แชร์

บทที่6 มีแต่เรื่อง

ผู้เขียน: Ainthira06
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-16 15:42:01

กัวเหม่ยอิงเดินดูอาหารแห้งในสหกรณ์ อาหารพวกนี้มีราคาต่ำกว่านมผงเป็นเท่าตัว หรือบางทีอาหารแห้ง 10 กว่าชั่งถึงจะพอค่านมผง 1 กระป๋อง

อาหารพวกนี้เป็นของจำเป็นสำหรับพวกเธอ กัวเหม่ยอิงจึงต้องซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่ง อย่างสาหร่ายแห้ง กัวเหม่ยอิงก็ซื้อไป 5 ชั่ง เกากี๋เพิ่มอีก 4 ชั่งเพราะที่บ้านยังเหลืออยู่ เหลือบไปเห็นฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งกัวเหม่ยอิงจึงหยิบมาอีกอย่างละ 10 ชั่ง

“ของพวกนี้พี่จะซื้อจริง ๆ เหรอคะ” สะใภ้รองร้องถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย

สาหร่ายแห้งกับเกากี๋หล่อนเข้าใจว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติในอาหารได้ดี และที่บ้านก็จะซื้อติดไว้แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมี แต่ฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งเป็นของที่ส่งมาจากมณฑลอื่นราคาจึงแพงกว่าของแห้งอื่น ๆ

“ใช่ ฉันจะเอาไปบำรุงคุณแม่” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า อันที่จริงเธออยากจะได้หมึกแล้วก็กุ้งแห้งตัวโต ๆ เพิ่มอีก เพียงแต่ราคามันแพงเกินไป เธอยังไม่กล้าซื้อ จึงหยิบเอากุ้งแห้งตัวเล็ก ๆ มา 1 ชั่ง

“ค่ะ”

เพราะแม่สามีล้มป่วยในตอนนั้นพวกเธอไม่ได้พาไปหาหมอ หรือตามหมอมารักษาเพราะไม่มีเงินสักหยวน อย่าว่าแต่หยวนเลย สักเฟินก็ไม่มี ในความคิดของกัวเหม่ยอิงแม่สามีของเธอป่วยใจเพราะพ่อสามีจากไป เหล่าลูกชายและสะใภ้ไม่ได้เอะใจเรื่องอาการป่วยเพราะคิดว่าพอผ่านช่วงนั้นไปเดี๋ยวแม่สามีก็ดีขึ้น

แต่ในเวลานั้นพี่ใหญ่หานหรือก็คือสามีของเธอ และน้องชายรองหานหมดวันลาจึงกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ส่วนน้องชายสามหานนั้นเพิ่งจะขึ้นมัธยมต้นจึงไม่ค่อยได้มาหาผู้เป็นมารดา ส่วนสะใภ้ต่างต้องลงแปลงหน้า รู้ตัวอีกที่แม่สามีก็ล้มป่วยแล้ว

หากจะต้องรักษาจริง ๆ กัวเหม่ยอิงคิดว่าต้องใช้เวลาหลายปีและต้องใช้เงินมากพอสมควร เพราะอุปกรณ์การรักษาหรือความรู้ของที่นี่ยังไม่ได้พัฒนามาก ไม่เหมือนกับอนาคตที่บางโรค บางอาการก็ตรวจเจอแค่หนึ่งชั่วโมง

ตอนนี้พวกเธอทำได้เพียงบำรุงร่างกายของแม่สามีให้ดี อีกอย่างก็คือรอน้องชายคนรองของสามีกลับมา ถึงในตอนนี้เธอจะเหมือนหัวหน้าครอบครัวแค่ไหนแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าลูกชายคนโตต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว หากลูกชายคนโตเสียชีวิตก็ต้องเป็นหลานชายที่ต้องดูแล แต่กัวเหม่ยอิงมีเพียงลูกสาว

พวกเธอแยกบ้านออกจากบ้านใหญ่สกุลหานก็จริง แต่พวกเธอไม่ได้แยกบ้านกัน เพราะแบบนี้แล้วน้องชายรองของสามีจึงเป็นเจ้าบ้านคนต่อไป

อีกอย่างเธอเป็นเพียงลูกสะใภ้จึงต้องรอความเห็นจากคนเป็นลูกชายของแม่สามีก่อน หากจะให้ทำการรักษา และไม่แน่ว่าบางทีแม่สามีอาจเดินไม่ได้อีกตลอดชีวิต ซึ่งมันเป็นเรื่องในอนาคต อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้

กัวเหม่ยอิงเลือกซื้อของแห้งอีก 2-3 อย่างจึงไปดูเครื่องปรุงเพิ่ม เครื่องปรุงที่บ้านมีแทบจะทุกอย่างเพราะกัวเหม่ยอิงเอาออกจากตู้ในห้องนอน แต่แม้จะมีทุกอย่างมันก็มีแค่น้อยนิด

“อยากได้เหรอ” กัวเหม่ยอิงถามสะใภ้รองที่มองชั้นผลไม้

หล่อนเม้มปากก่อนจะส่ายหัว ในชีวิตนี้หล่อนเคยกินครั้งหนึ่งในวันที่สามีซื้อมาฝาก แม้จะมีผลเดียวแต่มันก็อร่อยมาก ๆ แต่ว่าราคาของมันก็ไม่ได้ถูก

 มันสามารถซื้ออาหารได้มื้อหนึ่ง หล่อนบังเอิญเหลือบไปเห็นไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเห็นสายตาของหล่อน

แอปเปิล 1 ถุงใหญ่ พร้อมกับสาลี่อีก 1 ถุง ถูกกัวเหม่ยอิงยกมาถือเอาไว้แล้วเดินนำหน้าสะใภ้รองไปจ่ายเงิน ของในตะกร้าก็เยอะพอสมควร เธอไม่กล้าใช้น้องสะใภ้ตัวเองหอบทั้งหมดหรอก

“ทั้งหมด 68.9 หยวนค่ะ”

สิ้นเสียงพนักงานของสหกรณ์ผู้คนที่กำลังรอจ่ายเงินและเลือกซื้อของอยู่ต่างหันมามองอย่างพร้อมเพียง เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ว่าจะหามาได้ง่าย ๆ ขนาดพนักงานของรัฐเงินเดือนยังเริ่มต้นที่ 20-35 หยวน ไหนจะหักค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนแล้วต้องออมเงินกี่เดือนถึงจะสามารถใช้จ่ายแบบนี้ได้? อีกอย่างจากการเฉลี่ยหลาย ๆ บ้านแล้ว ในหนึ่งเดือนพวกเขาล้วนใช้เงินไม่ถึง 10 หยวน หรือหากเป็นคนในหมู่บ้านที่ทำงานเก็บแต้มสมาชิกในบ้านพวกเขาเยอะแค่ไหนของยิ่งต้องประหยัดกว่านั้น รวม ๆ แล้ว 1 ปี พวกเขาล้วนใช้เงินไม่ถึง 10 หยวน

“นี่ค่ะ” กัวเหม่ยอิงยื่นทั้งธนบัตรทั้งเหรียญให้พนักงานพร้อมกับคูปองที่ต้องใช้

วันนี้เธอใช้เงินของแม่สามีเกือบครึ่งในการซื้อของเพราะจะไม่เป็นที่สงสัยของสะใภ้รอง แต่เธอก็จดจำนวนเงินพวกนี้ไว้ในกระดาษที่มีอยู่ในห้องไว้แล้ว

กัวเหม่ยอิงเรียกพี่ชายที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยขนของเนื่องจากไม่สามารถนำตะกร้าออกจากสหกรณ์ได้ และที่นี่ก็ไม่มีถุงให้เธอใส่ด้วยเช่นกันจึงต้องขนออกไป และคนหนึ่งก็ต้องเฝ้าของเอาไว้ ถ้าเธอขนคนเดียวกว่าจะขนครบน่าจะมืดเสียก่อน

“ซื้อครบแล้วหรือ” พี่ใหญ่กัวถาม

“ค่ะ/ค่ะ”

“งั้นเรากลับกันเลยไหม”

“กลับเลยก็ได้ค่ะ แต่แวะไปห้องพักของน้องชายสามทีนะคะ”

“ได้”

เป็นไปตามที่กัวเหม่ยอิงคิด ทันทีที่เธอให้สะใภ้รองอุ้มหลานสาวอย่างหานเผยหนิงลงจากเกวียนวัว คนในหมู่บ้านที่พักอยู่หน้าบ้านหรือจับกลุ่มคุยกันต่างหันมาสนใจ

จะไม่ให้สนใจก็ไม่ได้ เพียงแค่บ้านไหนขยับตัวบ้านข้าง ๆ ต่างก็รู้แล้ว อีกอย่างในตอนนี้บ้านสามสกุลหานมีหลานสาวคนเดียวแต่ตอนนี้มีแม่กัวอุ้มนั่งเล่นอยู่ลานบ้าน แต่สะใภ้รองที่ยังไม่มีลูกกลับอุ้มเด็กลงจากเกวียนวัว อีกทั้งยังมีลูกชายคนเล็กของบ้านหานอีก

‘เอาเกวียนวัวไปเทียบหน้าประตูแล้วขนของลง’ กัวเหม่ยอิงกระซิบน้องชายสาม

เพราะเธอแต่งออกจากบ้านกัวแล้วก็ถือว่าไม่ใช้ครอบครัวเดียวกัน

การที่จะให้พี่ใหญ่กัวขนของเข้าบ้านให้ก็ไม่ใช่เรื่อง ที่เธอทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้ใครเห็นของที่ซื้อมา เดี๋ยวบ้านใหญ่สกุลหานจะอยากได้ไปอีก และที่เธอไม่ขนของเข้าบ้านก็เพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับคนในหมู่บ้านที่ต้องการจะเข้ามาสอด 

“สะใภ้ใหญ่! นั่นเด็กที่ไหนน่ะ”

ก่อนที่จะมีใครเข้ามาในบ้านกัวเหม่ยอิงจึงสั่งให้สะใภ้รองนำหลานสาวและนำแม่กัวที่อุ้มลูกสาวของเธอเข้าไปในบ้าน ส่วนตัวเธอแล้วก็ทำการปิดประตูรั้วเอาไว้

‘ไม่ใช่ว่าลูกของเจ้าสามหรือ!’

‘จริงหรือ’

‘ไหนว่าเรียนมัธยมในเมือง’

‘ใช่’

‘หรือบ้านสามสกุลหานโกหก’

‘น้องชายสามเรียนเหรอ ฉันคิดว่าเขาทำงานในเมืองซะอีก’

‘ไม่รู้ ฉันไม่เห็นใครเห็นเขาไปเรียนนะ’

‘แล้วเด็กนั่นเป็นลูกใคร’

‘บ้านสามจะเรื่องเด็กนั่นเหรอ’

“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบค่ะ” กัวเหม่ยอิงว่าเสียงเรียบ ลำพังเรื่องในครอบครัวก็ยังไม่ได้คุยกัน คนนอกกลับอยากรู้เรื่องราวภายในก่อนพวกเธอ

“หึ คงจะเป็นเรื่องร้ายแรงสินะ”

“ลูกน้องชายสามจริง ๆ เหรอ”

“เขายังไม่ได้แต่งเมียนะ”

“นั่นสิ”

“รบกวนไม่เสียงดังนะคะ พอดีพวกเราอยากอยู่เงียบ ๆ ” กัวเหม่ยอิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเธอแค่เหนื่อย

กัวเหม่ยอิงไม่ได้สนใจเรื่องราวภายนอกที่พยายามจะเปิดประตูจนรั้วไม้เริ่มหัก เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ห้องโถงที่ทุกคนนั่งรออยู่ยกเว้นแม่สามี 

“แม่กับพี่ใหญ่กลับไปพักกันเถอะค่ะ ฉันรบกวนทั้งวันแล้ว” กัวเหม่ยอิงบอกผู้เป็นมารดาและพี่ชาย

“ได้ เดี๋ยวพี่จะกลับเลย” พี่ใหญ่กัวพยักหน้า เขาพอจะรับรู้เรื่องราวคร่าว ๆ จากน้องสาวตอนไปรับน้องชายสามกับลูก เขาไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นอะไรจึงทำได้แค่เงียบ ๆ

“มะ…แม่” แม่กัวพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มีเรื่องที่อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม

“เอาไว้เดี๋ยวฉันจะไปหานะคะ แต่วันนี้แม่กลับไปก่อนเถอะค่ะ อีกอย่างก็ขอบคุณนะคะที่มาดูแลเสี่ยวลู่ให้ค่ะ”

“อืม” แม่กัวพยักหน้าให้ลูกสาวแล้วเดินออกไป 

“แอ้ แอ้”

“นายอุ้มลูกเข้าไปหาคุณแม่” กันเหม่ยอิงสั่งน้องชายสามี อันที่จริงก็อยากจะพาเข้าไปบอกเล่าเรื่องราว แต่กัวเหม่ยอิงก็อยากให้น้องชายสามเป็นคนบอกผู้เป็นแม่เอง อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเข้าไปทำให้น้องชายสามไม่กล้าพูด

“จะดีเหรอครับ”

“อืม กล้าทำก็ต้องกล้ารับ นายก็รู้จักนิสัยของแม่นายดี”

ก็เพราะรู้จักเขาถึงไม่อยากเข้าไป ไม่ใช่ว่ากลัวผู้เป็นแม่จะด่า แต่เขากลัวนางจะเป็นลม

กัวเหม่ยอิงส่ายหน้าตามหลังน้องชายสามีก่อนจะหันมาดูของที่ซื้อมา กัวเหม่ยอิงแบ่งของออกให้เหลืออย่างละชั่ง ของพวกนี้เธอจะเก็บไว้ในครัว ส่วนของที่เหลือเธอจะเก็บไว้ในห้องของเธอเพราะห้องของสะใภ้รองไม่มีตู้ และจะเป็นการรบกวนแม่สามีหากเอาของเข้าไปเก็บ ๆ

ส่วนห้องของน้องชายสามยิ่งไม่ได้เลย ถึงจะเป็นคนในครอบครัวแต่น้องชายสามยังไม่ได้แต่งงานจึงไม่สมควรยิ่ง

เธอได้ยินเสียงภายในห้องของแม่สามีและเสียงตกใจของแม่สามีแต่เธอไม่ได้เข้าไปดู น้องชายสามเป็นคนผูกเรื่องราวนี้เขาก็ต้องเป็นคนแก้มันเอง

“เดี๋ยวแบ่งแอปเปิลกับสาลี่ไปให้บ้านกัวอย่างละ 5 ลูก” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่ช่วยแยกของ

ถุงหนึ่งบรรจุแอปเปิลกับสาลี่ถุงละ 12-15 ลูก และมันก็ผลใหญ่มาก กว่าจะกินหมดกัวเหม่ยอิงคิดว่าพวกเธอจะกินมันไม่ทัน และเธอก็คิดก่อนจะซื้อเอาไว้แล้วว่าจะแบ่งไปให้บ้านกัว ที่เธอไม่ได้เอาให้เลยก็เพราะต่อให้หาเหตุผลอะไรมาแย้งแม่กับพี่ชายของเธอก็ไม่ยอมเอาไป เอาไว้ดึก ๆ ค่อยให้น้องชายสามเอาไปส่งก็ได้

“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันแยกไว้ให้” สะใภ้รองพยักหน้า หล่อนไม่ได้ห้ามพี่สะใภ้ว่าไม่ให้เอาให้บ้านกัว ถ้าพวกเธอไม่ได้บ้านกัวช่วย ในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไรกินหรือเปล่า

“อืม เราไปทำกับข้าวกันเถอะ”

เช้าวันใหม่ของกัวเหม่ยอิงไม่ใช่เช้าวันที่สดใสมากนัก เมื่อคืนเรื่องที่เธอพาเด็กกับน้องชายสามกลับบ้านเป็นเรื่องที่รู้กันทั้งหมู่บ้าน จริง ๆ มันจะไม่ใช่อะไรเลยหากเธอไม่ได้พาเด็กกลับมาด้วย

“ขอโทษครับ” น้องชายสามก้มหน้าสำนึกผิด

“เฮ้อ ต่อให้เรื่องนี้เราไม่พูดก็ต้องมีคนพูดอยู่ดี” กัวเหม่ยอิงอ้าปากหาวอย่างง่วงนอน เมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอนเพราะลูกสาวของเธอตัวร้อนจึงต้องดูอาการทั้งคืน แต่ไม่คิดว่าตื่นเช้ามาจะมีคนให้ไปพบ

และใช่ บ้านใหญ่สกุลหานพอรู้เรื่องนี้ก็รีบให้คนมาเรียกไปพบ คงจะกลัวว่าพวกนางจะทำให้เสียหน้า แต่มาเรียกก็เช้าเกินไป กับข้าวมื้อเช้าจึงเป็นสะใภ้รองทำ ส่วนเธอก็นั่งหาวอยู่บนโต๊ะกินข้าว พร้อมกับน้องชายสามีที่นั่งสำนึกผิด

“แต่เราแยกบ้านออกมาแล้ว” น้องชายสามพูดอย่างไม่พอใจ ถึงวันที่เขาได้แยกบ้านออกมาเขาจะเด็ก แต่ก็รู้หลาย ๆ เรื่อง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่บ้านถูกรังแก แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทุกคนทำเพียงบอกให้เขาเรียนไม่ต้องยุ่งเรื่องภายในบ้าน

“ใช่ เราแยกบ้านแล้ว” กัวเหม่ยอิงยกยิ้มมุมปาก

“?”

“เอาเถอะ นายจะกลับไปเรียนอีกสี่วัน คิดไว้ยังว่าจะทำยังไง” กัวเหม่ยอิงถาม ถึงเมื่อคืนเธอจะได้ยินคำที่แม่สามีพูดแต่เธอก็รอให้น้องสามีเป็นคนมาบอก

“แม่บอกให้ลองถามพี่สะใภ้ครับ”

“อืม นายก็ลองถามหล่อนดู ฉันไม่มีเวลาเลี้ยงให้หรอกนะ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

กัวเหม่ยอิงนั่งคุยกับน้องชายสามเกือบครึ่งชั่วโมงสะใภ้รองก็เอากับข้าวออกมาให้ ส่วนของแม่สามีสะใภ้รองทำไปให้ตั้งแต่เช้าพร้อมกับแอบเปิลหั่นเต๋าครึ่งลูก พวกเธอต่างรีบกินมื้อเช้าเพราะต้องไปบ้านใหญ่สกุลหานที่ส่งคนมาตามตั้งแต่เช้า

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่7 เอาเด็กไปคืนแม่

    “ไม่ได้!”เสียงตวาดของคุณย่าหานดังลั่นบ้านใหญ่เมื่อน้องชายสามเอ่ยบอกเรื่องราวทั้งหมดและยืนยันที่จะเลี้ยงลูกสาว ไม่ให้ส่งลูกสาวกลับบ้านแม่เดิมของหล่อนสำหรับคนสกุลหานนั้นพวกเขาถือตัวเป็นใหญ่เพราะมีสมาชิกในบ้านเยอะ รวมถึงบ้านเดิมของเหล่าสะใภ้อีก พวกเขาจึงคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตาไม่ควรทำอะไรให้เสื่อมเสีย แต่แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ หล่อนเป็นลูกสาวของผม” น้องชายสามกล่าวด้วยความไม่พอใจ ปกติเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าจะปฎิเสธใคร แต่เว้นคนสกุลหานเอาไว้ด้วยความที่เขาแทบจะเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านจึงถูกเลี้ยงมาอย่างดี และที่เขาเป็นผู้เป็นคนอยู่ก็เพราะถูกสอนจากมารดา เว้นคนสกุลหานที่เขาไม่ค่อยจะฟังมารดา บ้านก็แยกกันแล้วบ้านใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป“เจ้าสาม! นายลืมไปแล้วเหรอว่านายยังไม่ได้แต่งงานแต่นายกลับมีลูกกลับมา” คุณย่าหานพยายามโน้มน้าวหลานชายในบรรดาหลานชายของนางที่มาจากบ้านสาม คุณย่าหานเอ็นดูหานหรงอี้ที่สุด เพราะเขาเรียนในระดับที่สูงกว่าเหล่าหลานชายในบ้านของนางที่ได้เรียน และเขายังเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนสกุลหานได้ เพียงแต่วันนี้กลับทำให้นางโกรธมาก เมื่อหลานชายที่คิดว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่8 สัญญาการกู้ยืม

    กัวเหม่ยอิงเดินนำสะใภ้รองกับน้องชายคนเล็กของสามีไปยังบ้านเลขาธิการขอฃหมู่บ้าน ที่เธอพูดกับบ้านใหญ่ไปเธอไม่ได้แค่ขู่ เธอพูดจริงแล้วก็ทำจริง และระหว่างนั้นเธอก็แวะไปเอาเอกสารทั้งหมดที่มีไปด้วยโชคดีที่เลขาธิการหมู่บ้านทำธุระเสร็จแล้วก็เลยกลับมาดูแลหมู่บ้าน พรุ่งนี้ทุกคนก็จะต้องลงแปลงนาอีกครั้งเนื่องจากหยุดมาสามวันทุกอย่างก็เลยยุ่ง ๆ“เลขาธิการคะ”บริเวณที่กัวเหม่ยอิงมาเป็นกองผลิตของหมู่บ้าน จึงไม่แปลกหากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้าอาหาร ยุคนี้เป็นยุคข้าวยากหมากแพง คนในหมู่บ้านที่ไม่มีเงินซื้อหรืออดอยากต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบางครั้งพวกเขาก็จะหาทางขโมยอาหารของหน่วยผลิตแต่ละตำบลและหมู่บ้านหน่วยผลิตจะแยกออกเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านไหนมีคนเยอะก็แยกเป็น 1 หน่วย แต่ถ้าหมู่บ้านที่มีน้อยก็จะถูกจัดคู่กับหมู่บ้านข้างเคียงให้เป็น 1 หน่วย และหมู่บ้านของพวกเธอนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงไม่ต้องรวมกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จธัญพืชบางส่วนก็จะถูกส่งเข้ากองกลางของตำบล และเข้าเมืองต่อไปหากฤดูไหนได้ผลผลิตน้อยคนในหมู่บ้านต่างได้รับคงามเดือดร้อนกันทั่ว ลำพังผลผลิตน้อยมากแล้วยังต้องส่งเข้าก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่9 ที่ดินของพี่ใหญ่หานเซิน

    การที่คุณย่าหานตกใจจนเข่าอ่อนก็เป็นเหมือนกับการยืนยันว่าคุณย่าหานเอาโฉนดที่ดินของบ้านสามไปจริง ๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ได้ยินแม่สามีบอกว่าเป็นของลูกชายของนางก็ทำตัวไม่ยอมขึ้นมา แม่สามีของนางตั้งใจจะเอาให้หลานชาย ซึ่งคนนั้นก็คือลูกชายของนางและนางไม่ยอมให้มันหลุดมือไป“เดี๋ยวสิ! หากมันเป็นของหลานชายจริง มันก็ต้องอยู่กับพวกเธอสิ” ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ขนาดนี้แล้วป้าสะใภ้ใหญ่ก็คงจะไม่ยอมรับสินะคะ แต่อย่าลืมเรื่องเงินที่ยืมไปด้วยค่ะ” กัวเหม่ยอิงเปลี่ยนเรื่องให้ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเข้ามายุ่งลุงใหญ่มาเอาเงินไปมากกว่าห้าร้อยหยวนโดยที่พวกนางไม่รู้ก็ว่าแย่แล้ว นางที่มีลายมือการยืมเงินบนเอกสารก็ยิ่งมีชะงักติดหลัง แม่สามีของนางถึงจะไม่ได้ถือเงินเองแล้วแต่นางก็ต้องรับรู้เรื่องเงินที่เข้ามาและออกไป“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเธอไม่ได้โกหก อีกอย่างปู่ของเธอก็ตายไปแล้ว จะให้ไปปลุกสหายของปู่เธอขึ้นมาอีกคนก็คงจะไม่ได้” คุณย่าหานที่มีหลานสาวเข้ามาพยุงเอ่ยขึ้นนางผ่านโลกมานานกว่าหลานสะใภ้จึงปรับอาการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นชื่อของหลานชายแต่นางก็หาข้อโต้แย้งไม่ได้ ขนาดนางยังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่10 ช่องทาหาเงิน

    กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเลขาธิการของหมู่บ้านทำยังไงให้ได้เงินจากบ้านใหญ่คืนมา แต่เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนเอามาให้พวกเธอที่ตื่นมาทำกับข้าวมื้อเช้า ถึงแม้จำนวนเงินจะได้มาเพียง 1,000 หยวน แต่มันก็ทำให้พวกเธออยู่ได้อีกนาน เมื่อรวมกับเงินที่มีก็ถือว่ามากพอแล้ว“เดี๋ยวสาย ๆ ฉันจะออกไปดูที่ดิน” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่กำลังทุบไก่แห้ง“งั้นฉันจะดูแลเด็ก ๆ ก็แล้วกันค่ะ เมื่อวานคุณแม่อยู่กับหลานทั้งวันท่านคงอยากจะพัก” สะใภ้รองพยักหน้าอาหารมื้อเช้าของพวกเธอกัวเหม่ยอิงทำแกงจืดเนื้อไก่ให้ผู้เป็นแม่สามี ส่วนพวกเธอนั้นกัวเหม่ยอิงหุงข้าวแล้วนำไปผัดกับไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ“จริงสิ ให้น้องชายสามทำคอกไก่แล้วก็แปลงผักด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วค่อยให้ไปหาฟืน” กัวเหม่ยอิงว่าพลางยกหม้อแกงจืดลง“ได้ค่ะ พี่จะไปดูที่ดินตอนไหน”“กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวอากาศจะร้อน”สองสะใภ้ต่างช่วยกันทำกับข้าวมื้อเช้าของบ้าน ส่วนน้องชายสามนั้นไปหาบน้ำมาใส่โอ่งให้พวกเธอใช้เพราะน้ำเริ่มจะหมดแล้วกัวเหม่ยอิงเทน้ำในชามที่เทน้ำร้อนใส้ไว้เมื่อคืนทิ้ง นำชามไปล้างให้สะอาดแล้วก็นำมาลวกในน้ำร้อน จากนั้นนำไปคว่ำไว้ พอแห้งจึงจะเทน้ำต้มสุกเก็บไว้ จริง ๆ กัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่11 ซื้อไหเพิ่ม

    น้องชายสามกลับไปเรียนได้หลายวันแล้ว กลับไปพร้อมกับความหวังของกัวเหม่ยอิงที่อยากจะได้อิฐมาสร้างบ้านหลังใหม่ แม้ในใจของหานหรงอี้อยากจะปฎิเสธแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนดูแลคนในบ้าน จึงต้องพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สะใภ้รองห่อของกินให้น้องชายของสามีตามคำสั่งของพี่สะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ตากแห้ง เห็ดตากแห้ง และหน่อไม้ที่ต้มใส่ไหไว้ กัวเหม่ยอิงให้เขาเอาไปให้สหาย 1 ไห เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลหลานสาว พร้อมกับเงินที่ให้น้องชายของสามีไปใช้อีก 50 หยวน โดยที่กัวเหม่ยอิงบอกให้เขาใช้เต็มที่จนกว่าจะเรียนจบ และบางทีอาจต้องใช้เงินหาอิฐจำนวนมาก หากไม่พอค่อยกลับมาที่บ้านเล้าไก่ถูกซ่อมแซมจนแข็งแรงและทนทาน เธอเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าเชือกเท่านั้น จากนั้นจึงทำความสะอาดเล้าไก่ โดยนำมูลไก่ไปทำปุ๋ยใส่แปลงผัก ส่วนแปลงผักกัวเหม่ยอิงกลัวว่าจะไม่ทันหากให้น้องชายสามีเป็นคนทำ เธอจึงจ้างพี่ชายของเธอมาทำแปลงผักให้ใหม่ โดยให้วันละ 1 หยวน และทำอย่างอื่นอีกจึงใช้เวลาสองวัน กัวเหม่ยอิงจึงจ่ายเงินให้ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งแน่นอนว่าถูกปฎิเสธเพราะเขาต้องการช่วยน้องสาวเท่านั้น แต่กัวเหม่ยอิงรู้ว่าพี่ชายจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่12 คุยกับบ้านกัว

    กัวเหม่ยอิงใช้รถเข็นที่ให้พี่ชายทำขึ้นให้ในการเข็นไหครึ่งหนึ่งไปล้างในแม่น้ำ อันที่จริงมันก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่จะให้หอบไปทีละไหก็กลัวว่าจะเสียเวลาเพราะรถเข็นมีขนาดเล็กไหนจะจำนวนไหที่เยอะอีก กัวเหม่ยอิงจึงแบ่งครึ่งไปล้างสองรอบ โดยเธอใช้น้ำผสมขี้เถ้าที่ผสมไว้ล้างถ้วยชามกับกาบมะพร้าวในการขัดไห ขี้เถ้ามีฤทธิ์เป็นด่างช่วยลดคราบมันได้ด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายจึงไม่มีใครมาใช้น้ำ น้ำในแม่ที่คนในหมู่บ้านใช้ทุกวันจึงใสมาก แต่หากเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานน้ำจะขุ่นเพราะคนในหมู่บ้านจะมาอาบน้ำและซักผ้าที่นี่ ใครบ้านอยู่ใกล้ก็ดีไปเพราะใครอาบน้ำก่อนก็จะได้อาบน้ำที่ใสกว่ากัวเหม่ยอิงล้างไหเสร็จก็คว่ำทิ้งไว้บนรถเข็น พอล้างครบก็เข็นกลับบ้าน จากนั้นก็เอาไปคว่ำทิ้งไว้ที่หลังบ้าน เวลาจะใช้ค่อยนำไปต้มฆ่าเชื้อในน้ำที่เดือดก็ใช้ได้แล้ว อันที่จริงในยุคนี้คนในหมู่บ้านต่างไม่มีขั้นตอนเยอะแบบนี้หรอก เพราะนอกจากเปลืองน้ำแล้ว ยังเปลืองฟืนอีก เธอทำแบบนี้อยู่สองรอบก็ล้างไหครบทั้งหมดสามสิบไห“ล้างเสร็จแล้วเหรอคะ ฉันว่าจะไปช่วยพอดี” สะใภ้รองที่เดินออกจากห้องแม่สามีถาม“อืม” กัวเหม่ยอิงพยักหน้ากัวเหม่ยอิงเดินเข้าครัวพร้อมก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่13 บ้านกัวตอบตกลง

    มีคนในหมู่บ้านที่มีเกวียนวัวจะเข้าอำเภอพอดี กัวเหม่ยอิงจึงขอติดไปด้วยพร้อมกับให้เงินไป 1 เหมา เป็นค่าเดินทาง ซึ่งเจ้าของเกวียนก็อนุญาตวันนี้กัวเหม่ยอิงจะเข้าอำเภอเพื่อไปซื้อของมาทำซาลาเปาพรุ่งนี้ เพราะบ้านกัวให้คำตกลงแล้วว่าจะมาถอนหญ้าให้เมื่อวันก่อน และที่พวกเขาต้องรอทำพรุ่งนี้เพราะเพิ่งทำเรื่องขอหยุดงานในแปลงเสร็จนอกจากค่าจ้างแล้วกัวเหม่ยอิงก็จะทำกับข้าวมื้อกลางวันให้บ้านกัวด้วย จริง ๆ เธอต้องการจะทำกับข้าวมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน แต่บ้านกัวไม่เห็นด้วยเพราะมันสิ้นเปลือง แต่สุดท้ายกัวเหม่ยอิงก็ได้ทำกับข้าวมื้อกลางวัน โดยที่บ้านกัวจะหาเนื้อมาให้“สะใภ้ใหญ่บ้านหาน ฉันจะกลับหมู่บ้านบ่ายสองให้มารอที่นี่” เจ้าของเกวียนวัวบอกกัวเหม่ยอิงพยักหน้าพลางกระชับถุงผ้าในอ้อมกอดแล้วเอ่ยตอบ “ได้ค่ะ ช่วงประมาณบ่ายโมงฉันจะมารอที่นี่”เมื่อเจ้าของเกวียนวัวห่างจากสายตาออกไปกัวเหม่ยอิงก็กำชับผ้าคลุมบนหัวแน่น พร้อมกับเดินเลี่ยงไปยังซอยเปลี่ยว วันนี้กัวเหม่ยอิงลองเอาหน่อไม้มาขายเพราะที่บ้านเริ่มจะไม่มีที่เก็บแล้วยามที่เฝ้าประตูทางเข้าตลาดมืดเดินเข้ามาขวางกัวเหม่ยอิงเอาไว้ กัวเหม่ยอิงจึงหยิบเงินให้เขา 1 เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่14 ไปหาน้องชายสาม

    ช่วงเช้ามืดก่อนฟ้าสางกัวเหม่ยอิงตื่นขึ้นมานึ่งซาลาเปา เพราะเธอทำไส้ไว้เมื่อคืนนี้พอตื่นมาจึงขึ้นรูปซาลาเปาแล้วนึ่งได้เลย ส่วนกับข้าวแม่สามีนั้นเธอจะทำทีหลังสุดเพราะใช้เวลาทำไม่นานหลังจากการเก็บเกี่ยวธัญพืชในครั้งนี้เสร็จ กัวเหม่ยอิงมีความคิดที่จะเอาไก่ตัวใหม่มาเลี้ยง โดยที่ไก่ในเล้าที่มีคงต้องฆ่าแล้วตากแห้งเอาไว้ ยังไงไก่พวกนี้ก็อยู่มาหลายปีแล้ว และโชคดีที่พอเธอให้กินอาหารดี ๆ มันก็ออกให้วันละหลายฟอง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็คงไม่เหมือนกับไก่ที่ยังสาวอยู่“ผัดฝักทองใส่ไข่ด้วยดีไหมคะ เมื่อวานพี่ใหญ่กัวเอามาให้” สะใภ้รองที่กำลังหั่นผักหันมาถามกัวเหม่ยอิงพยักหน้า “เดี๋ยวนึ่งซาลาเปาเสร็จแล้วก็ต้มโจ๊กให้คุณแม่ก่อน จากนั้นค่อยผัดฟักทอง ผัดเยอะหน่อยนะ มื้อกลางวันฉันจะเอาไปให้บ้านกัว”แม้จะเป็นเช้ามืดแต่ตอนนี้คนบ้านกัวคงจะลงมือถอนหญ้ากันแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะตื่นเช้าออกไปทำงาน ยิ่งช่วงเก็บเกี่ยวทุกคนยิ่งตื่นเช้ากันมาก และยิ่งถอนหญ้าใกล้บ้านกัวพวกเข้าจึงรีบเข้าไปถอน ซึ่งกว่าเธอจะไปถึงทุกคนคงจะถอนได้เยอะแล้ว“ผลไม้ที่ซื้อมาเมื่อวานล่ะคะ” สะใภ้รองไม่ใช่คนโง่ การที่พี่สะใภ้ของหล่อนซื้อผลไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่30 แฝดหงส์

    เพราะสะใภ้รองมีครรภ์ที่ใหญ่ผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ท้องแรกจะใหญ่มันก็ไม่ผิดปกติเท่าไร แต่เมื่อครรภ์ได้ 5 เดือน ท้องของสะใภ้รองกับเหมือนคนใกล้จะคลอดแล้ว กัวเหม่ยอิงจึงให้น้องชายรองพาสะใภ้รองเข้าไปพักในอำเภอ หากมีอะไรจะได้เข้าโรงพยาบาลง่าย ๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยโดยเฉพาะแม่กัวกับแม่หานที่ผ่านการมีลูกมากก่อน พวกนางไม่เคยเห็นคนที่ท้องได้ไม่กี่เดือน ท้องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน หากถามคนที่ไม่รู้ก็คงจะบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้วส่วนแม่หานนั้นตอนนี้กำลังฝึกเดินเพราะน้องชายสามขอร้อง เขาอยากให้แม่ของเขากลับมาเดินได้อีกครั้ง อยากให้แม่ของเขาออกไปเดินดูข้างนอกบ้างลูกเจี๊ยบที่เอามาเลี้ยงก็โตกันหมดแล้ว แต่เพราะที่บ้านเลี้ยงได้ 3 ตัว กัวเหม่ยอิงจึงจับเชือดจนตอนนี้มีไก่เหลืออยู่ 4 ตัว เธอจะเอาไว้ให้บำรุงสะใภ้รอง 1 ตัว ตอนคลอดลูก“สะใภ้รองจะเป็นยังไงบ้างนะ”แม่หานถามกัวเหม่ยอิงที่ยกกับข้าวมื้อกลางให้ ตอนนี้ก็เกือบสี่เดือนแล้วที่กัวเหม่ยอิงให้สะใภ้รองกับน้องชายรองเข้าไปอยู่ในอำเภอ“คงใกล้จะคลอดแล้วค่ะ วันก่อนที่น้องชายรองมาหาเขาบอกไม่เกินเดือนนี้จะคลอดแล้ว” กัวเหม่ยอิงตอบแม่กัวที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดขึ้น “ท้องส

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่29 กัวเหม่ยอิงโกรธพี่ชาย

    พี่ใหญ่กัวแบกตะกร้านำกัวเหม่ยอิงกับพี่รองกัวเข้าป่าตามที่ได้ตกลงกันแล้วเมื่อวาน เนื่องจากพี่ใหญ่กัวก็อยากจะลองเข้าป่านี้เหมือนกัน ทันทีที่กัวเหม่ยอิงบอกความต้องการเขาก็ตกลงทันทีก้าวแรกที่เดินเข้าไปในป่ามันก็ยังเหมือนเดิม บรรยากาศภายในป่าเงียบสงัดไม่มีแม้กระทั่งเสียงแมลงร้อง สร้างความระแวงให้แก่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัว ยกเว้นกัวเหม่ยอิงที่จากเดินอยู่กลางกลายเป็นเดิมนำหน้าสุด“น้องสาวห้าเดินระวังด้วย” พี่ใหญ่กัวบอกน้องสาวที่เดินนำไปแล้วกัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ฉันรู้จักทางนี้ค่ะ แต่ยังไม่เคยเห็นลำธารในป่านี้ ฉันอยากจะลองจับกุ้งที่นี่ดู” เธอบอกพี่ชายที่หันซ้ายหันขวา“ได้ยินเสียงน้ำอยู่ทางนั้น” พี่ใหญ่กัวชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง แต่กัวเหม่ยอิงกับพี่ชายรองมองหน้ากันเพราะไม่ได้ยินเสียงกัวเหม่ยอิงเดินตามพี่ใหญ่กัวไปยังทิศทางที่พี่ใหญ่กัวชี้ รั้งท้ายด้วยพี่รองกัวที่ดูแลความปลอดภัยให้น้องสาว เดินไปไม่ไกลพวกเขาก็เห็นลำธารที่มีน้ำใสจริง ๆ ใสกว่าน้ำที่ใช้ประจำซะอีก“มีปลาด้วย!” พี่รองกัวตะโกนด้วยความดีใจพวกเขาไปจับกุ้งเป็นเดือน ๆ แต่ไม่เคยเจอปลาเลย มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะมีคนไปหาปลาตลอด แต่พอเข้ามาใ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่28 ถูกจับตามอง

    ตั้งแต่ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่กัวเหม่ยอิงก็ทำอะไรได้สะดวกมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขาหาหน่อไม้มาต้มเก็บใส่ไห หรือบางทีก็ทำหน่อไม้ดอง ไหนจะทำกุ้งแห้งอีก โชคดีที่ผู้ชายบ้านหานกับบ้านกัวมีฝีมืองานไม้อยู่บ้าง การสร้างห้องเก็บไหจึงถูกสร้างขึ้นข้างบ้านเนื่องจากตอนนี้ยังไม่เปิดการค้าเสรีพวกเธอจึงไม่สามารถขายตรง ๆ ได้ แต่น้องชายรองนั้นจะออกบ้านตอนเช้ามืดเพื่อไปทำงานเขาจึงเอาไหกุ้งแห้งกับหน่อไม้ต้มไปขายได้ตอนนี้ที่บ้านมีจักรยาน 2 คัน ได้มาในราคา 350 กับคูปองเกือบ 20 ใบ ถ้าซื้อหนึ่งคันราคาจะอยู่ที่คันละ 200 หยวน กับคูปองอีก 10 ใบ และน้องชายสามเห็นว่าจักรยานมีสภาพดีจึงได้ตกลงที่จะซื้อสองคันอีกอย่างจักรยานหนึ่งคันน้องชายรองปั่นไปทำงานในอำเภอ ส่วนน้องชายสามก็ปั่นไปโรงเรียนในตำบลคันหนึ่ง หากพวกเธอในบ้านต้องการจะใช้จักรยานก็บอกน้องชายสาม เพราะเขาจะเอาจักรยานไว้ให้แล้วเดินไปโรงเรียนแทน“ค่อย ๆ จับนะคะแม่ ฉันคอยพยุงอยู่” กัวเหม่ยอิงบอกแม่สามีที่จับราวไม้ที่ถูกสั่งทำไว้โดยเฉพาะแม่หานลังเล แม้จะถูกสะใภ้ยืนยันว่าจะไม่เป็นอะไรแต่นางก็กลัว กลัวว่าจะเป็นภาระของทุกคนหนักกว่าเดิม ไม่ใช่ว่ามีใครพูดอะไรให

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่27 บ้านหลังใหม่

    การหาซื้อเนื้อหมูในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่หากมีเส้นสายมันก็จะต่างออกไป และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าตัวเองมีเส้นสายมากพอสมควรโดยเฉพาะน้องชายรองและน้องชายสาม“อีก 2 วัน เป็นฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ของบ้าน ตอนนี้้เรามีกุ้ง มีปลา มีไก่ และมีผักแล้ว แต่ยังไม่มีหมู น้องชายรองกับน้องชายสามพอจะหาได้ไหม” กัวเหม่ยอิงถามอย่างไม่อ้อมค้อมอย่างที่รู้กันว่าตอนนี้พวกเธอขายของในตลาดมืด จึงไม่ต้องกลัวว่าสมาชิกในบ้านจะตกใจ และเพราะต้องขึ้นบ้านใหม่ อาหารที่ทำขึ้นต้องพอเลี้ยงแขก กัวเหม่ยอิงจึงต้องถามน้องชายรองส่ายหน้า “ผมไม่รู้จักใครเลยครับ แต่ช่วงนี้ผมติดภารกิจสำคัญครับ ลาไว้แล้ว 3 วัน ถ้ายังไม่ได้พรุ่งนี้ผมจะไปหาให้” เขาบอกก่อนจะหันไปถามน้องชาย “นายรู้จักคนเยอะพอจะมีไหม”“มีครับ แต่เราต้องไปถามก่อนเพราะมันไม่ต้องใช้คูปองและราคาสูง” น้องชายสามพยักหน้า เขาก็พอจะรู้จักคนนี้มีเนื้อหมู่อยู่กัวเหม่ยอิงยิ้ม “ดีเลย นายไม่ต้องไปสอนแล้วใช่ไหมสัปดาห์นี้ ฉันอยากได้เนื้อสัก 10 ชั่ง กระดูกด้วยก็ดีพอจะไปหาได้หรือเปล่า” ที่โรงเรียนเหมือนจะมีของหาย ทางโรงเรียนจึงประกาศหยุดการเรียนตลอดหนึ่งสัปดาห์ และคณะกรรมหน่วยผลิตของตำบลกำ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่26 สะใภ้รองตัดขาดบ้านเดิม

    กัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าช่วงนี้บ้านของพวกเธอถูกนินทาบ่อยมาก เมื่อมีคนไปเห็นน้องชายรองทำงานอยู่ในสถานีสักแห่งในอำเภอเพราะเข้าไปทำธุระ ยิ่งพอรู้ว่าน้องชายรองได้กลับไปทำงานเสียงนินทาก็ยิ่งกว้างไปจนถึงหมู่บ้านข้าง ๆ กันแล้วแต่ถึงจะนินทายังไงกัวเหม่ยอิงกับครอบครัวของสามีก็ไม่ได้ไปสนใจ พวกเธอพากันสนใจกิจการของบ้านมากกว่า ตอนนี้กุ้งแห้งมีรวม ๆ กันเกือบ 50 ไหแล้ว เพราะน้องชายรองเอาออกไปขายแค่วันละไห แต่ที่บ้านทำเพิ่มได้วันละไม่ต่ำกว่า 3 ไห กุ้งแห้งจึงมีเยอะมากตอนนี้ที่บ้านมีรายได้วันละ 5 หยวน จากการขายกุ้งแห้ง 1 ไห หรือบางวันก็ขายไหไปด้วยก็ได้กำไรอีก 1 หยวน ไหนจะเงินเดือนของน้องชายสามที่เป็นครูสอนเด็กประถม 10 หยวน และเงินเดือนของน้องชายรองอีกที่ได้มาถึงเดือนละ 80 หยวน แต่เงินเดือนที่ได้มาจะถูกหักเข้ากองกลางของบ้านเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งสามารถเก็บเอาไว้ได้เลย“สะใภ้รองบ้านเดิมของเธอมาหา” เสียงของพี่สาวใหญ่กัวร้องบอกหลังออกไปดูหน้าบ้านเมื่อมีคนมาร้องเรียกสะใภ้รองหันมองพี่สาวใหญ่กัวก่อนจะส่ายหน้าปฎิเสธที่จะคุยด้วย ไหนบอกว่ากลัวหล่อนจะไปสร้างปัญหาให้จึงให้เลิกติดต่อ แต่วันนี้พอสามีของหล

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่25 น้องชายรองมีปัญหา

    กัวเหม่ยอิงยืนมองกุ้งเกือบสิบตะกร้าด้วยความภูมิใจวันนี้เป็นวันแรกที่พี่ใหญ่กัวกับพี่รองกัวมาช่วยเธอจับกุ้ง และเป็นวันแรกที่จับกุ้งได้เยอะที่สุด อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งจะช่วงบ่าย กัวเหม่ยอิงที่ปกติต้องไปจับกุ้งจึงเปลี่ยนมาแปรรูปกุ้งแทนต้องขอบคุณน้องชายรองที่แนะนำให้สร้างที่ตากกุ้งไว้เพิ่ม ไม่อย่างงั้นเธอคงจะหาที่ตากกุ้งไม่ได้ และดีที่ใช้เวลาตากกุ้งเพียงหนึ่งวันกุ้งก็แห้งให้แล้ว ต่างจากอนาคตที่ใช้เวลาหลายวัน“น้องชายรองไปแล้วเหรอ” กัวเหม่ยอิงถามสะใภ้รองที่เดิมตามหลังมาเหมือนว่าน้องชายรองจะได้รับการติดต่อจากสหายร่วมกองทัพของเขา ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ขอแค่เขาเอาของเข้าไปขายให้ตอนนี้เงินจากการขายกุ้งแห้งและหน่อไม้ต้มได้มาเกือบหนึ่งพันหยวน แต่มันยังไม่ได้หักค่าไห ค่าฟืน ค่าเกลือ และค่าแรงงานอีก แต่ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็นับจำนวนเงินนี้เป็นทุนสำหรับการค้าขายภายหน้าสะใภ้รองพยักหน้าแล้วนั่งลงหน้าเตาไฟเพราะหล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาช่วย “ใช่ค่ะ เห็นว่าสหายของเขาขึ้นมาหา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับที่นั่นแล้ว” ถึ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่24 น้องชายสามมีงานทำ

    หลังจากที่น้องสะใภ้กลับบ้านเดิมได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหล่อนก็กลับมาพร้อมกับความเงียบ และปิดประตูห้องไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง แม้แต่น้องชายรองเองก็เข้าหน้าไม่ติด กับข้าววันนั้นจึงเป็นกัวเหม่ยอิงที่ทำและเธอก็ไม่ได้ถามหาสาเหตุจากสะใภ้รอง หากหล่อนอยากจะพูดหล่อนก็คงจะพูดเองนับจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วห้าวัน และการที่สตรีบ้านกัวขอหยุดงานในแปลงนาสร้างความฮือฮาในหมู่บ้านอีกรอบ อีกไม่นานก็จะได้รับผลผลิตแล้ว ทำไมอยู่ ๆ สตรีบ้านกัวก็หยุดงานไปดื้อ ๆ ? มันเป็นเรื่องที่หยุดพูดไม่ได้กันเลยทีเดียว อีกอย่างพวกเขาก็ได้ยินว่าคนบ้านกัวกำลังหาลูกเขยกับลูกสะใภ้ให้ลูกสาวกับลูกชายที่อายุมากแล้ว“สะใภ้รองขยับมาทางนี้” กัวเหม่ยอิงกวักมือเรียกน้องสะใภ้ที่หากุ้งฝั่งตรงข้ามเพราะกัวเหม่ยอิงกลัวว่าสะใภ้รองจะคิดมากเกินไป จึงชวนหล่อนพร้อมกับน้องชายสามีทั้งสองออกมาจับกุ้งอีกครั้ง ไหน ๆ กุ้งแห้งในบ้านก็ลดลงไปมากแล้ว“พี่จับกุ้งเก่งมาก” สะใภ้รองชมหล่อนจับกุ้งได้เพียงสามตัวตั้งแต่มาถึง ต่างจะพี่สะใภ้ที่ตอนนี้จับได้มากกว่ายี่สิบตัวแล้วกัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ก็เพราะฉันเก่งยังไงล่ะ” ต้องบอกว่ามีความสามารถพิเศษจะดีกว่า“ฉันเชื่อค่ะ”

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่23 จ้างเลี้ยงลูกสาว หลานสาว

    จะว่าไปแล้วชีวิตของกัวเหม่ยอิงในตอนนี้สบายมาก ทำอะไรก็ลงตัวไปซะทุกอย่าง แต่มันก็แลกมากับความเหนื่อยอย่างลงตัว“กุ้งผัดหน่อไม้ได้แล้วนะคะ” สะใภ้รองที่จัดการปิ่นโตเสร็จหันมาบอกกับกัวเหม่ยอิงเพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าสะใภ้รองน่าจะเหงามากเมื่ออยู่บ้านคนเดียว จึงจะเข้าไปคุยกับคนบ้านกัวตามที่คิดไว้กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ครบแล้วใช่ไหม” หากไม่ครบมันจะได้ไม่เสียเวลาต้องกลับมาเอา“ฉันดูให้แล้วค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้าวันนี้เป็นวันหยุดประจำเดือนของทุกคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้กำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แต่ทุกคนก็ยังได้หยุด เพราะในหนึ่งเดือนทุกคนจะได้หยุดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นวันหยุดพอดี กัวเหม่ยอิงจึงจะไปคุยด้วย อีกอย่างน้องชายสามก็ออกไปหาฟืนกับน้องชายรอง ที่ตากกุ้งแห้งมันก็เต็มด้วยกุ้ง วันนี้จึงยังไม่ไปหากัน“น้องสาวห้า” เป็นพี่สาวใหญ่ที่กวาดลานบ้านร้องทักกัวเหม่ยอิงกัวเหม่ยอิงหันไปมองแล้วยิ้ม “พี่สาวใหญ่ ทำอะไรกันคะ” เธอถามถึงแม้ว่าจะเห็นอยู่ว่าพี่สาวกำลังทำอะไร“กำลังกวาดลานบ้านน่ะไหน ๆ ก็วันหยุดแล้ว” พี่สาวใหญ่ตอบ “แล้วน้องสาวห้ามาทำอะไรที่นี่หรือมาดูบ้าน” ถ้ามาดูบ้านปกติน้องสาวของหล่อนไม่ได

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่22 กุ้งแห้ง

    กัวเหม่ยอิงแวะดูคนงานสร้างตอนช่วงสายของวันพร้อมกับส่งซาลาเปา จากนั้นก็ได้นำน้องชายรอง น้องชายสามเข้าป่าไปจับกุ้งที่เจอเมื่อวานหลังจากได้ลิ้มรสเมนูกุ้งฝีมือของสะใภ้รองทุกคนก็ชอบมันมาก น้องชายสามจึงขอไปจับกุ้งระหว่างรอหางาน แต่กัวเหม่ยอิงก็เลยเปลี่ยนให้พวกเขาไปจับกุ้งแทนที่จะไปหางานเธอได้นอนคิดทั้งคืนว่าหลังจากนี้พวกเธอจะทำอะไร ลำพังจะให้น้องชายสามออกไปทำงานคนเดียวค่าใช้จ่ายมันไม่พอแน่ ๆ แม้จะมีเงินเก็บ แต่จะให้น้องชายรองเข้าไปหางานในเมืองสะใภ้รองก็ไม่ยอมเพราะห่วงร่างกายของสามี ซึ่งกัวเหม่ยอิงเห็นด้วยจะให้สะใภ้รองไปก็ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่เพราะหล่อนไม่ได้เรียน ไหนจะต้องทำงานบ้านและดูแลแม่สามีอีกส่วนกัวเหม่ยอิงเธอต้องติดตามดูบ้านตลอด และต้องดูลูกสาวไปด้วย แล้วจู่ ๆ การทำกุ้งแห้งก็ผุดขึ้นมาให้หัวของเธอ ปกติพวกเธอก็มีกุ้งแห้งไว้ทำอาหารให้แม่สามีอยู่แล้วและมีราคาแพง หากเธอจะทำขายโดยที่ไม่ต้องใช้คูปองซื้อ และมีราคาถูกลงนิดนึงย่อมมีคนสนใจและเรื่องนี้กัวเหม่ยอิงก็ได้คุยกันเมื่อเช้านี้ซึ่งทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นน้องชายรองที่อยากจะขัดเพราะตัวเขาก็เป็นทหารมาก่อน ซึ่งรู้ว่าเรื่องขายของนั้นมันทำไม่ได้

DMCA.com Protection Status