มินนี่ นักเขียนโนเนม เพิ่งจะฝึกเขียนนิยายจีนเป็นครั้งแรก วางโครงเรื่องที่จะเขียนไว้เพียงคร่าวๆ ดังนี้
“หญิงสาวนามว่าฟางซิน จะทิ้งสามีไปถวายตัวเป็นสนมของท่านอ๋องเฉิน ผู้ชายที่ได้รับบทเป็นพระเอกของเรื่อง ความร้ายกาจของนาง จะกลายเป็นอุปสรรคคอยขัดขวางเส้นทางรักของพระเอกนางเอก นางทั้งกลั่นแกล้ง ทั้งทำร้ายนางเอกที่แสนบอบบาง จนเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเรื่อง และสุดท้ายนางได้ตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย
พล็อตที่วางไว้แล้ว มีเพียงแค่ช่วงต้นเรื่อง อิมเมจของตัวละคร ก็ร่างไว้เพียงแค่ไม่กี่ตัว และเขียนดำเนินเรื่องมาได้แค่นิดหน่อย กลับต้องมาหัวตันคิดอะไรต่อไม่ออก
ด้วยความเหนื่อยล้าสะสม ทำให้กินยาพาราเซตามอลไปถึงสองเม็ด บวกกับยาแก้แพ้อากาศอีกหนึ่ง หวังให้ตัวยาไปช่วยลดอาการปวดหัว และหวังให้ตัวเองหลับนานกว่าที่เคย ตื่นมาสมองจะได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย ทำงานได้ไหลลื่นกว่า
แต่มันไม่เป็นไปอย่างที่เธอหวัง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วพบว่าโลกที่ตัวเองเคยอยู่ไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย ห้องเช่าแคบๆที่เธออาศัยอยู่ กลายเป็นห้องนอนแบบโบราณ ที่เคยเห็นตอนดูซีรี่ย์เพื่อหาข้อมูล
นี่มันเรื่องบ้าอะไร!
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องดังลั่น จนผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านนอกสะดุ้ง ชายหญิงรวมห้าคนวิ่งกรูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าแตกตื่น คนที่ส่งเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ มองการแต่งตัวของคนเหล่านั้น ยิ่งส่งเสียงกรีดร้องหนักขึ้นอีกกว่าเดิม ด้วยตกใจเหล่าคนแปลกหน้า ส่งผลให้ชายหนุ่มเจ้าของจวนต้องเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเข้ามาในห้อง
“นางเป็นอะไรอีกงั้นหรือ? … ฟางซิน เจ้าฟื้นแล้วเหรอ?”
หญิงสาวคนที่นั่งอยู่บนเตียง กดเม้มริมฝีปากลงแน่น ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ไม่กล้าตอบคำถาม หวาดกลัวทุกคนที่อยู่รอบตัว ในหัวคิดประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง
‘ฟางซิน’ คือใคร ชื่อเหมือนกับนางร้ายในนิยายจีนโบราณที่เธอเพิ่งจะเริ่มเขียนเลย
“ท่านแม่ทัพ พวกเราเองก็ไม่ทราบเจ้าคะ อยู่ดีๆนายหญิงก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง”
สมองสั่งการให้ประมวลผลอีกครั้ง ‘ท่านแม่ทัพ’ งั้นหรือ นายหญิงที่ว่าคงหมายถึงเธอ เพราะแอบเหลือบไปเห็น ว่าผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ร่างของเธอขณะพูด
อย่าบอกนะว่านี่มันคือเรื่องจริง เธอทะลุมิติเข้ามาในหนังสือที่ตัวเองเพิ่งจะเริ่มลงมือเขียน นิยายที่รู้เพียงจุดจบของนางร้าย ซึ่งนางร้ายคนนั้นก็คือเธอในตอนนี้ ‘มู่ฟางซิน’ เธออยู่ในร่างของนางร้ายนามว่าฟางซิน
ถ้าเธอเป็นนายหญิง แล้วเขาตรงหน้าเป็นท่านแม่ทัพ แสดงว่าเขาคือ ‘แม่ทัพหลี่หลิวหยาง’ ผู้ชายที่นางร้ายอย่างฟางซินเกลียด เพราะการแต่งงานกับเขา ทำให้ฟางซินพลาดโอกาสที่จะถวายตัวเข้าไปเป็นสนมของ ‘อ๋องเฉินต้าลี่’ ผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ
ตามเนื้อเรื่องที่ร่างไว้ ฟางซินโกรธเกลียดสามีมาก เขาเองก็ไม่ได้ยินดีที่ได้เธอเป็นภรรยา เขาเป็นเพียงตัวประกอบในเรื่อง ที่ทำให้เส้นทางของนางร้ายอย่างฟางซินห่างไกลจากพระเอกมากขึ้น นางเอาความโกรธแค้น ความไม่สมหวังทุกอย่างไปลงกับ ‘มงลู่เสียน’ ที่เป็นชายาเอกของท่านอ๋อง ความริษยานั้นทำให้จุดจบชีวิตนางเศร้าหมองและตายลงอย่างโดดเดี่ยว
แต่เธอต้องไม่มีจุดจบอย่างนั้น แม้ตั้งใจจะให้นิยายจบแบบนั้นก็เถอะ ก็เธอดันทะลุเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายนี่นา ไม่รู้ว่าจะมีวิธีกลับไปโลกเดิมไหม เรื่องนั้นต้องหาทางคิดทีหลัง ตอนนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าก่อน จะปล่อยให้นางร้ายที่เป็นตัวเองในตอนนี้ ตายอย่างที่วางพล็อตไว้ไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าแค่ตกใจ”
ฮึบไว้นะตัวฉัน แม้จะเพิ่งเริ่มเขียนและไม่ค่อยรู้ศัพท์ก็ตาม ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่แห่งนี้ให้ได้ แล้วนิสัยนางร้ายคนนี้เป็นยังไงนะ อืม… เป็นคนเอาแต่ใจสุดๆ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อ๊า นิสัยเหมือนนางร้ายทั่วๆไปเลยนี่นา พวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อะไรประมาณนี้แหละมั้ง
“มีอะไรให้เจ้าตกใจจนร้องเสียงดังขนาดนั้น”
“ก็ ตกใจที่ตื่นมาแล้วเห็นว่าตัวเองสวยขึ้น”
แอบยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างดีใจ ดีนะที่เขียนให้นางร้ายสวย แม้นางเอกจะสวยมาก จนไปเตะตาอิตาบ้าอ๋องนั้นก็เถอะ แต่ฟางซินที่เธอมาอยู่ในร่างตอนนี้ นางเป็นสตรีที่สวยมากคนหนึ่ง ออกแนวคุณหนูในนิยายปัจจุบันนั่นแหละ ส่วนนางเอกก็สวย นิสัยน่ารัก ตามแบบฉบับนิยายเป๊ะๆ
“นั่นสินะ เจ้าคนเดิมไม่สวยขนาดนี้”
ดวงตาที่เหมือนสีน้ำทะเลลึกวูบไหวเพียงครู่ คนมองหรี่ตาจับผิด ว่าประโยคพวกนี้มันมีอยู่ในนิยายบ้างไหม แต่จำไม่ได้เลย ความจริงคือเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“ที่ท่านบอกว่าข้าไม่สวย นั่นเพราะข้าไม่เคยอยู่ในสายตาท่านต่างหาก”
พูดจบก็ก้มหน้าลงไปอย่างเคย ความน้อยใจตีขึ้นมาจนจุกหน้าอก อีตาผัวที่ใจกว้างเหมือนมหาสมุทรคนนี้ มีผู้หญิงที่เขารักอยู่แล้ว เขาเลยไม่ยินดีที่จะรับฟางซินเป็นเมีย แต่เพราะพ่อกับแม่ของฟางซิน ต้องการให้นางตัดใจเรื่องเป็นสนมของอิตาอ๋องเฉิน พวกท่านเลยบังคับให้ฟางซินแต่งเข้าบ้านนี้ บังคับแบบยัดเหยียด อิตาหลิวหยางเลยไม่ชอบเมียสุดๆ
“เจ้าจะนั่งอยู่อย่างนี้”สายตาคู่คมมองชุดของภรรยาเพียงครู่ หันหลังเดินจากไปพร้อมกับคนที่อยู่ด้านใน เหลือไว้เพียงข้ารับใช้ ที่รู้ใจฟางซินมากที่สุด“นายหญิงคะ ข้าเตรียมน้ำไว้แล้วค่ะ”“เจ้าชื่ออะไร?”“คะ? ข้าเหรอ ข้าชื่อหลิงหลินไงเจ้าคะ”“แฮะๆ ข้าจำไม่ค่อยเก่ง เจ้าช่วยนำทางข้าที”การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต้องมีคนช่วย และคนแรกที่เธอต้องการ ก็คือข้ารับใช้อย่างหลิงหลินนี่แหละ แม้ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครนี้มากนัก แต่แววตาที่ไม่มีพิษมีภัย ก็พอจะทำให้ฝากชีวิตของฟางซินและตัวเองไว้ได้นิดๆแหละนะห้องอาบน้ำที่หลิงหลินพามา เป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ออกมาจากห้องถึงได้รู้ว่าข้างนอกเย็นมาก เย็นจนหนาวเข้าไปถึงข้างใน ตัวสั่นหงึกๆ อย่างคนไม่เคยเจออากาศหนาวเย็นมาก่อน ห้องที่เคยพักอาศัยอยู่มีแค่พัดลมเก่าๆช่วยคลายร้อน มันแทบจะคลายความร้อนให้ไม่ได้เลย เพราะแดดเมืองไทยร้อนสุดๆ ต่างกันกับที่นี่มาก จนเผลอคิดถึงบรรยากาศภายในห้องเก่าๆของตัวเองขึ้นมา“นายหญิงหนาวหรือเจ้าคะ วันนี้มีหิมะตกด้วย”หิมะที่กำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอก ทำให้ใบหน้าสวยเผลอลอบยิ้มออกมา เธอเข้ามาอยู่ในนิยายจริงๆด้วย ชีวิตจริงเธอไม่มีวันได้เห็น
“เจ้าอาบน้ำนานเกินไปหรือเปล่า”“คะ?”“ก็ผิวเจ้าแดง เหมือนจะมีไข้ด้วย”ผ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนหน้าผาก รอยยิ้มมุมปากกับแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้คนมองเผลอคิดอีกแล้ว หลิวหยางไม่ได้รักเมียไม่ใช่เหรอ แต่ที่เขาทำอยู่นี่ มันมากกว่าคำว่ารักอีกมั้ง ทั้งท่าทีที่อ่อนโยน ทั้งแววตาแสนเจ้าเล่ห์แต่แฝงความอบอุ่นฟางซิน! ถ้าเธอไม่เอา ฉันเอานะ!“ก็ ก็ข้าอาบน้ำท่ามกลางหิมะนี่นา”ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างแน่นหนันของสามีตัวโต ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายเลย มันจะเป็นอะไรไหม ถ้าเธออยากจะลองสัมผัสดูสักครั้ง มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ในเมื่อฟางซินกับแม่ทัพหลิวหยางแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว เผลอๆอาจจะเคยร่วมหอกันไปแล้วก็ได้“เจ้าบอกว่าชอบนี่”นิ้วมือใหญ่เกี่ยววนบนไรผมเหนือหน้าผาก แววตาอ่อนแสงลง มองการกระทำคนตัวเล็กที่กำลังซุกตัวในแผ่นอกเงียบๆ กระชับมือถ่ายทอดไออุ่นให้ร่างเย้ายวนในอ้อมกอด กดริมฝีปากลงไปบนกลุ่มผมดำสนิทเบาๆปึก!“ข้า ข้าจะไปให้หลิงหลินแต่งตัวให้”ผลักแผ่นอกที่มอบไออุ่นให้ตัวเองออกห่าง หลงลืมไปแล้วเหรอว่าเขามีตัวละครลับที่เขาชอบอยู่ ถ้าหากเผลอเข้าใกล้จนหลงรักเขาขึ้นมา มันจะยุ่งยากไม่
“ท่านแม่ทัพงั้นหรือ?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติ“คะ?”ใบหน้าสวยเอียงเล็กน้อยอย่างเคยตัว คนตัวโตกว่าขยับไปนั่งหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง เมื่อสามีไม่ยอมคลายข้อสงสัย เธอก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางเหมือนจะลุกหนีไปของสามี ทำให้รีบคว้าชายชุดไว้แน่นอีตาสามีนี่งอนอะไรนักหนา พูดอะไรผิดหูอีกแล้วเนี่ย หน้าตึงบ่อยๆแบบนี้ ฟางซินเข้าใจว่าไม่รักก็ไม่แปลกหรอก“เจ้ามักจะเรียกข้าว่าสามี”“หา! ข้าเรียกท่านแบบนั้นจริงๆเหรอ?”“ใช่!”“ข้าเรียกท่านพี่ได้ไหมอะ เหมือนท่านจะอายุมากกว่าข้าเยอะอยู่นะ”“ท่านพี่งั้นหรือ ข้าไปเป็นพี่ชายของเจ้าตั้งแต่ตอนไหน” ใบหน้าดุดันหันกลับไปมอง ฟางซินตัวปลอมขนลุกไปทั้งตัวก็ใช่ไง เห็นเป็นพี่ก็ดีแล้วไหม ให้คิดเป็นอย่างอื่นมันไม่ดีมั้ง แม้เขาจะหน้าตาหล่อสุดๆ แล้วก็มีหุ่นน่าฟัดก็เถอะ แต่เธอไม่ชอบผู้ชายของคนอื่น ถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้ายัยฟางซินตัวจริงเกิดกลับมา แล้วรู้ว่าเธอใช้ร่างกายทำอะไรกับเขาไปบ้าง นางคงจะโกรธน่าดู เอาเป็นว่ารอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน นี่ก็เพิ่งจะไม่กี่วันเอง“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่รู้สึกอายที่จะเรียกแบบนั้นต่างหาก” ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน กับอีแค
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระชับเสื้อคลุมเข้าหากันแน่น เดินผ่านทางเดินไปยังตำหนัก ที่ข้ารับใช้เคยบอกไว้ว่า เป็นห้องทำงานของท่านแม่ทัพ ห้ามเฉียดกายเข้าไปรบกวนการทำงานของเขาเด็ดขาดเมื่อเดินมาถึงจนหน้าห้องนั้น มือบางยกขึ้นผลักประตูโดยไม่สนเสียงห้ามปรามของนายทหารด้านหน้า เดินเข้าไปข้างในรวดเร็ว ยกมือวาดลงบนซีกหน้าข้างขวา ของคนที่เงยขึ้นมองสุดแรง จนใบหน้าหล่อเหลาหันไปอีกด้านเพี๊ยะ!“ท่าน! ท่านทำให้ข้าเกือบตาย! แต่พอข้าฟื้นขึ้นมา ก็ทำดีด้วยราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ท่าน…ฮึก! ท่านใจร้าย”น้ำตาไหลรวมขึ้นมาคลอหน่อย รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หยดแมะลงบนพื้นอย่างสุดจะกลั้นแม้ฟางซินจะถูกกำหนดให้รับบทเป็นตัวร้าย แต่ชีวิตนางก็ค่อนข้างน่าสงสาร นางแค่หลงรักอ๋องเฉินที่เข้ามาทำดีด้วย นางผิดที่เลือกใช้วิธีการแบบนั้นทำร้ายคนอื่น แต่ในช่วงชีวิตสุดท้ายนางก็สำนึกผิดอยู่นะ แล้วนี่ก็ยังไม่ถึงช่วงที่นางรังแกคนอื่นหนักหนาเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องใจร้ายกับนางขนาดนี้“ออกไป!”เสียงตวาดดังขึ้นเพื่อขับไล่ข้ารับใช้ ที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่หน้าห้อง แต่คนที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้ากลับก้าวขาแทน มือเรียวเล็กยกข
“อื้อ หลิวหยาง ข้าเจ็บ เจ็บมือ”มองคนที่ผละริมฝีปากออกด้วยสายตาเว้าวอน ข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกกำแน่น เป็นอิสระทันทีที่พูด ร่างกายถูกพลิกลงไปนอนบนเตียงนุ่มอีกครั้ง ตามด้วยจูบหอมหวาน วาบหวาม และเร่าร้อนกว่าเมื่อครู่“อื้อ!”คนไม่มีประสบการณ์ลุ่มหลงมัวเมาในรสจูบ จนไม่รู้สึกตัวยามที่โดนมือใหญ่ปลดเปลื้องชุดท่อนบนออก ริมฝีปากหนาเคล้าคลึงหยอกเย้าหนักๆ หวังดึงสติคนตัวเล็กให้หลงมัวเมาอยู่ในรสสัมผัส ไม่อยากให้นางคืนสติกลับมา ไม่อยากให้รู้ด้วยว่าตอนนี้ร่างกายของนางเปลือยเปล่าไปถึงไหนแล้ว“อือ อ๊ะ! หลิวหยาง ข้า ข้าหนาว หนาวมาก”ร้องประท้วงเมื่อความอบอุ่นจากร่างใหญ่ค่อยๆห่างออกไป ผิวเปลือยเปล่านวลเนียนต้องอากาศหนาวเย็น ร่างบอบบางสั่นสะท้านจนต้องห่อกายหนีความหนาวเหน็บ ดวงตาสีนิลจ้องมองคนที่ผละออกไปปลดชุดอย่างชั่งใจเธอไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้ แต่ร่างกายของฟางซินกลับไม่เป็นอย่างนั้น อ่อยระทวยไร้เรี่ยวแรง และเฝ้ารอสิ่งที่แม่ทัพหลิงหยางจะทำต่อจากจูบ“เจ้ากลายเป็นคนขี้หนาวตั้งแต่เมื่อไหร่”“ข้า ข้าหนาวจริงๆนะ”ใบหน้าสวยหวานบึ้งตึง ริมฝีปากมุ่ยลงเมื่อคนตัวโตไม่ยอมเชื่อ เธอไม่ได้ขี้หนาวหรอก เพียงแต่ไม่เคย
“ข้า …” ไม่ใช่!ทอดมองผู้ชายของคนอื่นด้วยแววเศร้าหมอง อิจฉาชีวิตของฟางซินเหลือเกิน นางเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทั้งรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ พ่อของนางเป็นขุนนางใหญ่ ซ้ำยังรักและตามใจนางมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากไม่ต้องมาหลงรักอีตาอ๋องเฉิน จุดจบชีวิตนางก็จะไม่แย่เอาละฟางซิน ฉันจะทำให้เธอเป็นที่รักของอีตาหมีนี่แทน ชีวิตเธอจะได้ไม่ต้องจบลงตามต้นฉบับของนิยายที่ฉันเขียนบทไว้“หลิวหยาง ข้าต้องการท่านแล้ว”ผละมือออกจากสิ่งที่ทำ โน้มร่างเย้ายวนลงบนเตียงช้าๆ อ้าขาออกนิดๆ ดึงชายชุดท่อนล่างขึ้นอย่างมีจริตมารยา ก็แค่ใช้มารยาหญิงอ่อยหลิวหยางให้หลงรัก เท่านี้จุดจบก็ฟางซินก็เปลี่ยนไปแล้ว“อื้อ!”มือเล็กยกขึ้นลูบไล้บนกลีบเนื้ออวบอูม แหวกมันออกจากกันเบาๆ กรีดนิ้วเรียวยาวขึ้นลงช้าๆ น้ำหวานด้านในเริ่มไหลซึมออกมาเคลือบกลีบเนื้อสีหวาน สัมผัสมันได้จนต้องยกมือข้างนั้นขึ้นมาดู ใบหน้าเห่อเป็นสีแดงเพราะความอับอายเกิดมา 22 ปี เพิ่งจะเคยอ่อยผู้ชายนี่แหละ“เจ้า … ยั่วยวนข้าเองนะ”มือขวากำรูดแท่งเนื้อใหญ่ขึ้นลงช้าๆ อีกข้างดันเรียวขาเล็กกางออกไปอีก ขยับร่างเข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวยาว มือว่างเอื้อมไปสัมผัสช่อเกสร
หลิงหลินเล่าให้เธอฟังว่า ปีนี้ฤดูหนาวไม่ค่อยรุนแรง ปกติหิมะจะขาวโพลนทั่วทุกพื้นที่ ความหนาของมันทำให้ออกไปไหนมาไหนได้ยาก โชคดีจริงๆที่ปีนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอที่อยู่ในร่างของฟางซิน คงจะปรับตัวไม่ได้แน่“ข้าบอกเจ้าว่ายังไงฟางซิน!”ใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาหันไปมอง ร่างใหญ่โตยืนหอบหายใจอยู่ริมขอบสระ ใบหน้าสวยหันกลับมาทิศทางเดิมอย่างไม่สนใจใยดี เพราะเขาหายไปก่อนนั่นแหละ ส่วนเธอก็แค่กลับมาอาบน้ำล้างคราบต่างๆที่ทำร่วมกับเขาก็เท่านั้นหมับ!“เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะไม่ดื้ออีก”คลุกเข่าลงบนพื้นไม้หนึ่งข้าง ใช้มือบังคับใบหน้าถือดีให้หันกลับมา มองใบหน้าสวยหวานพลางกัดฟันแน่น ฟางซินเป็นสตรีที่พูดดีด้วยไม่ได้เลยหรือไร ใยพูดดีแล้วนางถึงไม่ยอมฟัง“ข้าดื้อกับท่านตอนไหน ข้าก็แค่กลับอาบน้ำ ข้าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเพราะท่าน”ดวงตาหวานช้อนขึ้นมองด้วยแววออดอ้อน มือหนาคลายออกจากใบหน้าเล็กทันที ร่างสูงใหญ่หยัดตัวลุกขึ้นยืน ถอดชุดออกไปจากตัวจนหมด หย่อนตัวลงในน้ำ ดึงรั้งร่างกายที่แช่อยู่ในน้ำมาก่อนเข้ามาชิดแผ่นอก แบ่งปันไออุ่นของตัวเองให้ร่างบอบบาง“ท่านไม่คิดเลยเหรอ ว่าข้าจะอาย ไม่คิดสินะ”“ข้าเห็น
“เจ้ารู้?”“ข้าแค่รู้สึกได้ ท่านไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ให้ข้าเห็นเลยสักครั้ง ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ท่านไม่ได้จะไปรบใช่ไหม”อ๋องเฉินเป็นตัวละครที่เธอวางให้เป็นฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เธอกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ กลัวเขาจะหลอกใช้หลิวหยางในการก่อกบฏชิงราชบัลลังก์ ทั้งๆที่อีกไม่กี่ปี อ๋องเฉินก็จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ทำไมเขาถึงไม่รอเวลานั้นเงียบๆนะ มีปมอะไรที่เธอตั้งใจจะเขียนกันแน่คนอื่นเขาทะลุเข้ามาตอนที่นิยายจบลงไปแล้ว แต่เธอดันทะลุมาตอนที่นิยายเพิ่งจะเริ่มแต่ง ซ้ำยังรู้แค่พล็อตคร่าวๆของเรื่องเท่านั้น มันเป็นมิชชั่นที่โคตรยาก หน้าต่างสถานะเหมือนที่เคยอ่านเจอในการ์ตูนก็ไม่มีให้“เห้อ! เอาเป็นว่าเจ้าห้ามออกจากห้องเป็นอันขาด”ร่างกำยำในชุดเกาะเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ฟางซินภรรยาตัวปลอมมองตามด้วยความเป็นห่วง เมื่อคิดว่าต้องเป็นอ๋องเฉินแน่ๆ ก็เริ่มกระวนกระวายจนอยู่ไม่ติดที่ เดินวนไปวนมา อยากรู้เหตุผลที่เขามา ทั้งอยากเห็นหน้าผู้ชายที่นางร้ายคนนี้รักร่างแบบบางค่อยๆย่องออกจากห้อง หลิงหลินที่ปกติจะอยู่รับใช้ข้างกาย วันนี้ถูกคนของหลิวหยางไหว้วานให้ไปช่วยงานตั้งแต่เช้า ถือว
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห
“หยุดรถม้า!”“เอี๊ยด!”รถม้าที่กำลังขับเคลื่อนช้าๆ หยุดสนิทลงทันที ประตูไม้ของรถม้าถูกทหารคนหนึ่งเปิดออก ร่างสูงใหญ่ในชุดออกรบพลิกตัวลงจากหลังม้า เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู เอื้อมมือไปดึงคนข้างในออกมา“กรี๊ด! ท่านจะทำอะไรเนี่ย!”ร่างเล็กในชุดสีชมพูอ่อนปักลวดลายวิจิตร ซ้ำยังมีอัญมณีปักอยู่ตามเนื้อผ้า ความหนักของชุดไม่เป็นปัญหาตอนใส่ แต่จะเป็นปัญหาตอนสามีของร่างดึงออกไปนี่แหละ เขาใช้แรงดึงมหาศาล เธอกลัวว่าชุดงดงามนั่น จะเกี่ยวกับเนื้อไม้ของรถม้าขาด“เจ้าอยากมองมู่หลงใกล้ๆ หรือไม่”“? ทำไมข้าต้องอยากทำแบบนั้น ท่านเลิกทำตัวผีเข้าผีออกสักวันได้ไหม แค่นี้ข้าก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”ยกมือข้างที่เป็นอิสระคลึงเบาๆข้างศรีษะ การยืนเถียงกันกับสามี มีข้ารับใช้ทั้งหมดยืนฟังด้วย พวกเขาตัวแข็งทื่อ คงไม่เคยเห็นฟางซินทำตัวแบบนี้ใส่แม่ทัพหลิวหยาง หรือไม่ก็ตัวแข็งเพราะความกลัว กลัวว่าแม่ทัพผีบ้าจะหั่นคอเมียหมกไว้ในป่าแห่งนี้“เห้อ ไปนั่งกับข้า”พูดจบก็รั้งข้อมือเล็กออกเดิน ฟางซินรู้ว่าค้านไปก็เหนื่อยเปล่า จึงยอมตามไปเงียบๆ เมื่อถูกพามาหยุดยืนอยู่ข้างม้าศึกตัวใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่า ก็รีบหลบเข้าด้านหลังของสามี
“ข้ารู้ว่าเจ้าในอ่อนกับนาง แต่เจ้าลืมสิ่งที่นางทำแล้วหรือ”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยลืมว่านางทำอะไร”“เป็นอย่างนั้นก็ดี เจ้าไม่ต้องกังวล ทำสิ่งที่เจ้าควรทำ ข้าสัญญาว่าจะพานางกลับมาให้ได้”พูดจบร่างสูงก็หมุนตัว เดินผ่านร่างที่ยืนอยู่ออกไปจากห้อง โชคดีที่มีคนมาย้ำเตือน เขาเองก็เผลอใจอ่อนให้กับฟางซินไปไม่น้อย เพราะความสดใส และการดูแลเอาใจใส่ของนาง แต่มันจะเป็นได้เพียงแค่ความใจอ่อนชั่วครั้งคราวเพียงเท่านั้น และความรู้สึกสงสารเห็นใจให้แก่สตรี ไม่มีวันที่เขาจะรู้สึกกับนางมากไปกว่านี้ แม้นางจะทำดีแค่ไหน เขาก็จะไม่ลืมว่านางทำอะไรลงไปบ้างเช้าวันต่อมาร่างบอบบางบิดตัวไล่ความขี้เกียจ เพราะเมื่อคืนเข้านอนเร็วกว่าปกติ ตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นสุดๆ ลงจากเตียงมองหาสาวรับใช้ เมื่อไม่เจอก็เดินหาวไปยังห้องอาบน้ำ ปลดเปลื้องชุดออกจากร่าง หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ ว่ายไปอยู่อีกด้าน มองความงดงามของทิวทัศน์ด้านนอกจ่อม! จ่อม!ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนที่สามารถลงบ่อน้ำนี้ได้ มีเพียงแค่เธอและเจ้าของจวนเท่านั้น แผ่นหลังบางสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ไม่ได้มากจากกระแสน้ำ ขยับตัวถอยมาด้านหลัง ให้แผ่นห
“เจ้าจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมหลิงหลิน”ในเมืองหลวงมีผู้คนหลากหลาย หลิงหลินเป็นคนดีมีฝือมือ การที่นางมารับใช้ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยอย่างฟางซิน แถมยังทำตัวร้ายกาจน่าเอือมระอา กลัวว่าหลิงหลินจะซ่อนความไม่พอใจไว้ เมื่อกลับไปเยือนเมืองหลวงอีกครา นางจะทิ้งฟางซินไป“คะ? ทำไมนายหญิงถึงพูดกับข้าแบบนั้น”“ก็ … ข้าเคยทำตัวไม่ดีกับเจ้านี่นา”“คะ? ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะแบบนั้นข้าจึงได้ขอติดตามท่านมายังไงล่ะคะ”“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ”“แน่นอนสิคะ”“อ่า แล้วเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนเหรอ ข้าจำไม่ค่อยได้ ข้ามาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”รับบทเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปอีกหนึ่ง แต่มันก็เป็นข้อมูลที่ควรรู้ ไม่กล้าถามซอกแซกมาตั้งแต่แรก ถ้ากล้านะ ป่านนี้เธอหาวิธีกลับโลกเดิมได้แล้วมั้ง“ท่านแต่งงานกับท่านแม่ทัพเมื่อต้นปีเจ้าค่ะ ส่วนเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนข้าก็ไม่รู้ แต่ใช้เวลาเดินทางแค่สามวันก็ถึงค่ะ”ถ้าแต่งงานกันตอนต้นปี ตอนนี้ก็ใกล้จะเวียนมาครบหนึ่งปีแล้วสินะ ส่วนการเดินทางที่ใช้เวลาสามวัน คงต้องรอดูวันเดินทางว่าใช้อะไรเป็นยานพาหนะ ยุคสมัยนี้ ถ้าไม่ใช้ม้า ก็คงเป็นวัว ขออย่าให้เป็นเกี้ยวที่ใช้คนแบกก็พอตกเย็น