คุณหนูสกุลลั่วร่างกายไม่แข็งแรง หลายปีมานี้นอนซมอยู่บนเตียงมาโดยตลอด ออกจากบ้านน้อยมากนี่คือสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้เพียงแต่ กลับไม่เคยได้ยินว่าไม่สามารถคลอดลูกได้มาก่อน ทว่าคำพูดมั่นใจของฝานซืออิ๋งกลับไม่คล้ายหลอกลวง หากไม่สามารถคลอดได้จริง...เช่นนั้นก็เรื่องใหญ่แล้วสีหน้าลั่วชิงอินเปลี่ยนไป รีบพูดว่า “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”“ข้าพูดเหลวไหล?” ฝานซืออิ๋งยิ้มเย็น “เจ้าอย่าเสแสร้งเลย ก็แค่กังวลว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้วจะไม่สามารถแต่งเข้าสกุลซ่งได้ไม่ใช่หรือ?ข้าไม่ชอบท่าทางเสแสร้งสูงส่งของเจ้านั้นตั้งนานแล้ว พูดว่าข้าต่ำต้อยไร้ยางอายไปทุกคำ ใช้วิธีชั้นต่ำเพื่อให้ได้แต่งกับซ่งเยี่ยนโจว แต่ตัวเจ้าเองดีมากเพียงใดเล่า? ก็ซ่อนความลับไว้เฉกเดียวกันมิใช่หรือ?”“ข้าเปล่า!”ใบหน้าเล็กขาวนวลของลั่วชิงอินเปี่ยมความตกตะลึง นางไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน“เป็นเจ้าใส่ร้ายข้า!”“ข้าใส่ร้ายเจ้า? หมอหลวงก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือ? มีความสามารถตอนนี้เจ้าก็ให้หมอหลวงตรวจอาการของเจ้าดูสักรอบ จะได้ให้ทุกคนได้เห็นว่าข้าใส่ร้ายเจ้าหรือไม่!”รอยยิ้มฝานซืออิ๋งบิดเบี้ยวและลำพองใจ พูดเสียงดัง “เจ้ากล้าหรือไม่?”ได้ย
เพียงนึกได้ว่าบิดามารดาพูดว่าเยี่ยนโจวเอ่ยคำสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าจะแต่งนางเพียงคนเดียวเท่านั้น นี่จะได้อย่างไร?“ชิงอิน ไม่เป็นเช่นนี้” ซ่งเยี่ยนโจวรีบอธิบาย “หมอเพียงพูดว่าต้องการให้เจ้ารักษาสุขภาพให้ดีก่อน มีลูกช้าหน่อยก็ช่างเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับข้าไม่มีลูกก็ไม่สำคัญ!”ฝานซืออิ๋งมองท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดของลั่วชิงอิน จากนั้นหันมองสายตาเปี่ยมความเจ็บปวดของซ่งเยี่ยนโจว นางว้าวุ่นใจแล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?ทั้งหมดล้วนไม่เหมือนอย่างที่นางคิดไว้!ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นลั่วชิงอินปกปิดข่าวเพื่อให้ได้แต่งงานกับซ่งเยี่ยนโจว ซ่งเยี่ยนโจวกลับถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ลั่วชิงอินต่างหากที่เป็นคนถูกหลอกคนนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเสียสติไปแล้วหรือ?เพื่อแต่งงานกับลั่วชิงอิน ต่อให้ไม่สามารถคลอดลูกได้ก็ไม่เป็นไร?ซ่งรั่วเจินมองสายตาตกตะลึงของฝานซืออิ๋ง เอ่ยปากเสียงเย็น “เห็นชัดแล้วหรือไม่? นี่ก็คือความแตกต่างของเจ้าและพี่หญิงลั่ว”จากนั้น ฝานซืออิ๋งกลับคล้ายถูกกระตุ้นก็มิปาน แผดเสียงร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้! ต่อให้ซ่งเยี่ยนโจวไม่ใส่ใจ หรือว่าแม่สามีเองก็ไม่ใส่ใจกระนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเป็นลูกชายคน
“เด็กๆ นำตัวหญิงคนนี้ออกไป จิตใจล้ำลึก ห้ามมิให้หนีไปได้อย่างง่ายดาย!”สีหน้ากู้ชิงเหยี่ยนเย็นชา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของสกุลซ่งจะเกิดเรื่องมากถึงเพียงนี้ นึกถึงหลิ่วหรูเยียนเพียงคนเดียวต้องจัดการทั้งสกุลซ่ง สงสารอย่างอดไม่ได้หลายปีนี้น้องสาวของเขาผ่านไปได้อย่างยากลำบากมากเหลือเกิน!สกุลหลิ่วและสกุลฝานไม่มีคนดี มาหาเรื่องไม่หยุด ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!ฝานซืออิ๋งเห็นบ่าวต้องการลากตนเองไป ออกแรงดิ้นพูดว่า “อย่าข้ายังมีเรื่องอยากพูด!”ครู่ต่อมา ฝานซืออิ๋งคุกเข่าให้หลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้าทำไม่ถูก ขอร้องท่านได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งเถอะ!ข้ายินดีเป็นอนุของเยี่ยนโจว ลั่วชิงอินไม่สามารถคลอดลูกได้ ข้าสามารถทำได้!ขอเพียงให้ข้าอยู่ที่สกุลซ่ง อยู่ข้างกายเยี่ยนโจว ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ได้ ขอร้องท่าน”“แทนที่ถึงตอนนั้นจะให้เยี่ยนโจวหาคนอื่นเป็นอนุ ยังมิสู้ให้ข้าเป็น!ข้าอยู่ที่สกุลซ่งนานถึงเพียงนี้ คุ้นชินทั้งหมดแล้ว ภายภาคหน้าข้ารับรองจะไม่มีวันรังแกลั่วชิงอิน ข้าจะปรนนิบัติพวกเขาดีๆ ได้หรือไม่?”ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำใ
“คุณชาย บ่าวสำนึกผิดแล้ว ภายภาคหน้าไม่กล้าแล้ว” บ่าวร้องไห้อย่างน่าสงสารซ่งเยี่ยนโจวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “เขาปรนนิบัติข้ามาหลายปี ตกอยู่ในมือสกุลฝานย่อมไม่มีจุดจบที่ดี มิสู้ไถ่ตัวพ่อแม่เขามาจากสกุลฝาน ไล่ไปอยู่ที่ไร่นาทำงานเถอะ”“พี่ใหญ่ ยกเรื่องนี้ให้ข้า สกุลฝานไร้ยางอายพรรค์นั้น ให้ข้าจัดการเอง” ซ่งจิ่งเซินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายจากไป ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบดังเดิมลั่วชิงอินนั่งบนตั่งเตียง ก่อนหน้านี้ผ้าคลุมหน้าสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้ว สุรามงคลยังไม่ได้ดื่ม บัดนี้หลังได้รู้ข่าวว่าไม่สามารถคลอดลูกได้ อารมณ์นางก็ซับซ้อนมาก“พี่ใหญ่ซ่ง ท่านไม่สมควรปิดบังข้า”ลั่วชิงอินเห็นว่าส่งคนอื่นจากไปแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวปิดประตูห้องเดินเข้ามา เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ซ่งเยี่ยนโจวเดินเข้ามาหยุดข้างกายนางแล้วนั่งลง สายตาลุ่มลึกทอดมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความสุข“ชิงอิน เจ้าไม่รู้ข้าสามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าดีใจมากเพียงใด”เขาจับมือลั่วชิงอิน “เมื่อแรกเจ้าเกือบแต่งงานกับสกุลเหยา ข้ากังวลยิ่งนัก กลัวชาตินี้จะไม่มี
ซ่งเยี่ยนโจวหยิบสุรามงคลบนโต๊ะขึ้นมา แล้วส่งจอกหนึ่งในนั้นให้กับลั่วชิงอิน“ฮูหยิน พวกเราดื่มสุรามงคลจอกนี้ดีหรือไม่?”ลั่วชิงอินได้ยินคำว่าฮูหยิน ดวงหน้างามก็แดงระเรื่ออย่างอดไม่อยู่ สบสายตาจดจ้องเร่าร้อนของชายหนุ่มพลางรับจอกสุรามาอย่างว่าง่ายสองแขนคล้องกันแล้วดื่มสุรามงคลประหนึ่งยวนยางคล้องคอสุราชั้นดีไหลลงไปในลำคอ กอปรด้วยกลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ที่มากกว่านั้นคือความร้อนแรงแผดเผาคอหอยซ่งเยี่ยนโจววางจอกสุราไว้ข้างๆ หันกลับมาก็เห็นลั่วชิงอินที่ก้มหน้าเก็บซ่อนความรู้สึก ทันใดนั้นเขาพลันขยับเข้ามาจุมพิตลงบนริมฝีปากของหญิงสาวท่ามกลางสายตาแตกตื่นของนางน้ำเสียงเขาแหบพร่ามีเสน่ห์ดึงดูด ความปรารถนาฉาบย้อมแววตา “ชิงอิน เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ารอวันที่จะได้แต่งงานกับเจ้ามานานแค่ไหน...”ลั่วชิงอินตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ สายตาตกลงบนริมฝีปากของชายหนุ่ม สัมผัสที่เพียงแตะก็ผละออกเมื่อครู่นี้ทำให้นางรู้สึกทั้งไม่คุ้นเคยและประหม่าซ่งเยี่ยนโจวประชิดเข้ามาอีกครั้ง คล้ายกับสัมผัสได้ถึงความประหวั่นลนลานของหญิงสาว มือหนึ่งโอบหลังเอวนางไว้ป้องกันไม่ให้นางถอยหนีแล้วประทับจูบลงไปอีกครั้งคราวนี้ต่างจากการห
อยู่ดีๆ ไฉนจึงพูดถึงเขาได้เล่า!งานเลี้ยงเลิกรา พี่น้องตระกูลซ่งไปส่งแขกเหรื่อที่หน้าประตูพร้อมกับหลิ่วหรูเยียน“เจินเอ๋อร์ เจ้าไปส่งพวกท่านอ๋องเถอะ”สายตาหลิ่วหรูเยียนตกลงบนร่างฉู่จวินถิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “วันนี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านอ๋อง เกรงว่าคงไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ง่ายดายปานนี้ ฝากเจ้าไปขอบคุณดีๆ แทนแม่ด้วย”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็กวาดสายตาไปมองแล้วก็พบว่าฉู่จวินถิงกำลังมองนางอยู่ คนทั้งสองประสานสายตากันมุมปากฉู่จวินถิงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ทั้งที่เป็นยามราตรีแท้ๆ แสงจันทร์กลับดูจะอ่อนโยนต่อเขาเป็นพิเศษ ทำให้ไอเย็นบนร่างเขาจืดจางลง ทั้งตัวคนแลดูอ่อนโยนประดุจหยก กระทั่งรอยยิ้มก็ยังดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษเขามีรูปโฉมหล่อเหลา ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้ ทว่ารูปลักษณ์อบอุ่นอ่อนโยนของเขาในยามนี้กลับเหมือนหินหยกที่เปล่งประกายแวววาม ชวนให้คนหลงใหลในความอ่อนโยนนั้น“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับแล้วเดินมาถึงตรงหน้าพวกฉู่จวินถิงสายตาชายหนุ่มจับจ้องนางตั้งแต่เดินมาแล้ว เปิดเผยชัดเจนโดยไม่หลีกเลี่ยงแม้แต่น้อยความคลุม
เมื่อก่อนในสายตากู้หวยซวี่ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นหลานชายที่มีความสามารถ แต่ถูกฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวยเลี้ยงดูจนเสียคนทั้งๆ ที่ควรประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กลับต้องเสียเวลาไปเพราะเรื่องชู้สาว ทั้งยังทำเรื่องน่าอับอายพรรค์นั้น ช่างน่าเสียดายและน่าแค้นใจนักบัดนี้ หลังจากได้รู้ว่าฉินเซี่ยงเหิงไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลกู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย กระทั่งยังรังแกหลานชายและหลานสาวของเขาอีกก็ไม่มีความเสียดายอีกแล้ว เหลือเพียงความคับแค้นใจเท่านั้นอยากหาตากับลุงก็ควรไปหาคนตระกูลหลิ่วต่างหากเล่า!“เจ้ามาทำไม?” กู้ชิงเหยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแสหลังได้รู้ความจริง เขายิ่งรังเกียจกู้อวิ๋นเวยจนถึงที่สุด จนทำให้แค่เห็นฉินเซี่ยงเหิงก็แค้นใจจนอยากอัดสักยกเป็นการระบายโทสะแทนน้องสาวของตนเองฉินเซี่ยงเหิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของกู้ชิงเหยี่ยน แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอันใดไม่ถูกต้องอย่างไรเสียหลายปีมานี้กู้อวิ๋นเวยก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลกู้ ทำให้เขากับซวงซวงรู้เพียงว่ามีญาติตระกูลกู้อยู่ แต่ไปมาหาสู่กันน้อยครั้งยิ่งแต่เขารู้สึกว่าถึงที่สุดแล้วตระกูลกู้เพียงแต่มีปัญหากับมาร
ป้ายทองละเว้นโทษตายนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในจวน ทั้งยังเป็นเกียรติยศของทั้งตระกูลกู้ที่ผ่านมา บิดาดูแลอย่างเข้มงวดกวดขัน ตอนนี้กลับถูกขโมยไปเนี่ยนะ?“ท่านพ่อ นี่ไม่ถูกต้องนะขอรับ หากเป็นเมื่อก่อนที่หลิ่วอวิ๋นเวยยังอยู่ที่บ้านก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้นางออกเรือนไปหลายปีแล้ว ในจวนยังเคยมีการปรับปรุงมาก่อน”“พวกเราไม่เคยเปิดโอกาสให้นางได้ไปเรือนพักของพวกท่าน แล้วจะแอบขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้อย่างไร?”กู้ชิงเหยี่ยนสงบสติเยือกเย็นลง เรื่องนี้เพียงใคร่ครวญโดยละเอียดก็สามารถค้นพบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน“เรื่องนี้เกรงว่าคงมีคนลอบช่วยเหลือ มิฉะนั้นลำพังนางคนเดียว จะเข้ามาในจวนก็ยังยาก”กู้ชิงซิวมีสีหน้าดำคล้ำ ชั่วขณะนี้ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์ แม้จะไม่ได้กลับไป แต่แค่ฟังก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครทั่วทั้งตระกูลกู้ มีเพียงกู้ชิงเจ๋อเท่านั้นครั้นวาจานั้นดังขึ้น คนทั้งหลายบนรถม้าต่างก็เงียบไปพร้อมกับโทสะจากความผิดหวังในตัวกู้ชิงเจ๋อหลายวันนี้ขับไล่กู้ชิงเจ๋อออกไป เดิมคิดว่าเขาจะสามารถทบทวนตัวเอง ใครเลยจะคาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องโง่บัดซบเช่นนี้ลงไปได้?ฉินเซี่ยงเหิงได้ยินบทสนทนาของคน
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ