคณะกรรมหน่วยผลิตของตำบลกำ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่26 สะใภ้รองตัดขาดบ้านเดิม

    กัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าช่วงนี้บ้านของพวกเธอถูกนินทาบ่อยมาก เมื่อมีคนไปเห็นน้องชายรองทำงานอยู่ในสถานีสักแห่งในอำเภอเพราะเข้าไปทำธุระ ยิ่งพอรู้ว่าน้องชายรองได้กลับไปทำงานเสียงนินทาก็ยิ่งกว้างไปจนถึงหมู่บ้านข้าง ๆ กันแล้วแต่ถึงจะนินทายังไงกัวเหม่ยอิงกับครอบครัวของสามีก็ไม่ได้ไปสนใจ พวกเธอพากันสนใจกิจการของบ้านมากกว่า ตอนนี้กุ้งแห้งมีรวม ๆ กันเกือบ 50 ไหแล้ว เพราะน้องชายรองเอาออกไปขายแค่วันละไห แต่ที่บ้านทำเพิ่มได้วันละไม่ต่ำกว่า 3 ไห กุ้งแห้งจึงมีเยอะมากตอนนี้ที่บ้านมีรายได้วันละ 5 หยวน จากการขายกุ้งแห้ง 1 ไห หรือบางวันก็ขายไหไปด้วยก็ได้กำไรอีก 1 หยวน ไหนจะเงินเดือนของน้องชายสามที่เป็นครูสอนเด็กประถม 10 หยวน และเงินเดือนของน้องชายรองอีกที่ได้มาถึงเดือนละ 80 หยวน แต่เงินเดือนที่ได้มาจะถูกหักเข้ากองกลางของบ้านเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งสามารถเก็บเอาไว้ได้เลย“สะใภ้รองบ้านเดิมของเธอมาหา” เสียงของพี่สาวใหญ่กัวร้องบอกหลังออกไปดูหน้าบ้านเมื่อมีคนมาร้องเรียกสะใภ้รองหันมองพี่สาวใหญ่กัวก่อนจะส่ายหน้าปฎิเสธที่จะคุยด้วย ไหนบอกว่ากลัวหล่อนจะไปสร้างปัญหาให้จึงให้เลิกติดต่อ แต่วันนี้พอสามีของหล

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่25 น้องชายรองมีปัญหา

    กัวเหม่ยอิงยืนมองกุ้งเกือบสิบตะกร้าด้วยความภูมิใจวันนี้เป็นวันแรกที่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัวมาช่วยเธอจับกุ้ง และเป็นวันแรกที่จับกุ้งได้เยอะที่สุด อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะช่วงบ่าย กัวเหม่ยอิงที่ปกติต้องไปจับกุ้งจึงเปลี่ยนมาแปรรูปกุ้งแทนต้องขอบคุณน้องชายรองที่แนะนำให้สร้างที่ตากกุ้งไว้เพิ่ม ไม่อย่างงั้นเธอคงจะหาที่ตากกุ้งไม่ได้ และดีที่ใช้เวลาตากกุ้งเพียงหนึ่งวันกุ้งก็แห้งให้แล้ว ต่างจากอนาคตที่ใช้เวลาหลายวัน“น้องชายรองไปแล้วเหรอ” กัวเหม่ยอิงถามสะใภ้รองที่เดิมตามหลังมาเหมือนว่าน้องชายรองจะได้รับการติดต่อจากสหายร่วมกองทัพของเขา ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ขอแค่เขาเอาของเข้าไปขายให้ตอนนี้เงินจากการขายกุ้งแห้งและหน่อไม้ต้มได้มาเกือบหนึ่งพันหยวน แต่มันยังไม่ได้หักค่าไห ค่าฟืน ค่าเกลือ และค่าแรงงานอีก แต่ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็นับจำนวนเงินนี้เป็นทุนสำหรับการค้าขายภายหน้าสะใภ้รองพยักหน้าแล้วนั่งลงหน้าเตาไฟเพราะหล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาช่วย “ใช่ค่ะ เห็นว่าสหายของเขาขึ้นมาหา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว” ถึ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่24 น้องชายสามมีงานทำ

    หลังจากที่น้องสะใภ้กลับบ้านเดิมได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหล่อนก็กลับมาพร้อมกับความเงียบ และปิดประตูห้องไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง แม้แต่น้องชายรองเองก็เข้าหน้าไม่ติด กับข้าววันนั้นจึงเป็นกัวเหม่ยอิงที่ทำและเธอก็ไม่ได้ถามหาสาเหตุจากสะใภ้รอง หากหล่อนอยากจะพูดหล่อนก็คงจะพูดเองนับจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วห้าวัน และการที่สตรีบ้านกัวขอหยุดงานในแปลงนาสร้างความฮือฮาในหมู่บ้านอีกรอบ อีกไม่นานก็จะได้รับผลผลิตแล้ว ทำไมอยู่ ๆ สตรีบ้านกัวก็หยุดงานไปดื้อ ๆ ? มันเป็นเรื่องที่หยุดพูดไม่ได้กันเลยทีเดียว อีกอย่างพวกเขาก็ได้ยินว่าคนบ้านกัวกำลังหาลูกเขยกับลูกสะใภ้ให้ลูกสาวกับลูกชายที่อายุมากแล้ว“สะใภ้รองขยับมาทางนี้” กัวเหม่ยอิงกวักมือเรียกน้องสะใภ้ที่หากุ้งฝั่งตรงข้ามเพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าสะใภ้รองจะคิดมากเกินไป จึงชวนหล่อนพร้อมกับน้องชายสามีทั้งสองออกมาจับกุ้งอีกครั้ง ไหน ๆ กุ้งแห้งในบ้านก็ลดลงไปมากแล้ว“พี่จับกุ้งเก่งมาก” สะใภ้รองชมหล่อนจับกุ้งได้เพียงสามตัวตั้งแต่มาถึง ต่างจะพี่สะใภ้ที่ตอนนี้จับได้มากกว่ายี่สิบตัวแล้วกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ก็เพราะฉันเก่งยังไงล่ะ” ต้องบอกว่ามีความสามารถพิเศษจะดีกว่า“ฉันเชื่อค่ะ”

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่23 จ้างเลี้ยงลูกสาว หลานสาว

    จะว่าไปแล้วชีวิตของกัวเหม่ยอิงในตอนนี้สบายมาก ทำอะไรก็ลงตัวไปซะทุกอย่าง แต่มันก็แลกมากับความเหนื่อยอย่างลงตัว“กุ้งผัดหน่อไม้ได้แล้วนะคะ” สะใภ้รองที่จัดการปิ่นโตเสร็จหันมาบอกกับกัวเหม่ยอิงเพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าสะใภ้รองน่าจะเหงามากเมื่ออยู่บ้านคนเดียว จึงจะเข้าไปคุยกับคนบ้านกัวตามที่คิดไว้กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ครบแล้วใช่ไหม” หากไม่ครบมันจะได้ไม่เสียเวลาต้องกลับมาเอา“ฉันดูให้แล้วค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้าวันนี้เป็นวันหยุดประจำเดือนของทุกคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แต่ทุกคนก็ยังได้หยุด เพราะในหนึ่งเดือนทุกคนจะได้หยุดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นวันหยุดพอดี กัวเหม่ยอิงจึงจะไปคุยด้วย อีกอย่างน้องชายสามก็ออกไปหาฟืนกับน้องชายรอง ที่ตากกุ้งแห้งมันก็เต็มด้วยกุ้ง วันนี้จึงยังไม่ไปหากัน“น้องสาวห้า” เป็นพี่สาวใหญ่ที่กวาดลานบ้านร้องทักกัวเหม่ยอิงกัวเหม่ยอิงหันไปมองแล้วยิ้ม “พี่สาวใหญ่ ทำอะไรกันคะ” เธอถามถึงแม้ว่าจะเห็นอยู่ว่าพี่สาวกำลังทำอะไร“กำลังกวาดลานบ้านน่ะไหน ๆ ก็วันหยุดแล้ว” พี่สาวใหญ่ตอบ “แล้วน้องสาวห้ามาทำอะไรที่นี่หรือมาดูบ้าน” ถ้ามาดูบ้านปกติน้องสาวของหล่อนไม่ได

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่22 กุ้งแห้ง

    กัวเหม่ยอิงแวะดูคนงานสร้างตอนช่วงสายของวันพร้อมกับส่งซาลาเปา จากนั้นก็ได้นำน้องชายรอง น้องชายสามเข้าป่าไปจับกุ้งที่เจอเมื่อวานหลังจากได้ลิ้มรสเมนูกุ้งฝีมือของสะใภ้รองทุกคนก็ชอบมันมาก น้องชายสามจึงขอไปจับกุ้งระหว่างรอหางาน แต่กัวเหม่ยอิงก็เลยเปลี่ยนให้พวกเขาไปจับกุ้งแทนที่จะไปหางานเธอได้นอนคิดทั้งคืนว่าหลังจากนี้พวกเธอจะทำอะไร ลำพังจะให้น้องชายสามออกไปทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายมันไม่พอแน่ ๆ แม้จะมีเงินเก็บ แต่จะให้น้องชายรองเข้าไปหางานในเมืองสะใภ้รองก็ไม่ยอมเพราะห่วงร่างกายของสามี ซึ่งกัวเหม่ยอิงเห็นด้วยจะให้สะใภ้รองไปก็ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่เพราะหล่อนไม่ได้เรียน ไหนจะต้องทำงานบ้านและดูแลแม่สามีอีกส่วนกัวเหม่ยอิงเธอต้องติดตามดูบ้านตลอด และต้องดูลูกสาวไปด้วย แล้วจู่ ๆ การทำกุ้งแห้งก็ผุดขึ้นมาให้หัวของเธอ ปกติพวกเธอก็มีกุ้งแห้งไว้ทำอาหารให้แม่สามีอยู่แล้วและมีราคาแพง หากเธอจะทำขายโดยที่ไม่ต้องใช้คูปองซื้อ และมีราคาถูกลงนิดนึงย่อมมีคนสนใจและเรื่องนี้กัวเหม่ยอิงก็ได้คุยกันเมื่อเช้านี้ซึ่งทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นน้องชายรองที่อยากจะขัดเพราะตัวเขาก็เป็นทหารมาก่อน ซึ่งรู้ว่าเรื่องขายของนั้นมันทำไม่ได้

DMCA.com Protection Status