กู้ชิงเจ๋อรู้ว่าวันนี้ทุกคนในจวนไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลซ่ง เขาไม่สนใจจึงไม่ได้ไปด้วยแต่ตอนนี้งานเลี้ยงเลิกราแล้ว เรื่องภายในตระกูลกู้ของพวกเขา ตระกูลซ่งมายุ่งอะไรด้วย?ซ่งรั่วเจินมองกู้ชิงเจ๋อที่เดินออกมา ถึงก่อนนี้จะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่นางรู้ว่าตระกูลกู้มีพี่น้องผู้ชายสามคน กู้อวิ๋นเวยอยู่อันดับที่สี่คนตรงหน้าค่อนข้างคล้ายคลึงกับพวกกู้ชิงเหยี่ยน คิดว่าคงเป็นลูกคนที่สามของตระกูลกู้...กู้ชิงเจ๋อแต่นางรู้ว่ากู้ชิงเจ๋อค่อนข้างสนิทสนมกับกู้อวิ๋นเวย พูดให้ถูกต้องก็คงเป็นเพราะว่าเขาค่อนข้างโง่จึงกลายเป็นหมากให้กู้อวิ๋นเวยหลอกใช้“เจ้าสาม ข้าถามหน่อยเถอะ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่ากู้อวิ๋นเวยทำอะไรลงไป?”สายตากู้หวยซวี่จับจ้องกู้ชิงเจ๋อ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความกดดันแม้ไม่แสดงความเดือดดาล บรรยากาศรอบกายลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็งทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว พี่น้องตระกูลซ่งเพิ่งจะเคยเห็นท่าทางพิโรธเดือดดาลของราชครูกู้เป็นครั้งแรก อย่างไรเสียตอนอยู่ในจวนตระกูลซ่งก่อนหน้านี้ เขามีสีหน้าอบอุ่นเป็นกันเองตลอดเวลากู้ชิงเจ๋อหัวใจกระตุกวูบ หดคอลงโดยไม่รู้ตัว ไม่มีแก่ใจไปสนว่าคนตระกูลซ่งมาเพราะเหต
ขอแค่เป็นคนล้วนรู้ว่าการกระทำครั้งนี้ของกู้อวิ๋นเวยนั้นผิดมหันต์ กู้ชิงเจ๋อยังลอบให้ความช่วยเหลือ กระทั่งเรื่องแดงออกมาแล้วก็ยังคิดว่าราชครูกู้ทำผิดต่อลูกชายหญิงอย่างพวกตนลุงสามผู้นี้...ยังคงแล้วไปเถอะกู้ชิงซิวทนดูกู้ชิงเจ๋อโง่เขลาเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ คนที่ทำผิดคือเขาชัดๆ แต่เขากลับคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคร้ายที่สุดในปฐพี“เจ้าถามว่าทำไม? นั่นเพราะเจ้าไม่เคยรู้ว่าตอนนั้นหลิ่วอวิ๋นเวยทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนลงไปน่ะสิ!”“เพราะนางไม่ใช่คนตระกูลกู้ของพวกเราด้วยซ้ำ!”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น กู้ชิงเจ๋อก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ “หมายความว่าอย่างไร?”“หรูเยียนต่างหากที่เป็นสายเลือดตระกูลกู้ของพวกเรา กู้อวิ๋นเวยเป็นคนตระกูลหลิ่ว ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วจงใจสลับตัวเด็กเพราะลอบคิดร้ายต่อพวกเรา”“หลายปีมานี้ พวกเราเลี้ยงดูทะนุถนอมกู้อวิ๋นเวยอย่างดี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีนี้ตระกูลหลิ่วรังแกทารุณน้องสาวแท้ๆ ของพวกเราอย่างไรบ้าง!”“นางไม่เคยปฏิบัติกับพวกเราอย่างจริงใจ แต่หลอกใช้พวกเรามาโดยตลอด กระทั่งยังไปนับญาติกับตระกูลหลิ่วนานแล้ว หลังจากนั้นยังหันมาเรียกร้องจากพวกเรา เรียกร้องจากน้องสาวอย่างกำเร
ซ่งอี้อันจ้องมองฉินเซี่ยงเหิงอย่างเย็นชา หลังจากวันประกาศผลการสอบ พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยบัดนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง มิตรภาพในฐานะสหายร่วมสำนักสูญสลายไปหมดแล้ว กลายเป็นคู่แค้นโดยสมบูรณ์“เดิมนั้นฉินซวงซวงถูกคุมขังที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน แต่สองวันก่อนเริ่มการเนรเทศไปแล้ว”“นางกำลังตั้งครรภ์ ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะยังไม่ตรงไปยังถิ่นทุรกันดารในทันที แต่รอจนคลอดเด็กก่อนค่อยไป”หลังรู้ว่าฉินซวงซวงตั้งครรภ์ ซ่งอี้อันก็เจาะจงสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวหายนะเช่นนี้เก็บไว้ก็มีแต่ปัญหา ทว่าธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับสตรีมีครรภ์ล้วนทำเช่นนี้ คงได้แต่พูดว่าฉินซวงซวงโชคดี“ค่ายเหนือใต้ออกตกสี่แห่งของเมืองหลวงล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด ในเมื่อวันนี้กู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้แล้วคิดว่าฉินซวงซวงจะต้องยังไม่จากไปแน่ พวกเราไปยังสถานที่สี่แห่งนี้จะต้องหาเจอแน่นอน!”กู้ชิงเหยี่ยนได้ยินคำพูดของซ่งอี้อันแล้วก็ผงกศีรษะน้อยๆ ดวงตาทอแววชื่นชม“สี่ทิศทางแบบนี้ พวกเราได้แต่แยกย้ายกันไปแล้ว” กู้ชิงเหยี่ยนย่นคิ้ว อันที่จริงเรื่องนี้มีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ยามนี้ไม่อาจสนใจยิบย่อยขนาดนั้นแล้วซ่งรั่
เจ้าหน้าที่ไม่เคยเห็นป้ายทองละเว้นโทษตายมาก่อน แต่เขารู้ว่าตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตาย กู้อวิ๋นเวยยังเป็นคนตระกูลกู้ ดังนั้นป้ายทองนี้เป็นไปได้มากว่าคงเป็นของจริง แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ย่อมต้องรอจนใต้เท้ามาเสียก่อนเมื่อจ้าวจือเต๋อจ้าวเมืองซุ่นเทียนมาถึง พวกกู้หวยซวี่ก็มาถึงพร้อมกันพอดี“ใต้เท้ากู้ ท่านจะใช้ป้ายทองละเว้นโทษตายไยไม่บอกกันก่อนเล่า ดูซิเรื่องนี้วุ่นวายไปหมด...”จ้าวเมืองซุ่นเทียนมีสีหน้าอ่อนใจ น้ำเสียงยังแฝงความไม่พอใจที่ยากจะปิดบังวันนี้ตระกูลซ่งจัดงานมงคล เขาซึ่งเป็นเจ้าเมืองซุ่นเทียนกลับยุ่งจนหัวหมุน เริ่มจากครอบครัวใต้เท้าหลิ่วถูกส่งมายังศาลาว่าการซุ่นเทียน เปิดโปงคดีสลับตัวคุณหนูตัวจริงตัวปลอมที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วแอบสลับตัวเด็กในตอนนั้นเมื่อครู่ยังเป็นฝานซืออิ๋งที่ลักลอบเข้าไปในจวนตระกูลซ่งกลางดึกหมายวางยา แต่กลับถูกคนจับได้คาหนังคาเขาเขายังไม่ทันได้พิจารณาคดี ตระกูลกู้พลันนำป้ายทองละเว้นโทษตายออกมาช่วยคนเสียนี่ฉินซวงซวงผู้นี้เข้าคุกมาไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว ถ้ามีความตั้งใจเช่นนี้จริง หลายวันก่อนก็สามารถมาได้ ไยต้องรอจนถึงยามนี้ด้วยชั่วพริบตาที่กู้หวยซวี
ทว่า เมื่อกู้อวิ๋นเวยกล่าววาจานั้นจบก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากข้างนอก“ใครก็ได้ จับตัวเจ้าโจรขวัญกล้าเทียมฟ้าผู้นี้ ถึงกับกล้าขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายเชียวรึ!” จ้าวจือเต๋อตวาดเสียงเข้มความได้ใจบนใบหน้ากู้อวิ๋นเวยพลันหยุดชะงัก นางเห็นเจ้าหน้าที่รุดเข้ามาจับกุมนางไว้อย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้พูด สีหน้าพลันฉายแววตกตะลึง “พวกเจ้ามาจับข้าทำไม?”“จับเจ้าก็เพราะเจ้าเป็นโจรอย่างไรเล่า!”สีหน้าจ้าวจือเต๋อเข้มงวดอย่างถึงที่สุด วันนี้คนตระกูลหลิ่วถูกจับส่งมาที่ศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อน เขาจึงรู้เรื่องสลับตัวเด็กในตอนนั้นแล้วยามนี้ยังได้รู้ว่ากู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายมาอย่างขวัญกล้าเทียมฟ้า ราชครูกู้มาแจ้งความด้วยตนเอง เรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการให้ดี“ข้า ข้าไม่ใช่โจร พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว!”กู้อวิ๋นเวยรีบร้อนอธิบาย สีหน้าไม่ได้ลนลานจนเกินไป “ข้าเป็นลูกสาวของราชครูกู้ ตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตายที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ ข้าจึงนำป้ายทองละเว้นโทษตายของที่บ้านมา”“ผู้ใดบอกว่านี่เป็นป้ายทองละเว้นโทษตายของบ้านเจ้า?”กู้หวยซวี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงซิวตา
กู้หวยซวี่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้ากู้อวิ๋นเวยชัดเต็มสองตา ฉับพลันนั้นก็เข้าใจแล้ว“เจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกข้า ใช่หรือไม่?”“ไม่ ข้าเปล่านะ” กู้อวิ๋นเวยส่ายหน้า ทั้งยังเสแสร้งทำเป็นจริงใจไร้เดียงสา “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของพวกท่านชัดๆ ไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลหลิ่ว!”“หลิ่วอวิ๋นเวย ถึงตอนนี้เจ้ายังจะเสแสร้ง แต่ละครปาหี่แบบนี้พวกข้าดูออกตั้งนานแล้ว”กู้ชิงซิวแสยะยิ้มเย็นชา ครั้นใคร่ครวญโดยละเอียด ละครปาหี่ไม่ได้เรื่องพรรค์นี้พวกเขาควรดูออกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สายเลือดตระกูลกู้ดังนั้นต่อให้พวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งแสดงของนาง แต่จนใจที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้แต่ยามนี้ ในที่สุดก็ไม่ต้องทนแล้ว“เสแสร้งเป็นไร้เดียงสาโดยไม่ละอายใจมาได้หลายปี ทั้งยังมาเรียกร้องทุกอย่างที่เจ้าต้องการอย่างไม่สะทกสะท้าน”“หลิ่วอวิ๋นเวย เจ้ากับพ่อแม่เจ้าเป็นพวกตะเภาเดียวกันเสียจริงๆ”ในสายตากู้ชิงเหยี่ยนมีเพียงความรังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้อวิ๋นเวยจึงมีนิสัยไม่เหมือ
มีสิทธิ์อะไรกัน!ชาติที่แล้วซ่งรั่วเจินสิ้นชีพลงด้วยเงื้อมมือนางโดยไร้ซึ่งกำลังต้านทาน แต่ชาตินี้สถานการณ์ของคนทั้งสองกลับพลิกผันโดยสิ้นเชิง!หากหลิ่วหรูเยียนเป็นบุตรที่แท้จริงของสกุลกู้ เช่นนั้นก็หมายความว่าฐานะของซ่งรั่วเจินจะยิ่งสูงส่งขึ้นไปอีกระดับไม่ใช่หรือ?เรื่องนี้ยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด!“ท่านตา เป็นซ่งรั่วเจินที่บอกว่านางคำนวณออกมาได้ใช่หรือไม่? นี่เป็นแผนการชัดๆ พวกท่านอย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาดเชียวนะเจ้าคะ!”“นางเอาแต่พร่ำพูดว่าผู้อื่นเป็นนักต้มตุ๋น ทั้งที่ตัวนางเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย!”“เห็นชัดว่านางต้องการเกี่ยวดองกับตระกูลพวกท่าน จึงได้จงใจกุเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา นางถนัดศาสตร์นี้เป็นอย่างยิ่ง คิดจะแต่งเรื่องใดก็ทำได้ตามอำเภอใจไม่ใช่หรือ?” ฉินซวงซวงไม่หยุดร้อนรนใจ “พวกท่านไม่รู้สักนิดว่าแท้จริงสตรีนางนี้ร้ายกาจเพียงใด นางทำได้ทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย ทำให้ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากพวกท่านเชื่อนาง ภายภาคหน้าก็ย่อมจะพบจุดจบเช่นเดียวกันกับข้า!”ทว่า หาได้มีผู้ใดเชื่อคำของนางแม้แต่คนเดียวคนสกุลกู้เองก็มีตา สามารถตัดสินด้วยตนเองได้ ต่อให้ไม่มีหลักฐานใดๆ เพียงแค่
“เจ้าคิดว่าให้พวกเขาใช้ไปเสียเลยก็มิใช่เรื่องใหญ่ใช่หรือไม่?" ใบหน้ากู้ชิงซิวเรียบเฉย “เจ้าช่างใจกว้างในทรัพย์สินของผู้อื่นเสียเหลือเกิน!"กู้ชิงเจ๋อเปิดปาก ทว่ากลับไม่รู้จะพูดสิ่งใดหลิ่วหรูเยียนขยิบตาให้ซ่งรั่วเจินและคนอื่นๆ แม้จะกล่าวได้ว่าบัดนี้ได้นับญาติกันแล้ว แต่บุญคุณความแค้นของสกุลกู้นั้น พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรก็รีบกลับไปก่อนเป็นการดีเห็นมารดาขึ้นรถม้าไปแล้ว ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นว่าไม่ไกลออกไปมีเงาคุ้นตาร่างหนึ่งอยู่ ก็เข้าใจทันทีว่าก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ตาฝาดไป ฉู่จวินถิงยังไม่ได้กลับไปจริงๆ“พี่รอง พวกท่านกลับไปกับท่านแม่ก่อนเถิด ไว้ข้าค่อยตามไป” ซ่งรั่วเจินกล่าวซ่งอี้อันมองตามสายตาของซ่งรั่วเจินไป เห็นฉู่อ๋องอยู่ไม่ไกลก็เข้าใจในทันที“ได้”ซ่งรั่วเจินวิ่งเหยาะๆ ไปอยู่ตรงหน้าของฉู่จวินถิง ใบหน้าเล็กหมดจดงดงามของนางแฝงความประหลาดใจ “ท่านอ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ?”“เป็นห่วงเจ้า” ฉู่จวินถิงตอบดวงตาของชายหนุ่มคมลึก ใบหน้าน่ามองภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่นมากเป็นพิเศษ ถ้อยคำนี้ยิ่งแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบังซ่งรั่วเจินชะงักไปเล็กน้อย นางรู้ว่าที่คราว
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ