“เจ้าคิดว่าให้พวกเขาใช้ไปเสียเลยก็มิใช่เรื่องใหญ่ใช่หรือไม่?" ใบหน้ากู้ชิงซิวเรียบเฉย “เจ้าช่างใจกว้างในทรัพย์สินของผู้อื่นเสียเหลือเกิน!"กู้ชิงเจ๋อเปิดปาก ทว่ากลับไม่รู้จะพูดสิ่งใดหลิ่วหรูเยียนขยิบตาให้ซ่งรั่วเจินและคนอื่นๆ แม้จะกล่าวได้ว่าบัดนี้ได้นับญาติกันแล้ว แต่บุญคุณความแค้นของสกุลกู้นั้น พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรก็รีบกลับไปก่อนเป็นการดีเห็นมารดาขึ้นรถม้าไปแล้ว ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นว่าไม่ไกลออกไปมีเงาคุ้นตาร่างหนึ่งอยู่ ก็เข้าใจทันทีว่าก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ตาฝาดไป ฉู่จวินถิงยังไม่ได้กลับไปจริงๆ“พี่รอง พวกท่านกลับไปกับท่านแม่ก่อนเถิด ไว้ข้าค่อยตามไป” ซ่งรั่วเจินกล่าวซ่งอี้อันมองตามสายตาของซ่งรั่วเจินไป เห็นฉู่อ๋องอยู่ไม่ไกลก็เข้าใจในทันที“ได้”ซ่งรั่วเจินวิ่งเหยาะๆ ไปอยู่ตรงหน้าของฉู่จวินถิง ใบหน้าเล็กหมดจดงดงามของนางแฝงความประหลาดใจ “ท่านอ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ?”“เป็นห่วงเจ้า” ฉู่จวินถิงตอบดวงตาของชายหนุ่มคมลึก ใบหน้าน่ามองภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่นมากเป็นพิเศษ ถ้อยคำนี้ยิ่งแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบังซ่งรั่วเจินชะงักไปเล็กน้อย นางรู้ว่าที่คราว
รุ่งเช้าวันถัดมาลั่วชิงอินยกน้ำชาคำนับแม่สามี ใบหน้างามประดับด้วยความเขินอาย กล่าวด้วยเสียงอ่อนน้อม “ขอท่านแม่โปรดรับชาเจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนมองดูซ่งเยี่ยนโจวคู่สามีภรรยาที่กลมเกลียวกัน บนใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มอย่างยากจะปิดบัง นางยกชาขึ้นดื่มด้วยรอยยิ้มระรื่น“ดี ดียิ่ง ต่อไปพวกเจ้าต้องอยู่กันให้ปรองดอง สามีภรรยาจับมือร่วมทาง ข้าก็วางใจแล้ว”“สะใภ้ขอบคุณท่านแม่สามีที่ชี้แนะเจ้าค่ะ” ลั่วชิงอินตอบรับอย่างเชื่อฟังซ่งรั่วเจินและพี่น้องทั้งหลายที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นภาพพี่ใหญ่และพี่สะใภ้หวานชื่นรื่นรมย์ ก็อดลอบขำไม่ได้ ท่าทีหวานซึ้งเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของฝานซืออิ๋งไม่ได้มีผลกระทบใดๆ “ท่านแม่ ลูกได้ยินมาว่าหลังจากส่งแขกเมื่อคืน พวกท่านก็ออกไปข้างนอกด้วย มีเรื่องใดเกิดขึ้นงั้นหรือ?”ซ่งเยี่ยนโจวเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้าวันนี้เอง รู้เพียงว่าคนในครอบครัวไปสกุลกู้กันมา แต่กลับไม่รู้รายละเอียดใดใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนฉายความกังวลอยู่บ้าง คราวนี้นางก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และเล่าความเป็นมาทุกอย่างออกไป“น้องรองของเจ้าไปเข้าเฝ้าแล้ว มีแต่ต้องรอให้เขากลับมาก่อนจึงจะรู้ผล”วันวิวาห์ขอ
จ้าวจือเต๋อก็เห็นพ้องกัน “ฝ่าบาท เรื่องนี้ล้วนเป็นกลอุบายที่สกุลหลิ่วเป็นผู้วาง ราชครูกู้เป็นผู้บริสุทธิ์จริง อีกทั้งบุตรสาวราชครูกู้ก็ยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพซ่ง หลายปีมานี้ทนทุกข์ในสกุลหลิ่วมาก็ไม่น้อย ไม่ง่ายเลยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”เดิมทีกู้หวยซวี่ก็เป็นขุนนางผู้เป็นเสาหลัก ฮ่องเต้เดิมก็ไม่ได้ต้องการให้เขาลาออก ถ้อยคำของฉู่จวินถิงก็ตรงพระทัยเข้าพอดี จึงกล่าว“ราชครูกู้ เราว่าข้อเสนอของฉู่อ๋องนั้นดีทีเดียว บัดนี้อุทกภัยในเจียงหนานรุนแรง ประชาชนพลัดถิ่นไร้ที่อาศัย”“เงินบรรเทาภัยพิบัติได้ส่งไปแล้ว ทว่าปัญหาของผู้ประสบภัยยังไม่บรรเทา กลับกันผู้ลี้ภัยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ครานี้ให้เจ้าและฉู่อ๋องเร่งรุดไปจัดการอุทกภัยที่เจียงหนานด้วยกันก็แล้วกัน” กู้หวยซวี่รู้ดีว่าฉู่จวินถิงกำลังช่วยเขา จึงรีบกล่าว “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ”จ้าวจือเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พลอยโล่งใจไปด้วยเปลาะหนึ่ง ก่อนเอ่ยถาม “ฝ่าบาท เช่นนั้นตระกูลใต้เท้าหลิ่วจะจัดการเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?” “ปลดตำแหน่งขุนนางเขาเสีย!” ฮ่องเต้กล่าวเสียงแข็ง “ส่วนกู้อวิ๋นเวย ประหารชีวิต!”“กระหม่อมรับบัญชา”ได้รับผลลัพธ์เช
เมื่อฉู่จวินถิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงและห้องทรงพระอักษรในวันนี้ออกมาแล้ว คนสกุลซ่งก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก“สร้างคุณูปการชดเชยความผิด ถือว่าไร้ปัญหา สกุลหลิ่วและกู้อวิ๋นเวยล้วนได้รับบทลงโทษ นับว่าเยี่ยมทีเดียว” ซ่งเยี่ยนโจวยิ้มพลางกล่าวทุกคนพยักหน้าตามๆ กัน นึกถึงท่าทางยามปกติของคนสกุลหลิ่ว โดยเฉพาะนายท่านหลิ่วที่หมกมุ่นอยู่กับตำแหน่งขุนนาง ทว่าน่าเสียดายที่ตนเองความสามารถไม่พอ หลายปีมานี้จึงไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อครั้งซ่งหลินยังอยู่ นายท่านหลิ่วก็มักจะขอให้เขาช่วยเหลือ ซ่งหลินก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ ทว่าช่วยไม่ได้ที่นายท่านหลิ่วเดิมก็ขุนไม่ขึ้นอยู่แล้ว ลำพังรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ก็ไม่ง่ายแล้วบัดนี้ถูกปลดจากตำแหน่งขุนนาง ทั้งยังไม่มีความช่วยเหลือจากสกุลซ่งอีกแล้ว อนาคตของสกุลหลิ่วก็เดาได้ไม่ยากแล้วนึกถึงสิ่งที่สกุลหลิ่วกระทำตลอดหลายปีมานี้ มีจุดจบระดับนี้เดิมทีก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว ส่วนกู้อวิ๋นเวยที่กล้าขโมยป้ายทองละเว้นโทษตาย แต่เดิมก็เป็นหนทางตายอยู่แล้ว“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่แจ้งข่าวนี้แก่พวกเราเพคะ”สีหน้าหลิ่วหรูเยียนประดับยิ้ม แม้ฉู่จวินถิงจะไม่ไ
นางรออยู่ทั้งวัน ก็ไม่เห็นสามีของนางมาช่วยนางเดิมสามีก็เบื่อหน่ายนางเต็มทีอยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่านางมีสกุลหลิ่วกับสกุลซ่งหนุนหลัง จึงครองตำแหน่งซุนฮูหยินอย่างมั่นคงแต่บัดนี้สกุลซ่งสิ้นหวังแล้ว หากสกุลหลิ่วยังจบสิ้นไปอีก แล้วต่อไปนางอยู่บ้านสกุลซุนจะมีความหวังใดหลงเหลือ?นายท่านหลิ่วหน้าตาขมึงทึง ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธแค้น ยิ่งได้ฟังคำพูดจากหลิ่วเฟยเยี่ยน พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นอีก“เพียะ!”นายท่านหลิ่วฟาดฝ่ามือออกไป“ล้วนเป็นเพราะความคิดโง่ๆ ของเจ้า! ถ้าเมื่อวานไม่ไปอาละวาดที่บ้านสกุลซ่ง วันนี้คงไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าพอใจแล้วสินะ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกตบจนเกือบหน้ามืด กล่าวด้วยความน้อยใจ “จะมาโทษข้าได้อย่างไรเจ้าคะ เป็นเพราะพี่หญิงมาหาข้า สั่งให้ข้าทำเช่นนี้ต่างหาก”นายหญิงหลิ่วนึกถึงกู้อวิ๋นเวยขึ้นมา จึงรีบกล่าว “ใช่แล้ว ยังมีอวิ๋นเวยอีกคน!แม้ว่าสกุลกู้กับอวิ๋นเวยจะตัดความสัมพันธ์มานานปี แต่หลายปีนี้หากอวิ๋นเวยเกิดเรื่องใด สกุลกู้ก็ไม่เคยนิ่งดูดายแม้ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ว่าอวิ๋นเฟยไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริง แต่ความผูกพันมานานปีใช่ว่าจะขาดกั
“บ้าจริง เมื่อไหร่จะยอมปล่อยข้าออกไปเสียที!”หลิ่วอวิ๋นเวยเอาเท้าเตะซี่กรงห้องขัง รู้สึกเพียงปลายเท้าตนเองเจ็บจี๊ดขึ้นมาจึงรีบกุมไว้ รู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออกครั้นเมื่อนายท่านหลิ่วกับพวกมาถึงและเห็นเหตุการณ์นี้เข้า เดิมทีที่ยังคาดหวังให้หลิ่วอวิ๋นเวยจะช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นภัย ที่ไหนได้สภาพของนางย่ำแย่กว่าพวกเขาเสียอีก“อวิ๋นเวย อยู่ดีๆ เจ้าไปขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายทำไมกัน เพื่อจะช่วยพวกเราอย่างนั้นรึ?”นายท่านหลิ่วสีหน้ามึนงง คิดไปคิดมาเหตุผลนี้น่าจะพอฟังขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อ “ทำไมเจ้าจึงโง่เช่นนี้ ที่เราได้รับเพียงแค่โทษเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ถึงป้ายทองหรอกตอนนี้เจ้ากลับเอาตัวเข้าแลกเพียงเพราะเรื่องนี้ ช่างโง่เขลายิ่งนัก!”หลิ่วอวิ๋นเวยเห็นคนสกุลหลิ่วต่างมากันพร้อมหน้า พลันนึกถึงคำพูดราชครูกู้เมื่อวานนี้ จึงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “พวกท่านเปิดโปงชาติกำเนิดของข้าใช่หรือไม่?เดิมทีข้าขโมยป้ายทองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เพราะพวกท่าน เอาชาติกำเนิดของข้าไปเที่ยวโพนทะนา พ่อข้าจึงได้ใจร้ายเช่นนี้”คนสกุลหลิ่วฟังแล้วก็รู้สึกเสียใจ ซ้ำยังรู้สึกผิดต่อนาง“อวิ๋นเวย ฟังเจ้าแม่พูดนะ ข้อ
ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”เมื่อมองชายหนุ่มข้างกาย ซ่งรั่วเจินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองเดินไปตามถนนเมืองหลวงด้วยกัน“หญิงสาวยังชอบเครื่องประดับที่สุดอยู่ดี พวกเราไปดูร้านเครื่องประดับกันดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินคิ้วตาอมยิ้ม โดยรวมสิ่งของพื้นฐานที่หญิงสาวชอบก็ไม่ต่างกันมาก ของประเภทเครื่องประดับมีเยอะเท่าไรก็ไม่พอฉู่จวินถิงเห็นว่ายามที่ตนเองเอื้อนเอ่ย นัยน์ตาใสฉ่ำก็โค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว คล้ายกับพูดคุยได้ เขาจ้องนางด้วยท่าทางสนอกสนใจ รู้สึกเพียงว่าคล้ายกับถูกมอมเมาไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็อยากบอกว่าดีอวิ๋นหยางมองท่านอ๋องของตัวเองที่ปกติมีนิสัยเยือกเย็นอยู่เสมอ บัดนี้ประเดี๋ยวก็เอาแต่ยิ้ม ในใจก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“หลังจากที่ท่านอ๋องได้พบคุณหนูซ่ง ก็ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง”เฉินเซียงยิ้มด้วยใบหน้ายินดี แล้วอดไม่ได้ที่จะพูด “เจ้าก็คิดว่าท่านอ๋องกับคุณหนูของพวกข้าเหมาะสมกันใช่หรือไม่?”อวิ๋นหยางปรายตามองเฉินเซียง พร้อมพยักหน้า “เหมาะสมจริงๆ!”ทั้งสองเดินอยู่ด้านหลังอย่างรู้ใจกัน เว้นระยะห่างจากเจ้านายตัวเองเล็กน้อย มองดูคู่กิ่งทองใบหยกตรงหน้า ในใจรู้สึก
เมื่อได้ปิ่นมุกมา ซ่งรั่วเจินก็เหลือบมองฉู่จวินถิง “พวกเราไปที่ร้านลั่วเสินอีกดีหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันอยากสั่งทำชุดกระโปรงชุดหนึ่งให้องค์หญิงหก เข้าคู่กับปิ่นมุกพอดี”“เจ้าอยากไปไหนล้วนได้ทั้งหมด” ฉู่จวินถิงอมยิ้ม “หากมู่เหยารู้ว่าเจ้าใส่ใจกับวันเกิดของนางเช่นนี้ จะต้องดีใจมากเป็นแน่”ซ่งรั่วเจินเดินออกไปด้านนอก สายตาก็มองไปที่ชั้นวางที่วางผ้าคาดผมสีแดงก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าผ้าคาดผมที่เคยวางอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้วนัยน์ตาใสฉายแววผิดหวัง เมื่อครู่นางยังคิดอยู่ว่าผ้าคาดผมนี่สวยมากอยู่เลย มิฉะนั้นคงจะซื้อไปด้วยกันแล้วนึกไม่ถึงว่าเวลาเพียงชั่วครู่ ผ้าคาดผมจะถูกคนซื้อไปแล้วร้านลั่วเสินนี่เป็นร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ซ่งรั่วเจินเปิดก่อนหน้านี้ไม่นานไม่เหมือนกับร้านเสื้อผ้าร้านอื่น ร้านลั่วเสินจะขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งหมดเป็นหลักนางคิดว่าอาภรณ์ของยุคโบราณนั้นงดงาม แม้รูปแบบจะซับซ้อน แต่กลับงดงามอย่างประณีต ทว่าด้านจับคู่สีดูขาดหายไปเล็กน้อย จิตวิญญาณก็ขาดไปสักหน่อยเช่นกันด้วยเหตุนี้ นางจึงออกแบบรูปแบบบางอย่าง จ้างช่างปักฝีมือดีกลับมาส่วนหนึ่ง เพิ่งจะเริ่มทำเสื้อผ้า
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินขมวดแน่น คนผู้นี้ลึกลับถึงเพียงนี้ จัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถหาสิ่งของที่สามารถบ่งบอกฐานะพบหากเอาแต่เฝ้ารออยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าไม่รู้จะต้องรอจนถึงยามใด หากมีสิ่งที่คนผู้นี้ทิ้งไว้ นางกลับสามารถใช้สิ่งของตามหาคนได้อย่างไรเสีย ไม่มีเวลาตกฟากทำนองนี้ก็ช่างเถอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตก็ไม่มี ยากจะทำนายออกมาโดยอาศัยเพียงความว่างเปล่าได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครหัวหน้าตระกูลเจียงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพูดขึ้น “ครั้งก่อนเขาโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดหนึ่งผืนทิ้ง บ่าวในเรือนข้าบังเอิญเก็บได้ ข้าไม่ได้ทิ้ง!”ตอนนั้นเขาเองก็อยากหาเบาะแสบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ไม่มีอันใดพิเศษ แต่เขายังเก็บรักษาไว้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “รีบไปหยิบมาเร็วเข้า”จากนั้นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมาถึงมือ สีหน้าซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก นางสบตาฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจในทันใด “ไปเถอะ พวกเรากลับกัน”ฉู่จวินถิงทิ้งคนไว้เฝ้าพวกหัวหน้าตระกูลเจียง สั่งให้พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ
ดังคาด แม่นางที่ท่านอ๋องชอบไม่ใช่คนธรรมดา!ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นหยางตามมาแล้ว “แม่นางซ่ง ท่านอ๋องเชิญท่านกลับไปขอรับ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ ดีดนิ้วทีหนึ่ง ทั้งสองคนตรงหน้าเองก็ได้สติกลับมาแล้วทันใดนั้น ทั้งสองคนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาล้วนพูดออกมาแล้ว ตกตะลึงยิ่งขึ้นภายในใจ แม่นางคนนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้!“พวกท่านเองก็ไปกับข้าด้วย” ซ่งรั่วเจินพูดภายใต้การนำทางของอวิ๋นหยาง ซ่งรั่วเจินพบว่าทางที่ไปไม่ใช่ลานบ้านส่วนหน้า แต่เป็นอีกแห่งหนึ่งฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินพาอีกสองคนมาด้วย เลิกคิ้วคมขึ้น “เจ้าหาพบแล้ว?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พวกเขาสองคนเคยปรึกษากับหัวหน้าตระกูลเจียงเรื่องหนทางแก้ไขมาก่อน ทีแรกคิดหนีไปตอนท่านสอบสวน บังเอิญถูกหม่อมฉันพบเข้า”“ดูท่าแล้ว เจ้าเองก็ถามบางอย่างออกมาได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงมองผ่านสีหน้าของซ่งรั่วเจินก็สามารถรู้ได้ พวกเขารู้จักกันมานานถึงเพียงนี้ รู้นิสัยเล็กๆ ของนางดีท่าทีที่แสดงออกในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังภาคภูมิใจหลายส่วน“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ” ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้าง “พวกเขาสองคนเป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็กๆ หัวหน้าตระกูลเจียงต่างหากที่รู
“ฟังไม่เข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “ตอนพวกท่านใช้ไอมรณะข่มขู่นายอำเภอจ้าว พวกท่านน่าจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรกระมัง? อยากสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองดูหรือไม่?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป “ไอมรณะ?”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น ไอมรณะกลุ่มหนึ่งก็ไหลออกมาจากฝ่ามือ ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ทำให้ทั้งสองได้เห็นไอสีดำสายหนึ่ง“แท้จริงแล้วความรู้สึกยามไอมรณะเข้าสู่ร่างกายนั้น คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนย่อมไม่รู้ ในเมื่อพวกท่านชมชอบใช้ไอมรณะถึงเพียงนี้ ก็สมควรลองดูด้วยตนเองสักรอบ”“ไม่ ไม่ พวกเราไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ!”หัวหน้าตระกูลหลี่ขยับถอยหลังอย่างหวาดกลัว ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของไอมรณะมาก่อน ลูกสาวของจ้าวชิงหยวนก็ตายเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาล้วนเห็นสภาพน่าสยดสยองตอนตายอยู่ภายในสายตา ชวนให้คนประหวั่นพรั่นพรึงโดยแท้!บัดนี้ แม่นางตรงหน้าถึงขั้นสามารถควบคุมไอมรณะได้ นั่นไม่เหมือนกับที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้หรอกหรือ?“เช่นนั้นก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย รีบพูดออกมา!”ซ่งรั่วเจินกวาดตามองสองคนตรงหน้า เดิมทีมองไม่เห็นความพิเศษอันใด แต่ได้เ
รูม่านตาหัวหน้าตระกูลเจียงหดลง ฉู่อ๋องถึงขั้นรู้!ต่อให้เป็นจ้าวชิงหยวน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงสาเหตุคืออันใด ทว่าวันนี้ฉู่อ๋องเพิ่งมาถึงก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อม...”เจียงฮูหยินและลูกๆ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องมาแล้วจึงต้องการชีวิตพวกเขาทั้งหมด!“นายท่าน ท่านรีบพูดสิ! หรืออยากให้พวกเราต้องตายทั้งตระกูลเจ้าคะ?” เจียงฮูหยินร้อนใจตอนนี้เอง ฉู่จวินถิงเดินมาหยุดข้างกายซ่งรั่วเจิน เอ่ยปากเสียงนุ่มนวล “เจ้าไปเดินเล่นก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ สายตาเลื่อนตกลงบนตัวทุกคนในตระกูลเจียงก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน คาดว่าภาพต่อจากนี้ไม่เหมาะให้นางเห็น พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง“เพคะ”หลังฝ่ายหญิงจากไป ฉู่จวินถิงหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นเปี่ยมไออำมหิต เขายืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม คล้ายราชามารก็มิปานชวนให้คนอกสั่นขวัญแขวน“เดิมทีข้าก็ไม่มีความอดทนมากอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงเหล่มอง “อวิ๋นหยาง”อวิ๋นหยางดึงกระบี่ออก วางพาดบนชายคนหนึ่ง ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเจียงไม่ฟังความคนนั้น“ฆ่า!”อวิ๋นหยางฟันลงไปอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้มองดูแล้วที่นี่ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขึ้น “ไม่มีไอมรณะ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้สืบข่าวได้ว่าสกุลเจียงเองก็ไม่มีคนเจ็บป่วย”สายตาฉู่จวินถิงเย็นชา “อาจจะ...สมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็ข่มขู่ธรรมดาก็เพียงพอให้พวกเขารับปากแล้ว”หัวหน้าตระกูลเจียงเร่งเดินทางออกมาอย่างว่องไว “คารวะฉู่อ๋อง!”ฉู่อ๋องมองหัวหน้าตระกูลเจียงแวบหนึ่ง เห็นข้างกายเขาไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย สายตาเจือแววนึกสนุก “หัวหน้าตระกูลเจียงอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังไม่แต่งงานหรอกกระมัง?”“เรียนท่านอ๋อง บังเอิญยิ่งนัก ภรรยากระหม่อมพาลูกไปเยี่ยมญาติที่คูเมืองอื่นแล้ว บัดนี้ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตระกูลเจียงยิ้มประสบเอาใจพลางอธิบาย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ “วันนี้ภรรยาและลูกของหัวหน้าตระกูลเจียงออกจากเมืองไปเยี่ยมญาติ บังเอิญตอนข้ามาถึง ได้เชิญพวกเขากลับมาพร้อมกันแล้ว”“คาดว่าหัวหน้าตระกูลเจียงคงไม่ถือสากระมัง?”เสียงฉู่จวินถิงเพิ่งจบลง หัวหน้าตระกูลเจียงพลันใจสั่น ได้เห็นฉู่จวินถิงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทีหนึ่ง อวิ๋นหยางพาคนเข้ามาแล้ว“นายท่าน!”“ท่านพ่อ!”สีหน้าเจี
หัวหน้าตระกูลเจียงขมวดคิ้วแน่น พวกเขารู้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องดีมาก นั่นคือเทพสังหารในสนามรบเชียวนะ!พวกเขาที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ย่อมรู้จักบารมีของฉู่อ๋องดีที่สุด“พูดไปแล้วเรื่องนี้ยังต้องโทษท่าน เดิมทีฉู่อ๋องต้องการไปเมืองผิงหยาง ก็แค่แวะเติมเสบียงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับสร้างเรื่องที่ท่าเรือ ทำให้พวกเขาต้องอยู่ต่อ”สีหน้าหัวหน้าตระกูลหลี่ไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนไว้แล้ว ต่อให้ราชสำนักส่งคนมา นั่นจะต้องไปที่เมืองผิงหยางก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันมาที่เมืองไห่เทียนก่อนทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาก็สามารถหาทางป้องกันตนเองได้ มีเวลามากเพียงพอใครคาดคิดเล่าว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันเช่นนี้ ไม่มีโอกาสหนีตั้งแต่แรก“เรื่องนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ไฉนเลยข้าจะรู้ว่าเรื่องจะบังเอิญถึงเพียงนี้?”หัวหน้าตระกูลเจียงอึดอัดใจอย่างอดไม่ได้ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง“บัดนี้โทษใครก็ไม่สำคัญ รีบคิดเถอะว่าจะทำเช่นไร ข้าส่งคนไปสืบข่าวแล้ว ฉู่อ๋องไปที่อำเภอนั้น น่ากลัวว่าอ
อิงตามที่ซ่งเยี่ยนโจวพูด สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายมากอย่างแท้จริง หากไม่ใช่คนสกุลหลิงนำทหารเร่งเดินทางมาถึง เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วหลินจือเยว่กลับมีผลงานเพราะส่งข่าว หากไม่ได้เขาส่งข่าว สกุลหลิงไปไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะต้องเสียชายแดนไปแล้วแน่ ไม่มีวันเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้!แม้พูดว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทั้งหมดนี้ แต่เพียงเรื่องที่บิดายังไม่ตาย กลับไม่ส่งข่าวมาโดยตลอด ก็สามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้มากแล้วภายในนี้จะต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่แน่ทั้งหมด...ยังชี้ไปที่สกุลหลิงอีกด้วย!ยามฉู่จวินถิงมาถึงก็ได้เห็นพวกซ่งรั่วเจินสามพี่น้องกำลังนั่งรวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด“ทำนายผลออกมาไม่ดีกระนั้นหรือ?” ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความกังวลซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “เปล่าเพคะ ก็แค่คิดบางเรื่อง ท่านและท่านตาเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือ?”“อยากรู้เรื่องผู้อยู่เบื้องหลัง ยังต้องไปสกุลเจียงสักเที่ยวหนึ่ง จะได้พบหัวหน้าตระกูลเจียง” ฉู่จวินถิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ง้างปากของเขา สามารถลดปัญหาลงได้มาก”ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “หม่อมฉันไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”ในเมื่อทางฝั่งจ้าวชิงหยวนพบไอม
ดูท่าแล้ว ท่านพ่อสังเกตเห็นความอันตราย มิหนำซ้ำยังพบสถานที่ปลอดภัย “บางที...พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาท่านพ่อ ท่านพ่อก็จะมาหาพวกเราเอง”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว พวกซ่งจืออวี้ทั้งสองคนเผยสีหน้าตกตะลึง “นี่หมายความว่าอะไร? หรือท่านพ่อสามารถรู้ได้ว่าพวกเรามากระนั้น?”“ท่านพ่อย่อมไม่รู้ หากข้าเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าท่านพ่อกำลังสืบเรื่องอุทกภัยจึงเข้ามาใกล้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางเอ่ยปาก “บัดนี้ตำแหน่งของท่านพ่อไม่ใช่ชายแดน ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้กับที่พวกเราอยู่ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”“พูดเช่นนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของท่านพ่อหายดีแล้วกระนั้น?” ซ่งจืออวี้แปลกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็คือข่าวดีซ่งจิ่งเซินกลับไม่ดีใจมากนัก “ใช่หรือไม่ว่าถูกไล่ต้อนให้จากไป? ครั้งนี้ท่านพ่อเกือบต้องทิ้งชีวิตในสนามรบ ข้าคิดว่าจะต้องถูกคนทำร้ายแน่!”“คนที่ทำร้ายเขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงตามหาเขาทั่วสารทิศ”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มากทีเดียว นึกอยากตามหาคน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองนางอย่างกะทันหัน จะใช่คุณชายใหญ่สกุลหลิงหรือไม่?นับตั้งแต่คำรบแรกที่นางได้พบหลิงเชี่ยนเอ