“ข้า …” ไม่ใช่!
ทอดมองผู้ชายของคนอื่นด้วยแววเศร้าหมอง อิจฉาชีวิตของฟางซินเหลือเกิน นางเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทั้งรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ พ่อของนางเป็นขุนนางใหญ่ ซ้ำยังรักและตามใจนางมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากไม่ต้องมาหลงรักอีตาอ๋องเฉิน จุดจบชีวิตนางก็จะไม่แย่
เอาละฟางซิน ฉันจะทำให้เธอเป็นที่รักของอีตาหมีนี่แทน ชีวิตเธอจะได้ไม่ต้องจบลงตามต้นฉบับของนิยายที่ฉันเขียนบทไว้
“หลิวหยาง ข้าต้องการท่านแล้ว”
ผละมือออกจากสิ่งที่ทำ โน้มร่างเย้ายวนลงบนเตียงช้าๆ อ้าขาออกนิดๆ ดึงชายชุดท่อนล่างขึ้นอย่างมีจริตมารยา ก็แค่ใช้มารยาหญิงอ่อยหลิวหยางให้หลงรัก เท่านี้จุดจบก็ฟางซินก็เปลี่ยนไปแล้ว
“อื้อ!”
มือเล็กยกขึ้นลูบไล้บนกลีบเนื้ออวบอูม แหวกมันออกจากกันเบาๆ กรีดนิ้วเรียวยาวขึ้นลงช้าๆ น้ำหวานด้านในเริ่มไหลซึมออกมาเคลือบกลีบเนื้อสีหวาน สัมผัสมันได้จนต้องยกมือข้างนั้นขึ้นมาดู ใบหน้าเห่อเป็นสีแดงเพราะความอับอาย
เกิดมา 22 ปี เพิ่งจะเคยอ่อยผู้ชายนี่แหละ
“เจ้า … ยั่วยวนข้าเองนะ”
มือขวากำรูดแท่งเนื้อใหญ่ขึ้นลงช้าๆ อีกข้างดันเรียวขาเล็กกางออกไปอีก ขยับร่างเข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาเรียวยาว มือว่างเอื้อมไปสัมผัสช่อเกสรสีสด แตะไต่วนเวียนทั่วกลีบเนื้อเนียนนุ่ม ความเปียกชุ่มจากร่องหลืบสีแดงสด บ่งบอกถึงความพรักพร้อมของร่างกาย ลำเนื้อสีชมพูอ่อนจ่อเข้าใกล้หน้าทางเข้า
“อื้อ หลิวหยาง เบาๆ นะ อ๊า! ท่าน ข้าบอกให้ท่านเบาไง”
เมื่อมังกรตัวใหญ่ยักษ์แทรกเข้ามาในร่าง มือเล็กก็ระดมทุบอกสามีอย่างแรง เจ็บปวดจุดที่ถูกแท่งเนื้อใหญ่รุกรานจนแทบจะขาดใจ แต่คนที่อยู่ด้านบนไม่มีแววเห็นใจเลย เขามองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม
อยากจะบ้าตาย! อีตาหมีนี่กำลังภูมิใจอะไรอยู่
“ข้านึกว่าเจ้าเคยกับท่านอ๋องเฉินแล้ว”
“ฮึก! ข้าจะไปเคยได้ยังไง ถ้าข้าผ่านมือคนอื่นมาแล้ว ข้าคงไม่มีหน้ามาแต่งงานกับท่าน”
ใบหน้าเหง้างอนมองสามีอย่างถูกต้องสมบูรณ์ตาขวาง ขยับสะโพกหนีแต่ถูกมือใหญ่เอื้อมมายึดไว้ มือขวาลูบไล้เข้ามาใกล้จุดกระสันกลางกาย ร่างเล็กกระตุกเกร็ง ความเสียวซ่านวิ่งปราดไปทั่วร่าง ใบหน้าสวยหวานแดงปรั่ง ความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
“อื้อ หลิวหยาง เมื่อไหร่ท่านจะขยับ”
“อือ ข้าจะขยับเดี๋ยวนี้แหละ”
“อ๊ะ อ๊า”
เอวสอบขยับเนิบนาบ เพื่อทำให้ร่องเกสรคับแน่นด้านในคุ้นชินกับร่างกายใหญ่โตของตัวเองเสียก่อน สันกรามแกร่งขบเข้าหากันจนขึ้นสันนูน ความคับแน่นของกลีบเกรส บีดรัดจนบางอย่างจะปริแตกออกมา จากที่ตั้งใจจะทำอย่างรุนแรง กลับกระแทกเอวเข้าหาร่างบอบบางอย่างอ้อยอิ่งและนุ่มนวล
ตับ ตับ!
“อ๊ะ อร้าย~”
เสียงดังน่าอายปะปนกับเสียงครางซ่าน ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของคนอื่นไม่ได้แย่เลย เธอคิดว่ามันคงจะเจ็บ เพราะร่างกายส่วนนั้นของหลิวหยางช่างใหญ่โตมโหฬาร แต่พอมันได้เข้าไปอยู่ด้านในตัวเธอจริงๆ มันกลับรู้สึกดีมากๆ
“อ๊ะ อ๊าง หลิวหยาง ท่านอย่าขยับอย่างนั้นสิ”
อยู่ดีๆจังหวะก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเนิบนาบเป็นเร่งเร้าจนเต้าอวบทั้งสองข้างขยับขึ้นลงตามแรงกระแทก เสียงห้ามปรามราวกับเสียงเร่งเร้า ไม่เพียงแต่แม่ทัพหนุ่มไม่ฟัง เขายังกระแทกเอวเข้าหาอย่างรุนแรง แก่นกายแข็งด้านในแข็งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นไม่นาน สายธารแห่งความปิติก็หลั่งไหลเข้ามาในร่าง พร้อมกับการกระตุกเกร็งของเธอ
“อ๊ะ! อร๊าง!”
“ฟางซิน เจ้าเสร็จสมเพราะข้าหรือไม่?”
น้ำเสียงห่วงใยกระซิบถามอยู่ข้างหู คนที่หอบหายใจอยู่เมื่อครู่ หันมามองตาเขียว มันควรถามผู้หญิงเหรอคะท่านแม่ทัพ ไม่สิ ท่านสามี เรื่องแบบนี้ท่านไม่ต้องถาม เพราะข้าก็ไม่รู้จะตอบท่านยังไง
“ข้า ข้าหนัก”
ผลักอกสามีไว้เบาๆ โถมตัวลงมาได้ ตัวใหญ่ยังกับหมี ฟางซินตัวเล็กนิดเดียว ไม่กลัวนางหายใจไม่ออกบ้างหรือไง
“เมื่อกี้ข้าก็ทับ เจ้าไม่เห็นบ่นให้ข้าสักคำ”
“ก็ท่านเสร็จไปแล้วนี่ ตอนนี้ท่านควรลุกออกไปจากตัวข้าได้แล้ว ข้าจะกลับห้อง”
“เจ้าอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวข้าให้คนยกสำรับเข้ามา”
พูดจบร่างกำยำสมชายชาตรี ก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่มาสวม ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองร่างเย้ายวนบนเตียง เดินกลับมาสวมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยกลับเข้าที่เดิม ใบหน้าดั่งปฏิมากรรมมองใบหน้าสวยหวานนิดๆ ใบหน้าที่ไม่เคยเผยความคิดด้านในให้คนอื่นรู้ ทำให้คนถูกมองหน้ามุ่ย
“ข้า ข้าจะท้องหรือเปล่า”
ถามในสิ่งที่ตัวเองกังวล ไม่รู้ยุคนี้เขาคุมกำเนิดกันแบบไหน เมื่อกี้อีตาหมีก็ปล่อยเข้ามาข้างในทุกหยด เธอยังไม่อยากท้อง เพราะไม่รู้ว่านิยายเรื่องนี้ มันต้องดำเนินไปในทิศทางไหนกันแน่
“เจ้า…. ไม่ท้องหรอก”
ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนฟังนั่งมองตามแผ่นหลังอย่างไม่เข้าใจ ว่าผีอะไรเข้าสิงถึงได้พูดเสียงห้วนแบบนั้น เสียเวลาคิดไม่นานก็จัดการแต่งตัวให้มันเรียบร้อยกว่าเดิม เรียนรู้จากหลิงหลินมาแล้วว่าชุดพวกนี้ต้องใส่มันยังไง
“อ๊ะ! โอ้ย!”
ร่างบอบบางหยัดตัวลุกขึ้นยืน ร้องโอดโอยยกมือทุบสะโพกแรงๆ เมื่อร่างกายทนกับความปวดร้าวได้ ก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง กวาดสายตามองหาสามี ไม่เจอก็รีบสาวเท้ากลับห้องด้วยความน้อยใจ
อีตาหมีบ้า ทำไมต้องทำหน้าตึงใส่เธอตลอดด้วยก็ไม่รู้ ยิ้มบ่อยๆไม่ได้หรือไง เวลาเขายิ้มมันน่ารักมากเลยล่ะ แค่ยิ้มมุมปากก็ได้ แต่นี่เห็นเธอทีไรชอบทำหน้าดุใส่ ขนาดเมื่อกี้เพิ่งมีอะไรกันเสร็จแท้ๆ ยังไม่แคล้วทำตาขวางใส่เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หึ่ย! หงุดหงิดที่สุดเลย
แอ๊ด! ปึ่ง!
เสียงประตูที่เปิดและปิดลง ทำให้ข้ารับใช้ที่ง่วนอยู่กับการเตรียมชุดหันมามองอย่างดีใจ หลิงหลินรีบถลาเข้ามาใกล้ สำรวจร่างเจ้านายที่หายไปนานกว่าหนึ่งชั่วยามด้วยความเป็นห่วง
“นายหญิง ท่านแม่ทัพทำอะไรท่านหรือเปล่า”
“ไม่! ข้าจะไปอาบน้ำ!”
พูดจบก็เดินหนีไปทางห้องอาบน้ำ ถอดชุดทั้งหมดออกจากตัว ก้าวเดินไปหย่อนร่างกายเหนื่อยล้าลงในน้ำอุ่น ทอดมองทิวทัศน์สวยงามด้านนอกอย่างเคย หิมะละลายหมดแล้ว บอกให้รู้ว่าฤดูกาลต่อไปคือฤดูใบไม้ผลิ ตอนแรกที่เข้ามา เธอนึกว่าเพิ่งจะเข้าฤดูหนาว แอบกังวลว่าตัวเองอาจจะหนาวตาย ตอนนี้ตัดเรื่องหนาวตายไปได้เลย
หลิงหลินเล่าให้เธอฟังว่า ปีนี้ฤดูหนาวไม่ค่อยรุนแรง ปกติหิมะจะขาวโพลนทั่วทุกพื้นที่ ความหนาของมันทำให้ออกไปไหนมาไหนได้ยาก โชคดีจริงๆที่ปีนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอที่อยู่ในร่างของฟางซิน คงจะปรับตัวไม่ได้แน่“ข้าบอกเจ้าว่ายังไงฟางซิน!”ใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาหันไปมอง ร่างใหญ่โตยืนหอบหายใจอยู่ริมขอบสระ ใบหน้าสวยหันกลับมาทิศทางเดิมอย่างไม่สนใจใยดี เพราะเขาหายไปก่อนนั่นแหละ ส่วนเธอก็แค่กลับมาอาบน้ำล้างคราบต่างๆที่ทำร่วมกับเขาก็เท่านั้นหมับ!“เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะไม่ดื้ออีก”คลุกเข่าลงบนพื้นไม้หนึ่งข้าง ใช้มือบังคับใบหน้าถือดีให้หันกลับมา มองใบหน้าสวยหวานพลางกัดฟันแน่น ฟางซินเป็นสตรีที่พูดดีด้วยไม่ได้เลยหรือไร ใยพูดดีแล้วนางถึงไม่ยอมฟัง“ข้าดื้อกับท่านตอนไหน ข้าก็แค่กลับอาบน้ำ ข้าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเพราะท่าน”ดวงตาหวานช้อนขึ้นมองด้วยแววออดอ้อน มือหนาคลายออกจากใบหน้าเล็กทันที ร่างสูงใหญ่หยัดตัวลุกขึ้นยืน ถอดชุดออกไปจากตัวจนหมด หย่อนตัวลงในน้ำ ดึงรั้งร่างกายที่แช่อยู่ในน้ำมาก่อนเข้ามาชิดแผ่นอก แบ่งปันไออุ่นของตัวเองให้ร่างบอบบาง“ท่านไม่คิดเลยเหรอ ว่าข้าจะอาย ไม่คิดสินะ”“ข้าเห็น
“เจ้ารู้?”“ข้าแค่รู้สึกได้ ท่านไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ให้ข้าเห็นเลยสักครั้ง ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ท่านไม่ได้จะไปรบใช่ไหม”อ๋องเฉินเป็นตัวละครที่เธอวางให้เป็นฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เธอกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ กลัวเขาจะหลอกใช้หลิวหยางในการก่อกบฏชิงราชบัลลังก์ ทั้งๆที่อีกไม่กี่ปี อ๋องเฉินก็จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ทำไมเขาถึงไม่รอเวลานั้นเงียบๆนะ มีปมอะไรที่เธอตั้งใจจะเขียนกันแน่คนอื่นเขาทะลุเข้ามาตอนที่นิยายจบลงไปแล้ว แต่เธอดันทะลุมาตอนที่นิยายเพิ่งจะเริ่มแต่ง ซ้ำยังรู้แค่พล็อตคร่าวๆของเรื่องเท่านั้น มันเป็นมิชชั่นที่โคตรยาก หน้าต่างสถานะเหมือนที่เคยอ่านเจอในการ์ตูนก็ไม่มีให้“เห้อ! เอาเป็นว่าเจ้าห้ามออกจากห้องเป็นอันขาด”ร่างกำยำในชุดเกาะเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ฟางซินภรรยาตัวปลอมมองตามด้วยความเป็นห่วง เมื่อคิดว่าต้องเป็นอ๋องเฉินแน่ๆ ก็เริ่มกระวนกระวายจนอยู่ไม่ติดที่ เดินวนไปวนมา อยากรู้เหตุผลที่เขามา ทั้งอยากเห็นหน้าผู้ชายที่นางร้ายคนนี้รักร่างแบบบางค่อยๆย่องออกจากห้อง หลิงหลินที่ปกติจะอยู่รับใช้ข้างกาย วันนี้ถูกคนของหลิวหยางไหว้วานให้ไปช่วยงานตั้งแต่เช้า ถือว
“เจ้ากลับไปได้แล้ว”“อื้อ ข้าคิดว่าข้าควรจะไปแล้วเหมือนกัน”แม้สามีจะพูดอยู่ใกล้ๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแววตาหวานเชื่อม แต่เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธที่เธอขัดคำสั่งของเขา ผ่านฝ่ามือที่จับอยู่ข้างสะโพก แรงบีบไม่น้อยเลย เหมือนตั้งใจทำให้รู้ว่า เธอจะไม่โดนเพียงแค่นี้แน่ ถ้าหากยังไม่รีบออกไปจากที่นี่“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะท่านอ๋อง”“ให้นางอยู่ก่อนสิ ชายาของข้าจะได้มีเพื่อนคุย”“นางไม่สบายอยู่ คงจะไม่เหมาะ หลิงหลิน พานายหญิงของเจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว”“เจ้าค่ะ”“อ๊ะ จุ๊บ! ข้าไปก่อนนะคะ ท่านพี่”ริมฝีปากบางกดลงไปบนแก้มสามีเร็วๆ เดินตามแรงดึงของสาวรับใช้ไป แอบหันไปมองคนในเรือนรับรองนิดๆ ก้มหน้างุดเมื่อสามีส่งสายตาดุๆตามหลังมาอุตส่าห์ทำตัวน่าอายต่อหน้าคนอื่นแท้ๆ แต่อีตาหมีไม่ยอมลดความโกรธลงเลยแฮะ ว้า! แย่จังเย็นวันนั้นหลิงหลินสาวใช้ประจำตัวเข้ามาแจ้งว่า ท่านอ๋องเฉินจะพักอยู่ในจวนสามวัน ใบหน้าไร้เครื่องสำอางบิดเบี้ยวขึ้นอย่างไม่ชอบใจ แค่อยู่วันเดียวเธอก็ไม่มีอิสระแล้ว นี่อยู่ต่อไปอีกสามวันเลย สงสัยเธอคงจะแห้งเหี่ยวเฉาตายอยู่ในห้องนี้เป็นแน่แอ๊ด!“อ๊ะ หลิวหยาง ท่านมาแล้วเหรอ”รีบลงจากเตียงนอนเด
“ท่านดูหวาดกลัวข้านะ ทั้งที่เมื่อก่อนท่านไม่เคยเป็นอย่างนี้”“ข้า … ก็ตอนนี้ข้ามีตำแหน่งน้อยกว่าพระชายานี่คะ”เงยหน้าขึ้นมองนิดๆ เห็นความเกลียดชังในดวงตาคู่สวย ก็คงเกลียดแหละ ฟางซินคนก่อนคงสร้างวีรกรรมไว้เพียบ ลู่เสียนคงถูกรังแกมาตั้งแต่ก่อนหน้า และจะถูกรังแกมากขึ้นตอนที่เป็นพระชายา ตั้งใจจะหลีกเลี่ยงการพบกันแล้ว แต่โชคชะตาคงไม่เข้าข้าง ทางที่ดีคือพยายามเลี่ยง และอย่าทำให้ลู่เสียนเกลียดไปมากกว่านี้“อ๋อ เพราะข้าได้เป็นพระชายานี่เอง ตอนนี้ข้าจะทำอะไรก็ได้สินะ เพราะตำแหน่งข้าสูงกว่าเจ้า … ทำแบบนี้ก็ได้สินะ”ชาในแก้วถูกมือเรียวสวยยกขึ้นสาดไปตรงหน้า ใบหน้าสวยงามของฟางซินชุ่มโชกไปด้วยน้ำชา โชคดีที่บรรยากาศยังไม่อุ่นมาก ความเย็นยังคงมีอยู่ในชั้นบรรยากาศ มันช่วยลดความร้อนของน้ำชาเมื่อครู่ได้บ้าง แต่ก็ยังรู้สึกแสบร้อนอยู่มาก“จะ …จะเอาแบบนี้สินะ”กัดฟันข่มความไม่พอใจไว้ ยกแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำชาออกไปจากใบหน้า ส่งยิ้มไปให้คนที่ดูไม่ตกใจกับการกระทำนั้นเลย ตั้งใจจะเปิดศึกสินะ ยัยลู่เสียน ได้! ได้เลยหมับ!“กรี๊ด! ท่านทำอะไรคะฟางซิน”“เจ้า! เจ้าทำอะไรฟางซิน!”“หลิวหยาง!”“ท่าน ท่านแม่ทัพภรรยาของท่า
“หลิวหยาง ข้าเป็นภรรยาของท่านจริงหรือเปล่า! ถ้าจริง ท่านคงไม่ปล่อยให้ข้าตายง่ายๆ เว้นเสียแต่ท่านเอง ก็อยากให้ข้าตายเหมือนกัน”ดวงตาคู่สวยหลับลงช้าๆ แรงบีบที่คอ ทำให้เข้าใจว่าเขาคงอยากดับลมหายใจของเธอลง เธอคงทำให้เขาขายหน้า หรือไม่ก็เป็นตัวการทำให้เขาไม่สมหวังกับลู่เสียนเอาเลยสิ! ไหนๆเธอก็ไม่ใช่ฟางซินตัวจริงอยู่แล้ว พอเข้าใจแล้วแหละว่าทำไมฟางซินถึงได้มีจุดจบแบบนั้น คงเป็นเพราะไม่มีใครรักนางเลย สามีที่ตกแต่งเข้ามาเป็นเมีย ยังไม่รักและหวงแหนนางเลยจุ๊บ!ริมฝีปากหนากดลงบนผิวแก้ม ไล้เล็มหยาดน้ำตาออกจนหมด มองสบดวงตาตกใจที่ลืมขึ้นมอง ดวงตาหวานหลุบลงต่ำแทบจะทันที เมื่อใบหน้าสามีอยู่ใกล้จนลมหายใจเป่ารด ยกมือขึ้นดันแผ่นอกออกห่าง แต่มือทั้งสองข้างถูกรวบไปจับด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว บังคับให้เลื่อนลงต่ำ และถูกบังคับให้ปัดป่ายผ่านมังกรใหญ่ใต้ร่มผ้า“มะ ไม่! ต่อไปท่านอย่าหวังว่าจะได้แตะต้องข้าอีก!”“ทำไม?”“เพราะข้า ข้าไม่ยอมนะสิ”น้ำเสียงนุ่มทุ้มแหบพล่าลง หวนให้นึกถึงเสียงครางกระเส่าตอนทำรักด้วยกัน ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้น ขืนข้อมือออกจากการจับกุม จะใจอ่อนง่ายๆแบบนี้ไม่ได้สิ จะอารมณ์อ่อนไหวเพราะน้ำ
“เจ้าโกรธข้าหรือเหนียงจื่อ”ใบหน้าคมคายขึ้นสีระเรื่อ ต่างจากใบหน้าคนฟังที่บึ้งตึงหนักกว่าเดิม เหนียงจื่อคืออะไร? คล้ายๆกับเหนียงยานไหมอะ ช่วงนี้เธอกินเยอะซะด้วยเพราะอาหารที่นี่ถูกปาก เขากำลังล้อเธอ ว่าช่วงนี้มีเหนียงหรือเปล่าอี๊! อีตาหมีนี่ หยาบคายที่สุดเลย!“ข้าไม่มีเหนียงอะไรทั้งนั้น อย่าตามมาเด็ดขาด คืนนี้ห้ามท่านมาที่ห้องข้าด้วย”ก้าวฉับๆหนีอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นลูบคางตัวเองอย่างไม่มั่นใจ ไม่มีโทรศัพท์ให้ค้นหาข้อมูลซะด้วย จำไว้ก่อนค่อยไปถามหลิงหลินแล้วกัน นางจะต้องรู้แน่ ว่าคำว่าเหนียงจื่อนั้น มีหมายความว่ายังไงแอ๊ด! ปึ่ง!“อ๊ะ! นายหญิงกลับมาแล้วเหรอคะ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“นี่หลิงหลิน เหนียงจื่อคืออะไรเหรอ?”ไม่สนใจความห่วงใยของสาวใช้ และไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน เมื่อเข้ามาในห้องก็รีบถามทันที หลิงหลินทำสีหน้าแปลกๆส่งมาให้ จนต้องรีบคิดหาคำพูด มาพูดคลายความสงสัยของคนรับใช้ตัวเอง“หลิวหยางเรียกข้าแบบนั้น เพราะข้าอ้วนหรือเปล่า เหนียงจื่อ หมายถึงตรงนี้มันยื่นออกมาจนน่าเกลียดใช่ไหม?”เดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ จับคางตัวเองให้สาวใช้ที่เดินตามหลังมาช่วยดู สาวใช้ได้ยินหัวเราะคิกคักชอบ
“ข้า! ข้าบอกให้หยุดไง ข้าโกรธท่านอยู่นะ!”เมื่อสามีไม่ยอมหยุดนิ้วมือจากการวนบนเต้าอวบ ก็เพิ่มระดับเสียงให้ดังมากขึ้น หลิวหยางถอนหายใจเบาๆ รู้ดีว่านางยังโกรธเรื่องที่เขาเข้าข้างพระชายา วันนั้นพยายามจะพูดคุยแล้ว แต่เป็นฟางซินเองที่ไม่ยอมคุยกันดีๆ และนางไม่ยอมให้เขาขอโทษพรึ่บ!“งั้นคืนนี้ ข้าจะยอมให้เจ้าลงโทษ จนกว่าเจ้าจะหายโกรธแล้วกัน”พลิกคนตัวเล็กให้มาอยู่ด้านบนด้วยความรวดเร็ว ฟางซินโกรธหน้าดำหน้าแดง ที่เธอพูดแบบนั้น หมายความว่าไม่อยากมีอะไรกับเขาต่างหาก ไม่ใช่พูดเพราะอยากเป็นคนมอบบทลงโทษให้เขาสักหน่อย“ข้าไม่อยากทำ!”“แต่ข้าอยากให้เจ้าทำ”“ท่านจะเอาแต่ใจมากเกินไปแล้วนะ”ใบหน้าหวานเง้างอด เบือนหน้าหนีไปพลางยกมือขึ้นกอดอก ท่าทางดื้อรั้นแต่คนมองกลับรู้สึกเอ็นดู มือใหญ่เอื้อมไปดึงท่อนแขนเล็ก รั้งร่างบอบบางลงมาหา“อึก! อื้อ!”ลิ้นเล็กดิ้นรนหนีได้ไม่นาน ก็พ่ายแพ้ให้แก่ท่านแม่ทัพใหญ่ ขยับมือลูบไล้วนเวียนบนแผ่นอกกำยำ ที่ผ่านมาเธอพยายามอย่างหนัก ในการทำให้หลิงหยางตกหลุมรัก แต่คนที่ตกหลุมนั้น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเธอ“อ๊าง! ข้า”ท่อนลำใหญ่ใต้ร่าง บดเบียดจุดกระสันผ่านเนื้อผ้าไหม ค่อยๆขยายตัวจนแ
“เจ้าจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมหลิงหลิน”ในเมืองหลวงมีผู้คนหลากหลาย หลิงหลินเป็นคนดีมีฝือมือ การที่นางมารับใช้ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยอย่างฟางซิน แถมยังทำตัวร้ายกาจน่าเอือมระอา กลัวว่าหลิงหลินจะซ่อนความไม่พอใจไว้ เมื่อกลับไปเยือนเมืองหลวงอีกครา นางจะทิ้งฟางซินไป“คะ? ทำไมนายหญิงถึงพูดกับข้าแบบนั้น”“ก็ … ข้าเคยทำตัวไม่ดีกับเจ้านี่นา”“คะ? ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะแบบนั้นข้าจึงได้ขอติดตามท่านมายังไงล่ะคะ”“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ”“แน่นอนสิคะ”“อ่า แล้วเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนเหรอ ข้าจำไม่ค่อยได้ ข้ามาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”รับบทเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปอีกหนึ่ง แต่มันก็เป็นข้อมูลที่ควรรู้ ไม่กล้าถามซอกแซกมาตั้งแต่แรก ถ้ากล้านะ ป่านนี้เธอหาวิธีกลับโลกเดิมได้แล้วมั้ง“ท่านแต่งงานกับท่านแม่ทัพเมื่อต้นปีเจ้าค่ะ ส่วนเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนข้าก็ไม่รู้ แต่ใช้เวลาเดินทางแค่สามวันก็ถึงค่ะ”ถ้าแต่งงานกันตอนต้นปี ตอนนี้ก็ใกล้จะเวียนมาครบหนึ่งปีแล้วสินะ ส่วนการเดินทางที่ใช้เวลาสามวัน คงต้องรอดูวันเดินทางว่าใช้อะไรเป็นยานพาหนะ ยุคสมัยนี้ ถ้าไม่ใช้ม้า ก็คงเป็นวัว ขออย่าให้เป็นเกี้ยวที่ใช้คนแบกก็พอตกเย็น
“ข้าต้องการอำนาจจากพ่อเจ้า เพื่อช่วยให้ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ข้ายังหย่ากับเจ้าไม่ได้”หลิวหยางใช้เหตุผลนั้นกล่าวอ้างกับนาง เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถรั้งให้นางอยู่ข้างตัว เนื้อในนางไม่ใช่ฟางซิน ถ้าหากทำการย้ายดวงจิตไม่สำเร็จ คนที่ต้องหายไปก็คือนาง ร่างกายของฟางซินก็ด้วย“ฮึก! ท่าน! ฮึก!”พูดไม่ออกจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ปฏิเสธการแต่งงานใช่ไหม เหตุผลที่เก็บฟางซินไว้ ทั้งๆที่ไม่ได้รัก เธอต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะออกไปจากมิตินี้ได้ ปล่อยให้ฟางซินที่เป็นนางร้ายตาย เพื่อกลับไปยังโลกเดิม หรือดิ้นรนมีชีวิตอยู่กับความผิดหวัง สรุปแล้วที่ฟางซินต้องการตาย เพราะผิดหวังจากอ๋องเฉิน หรือเพราะชะตาชีวิตที่เป็นแบบนี้“ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆซะ”ใช้มือจับคนในอ้อมกอดออก วางลงบนพื้นแผ่วเบา ขยับไปยืนอยู่ไกลๆ เหมือนคนรังเกียจ ฟางซินมองร่างสามีผ่านม่านน้ำตา ปาดมันออกไปลวกๆ เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก“แล้วท่านจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า”บานประตูปิดลง คนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าพรูลมหายใจออกมาแรงๆ คนกำหนดชะตาของนางคือเขาเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป
“เจ้า! อย่าทำให้ข้าโกรธเคืองเจ้ามากไปกว่านี้เลยฟางซิน”“ข้าตัดสินใจได้แล้วล่ะหลิวหยาง ท่านไม่ต้องรับนางเป็นอนุหรอก ให้นางขึ้นมาเป็นฮูหยินแทนข้าเถอะ ข้าจะยื่นฎีกาถวายฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่านในเร็วๆนี้”“เจ้า! เจ้าพูดอะไรนะ”“ข้าจะยื่นฎีกากับฝ่าบาท เพื่อหย่าขาดจากท่าน”เหมือนท้ายทอยโดนทุบด้วยหินหนัก ร่างสูงใหญ่ซวนเซจนต้องยกมือยึดกรอบประตูรถม้าไว้ ไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นหย่าร้าง การจะย้ายดวงจิตกลับเข้าร่าง คือดวงจิตอีกดวงต้องอ่อนแอ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและใช้ตัวแปรหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่การหย่าร้างแบบนี้“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่”“ทำไม? เกิดหวงข้าขึ้นมางั้นเหรอ? ท่านรู้สึกเสียดายข้าขึ้นมาหรือไง?”ถามในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตั้งแต่
ตกเย็นฟางซินนั่งเหม่ออยู่บนเตียง มองดวงตะวันค่อยๆลาลับดับแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบหน้าสวยหวานยังคงหมองเศร้า แต่แววตาดูเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม การถูกคนที่รักหมางเมินเธอเป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นญาติที่ตัดขาดเธอทันทีที่พ่อแม่เธอตาย เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน เธอชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว แค่เผลอไผลไปกับความใจดี และเสน่ห์ของผู้ชายที่ได้สัมผัสครั้งแรกในชีวิต ต่อไปนี้เธอจะไม่เป็นแบบเดิมแล้ว จะไม่เสียใจเพราะความรักที่ไม่มั่นคงนั่นอีกร่างบอบบางพยุงตัวเองไปที่เตียง มองหาผ้าบางๆที่พอจะใช้พันข้อเท้าได้ เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องการ ก็กระชากผ้าม่านที่ติดอยู่กับเตียงให้ขาด พันผ้ารอบข้อเท้าที่เริ่มบวมไว้ โดยใช้วิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ร่ำเรียนมาตอนอยู่มัธยม“เรียบร้อย! คอยดูเถอะหลิวหยาง ฉันจะเป็นผู้หญิงที่คุณรู้สึกเสียดาย”ถึงไม่เคยเปลี่ยนชีวิตตัวเองในสมัยที่ยังเป็นแค่มินนี่ แต่ข้อมูลเธอแน่นมาก ทั้งการเรียนแต่งหน้าเอย ทั้งสไตล์การแต่งตัวเอย เธอหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอด เพื่อนำมาใช้กับงานเขียนของตัวเอง คราวนี้ได้ใช้มันกับตัวเองสักทีชั่วโมงต่อมาแอ๊ด!ประตูไม้สลักลวดลายสวยงามถูกเปิดจากด้านใน ทหารสองน
“อ่า…นายหญิง! เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ท่านเจ็บตรงไหน”สาวใช้เห็นเจ้านายร้องไห้ รีบลนลานเข้าไปถามไถ่อาการ คนถูกถามยิ่งสะอื้นหนัก มั่นใจว่าที่มอบให้เขามันคือความรักของเธอเอง ไม่ใช่ของฟางซินเธอเผลอใจรักหลิวหยาง เผลอรักสามีของนางร้ายฟางซิน ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย“โธ่! นายหญิงคะ อย่าทำแบบนี้สิ บอกมาสิคะว่าเจ็บตรงไหน?”“ฮึก! ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น?”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง และไม่นานแม่ทัพผู้ได้ฉายาพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ปรากฏตัว แต่ซูซ่านไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของท่านแม่ทัพ เพราะน้อยใจแทนเจ้านายสาวที่เพิ่งมารับใช้ ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆร่างบอบบาง พลางยกมือลูบแผ่นหลังเล็กขึ้นลง“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง คนร้องไห้สะดุ้งแต่ก็ยังไม่หยุดหลั่งน้ำตา“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องใส่ใจหรอกเจ้าคะ”ซูซ่านตอบอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องที่ว่านายหญิงไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว แพร่กระจายออกไปตั้งแต่แม่ทัพหลี่พาหญิงอื่นมาเยือนวังหลวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเขารับสตรีนางนั้นเป็นอนุภรรยา ข่าวลือที่ว่าลูกสาวท่านเสนาหมดความโปรดปรานยิ่งแพร่ไปไกล และขยายวงกล้วงอย่างรวดเร็วจนทั่ววังหลวง คนใ
“อ๊ะ! ข้าเจ็บ!”ร้องลั่นเมื่อข้อมือถูกกำและดึงขึ้นสูง แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาสำรวจชุดของสตรีตรงหน้า นางยังสวมชุดเดิมกับที่เขาเห็นเมื่อคืน ซ้ำยังบางจนเห็นผิวบางส่วน นางไม่ควรพาร่างกายของฟางซินออกมาแบบนี้“เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ว่าไม่ควรออกมาทั้งที่สวมเสื้อผ้าบางขนาดนี้”“ท่านโกรธที่ข้าออกมาทั้งอย่างนี้ หรือโกรธที่ข้ามองนางแบบนั้น”เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนสำคัญของหลิวหยาง ในตอนที่หลิงหลินเดินนำนางไป จึงเผลอใช้สายตาไม่พอใจมองตาม และคงเป็นเพราะแบบนั้น สามีตรงหน้าถึงได้มีท่าทีเหมือนโกรธ“อย่าหาเรื่องนางนะฟางซิน”“ทำไม?”“ข้ารับนางเข้ามาเป็นอนุแล้ว”คำตอบของสามี เหมือนคนเอามีดแทงเข้ากลางอก ถึงแม้ยุคสมัยนี้ การรับหญิงอื่นเข้ามาเป็นอนุภรรยา จะเป็นเรื่องปกติ สามารถทำให้ตั้งแต่ชนชั้นสามัญไปจนถึงกษัตริย์ แต่เขารับผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นเมียน้อยโดยไม่ถามความเห็นเธอก่อน มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ“โดยไม่ถามความเห็นข้าแม้แต่นิดเดียวนี่นะ!”“ข้าจำเป็นต้องถามเจ้าก่อนหรือไง ข้าเป็นเจ้าของจวน อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ข้า”“หะ! เหอะ! เพราะนางสินะ นางใช่ไหมที่ทำให้ท่านเปลี่ยนไป!”“ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป เจ้า
วันต่อมาขบวนของแม่ทัพหลี่ออกเดินทางต่อในช่วงสาย เดินทางไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็หยุดพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหลิวหยางก็หายไปพร้อมกับคนสนิท ฟางซินได้แต่นั่งถอนใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงนี้สามีตีตัวออกห่าง“เจ้ารู้ไหมหลิงหลิน ว่าท่านแม่ทัพไปไหน”“ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง”ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่า เดินออกจากบริเวณบ้านพักไปทางลำธารที่อยู่ใกล้ๆ สำรวจความลึกของลำธาร กระแสน้ำใสทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ลึกมาก เดินไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ ถอดรองเท้าวางไว้ข้างตัว หย่อนเท้าลงไปในน้ำ แกว่งขาไปมาช้าๆ“นายหญิงคะ ใกล้ถึงเวลาเดินทางต่อแล้วเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ตะโกนตอบกลับสาวใช้ไป ชักขาขึ้นจากน้ำ หยิบรองเท้าขึ้นมาสวม มองสายน้ำใสแจ๋วอีกครั้ง ขนอ่อนในกายลุกชูชั้น เมื่อใบหน้าที่เห็นในสายตา เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง มือเล็กยกขึ้นขยี้ตา ตาฝาดงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นวิญญาณของฟางซินมาบอกกล่าวอะไร“ฟางซิน! นั่นเจ้าใช่ไหม เจ้าต้องการบอกอะไรข้า ฟางซิน!”“นายหญิง! ท่านทำอะไรคะ!”หลิงหลินคว้าร่างที่กำลังชะโงกหน้าต่ำขึ้นมา ใบห
“หยุดรถม้า!”“เอี๊ยด!”รถม้าที่กำลังขับเคลื่อนช้าๆ หยุดสนิทลงทันที ประตูไม้ของรถม้าถูกทหารคนหนึ่งเปิดออก ร่างสูงใหญ่ในชุดออกรบพลิกตัวลงจากหลังม้า เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู เอื้อมมือไปดึงคนข้างในออกมา“กรี๊ด! ท่านจะทำอะไรเนี่ย!”ร่างเล็กในชุดสีชมพูอ่อนปักลวดลายวิจิตร ซ้ำยังมีอัญมณีปักอยู่ตามเนื้อผ้า ความหนักของชุดไม่เป็นปัญหาตอนใส่ แต่จะเป็นปัญหาตอนสามีของร่างดึงออกไปนี่แหละ เขาใช้แรงดึงมหาศาล เธอกลัวว่าชุดงดงามนั่น จะเกี่ยวกับเนื้อไม้ของรถม้าขาด“เจ้าอยากมองมู่หลงใกล้ๆ หรือไม่”“? ทำไมข้าต้องอยากทำแบบนั้น ท่านเลิกทำตัวผีเข้าผีออกสักวันได้ไหม แค่นี้ข้าก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”ยกมือข้างที่เป็นอิสระคลึงเบาๆข้างศรีษะ การยืนเถียงกันกับสามี มีข้ารับใช้ทั้งหมดยืนฟังด้วย พวกเขาตัวแข็งทื่อ คงไม่เคยเห็นฟางซินทำตัวแบบนี้ใส่แม่ทัพหลิวหยาง หรือไม่ก็ตัวแข็งเพราะความกลัว กลัวว่าแม่ทัพผีบ้าจะหั่นคอเมียหมกไว้ในป่าแห่งนี้“เห้อ ไปนั่งกับข้า”พูดจบก็รั้งข้อมือเล็กออกเดิน ฟางซินรู้ว่าค้านไปก็เหนื่อยเปล่า จึงยอมตามไปเงียบๆ เมื่อถูกพามาหยุดยืนอยู่ข้างม้าศึกตัวใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่า ก็รีบหลบเข้าด้านหลังของสามี
“ข้ารู้ว่าเจ้าในอ่อนกับนาง แต่เจ้าลืมสิ่งที่นางทำแล้วหรือ”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยลืมว่านางทำอะไร”“เป็นอย่างนั้นก็ดี เจ้าไม่ต้องกังวล ทำสิ่งที่เจ้าควรทำ ข้าสัญญาว่าจะพานางกลับมาให้ได้”พูดจบร่างสูงก็หมุนตัว เดินผ่านร่างที่ยืนอยู่ออกไปจากห้อง โชคดีที่มีคนมาย้ำเตือน เขาเองก็เผลอใจอ่อนให้กับฟางซินไปไม่น้อย เพราะความสดใส และการดูแลเอาใจใส่ของนาง แต่มันจะเป็นได้เพียงแค่ความใจอ่อนชั่วครั้งคราวเพียงเท่านั้น และความรู้สึกสงสารเห็นใจให้แก่สตรี ไม่มีวันที่เขาจะรู้สึกกับนางมากไปกว่านี้ แม้นางจะทำดีแค่ไหน เขาก็จะไม่ลืมว่านางทำอะไรลงไปบ้างเช้าวันต่อมาร่างบอบบางบิดตัวไล่ความขี้เกียจ เพราะเมื่อคืนเข้านอนเร็วกว่าปกติ ตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นสุดๆ ลงจากเตียงมองหาสาวรับใช้ เมื่อไม่เจอก็เดินหาวไปยังห้องอาบน้ำ ปลดเปลื้องชุดออกจากร่าง หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ ว่ายไปอยู่อีกด้าน มองความงดงามของทิวทัศน์ด้านนอกจ่อม! จ่อม!ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนที่สามารถลงบ่อน้ำนี้ได้ มีเพียงแค่เธอและเจ้าของจวนเท่านั้น แผ่นหลังบางสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ไม่ได้มากจากกระแสน้ำ ขยับตัวถอยมาด้านหลัง ให้แผ่นห
“เจ้าจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมหลิงหลิน”ในเมืองหลวงมีผู้คนหลากหลาย หลิงหลินเป็นคนดีมีฝือมือ การที่นางมารับใช้ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยอย่างฟางซิน แถมยังทำตัวร้ายกาจน่าเอือมระอา กลัวว่าหลิงหลินจะซ่อนความไม่พอใจไว้ เมื่อกลับไปเยือนเมืองหลวงอีกครา นางจะทิ้งฟางซินไป“คะ? ทำไมนายหญิงถึงพูดกับข้าแบบนั้น”“ก็ … ข้าเคยทำตัวไม่ดีกับเจ้านี่นา”“คะ? ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะแบบนั้นข้าจึงได้ขอติดตามท่านมายังไงล่ะคะ”“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ”“แน่นอนสิคะ”“อ่า แล้วเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนเหรอ ข้าจำไม่ค่อยได้ ข้ามาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”รับบทเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปอีกหนึ่ง แต่มันก็เป็นข้อมูลที่ควรรู้ ไม่กล้าถามซอกแซกมาตั้งแต่แรก ถ้ากล้านะ ป่านนี้เธอหาวิธีกลับโลกเดิมได้แล้วมั้ง“ท่านแต่งงานกับท่านแม่ทัพเมื่อต้นปีเจ้าค่ะ ส่วนเมืองหลวงอยู่ไกลแค่ไหนข้าก็ไม่รู้ แต่ใช้เวลาเดินทางแค่สามวันก็ถึงค่ะ”ถ้าแต่งงานกันตอนต้นปี ตอนนี้ก็ใกล้จะเวียนมาครบหนึ่งปีแล้วสินะ ส่วนการเดินทางที่ใช้เวลาสามวัน คงต้องรอดูวันเดินทางว่าใช้อะไรเป็นยานพาหนะ ยุคสมัยนี้ ถ้าไม่ใช้ม้า ก็คงเป็นวัว ขออย่าให้เป็นเกี้ยวที่ใช้คนแบกก็พอตกเย็น