“ท่านแม่ทัพงั้นหรือ?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติ
“คะ?”
ใบหน้าสวยเอียงเล็กน้อยอย่างเคยตัว คนตัวโตกว่าขยับไปนั่งหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง เมื่อสามีไม่ยอมคลายข้อสงสัย เธอก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางเหมือนจะลุกหนีไปของสามี ทำให้รีบคว้าชายชุดไว้แน่น
อีตาสามีนี่งอนอะไรนักหนา พูดอะไรผิดหูอีกแล้วเนี่ย หน้าตึงบ่อยๆแบบนี้ ฟางซินเข้าใจว่าไม่รักก็ไม่แปลกหรอก
“เจ้ามักจะเรียกข้าว่าสามี”
“หา! ข้าเรียกท่านแบบนั้นจริงๆเหรอ?”
“ใช่!”
“ข้าเรียกท่านพี่ได้ไหมอะ เหมือนท่านจะอายุมากกว่าข้าเยอะอยู่นะ”
“ท่านพี่งั้นหรือ ข้าไปเป็นพี่ชายของเจ้าตั้งแต่ตอนไหน” ใบหน้าดุดันหันกลับไปมอง ฟางซินตัวปลอมขนลุกไปทั้งตัว
ก็ใช่ไง เห็นเป็นพี่ก็ดีแล้วไหม ให้คิดเป็นอย่างอื่นมันไม่ดีมั้ง แม้เขาจะหน้าตาหล่อสุดๆ แล้วก็มีหุ่นน่าฟัดก็เถอะ แต่เธอไม่ชอบผู้ชายของคนอื่น ถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้ายัยฟางซินตัวจริงเกิดกลับมา แล้วรู้ว่าเธอใช้ร่างกายทำอะไรกับเขาไปบ้าง นางคงจะโกรธน่าดู เอาเป็นว่ารอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน นี่ก็เพิ่งจะไม่กี่วันเอง
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่รู้สึกอายที่จะเรียกแบบนั้นต่างหาก” ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน กับอีแค่คำเรียก เขาคงไม่จริงจังขนาดนั้น
“งั้นก็แล้วแต่เจ้า ถ้าหากเจ้ารับปาก ว่าจะไม่ออกไปตากหิมะอีก ข้าจะยอมให้เจ้านอนคนเดียว” คนตัวโตเปลี่ยนเรื่อง ฟางซินถึงกับพ่นลมหายใจออกมา
“อื้อ สัญญาก็ได้ค่ะ” ตอบสามีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางยื่นนิ้วออกไปตรงหน้า
“…?”
หลิวหยางมองนิ้วมือที่ยื่นมาหาอย่างไม่เข้าใจ คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอยื่นนิ้วออกไปตามความเคยชิน รีบเก็บนิ้วก้อยกลับเข้าที่ ลดมือลงข้างตัวพลางหัวเราะแห้งๆ
นางร้ายคนนี้คงไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้สินะ เขาถึงได้มองราวกับว่าเห็นผี เพิ่งจะเคยเจอเขากับหลิงหลิน เลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆมีรีแอคชั่นยังไง สงสัยต้องระวังการกระทำมากขึ้นกว่านี้ ถ้ามีคนจับได้ว่าเธอไม่ใช่ฟางซินขึ้นมา เธออาจจะแย่ก็ได้
“ข้าเพิ่งฟื้นจากการป่วย คงทำตัวแปลกๆจนท่านตกใจ”
“งั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว”
หลิวหยางเดินจากไปทันทีที่พูดจบ ท่วงท่าสง่างามของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้คนที่ปั้นแต่งตัวตนของเขาขึ้นมายิ้มกริ่ม เขาอาจจะเป็นเทพบุตรก็ได้ นิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด อาจจะแค่เย็นชาและหมางเมินภรรยา คงไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากหรอกมั้ง
สามวันต่อมา
ใช้ชีวิตอยู่ในร่างของฟางซินก็หลายวันแล้ว แต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมาเลย ชีวิตในโลกนิยายนี่ช่างน่าเบื่อ คงจะมีสีสันหน่อยก็ตอนที่เปลี่ยนฉากไปสินะ ตอนที่ฉากยังไม่เปลี่ยน ก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ กิน นอน นอน แล้วก็กิน รู้สึกเหมือนน้ำหนักตัวเธอจะเพิ่มขึ้นมาด้วย
“นี่หลิงหลิน ปกติข้าเป็นคนยังไงหรือ?”
เอ่ยถามสาวใช้ที่นั่งเย็บผ้าอยู่ข้างๆ สิ่งที่รู้สึกได้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก็คือ ฟางซินมีเพียงหลิงหลินคอยรับใช้ เดินไปที่ไหนคนรับใช้คนอื่นๆ ต่างก็รีบเดินหนีเหมือนรังเกียจนาง มั่นใจว่ามันต้องเป็นความรังเกียจแน่ๆ เพราะในนิยายไม่มีใครชอบฟางซินเลย
“ท่านเหรอเจ้าคะ?”
“เจ้าตอบตามความจริงมาเถอะ ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอกน่า”
ยิ้มอย่างเอ็นดูท่าทางหวาดกลัวของคนอายุน้อยกว่า ฟางซินในนิยายมีอายุมากถึง 22 ปี นางเลยวัยแต่งงานมานานแล้ว นั่นก็เพราะตัวนางเองที่ไม่ยอมแต่งกับใคร จะเป็นเมียอีตาอ๋องเฉินคนเดียว พอเลยวัยแต่งงานก็ไม่มีใครอยากมาสู่ขอ ตัวเลือกจึงลดน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายหวยเลยมาออกที่หลิวหยาง เขาอยู่รบนานหลายปีจนเลยวัยแต่งงานเหมือนกัน
“ท่านใจร้ายมากเจ้าค่ะ สั่งเฆี่ยนนางกำนัลที่ทำไม่ถูกใจท่าน จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ในบ้านหลังนี้ มีเพียงท่านแม่ทัพคนเดียว ที่กำราบท่านได้”
กำราบ? อ๋อ ตอนนี้ทุกคนในจวน คงคิดว่าฟางซินโดนแม่ทัพหลิวหยางกำราบจนอยู่หมัด ไม่ได้คิดว่าฟางซินแปลกไปเพราะมีใครเข้ามาสิงอยู่ในร่าง แบบนี้เธอก็รับบทคนดี โดยอ้างว่าโดนท่านแม่ทัพกำราบจนถอดเขี้ยวเล็บก็ได้นี่นา
“เหรอ…ท่านแม่ทัพเก่งมากสินะ”
รู้เกี่ยวกับฟางซินแล้ว ก็ต้องรู้เกี่ยวกับสามีของนางด้วย ข้ารับใช้ที่นั่งอยู่บนพื้นด้านล่าง ข้างๆเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ แย้มยิ้มขวยเขิน ทั้งยังบิดตัวไปมา
เดี๋ยวเธอ! คนที่เธอกำลังเขินอยู่ เขาเป็นผัวเจ้านายของเธอนะยะ!
“เจ้าค่ะ ท่านเป็นแม่ทัพที่ได้ฉายาว่าผู้ชนะสิบทิศ ไม่เพียงแค่มีฝีมือด้านการรบเก่งกาจ ใบหน้าของท่านยังหล่อเหลา จนสาวๆในเมืองหลวงรู้สึกเสียดาย ที่ท่านเลือกแต่งงานกับคุณหนูเจ้าค่ะ”
นั่งเก็บข้อมูลไปด้วย ทอดสายตามองทิวทัศน์ด้านนอกไปด้วย รู้ว่าท่านแม่ทัพนั้นหล่อมาก แต่ไม่รู้เลยว่าจะหล่อจนเป็นขวัญใจของผู้หญิงในนี้ทั่วทั้งเมือง
เมืองหลวงงั้นเหรอ จะเป็นสถานที่แบบไหนนะ อยากไปเห็นสักครั้ง อยู่ในจวนเดินเล่นจนจะครบทุกซอกทุกมุมแล้ว อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้วด้วย เธออยากลองไปเมืองหลวงจัง
“นี่หลิงหลิน! เจ้าเป็นสาวใช้ที่ตามมาจากบ้านของข้าสินะ ถ้าหากข้าจะไปเมืองหลวง เจ้าคิดว่าจะมีใครพอช่วยข้าได้ไหม”
ไม่รู้ว่าเป็นความต้องการของตัวเอง หรือของเจ้าของร่างกันแน่ เพียงแค่คิดว่าอยากไป สมองมันก็สั่งให้ถามแบบนั้นขึ้นมา ใบหน้าสาวใช้ซีดเซียว ขยับเข้ามาใกล้ มองรอบตัวก่อนจะพูด
“คุณหนูอย่าพูดแบบนี้อีกนะเจ้าคะ ถ้าท่านแม่ทัพรู้เข้า ท่านจะถูกขังอีกนะเจ้าคะ”
“หา…ข้าถูกขัง? ถูกขังตอนไหน?”
“ก็ เอ่อ… ก่อนที่ท่านจะป่วยไงเจ้าคะ ท่านจำไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ใช่! เพราะฉะนั้นเจ้าต้องบอกข้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น”
“คือ…” หลิงหลินหน้าซีด ขยับเข้าไปใกล้เจ้านายสาว สวมกอดขาข้างหนึ่งไว้อย่างหวาดกลัว เล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เพราะท่านบอกว่าจะไปเมืองหลวง ท่านจึงถูกท่านแม่ทัพสั่งขังให้อยู่แต่ในห้องหลังจวน ห้ามไม่ให้ใครสักคนเข้าใกล้ห้องนั้น ทั้งที่อากาศหนาวเย็น เพราะไม่มีใครคอยทำให้ห้องอุ่น ถูกขังเพียงไม่นานร่างกายอ่อนแอของท่านก็ทนไม่ไหว ท่านสงบอยู่ด้านใน โชคยังดีที่ท่านแม่ทัพเข้าไปเจอ แต่หลังจากนำท่านออกมา ท่านก็ไม่สบายหนัก พวกเรานึกว่าท่านจะตายเสียอีก เพราะท่านหลับไปนานเป็นเดือนเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าถูกหลิวหยางสั่งขังจนเกือบตายงั้นเหรอ?”
เธอแทบไม่ได้ฟังอะไรนอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ได้ยินและวนเวียนอยู่ในหัว มีเพียงแค่หลิงหยางสั่งขังเธอจนเกือบตาย ที่เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ สาเหตุมันเป็นเพราะเขานี่เอง แล้วฟางซินผิดอะไรขนาดนั้น ถึงต้องขังนางในห้องเย็นๆ นางอาจจะแค่อยากกลับบ้าน หรือไม่ก็เหงาจนอยากไปเที่ยว
ยิ่งคิด ความโกรธยิ่งปะทุขึ้นมาจนคับแน่นเต็มอก ที่เขาทำดีด้วยหลังจากฟางซินฟื้น คงเป็นเพราะแบบนี้สินะ คงคิดว่าฟางซินที่เป็นเธอ จำเรื่องที่เขาทำไม่ได้ ก็เลยแกล้งทำเป็นดีด้วยเหมือนไม่เคยทำผิดสินะ
อีตาหลิวหยาง แกชั่วมาก ฉันจะไปเอาคืนให้เธอเองฟางซิน
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระชับเสื้อคลุมเข้าหากันแน่น เดินผ่านทางเดินไปยังตำหนัก ที่ข้ารับใช้เคยบอกไว้ว่า เป็นห้องทำงานของท่านแม่ทัพ ห้ามเฉียดกายเข้าไปรบกวนการทำงานของเขาเด็ดขาดเมื่อเดินมาถึงจนหน้าห้องนั้น มือบางยกขึ้นผลักประตูโดยไม่สนเสียงห้ามปรามของนายทหารด้านหน้า เดินเข้าไปข้างในรวดเร็ว ยกมือวาดลงบนซีกหน้าข้างขวา ของคนที่เงยขึ้นมองสุดแรง จนใบหน้าหล่อเหลาหันไปอีกด้านเพี๊ยะ!“ท่าน! ท่านทำให้ข้าเกือบตาย! แต่พอข้าฟื้นขึ้นมา ก็ทำดีด้วยราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ท่าน…ฮึก! ท่านใจร้าย”น้ำตาไหลรวมขึ้นมาคลอหน่อย รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หยดแมะลงบนพื้นอย่างสุดจะกลั้นแม้ฟางซินจะถูกกำหนดให้รับบทเป็นตัวร้าย แต่ชีวิตนางก็ค่อนข้างน่าสงสาร นางแค่หลงรักอ๋องเฉินที่เข้ามาทำดีด้วย นางผิดที่เลือกใช้วิธีการแบบนั้นทำร้ายคนอื่น แต่ในช่วงชีวิตสุดท้ายนางก็สำนึกผิดอยู่นะ แล้วนี่ก็ยังไม่ถึงช่วงที่นางรังแกคนอื่นหนักหนาเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องใจร้ายกับนางขนาดนี้“ออกไป!”เสียงตวาดดังขึ้นเพื่อขับไล่ข้ารับใช้ ที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่หน้าห้อง แต่คนที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้ากลับก้าวขาแทน มือเรียวเล็กยกข
มินนี่ นักเขียนโนเนม เพิ่งจะฝึกเขียนนิยายจีนเป็นครั้งแรก วางโครงเรื่องที่จะเขียนไว้เพียงคร่าวๆ ดังนี้ “หญิงสาวนามว่าฟางซิน จะทิ้งสามีไปถวายตัวเป็นสนมของท่านอ๋องเฉิน ผู้ชายที่ได้รับบทเป็นพระเอกของเรื่อง ความร้ายกาจของนาง จะกลายเป็นอุปสรรคคอยขัดขวางเส้นทางรักของพระเอกนางเอก นางทั้งกลั่นแกล้ง ทั้งทำร้ายนางเอกที่แสนบอบบาง จนเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเรื่อง และสุดท้ายนางได้ตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างเดียวดายพล็อตที่วางไว้แล้ว มีเพียงแค่ช่วงต้นเรื่อง อิมเมจของตัวละคร ก็ร่างไว้เพียงแค่ไม่กี่ตัว และเขียนดำเนินเรื่องมาได้แค่นิดหน่อย กลับต้องมาหัวตันคิดอะไรต่อไม่ออกด้วยความเหนื่อยล้าสะสม ทำให้กินยาพาราเซตามอลไปถึงสองเม็ด บวกกับยาแก้แพ้อากาศอีกหนึ่ง หวังให้ตัวยาไปช่วยลดอาการปวดหัว และหวังให้ตัวเองหลับนานกว่าที่เคย ตื่นมาสมองจะได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย ทำงานได้ไหลลื่นกว่าแต่มันไม่เป็นไปอย่างที่เธอหวัง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วพบว่าโลกที่ตัวเองเคยอยู่ไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย ห้องเช่าแคบๆที่เธออาศัยอยู่ กลายเป็นห้องนอนแบบโบราณ ที่เคยเห็นตอนดูซีรี่ย์เพื่อหาข้อมูลนี่มันเรื่องบ้าอะไร!“กรี๊ด!”เสียงกรีดร้
“เจ้าจะนั่งอยู่อย่างนี้”สายตาคู่คมมองชุดของภรรยาเพียงครู่ หันหลังเดินจากไปพร้อมกับคนที่อยู่ด้านใน เหลือไว้เพียงข้ารับใช้ ที่รู้ใจฟางซินมากที่สุด“นายหญิงคะ ข้าเตรียมน้ำไว้แล้วค่ะ”“เจ้าชื่ออะไร?”“คะ? ข้าเหรอ ข้าชื่อหลิงหลินไงเจ้าคะ”“แฮะๆ ข้าจำไม่ค่อยเก่ง เจ้าช่วยนำทางข้าที”การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต้องมีคนช่วย และคนแรกที่เธอต้องการ ก็คือข้ารับใช้อย่างหลิงหลินนี่แหละ แม้ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครนี้มากนัก แต่แววตาที่ไม่มีพิษมีภัย ก็พอจะทำให้ฝากชีวิตของฟางซินและตัวเองไว้ได้นิดๆแหละนะห้องอาบน้ำที่หลิงหลินพามา เป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ออกมาจากห้องถึงได้รู้ว่าข้างนอกเย็นมาก เย็นจนหนาวเข้าไปถึงข้างใน ตัวสั่นหงึกๆ อย่างคนไม่เคยเจออากาศหนาวเย็นมาก่อน ห้องที่เคยพักอาศัยอยู่มีแค่พัดลมเก่าๆช่วยคลายร้อน มันแทบจะคลายความร้อนให้ไม่ได้เลย เพราะแดดเมืองไทยร้อนสุดๆ ต่างกันกับที่นี่มาก จนเผลอคิดถึงบรรยากาศภายในห้องเก่าๆของตัวเองขึ้นมา“นายหญิงหนาวหรือเจ้าคะ วันนี้มีหิมะตกด้วย”หิมะที่กำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอก ทำให้ใบหน้าสวยเผลอลอบยิ้มออกมา เธอเข้ามาอยู่ในนิยายจริงๆด้วย ชีวิตจริงเธอไม่มีวันได้เห็น
“เจ้าอาบน้ำนานเกินไปหรือเปล่า”“คะ?”“ก็ผิวเจ้าแดง เหมือนจะมีไข้ด้วย”ผ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนหน้าผาก รอยยิ้มมุมปากกับแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้คนมองเผลอคิดอีกแล้ว หลิวหยางไม่ได้รักเมียไม่ใช่เหรอ แต่ที่เขาทำอยู่นี่ มันมากกว่าคำว่ารักอีกมั้ง ทั้งท่าทีที่อ่อนโยน ทั้งแววตาแสนเจ้าเล่ห์แต่แฝงความอบอุ่นฟางซิน! ถ้าเธอไม่เอา ฉันเอานะ!“ก็ ก็ข้าอาบน้ำท่ามกลางหิมะนี่นา”ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างแน่นหนันของสามีตัวโต ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายเลย มันจะเป็นอะไรไหม ถ้าเธออยากจะลองสัมผัสดูสักครั้ง มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ในเมื่อฟางซินกับแม่ทัพหลิวหยางแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว เผลอๆอาจจะเคยร่วมหอกันไปแล้วก็ได้“เจ้าบอกว่าชอบนี่”นิ้วมือใหญ่เกี่ยววนบนไรผมเหนือหน้าผาก แววตาอ่อนแสงลง มองการกระทำคนตัวเล็กที่กำลังซุกตัวในแผ่นอกเงียบๆ กระชับมือถ่ายทอดไออุ่นให้ร่างเย้ายวนในอ้อมกอด กดริมฝีปากลงไปบนกลุ่มผมดำสนิทเบาๆปึก!“ข้า ข้าจะไปให้หลิงหลินแต่งตัวให้”ผลักแผ่นอกที่มอบไออุ่นให้ตัวเองออกห่าง หลงลืมไปแล้วเหรอว่าเขามีตัวละครลับที่เขาชอบอยู่ ถ้าหากเผลอเข้าใกล้จนหลงรักเขาขึ้นมา มันจะยุ่งยากไม่
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระชับเสื้อคลุมเข้าหากันแน่น เดินผ่านทางเดินไปยังตำหนัก ที่ข้ารับใช้เคยบอกไว้ว่า เป็นห้องทำงานของท่านแม่ทัพ ห้ามเฉียดกายเข้าไปรบกวนการทำงานของเขาเด็ดขาดเมื่อเดินมาถึงจนหน้าห้องนั้น มือบางยกขึ้นผลักประตูโดยไม่สนเสียงห้ามปรามของนายทหารด้านหน้า เดินเข้าไปข้างในรวดเร็ว ยกมือวาดลงบนซีกหน้าข้างขวา ของคนที่เงยขึ้นมองสุดแรง จนใบหน้าหล่อเหลาหันไปอีกด้านเพี๊ยะ!“ท่าน! ท่านทำให้ข้าเกือบตาย! แต่พอข้าฟื้นขึ้นมา ก็ทำดีด้วยราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ท่าน…ฮึก! ท่านใจร้าย”น้ำตาไหลรวมขึ้นมาคลอหน่อย รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หยดแมะลงบนพื้นอย่างสุดจะกลั้นแม้ฟางซินจะถูกกำหนดให้รับบทเป็นตัวร้าย แต่ชีวิตนางก็ค่อนข้างน่าสงสาร นางแค่หลงรักอ๋องเฉินที่เข้ามาทำดีด้วย นางผิดที่เลือกใช้วิธีการแบบนั้นทำร้ายคนอื่น แต่ในช่วงชีวิตสุดท้ายนางก็สำนึกผิดอยู่นะ แล้วนี่ก็ยังไม่ถึงช่วงที่นางรังแกคนอื่นหนักหนาเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องใจร้ายกับนางขนาดนี้“ออกไป!”เสียงตวาดดังขึ้นเพื่อขับไล่ข้ารับใช้ ที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่หน้าห้อง แต่คนที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้ากลับก้าวขาแทน มือเรียวเล็กยกข
“ท่านแม่ทัพงั้นหรือ?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติ“คะ?”ใบหน้าสวยเอียงเล็กน้อยอย่างเคยตัว คนตัวโตกว่าขยับไปนั่งหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง เมื่อสามีไม่ยอมคลายข้อสงสัย เธอก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางเหมือนจะลุกหนีไปของสามี ทำให้รีบคว้าชายชุดไว้แน่นอีตาสามีนี่งอนอะไรนักหนา พูดอะไรผิดหูอีกแล้วเนี่ย หน้าตึงบ่อยๆแบบนี้ ฟางซินเข้าใจว่าไม่รักก็ไม่แปลกหรอก“เจ้ามักจะเรียกข้าว่าสามี”“หา! ข้าเรียกท่านแบบนั้นจริงๆเหรอ?”“ใช่!”“ข้าเรียกท่านพี่ได้ไหมอะ เหมือนท่านจะอายุมากกว่าข้าเยอะอยู่นะ”“ท่านพี่งั้นหรือ ข้าไปเป็นพี่ชายของเจ้าตั้งแต่ตอนไหน” ใบหน้าดุดันหันกลับไปมอง ฟางซินตัวปลอมขนลุกไปทั้งตัวก็ใช่ไง เห็นเป็นพี่ก็ดีแล้วไหม ให้คิดเป็นอย่างอื่นมันไม่ดีมั้ง แม้เขาจะหน้าตาหล่อสุดๆ แล้วก็มีหุ่นน่าฟัดก็เถอะ แต่เธอไม่ชอบผู้ชายของคนอื่น ถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้ายัยฟางซินตัวจริงเกิดกลับมา แล้วรู้ว่าเธอใช้ร่างกายทำอะไรกับเขาไปบ้าง นางคงจะโกรธน่าดู เอาเป็นว่ารอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน นี่ก็เพิ่งจะไม่กี่วันเอง“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่รู้สึกอายที่จะเรียกแบบนั้นต่างหาก” ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน กับอีแค
“เจ้าอาบน้ำนานเกินไปหรือเปล่า”“คะ?”“ก็ผิวเจ้าแดง เหมือนจะมีไข้ด้วย”ผ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนหน้าผาก รอยยิ้มมุมปากกับแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้คนมองเผลอคิดอีกแล้ว หลิวหยางไม่ได้รักเมียไม่ใช่เหรอ แต่ที่เขาทำอยู่นี่ มันมากกว่าคำว่ารักอีกมั้ง ทั้งท่าทีที่อ่อนโยน ทั้งแววตาแสนเจ้าเล่ห์แต่แฝงความอบอุ่นฟางซิน! ถ้าเธอไม่เอา ฉันเอานะ!“ก็ ก็ข้าอาบน้ำท่ามกลางหิมะนี่นา”ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างแน่นหนันของสามีตัวโต ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายเลย มันจะเป็นอะไรไหม ถ้าเธออยากจะลองสัมผัสดูสักครั้ง มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ในเมื่อฟางซินกับแม่ทัพหลิวหยางแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว เผลอๆอาจจะเคยร่วมหอกันไปแล้วก็ได้“เจ้าบอกว่าชอบนี่”นิ้วมือใหญ่เกี่ยววนบนไรผมเหนือหน้าผาก แววตาอ่อนแสงลง มองการกระทำคนตัวเล็กที่กำลังซุกตัวในแผ่นอกเงียบๆ กระชับมือถ่ายทอดไออุ่นให้ร่างเย้ายวนในอ้อมกอด กดริมฝีปากลงไปบนกลุ่มผมดำสนิทเบาๆปึก!“ข้า ข้าจะไปให้หลิงหลินแต่งตัวให้”ผลักแผ่นอกที่มอบไออุ่นให้ตัวเองออกห่าง หลงลืมไปแล้วเหรอว่าเขามีตัวละครลับที่เขาชอบอยู่ ถ้าหากเผลอเข้าใกล้จนหลงรักเขาขึ้นมา มันจะยุ่งยากไม่
“เจ้าจะนั่งอยู่อย่างนี้”สายตาคู่คมมองชุดของภรรยาเพียงครู่ หันหลังเดินจากไปพร้อมกับคนที่อยู่ด้านใน เหลือไว้เพียงข้ารับใช้ ที่รู้ใจฟางซินมากที่สุด“นายหญิงคะ ข้าเตรียมน้ำไว้แล้วค่ะ”“เจ้าชื่ออะไร?”“คะ? ข้าเหรอ ข้าชื่อหลิงหลินไงเจ้าคะ”“แฮะๆ ข้าจำไม่ค่อยเก่ง เจ้าช่วยนำทางข้าที”การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต้องมีคนช่วย และคนแรกที่เธอต้องการ ก็คือข้ารับใช้อย่างหลิงหลินนี่แหละ แม้ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครนี้มากนัก แต่แววตาที่ไม่มีพิษมีภัย ก็พอจะทำให้ฝากชีวิตของฟางซินและตัวเองไว้ได้นิดๆแหละนะห้องอาบน้ำที่หลิงหลินพามา เป็นบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ออกมาจากห้องถึงได้รู้ว่าข้างนอกเย็นมาก เย็นจนหนาวเข้าไปถึงข้างใน ตัวสั่นหงึกๆ อย่างคนไม่เคยเจออากาศหนาวเย็นมาก่อน ห้องที่เคยพักอาศัยอยู่มีแค่พัดลมเก่าๆช่วยคลายร้อน มันแทบจะคลายความร้อนให้ไม่ได้เลย เพราะแดดเมืองไทยร้อนสุดๆ ต่างกันกับที่นี่มาก จนเผลอคิดถึงบรรยากาศภายในห้องเก่าๆของตัวเองขึ้นมา“นายหญิงหนาวหรือเจ้าคะ วันนี้มีหิมะตกด้วย”หิมะที่กำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอก ทำให้ใบหน้าสวยเผลอลอบยิ้มออกมา เธอเข้ามาอยู่ในนิยายจริงๆด้วย ชีวิตจริงเธอไม่มีวันได้เห็น
มินนี่ นักเขียนโนเนม เพิ่งจะฝึกเขียนนิยายจีนเป็นครั้งแรก วางโครงเรื่องที่จะเขียนไว้เพียงคร่าวๆ ดังนี้ “หญิงสาวนามว่าฟางซิน จะทิ้งสามีไปถวายตัวเป็นสนมของท่านอ๋องเฉิน ผู้ชายที่ได้รับบทเป็นพระเอกของเรื่อง ความร้ายกาจของนาง จะกลายเป็นอุปสรรคคอยขัดขวางเส้นทางรักของพระเอกนางเอก นางทั้งกลั่นแกล้ง ทั้งทำร้ายนางเอกที่แสนบอบบาง จนเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเรื่อง และสุดท้ายนางได้ตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างเดียวดายพล็อตที่วางไว้แล้ว มีเพียงแค่ช่วงต้นเรื่อง อิมเมจของตัวละคร ก็ร่างไว้เพียงแค่ไม่กี่ตัว และเขียนดำเนินเรื่องมาได้แค่นิดหน่อย กลับต้องมาหัวตันคิดอะไรต่อไม่ออกด้วยความเหนื่อยล้าสะสม ทำให้กินยาพาราเซตามอลไปถึงสองเม็ด บวกกับยาแก้แพ้อากาศอีกหนึ่ง หวังให้ตัวยาไปช่วยลดอาการปวดหัว และหวังให้ตัวเองหลับนานกว่าที่เคย ตื่นมาสมองจะได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย ทำงานได้ไหลลื่นกว่าแต่มันไม่เป็นไปอย่างที่เธอหวัง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วพบว่าโลกที่ตัวเองเคยอยู่ไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย ห้องเช่าแคบๆที่เธออาศัยอยู่ กลายเป็นห้องนอนแบบโบราณ ที่เคยเห็นตอนดูซีรี่ย์เพื่อหาข้อมูลนี่มันเรื่องบ้าอะไร!“กรี๊ด!”เสียงกรีดร้